Hangover 2 : เมาละเว้ย เขยฝรั่ง (เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)


หลังจากพีคสุดกับ Hangover ภาคแรกที่จัดหนักทั้งดีกรีความขำและความคมคาย ภาค 2 ก็คลอดตามมาไม่นานเกินรอ ทอดด์ ฟิลลิปส์ ผู้กำกับที่ถนัดมือกับแนว dirty joke (มุขทะลึ่งสัปดน) ยังคงแน่วแน่ที่จะนำเสนอเสน่ห์ของการเดินทางผจญภัยกับกลุ่มเพื่อนซี้ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์บางอย่าง เช่นที่เคยเห็นมาใน Road Trip , Hangover ภาคแรกหรือหนังเรื่องก่อนอย่าง Due Date

แต่พล็อตเรื่องที่ถอดแบบ Hangover ภาคแรกมาอย่างเป๊ะ จะเรียกว่าลอกงานตัวเองก็คงได้ เริ่มจากการเดินทาง งานแต่ง ปาร์ตี้สละโสด เมาค้างลืมโลก คนหาย คนและสัตว์ที่เกินมา การสืบสวนหาสาเหตุจากเศษซากความจำ ข้องเกี่ยวกับแก๊งมาเฟียจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด สถานการณ์คลี่คลาย การเดินทางกลับให้ทันเวลา จบเรื่องอย่างมีความสุข และไม่ลืมเฉลยวีรกรรมเมาปลิ้นตอนเอนด์เครดิต

แม้ภาค 2 จะเสริฟมุขเป็นระยะผ่านบทสนทนาและสถานการณ์ประปราย (ส่วนตัวยอมรับว่าขำดี) แต่เมื่อผู้ชมพยากรณ์หนังได้อย่างทะลุปรุโปร่งตั้งแต่นาทีแรกๆ เชื่อว่าคนที่เคยดูภาคแรกมาแล้วจะต้องรู้สึก ความเซอร์ไพรซ์ที่หนังปล่อยมาเป็นระยะตลอดเรื่อง เช่น มุขสลับตัวเท็ดดี้กับพระลามะ เซ็กซ์กับหญิงข้ามเพศ การสลับบทบาทระหว่างผู้ร้ายกับตำรวจ จึงกลายเป็นเพียงความพยายามที่จะเยียวยาอาการขัดสนความแปลกใหม่ที่พึงมีในหนังภาคต่ออย่างที่ผู้ชมคาดหวัง

แต่ด้วยกลัว “อลัน” จะน้อยใจคำวิจารณ์แรงๆ และร้องไห้หงิงๆ อย่างน่าเอ็นดูเหมือนตอนที่เข้าใจว่า “เฉา” ตายแล้ว หากเราหยวนๆ กับพล็อตซ้ำซากที่ว่ามาก็จะพบว่า Hangover 2 ถือเป็นงานบันเทิงที่ทำหน้าที่ได้ดีพอตัว แน่นอนว่ามันสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้ สามารถเพลิดเพลินกับความบ้าบิ่นของกลุ่มตัวละครหลักที่มีเสน่ห์และรับส่งมุขกันอย่างเป็นธรรมชาติ ตลอดจนสารัตถะของเรื่องที่ครั้งนี้มาในประเด็นซึ่งอยู่ในบทพูดของ “สตู” ไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งและพ้องกับชื่อเพลงประกอบหนัง “The Beast In Me” (อสูรในตัวฉัน)

Hangover 2 กล่าวถึงการปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบของมนุษย์เพื่อแต่งเติมสีสันหรือรสชาดให้ชีวิต อสูรหรือที่ผู้เขียนรู้สึกได้จากหนังคือภาพของหมีตัวใหญ่ อาจเพราะบทพูดเปรยๆ ของอลันถึงหมีขั้วโลก (หนังเรื่อง Due Date งานชิ้นก่อนของผู้กำกับก็เคยใช้ตัวละครของ Zach Galifianakis นัยยะถึงหมีกริซลี่ที่มากัดสายสะดือให้ลูกพระเอก) ประกอบกับการปรากฏตัวของ ไมค์ ไทสัน ที่เป็นเสมือนพลังด้านมืดของตัวละครอย่าง “สตู”

