ความหมายในสิ่งที่เรียกว่า柔道(judo-ยูโด)ของคนญี่ปุ่น
ตั้งแต่รู้จักกับยูโดมาจนบัดนี้ มีบางสิ่งบางอย่างได้ซึมซับเข้ามาเรื่อยๆกับความหมายในสิ่งที่เรียกว่ายูโดของคนญี่ปุ่น

โดโจ หรือ สนามยูโด
โดโจถือว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ 2สิ่งที่สำคัญของโดโจคือ 1.รูปภาพของปรมาจารย์คาโน่ จิโกโร่ ผู้ศึกษาก่อตั้งและคิดค้นศาสตร์ทางด้านยูโด 2.เสื่อตาตามิ (ข้อห้ามที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครการเข้าโดโจนั้น ห้ามใส่รองเท้าเหยียบขึ้นไปบนเสื่อตาตามิโดยเด็ดขาด)

การจะเดินเข้าหรือเดินออกสนามยูโดนั้นต้องทำการโค้งเคารพทุกครั้ง ว่าแต่การโค้งคำนับเป็นการโค้งคำนับอะไรกันแน่ คำตอบก็คือการโค้งคำนับ2สิ่งสำคัญที่กล่าวมาข้างต้นนั้นแหละ ทุกวิชาต้องมีครูบาอาจารย์เป็นเรื่องปกติ และการทำความเคารพครูบาอาจารย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ส่วนการโค้งให้กับเสื่อตาตามินี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะว่าถ้าหากปราศจากเสื่อตาตามิแล้ว การทุ่ม การล้ม คงจะเจ็บพิลึก จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังต้องสำนึกและขอบคุณเสื่อตาตามิอยู่ทุกครั้งไป เพราะช่วยรองรับแรงกระแทกจากการล้ม การทุ่มจากการฝึกซ้อม และ การผิดคิวต่างๆ การล้มทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ เสื่อตาตามิก็ช่วยผมไว้ทุกครั้งโดยไม่เกี่ยงงอน

เวลาอยู่ในโดโจนั้น ถ้าคุณไม่พร้อมคุณก็อย่าเข้ามา แล้วอะไรที่เรียกว่าไม่พร้อม
ไม่พร้อมทางด้านเครื่องแต่งกาย การแต่งกายไม่สุภาพ เช่นการถอดชุดยูโด เอาสายรัดมาพาดคอ หรือว่าเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดคอ ใส่แหวนหรือเครื่องประดับ สนามยูโดไม่ใช่ที่บ้านหรือลานแฟชั่นโชว์ หากไม่พร้อมเรื่องเครื่องแต่งกายแล้วก็ไม่สมควรเข้ามาในสนามให้แปดเปื้อน
ปกติถ้าไม่มีงานอื่นที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมแล้ว ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในสนามยูโดต้องแต่งกายด้วยชุดยูโดเท่านั้น สำหรับโคโดกังชุดยูโดที่ถูกต้องสำหรับผู้ชายก็คือ สีขาวไม่สวมเสื้อทับ ซ้ายทับขวา รัดสายคาดเอวหรือเข็มขัดให้เรียบร้อย ส่วนสำหรับผู้หญิงก็คือ สีขาวมีเสื้อทับ(สีขาวเช่นกัน) ซ้ายทับขวา รัดสายคาดเอวหรือเข็มขัดให้เรียบร้อย ผมเคยครั้งนึงที่ใส่เสื้อยึดกางเกงขาสั้นแล้วโผล่เข้าไปในสนาม ก้าวแรกที่โผล่เข้าไปในสนาม สายตาทุกสายตาจดจ้องมองมาที่ผม แล้วผมก็รู้ได้ในทันทีว่าผมพลาดไปแล้ว ควรจะต้องถอยห่างออกมาก่อนที่ใครจะทนไม่ไหวเข้ามาจัดการ (ด้วยคำพูด หรือไม่แน่อาจจะด้วยกำลังแบบพี่สั่งสอนน้อง)

