สุดเขต เสลดเป็ด : ตลกเล่นการเมือง (เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)


ชัดเจนในทางของตัวเองเหมือนวิธีคิดของพระเอก สุดเขต เสลดเป็ด คือหนังขายเสียงหัวเราะที่ประสบความสำเร็จ นอกจากรายได้ที่ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งหนังถูกสนับสนุนจากแรงโหมโฆษณาทุกรูปแบบและการยึดพื้นที่โรงหนังทั่วประเทศในวันหยุดยาว แต่ความสำเร็จที่สำคัญกว่านั้น หนังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูสนุกคุ้มราคา แต่ละฉากรุ่มรวยมุขสร้างสรรค์ ไม่หยาบคาย นำเสนออย่างรู้จังหวะจะโคน สำบัดสำนวนที่ยิงใส่กันนอกจากจะคมคายบาดใจแล้วยังติดหูชวนคิด

หากเสียงหัวเราะของผู้ชมถูกแทนค่าด้วยเสียงปรบมือ การปรบมือที่ยาวนานตลอดเรื่องคงเป็นการแสดงความขอบคุณที่เก๋ไก๋ไม่น้อยสำหรับความสุขที่หนังเรื่องนี้ได้มอบให้

นักแสดงส่วนใหญ่ยกทัพมาจาก 32 ธันวา หนังตลกแนวเดียวกันที่ฮิตส่งท้ายปีก่อนโน้น จนอดคิดไม่ได้ว่านี่คือภาคต่อ แต่หนังก็แอบอธิบายตัวเองได้กระจ่างถึงคุณค่าของหนังภาคต่อกับหนังเรื่องใหม่ การมาของ สุดเขต เสลดเป็ด แทนที่จะเป็น 32 ธันวาภาคสอง จึงเป็นทางเลือกตามทฤษฎีของผู้กำกับซึ่งให้ผลน่าพอใจเช่นเดียวกับทางเลือกของมะยมนางเอกในเรื่อง

ทุกตัวละครทำหน้าที่ตัวเองได้ดี แต่ราชินีของเรื่อง ผู้เขียนขอยกตำแหน่งให้คุณตุ๊กกี้ชิงร้อยชิงล้าน เหมือนเธอไม่ได้แสดงอะไรนัก แค่พูดเน้นๆ บนหน้านิ่งๆ ผู้ชมก็พร้อมก๊ากกระจาย

ในเรื่อง สุดเขตคือเด็กแนว ชอบคิดนอกกรอบสวนกระแสโลก ยึดหลักการแปลกๆ ของตัวเอง เช่น แพ้ต้องยิ้ม หรือผู้ชายนับสาม (พยายามทำอะไรให้ครบ 3 ครั้งแล้วค่อยถอดใจทำอย่างอื่น) สุดเขตกำลังค้นหาตัวเองในเส้นทางศิลปิน เค้าต้องการการยอมรับจากค่ายเพลงใหญ่อย่าง Copy Record (แอบแปลกใจเล็กน้อยที่ศิลปินแนวๆ อย่างสุดเขตอยากจะทำงานกับค่ายเพลงตามกระแสซึ่งนิยมการสำเนาศิลปินเมืองนอก)ขณะเดียวกันก็ต้องเอาชนะใจมะยม สาวหมวยผู้กลายเป็นรักแรกพบเพราะละม้ายกับภาพในความทรงจำถึงแม่ (ผู้เขียนให้เครดิตกระทู้เฉลิมไทยที่ตั้งข้อสังเกตเรื่องผู้หญิงใส่แว่นทัดดอกไม้ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ) หนังสร้างอุปสรรคโดยค่ายเพลงจะไม่รับพิจารณาการคัดตัวรอบที่สามของสุดเขต ส่วนเรื่องหัวใจก็ส่งหนุ่มหล่อ รวย จบนอก มาเป็นคู่แข่งสำคัญ ตามสูตรหนังตลกที่ต้องแฮปปี้เอนดิ้ง พระเอกได้รับโอกาสที่สามและได้เป็นศิลปินสมใจอยาก (แทนที่จะไปเริ่มชีวิตใหม่ในเส้นทางเด็กแว๊น) ส่วนมะยมก็ตัดสินใจเลือกสุดเขตผู้โดดเด่นที่ความเป็นตัวเอง อาจเพราะแตกต่างและมีเสน่ห์ยิ่งกว่าความสมบูรณ์แบบตามสมัยนิยม (โดยเฉพาะจริตฝรั่งที่ชวนตลกมากกว่าทรงภูมิของหนุ่มนักเรียนนอก)

“ตลกเล่นการเมือง” ชื่อบทความอาจดูแปลก แต่ก็ไม่เจตนาให้เกิดคำถามแบบชื่อหนังอย่างเสลดเป็ดคืออะไร ผู้เขียนเพียงแค่ต้องการสื่อถึงการเสียดสีการเมืองไทยที่ซ่อนอยู่ภายในหนังตลกเรื่องนี้ เพราะคิดว่าคงน่าสนใจดีหากจะพูดถึงอีกแง่หนึ่งของหนังตลกที่ไม่จำเป็นต้องอ่อนสาระเสมอไป