หนังวางตัว “สตู” ด้วยรูปแบบชีวิตที่ปฏิเสธทุกความเสี่ยง จู้จี้ “ฟีล” เรื่องสุขภาพฟัน พยายามสุดชีวิตเพื่อเลี่ยงปาร์ตี้สละโสดจนว่าที่พ่อตาปรามาสเค้าว่าไร้รสชาดเหมือนโจ๊ก ตามด้วย “เท็ดดี้” (ชื่อให้ความรู้สึกเหมือน teddy bear) ว่าที่น้องเมียของ “สตู” ที่ปะยี่ห้อนักศึกษาแพทย์สแตนฟอร์ด บุคลิกดูหงิมสไตล์เด็กเรียน และ “พระลามะ” ผู้ละเลิกแล้วซึ่งทางโลกและเคร่งศีลเงียบมาแต่ครั้งเยาว์วัย (เข้าใจว่าหนังคงติดข้อจำกัดเรื่องภาพลักษณ์ของพระภิกษุไทย เลยเบี่ยงไปเป็นลามะหรือพระธิเบต)

กรุงเทพคืออีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่ปรุงแต่งประสบการณ์หลุดโลกให้กลุ่มเพื่อนซี้ หนังโฟกัสชีวิตกลางคืนในกรุงเทพที่ฉูดฉาดไปด้วยแสงสีและเป็นที่มาของเรื่องราวไม่คาดฝัน ผู้เขียนชอบประโยค “Bangkok has them now” ฟังดูเท่ห์ดีให้อารมณ์ประมาณ “The Matrix has You” หากใครเคยดูหนังเรื่อง The Elephant King (มีคุณวนิดา เฟเวอร์นำแสดง) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของหนุ่มอเมริกันที่หลงกรุงไม่ยอมกลับประเทศ ไม่แน่ว่า Hangover 2 อาจต่อยอดมาจากภาพจำเหล่านั้นของฝรั่งไกลบ้านที่ถูกครอบงำด้วยเสน่ห์ลึกลับของบ้านเรา

ผู้เขียนรู้สึกเสียดายนิดๆ ที่หนังเหมือนจะเชื่อมโยงความจริงในสังคมเราได้ตรงจุดอย่างการแต่งงานกับชาวต่างชาติที่มีแง่มุมน่าสนใจหากจะมองกันจริงจัง เหมือนที่เคยเห็นในเรื่อง Butterfly Man แต่ Hangover 2 ก็แน่ใจที่จะผิวเผินกับประเด็นนี้และเอามันส์กับความแปลกตาซึ่งน่าจะถูกปากชาวโลกยิ่งกว่า

หลายฉากในหนังให้ภาพเมืองไทยไม่ต่างไปจากที่เคยเห็นในหนังเรื่องก่อน (ไม่เว้นแม้แต่หนังติดเรต) ทั้งช้างเดินถนน ภิกษุสามเณร ตุ๊กตุ๊ก ทะเลไทย พัฒน์พงษ์ ข้าวสาร โสเภณี หญิงข้ามเพศ ยาเสพติด คุกเมืองไทย เป็นต้น จริงเท็จเพียงใดไม่สำคัญเท่ากับภาพแรกที่พวกเค้ารู้สึกต่อเรา บางอย่างคือความจริงที่คนไทยด้วยกันไม่มีวันยอมมองเห็น บางอย่างคือความผิวเผินที่คนนอกริอาจสรุปเราอย่างตื้นเขิน

และผลลัพธ์ของการปล่อย The Beast ให้ออกมาอาละวาด “สตู” ได้รอยสักและเสียหนุ่มให้สาวประเภทสอง “เท็ดดี้” ตัดนิ้วตัวเองทั้งที่หนังช่วงต้นกล่าวถึงมือและนิ้วของเค้าอย่างให้ความสำคัญ และน่าสนใจยิ่งขึ้นที่มันคือนิ้วสวมแหวนสถาบันสแตนฟอร์ด ส่วน “ลามะ” ก็ตบะแตกซะเกินบรรยาย บรรดาความเพี้ยนผิดวิสัยของเหล่าตัวละครในเรื่องที่แม้จะไม่งามตาตามมุมมองของนักจารีตนิยม แต่ก็ปฏิเสธได้ยากว่าลึกๆ แล้วนี่คือสไตล์หนึ่งของชีวิตที่น่าอิจฉา

Hangover 2 ทำให้เมืองไทยและกรุงเทพดูท้าทายและน่าเที่ยว เหมาะสมที่นักผจญภัยทั่วโลกจะใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างเสริมประสบการณ์สักครั้งในชีวิต

...



Create Date : 01 มิถุนายน 2554
Last Update : 6 มิถุนายน 2554 1:27:23 น.
Counter : 2376 Pageviews.

1 comments
  
ภาคหนึ่งยังไม่เคยดู ดูภาคสอง ฮามากกก น่ารักกกกค่ะ ชอบ
โดย: Lavinia วันที่: 1 มิถุนายน 2554 เวลา:21:06:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beerled.BlogGang.com

beerled
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]

บทความทั้งหมด