ไม่พร้อมทางด้านร่างกาย จริงอยู่คุณใส่ชุดเรียบร้อย เข้ามาในสนาม ว่าแต่เข้ามาเพื่ออะไร ที่แน่ๆไม่ใช่เข้ามานั่งเฉยๆ ตั้งวงเหล้า เล่นละครลิง หรือแสดงโชว์ตลก หัวเราะ สังสรรค์ ปาร์ตี้ เวลาที่คุณเข้ามาในสนามแล้ว นั้นคือร่างกายคุณต้องพร้อมสำหรับการฝึกซ้อม ถ้าร่างกายคุณไม่พร้อมที่จะฝึกซ้อมก็กลับบ้านไปซะ ไว้พร้อมก็ค่อยมาใหม่ ประโยคนี้ผมได้ยินบ่อยมากจากอาจารย์ที่สอนอยู่คอร์สข้างๆ คอร์สสำหรับเด็กญี่ปุ่นชั้นประถมและมัธยมต้น (ท่าทางคอร์สเด็กญี่ปุ่นจะเข็มงวดกว่าคอร์สที่เปิดสำหรับบุคคลทั่วไป) ถัดมาเรื่องน้ำขนม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เรื่องอาหารเป็นที่ห้ามแน่นอนอยู่แล้วแต่บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องน้ำพอที่จะผ่อนผันกันได้ คำตอบก็คือไม่ ห้ามนำน้ำเข้ามาดื่มในสนามยูโด เครื่องอำนวยความสะดวกเช่นวิทยุ มือถือ กล้องถ่ายรูป คำถามคือคุณแต่งชุดยูโดมาสนามยูโดเพื่ออะไร เพื่อมาฟังวิทยุ เพื่อมาโทรศัพท์ หรือว่า เพื่อมาถ่ายรูปใครหรืออะไรบ้างอย่างกันหรือ ถ้าคุณมีธุระหรือจะมาชาจ์ตมือถือ คุณก็ทำของคุณที่บ้านที่ห้องคุณก็ไม่มีใครว่า แต่ว่าถ้าคุณมาสนามเพื่อมาทำของพวกนี้ สุดท้ายก็คงต้องถูกด่าถูกเตือนกันไป(เรื่องพวกนี้คนญี่ปุ่นเค้าถือ) โดโจบางแห่งตามโรงเรียนอาจจะไม่ได้เข้มงวดเรื่องน้ำดื่มกับสิ่งอำนวยความสะดวกแต่ว่าก็ไม่นักยูโดทุกคนก็น่าจะรู้ดีแก่ใจว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ

ไม่พร้อมทางด้านจิตใจ เครื่องแต่งกายและร่างกายคุณพร้อมที่จะฝึกซ้อม แต่ว่าจิตใจคุณหมกมุ่นกับสิ่งอื่น ก็ไม่สมควรที่จะยืนอยู่บนสนามยูโด เช่น การทำตัวรุ่มรามตามใจฉันจะฝึกแบบพักเหนื่อย การคุยไร้สาระระหว่างการฝึกซ้อม อาจารย์ให้ทำ10ก็ทำแค่8แบบคิดว่าอาจารย์ไม่ได้นับและไม่มีใครรู้ ถ้าหากใครที่คิดอย่างนี้แล้วก็สมควรกลับบ้านรอให้พร้อมกว่านี้ถึงจะมาลงสนามซ้อมต่อ สำหรับพวกที่ใจเกินร้อยเกินไปก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน เช่น รู้ตัวว่าทุ่มไม่ได้แต่ก็ทุ่มในแบบเกินตัวผลที่ตามมาคือไม่ตัวเองบาดเจ็บก็ทำให้คู่ซ้อมบาดเจ็บ หรือว่า เมื่อถูกใส่ท่าล๊อค เจ็บแต่เป็นศรีทนได้ ไม่ยอมส่งสัญญาณบอก สุดท้ายคู่ซ้อมไม่รู้ทำแขนหัก หรือว่าล๊อคจนสลบ อันนี้ก็จะเดือดร้อนกันเป็นวงกว้าง สำหรับคู่ซ้อมก็ควรจะยั้งมือมีจิตสังวรเผื่อแรงไว้เผื่อขาดเผื่อเกินบ้างเล็กน้อยเพราะว่าเป็นแค่กีฬา แถมเป็นกีฬาแห่งความสุภาพอีกต่างหากไม่ใช่การรบในสงครามที่ว่าต้องเอากันให้ตายไปข้าง อีกจำพวกหนึ่งคือรู้ตัวว่าไม่ไหวทำไม่ได้แต่ก็ไม่ยอมหยุด ฝืนทำต่อไปสุดท้ายผิดคิว เจ็บตัว หมดสติ หรือหนักๆก็เหนื่อยตาย อันนี้ก็เดือดร้อนชาวบ้านอีกเหมือนกันที่ต้องเรียกรถพยาบาล หรือต้องมาเก็บศพ(เคสนี้ยังไม่เคยเจอ)