ส่วนตัวเห็นว่าการเสียดสีการเมืองซึ่งเป็นประเด็นร้อนที่ใครก็อยากพูดถึง (โดยอาจไม่สนใจว่าผู้ชมอยากฟังหรือไม่) ตามวิธีการของหนังเรื่องนี้ดูจะมีลีลาและให้ผลดีกว่าเรื่องอื่นที่เคยทำอย่างในมือปืนดาวพระเสาร์หรือชิงหมาเถิด การแทรกไว้อย่างเนียนตาและไม่พยายามดึงความสนใจออกจากประเด็นหลักมากนัก ช่วยให้หนังปลอดภัยจากอคติและความรู้สึกต่อต้าน ทั้งการไม่กล่าวถึงอะไรตรงๆ ให้ชวนเครียดก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดของคนทำหนังตลก

ลองมองในมิติการเมืองที่หนังกล่าวถึง เริ่มที่แนวหนังซึ่งตลาดจ๋าเน้นเจาะผู้ชมกลุ่มกว้าง แนวโน้มอุดมการณ์การเมืองที่ปรากฏในเรื่องจึงพลอยสอดคล้องกับความเห็นของคนส่วนใหญ่ในประเทศ หนังแสดงภาพชีวิตสามัญชนอย่างพยายามเข้าอกเข้าใจมากกว่าวิพากษ์วิจารณ์ เช่น รปภ. กลุ่มเด็กแว๊นและ สก๊อย เด็กสาวบ้าคลั่งศิลปิน หรือสังคมของคนวิทยุชุมชน

หนังจัดให้ผู้ชมอยู่ในฝั่งของกลุ่มตัวละครส่วนใหญ่ ให้เราได้เห็น ได้รู้สึก ได้มีปฏิกิริยาต่อการถูกกระทำโดยตัวละครอีกกลุ่มซึ่งมีอำนาจชี้ขาดการกระทำของกลุ่มแรก เช่น การคัดตัวศิลปินที่หนังแอบล้อเล่นกับประโยค “โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง” ของคณะปฏิวัติ หรือการคัดคนเข้าบ้าน AF ซึ่งตัวละครของตุ๊กกี้ต้องกลายเป็นเหยื่อของระบบสองมาตรฐาน เด็กสาวคนแรกหน้าตาสะสวยจึงได้รับการสนับสนุนให้เข้าบ้านโดยไม่ต้องแสดงความสามารถ (ประมาณเด็กเส้น) ในขณะที่ตุ๊กกี้ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถเพราะคณะผู้ตัดสินมีผลการพิจารณาอยู่แล้วตั้งแต่แรกเห็น ฉากสั้นๆ ที่ตุ๊กกี้ผู้พ่ายแพ้วิ่งร้องไห้ออกมานอกห้อง หนังเน้นย้ำประเด็นทางการเมืองด้วยภาพโซฟาสีเหลืองและสีแดงที่วางไว้เคียงกัน

สำคัญกว่าความพยายามว่าผู้แพ้มีพอหรือไม่ คือโอกาสในการแสดงฝีมือที่ผู้มีอำนาจจะเมตตามอบให้ เพราะมันคงตลกไม่แพ้หนังเรื่องนี้ หากเราจะเรียกร้องน้ำใจนักกีฬาจากผู้แพ้ในการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

เรื่องจริงในชีวิตอาจนำมาล้อเล่นให้ดูตลกขบขำได้ไม่ยาก (เช่นคนสวยมากๆ มักไม่มีแฟน) แต่กับปัญหาความยุติธรรมอย่างการเลือกปฏิบัติเหมือนที่ตัวละครของตุ๊กกี้ได้รับ

ดูแง่ไหนยังไงก็ชวนขมขื่นซะยิ่งกว่าขบขันครับผม



Create Date : 10 มกราคม 2554
Last Update : 10 มกราคม 2554 22:31:00 น.
Counter : 1317 Pageviews.

3 comments
  
ไปดูมาแล้ว ตลกมากๆเลยค่ะ เสียดสีAF มาเต็มๆเลย แว๊นสก๊อยก็เอามาทำให้เป็นเรื่องตลกดี ที่บอกว่า แว๊นกับสาวสก๊อยมีวิธีแยกแยะยังไง ดูแล้วฮามาก
โดย: แก้มยุ้ย No.7 วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:23:18:28 น.
  
สรุปว่าเป็นหนังขำขื่นที่ทำเงิน อืมย์
แต่หนังที่ตลกโปกฮาสุดๆ คนกลับไม่ค่อยไปดู งงๆ
ลักลั่นย้อนแย้งสุดๆ ประเทศนี้
โดย: joblovenuk วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:13:42:02 น.
  
ความเห็นส่วนตัวคิดว่าที่ไม่มีใครชอบดูเพราะผิดหวังกับหนังไทยเคยดูมาหลายเรื่องตลกฝืดทั้งนั้งทั้งๆที่เราเส้นตื้นไม่เข้าใจเหมือนกันหนังผีก็เหมือนกันเอาตลกมาเล่นไม่เห็นจะขำเลย
โดย: หมี่เกี๊ยว IP: 203.113.0.206 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:13:55:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beerled.BlogGang.com

beerled
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]

บทความทั้งหมด