ท่าทางร่างกายทัศนคติคุณสมบัติของนักกีฬายูโด - การฝึกซ้อมและการแข่งขัน

โครงสร้างร่างกายโดยส่วนตัวผมเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ช่วงอก ช่วงไหล่ แขน ขา (รวมถึงพุง) มีการขยายเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวก็เพิ่มมาด้วย เพื่อนผมที่เรียนที่โคโดกังมา3เดือนไม่ว่าจะอายุเยอะหรือน้อย ก็มีโครงสร้างร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้นเหมือนกันทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าจะขยายมากขยายน้อยเท่านั้นเอง แต่ก่อนที่จะขยาย ก็ต้องเจ็บตัวจากการฟกช้ำ ปวดข้อปวดเข่า รวมถึงปวดกล้ามเนื้อด้วย แต่ทุกคนก็ผ่านมาได้ด้วยดี ผมว่าผมเป็นแจ็คพ๊อตคนเดียวที่ปวดหนักสุด จากการเอ็นฉีก กระดูกข้อศอกเคลื่อน (เพื่อนนะเพื่อนทำกันได้) แต่ก็ดีถ้าไม่มีการบาดเจ็บในวันนั้น กล้ามเนื้อร่างกายผมก็คงไม่ได้พัฒนาและขยายมาจนถึงที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ (เสียอย่างเดียวเรื่องลงพุง ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน วาระแห่งชาติเลยที่จะต้องรีบแก้ไข)

ยูโดถือเป็นกีฬาที่เป็นหน้าเป็นตาเรื่องความสุภาพ ถ่อมตัว อ่อนน้อม แต่ไม่อ่อนแอ นักกีฬายูโดส่วนใหญ่เดินหลังตรง กล้าเผชิญหน้าไม่อายฟ้าดิน บางครั้งก็เน้นเรื่องศักดิ์ศรีมากๆ สำหรับการรันโดริ เทคนิคต่างๆที่นำมาใช้ ท่าทางการเคลื่อนไหวของร่างกายจะคล้ายๆกับสิงโต หลังตรง ทุ่มได้เท่าที่ทุ่ม ไม่ใช่การเคลื่อนไหวแบบหมาวัดจนตรอกเช่นการโค้งงอตัวเพื่อต้านการทุ่มของอีกฝ่าย การเล่นลูกตุกติกเพื่อเป็นการพักเหนื่อย(เช่นการค่อยๆประดิษฐ์ประดอยกับการใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพื่อเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว) การไม่ออกท่าเพื่อรอสวนกลับอย่างเดียว การไม่เชฟตัวคู่ต่อสู้เพียงเพื่อต้องการให้ได้เปรียบในการรันโดริ การรันโดริอาจารย์จะบอกเสมอๆว่าไม่ได้เป็นการแข่งขัน เป็นแค่การฝึกซ้อมเพื่อให้คุ้นเคยกับการแข่งจริง (ในบางครั้งผมก็มีหลุดคิวไปบ้าง แต่ก็จะพยายามให้หลุดน้อยที่สุด เพราะไม่อยากเป็นหมาวัด) ส่วนการแข่งขันยูโดที่แท้จริง บางแมตช์ก็พอจะเห็นจิตวิญญาณของยูโดที่แท้จริง แต่บางครั้งนักกีฬาบางคนอาจจะให้ความสำคัญของคำว่าชัยชนะจนเกินไปก็มี แต่ก็ควรจะระลึกไว้เสมอว่าจะชนะหรือแพ้ก็ควรที่จะอยู่อย่างสิงห์ ไม่ใช่เป็นชัยชนะที่มาจากลักษณะหมาวัดจนตรอก

การซ้อมในสนามนั้น จะไม่มีการแบ่งแยกว่าสีไหนอายุเท่าไร ทุกคนเท่าเทียมกันหมด แต่ก็มีกฏเล็กๆน้อยๆในการทำความเคารพ ว่าใครจะต้องอยู่ทางซ้ายหรือใครจะต้องอยู่ทางขวา โดยเอารูปของปรมาจารย์คาโน่ จิโกโร่ เป็นที่ตั้ง คนที่อยู่ทางขวามือของรูปตอนทำความเคารพ คือเป็นรุ่นพี่หรือว่ามีฝีมือสูงกว่าคนที่อยู่ทางซ้ายนั้นเอง ส่วนใหญ่จะเห็นการแย่งกันอยู่ทางซ้ายและเชื้อเชิญให้อีกฝั่งไปอยู่ทางขวา (คงเป็นเรื่องของการถ่อมตัวซะมากกว่า)

ก่อนซ้อมและหลังซ้อมจะต้องมีการเคารพซึ่งกันและกัน ถือเป็นธรรมเนียมอีกอย่างหนึ่ง เพราะยูโดเป็นกีฬาที่เล่นคนเดียวไม่ได้ และบางครั้งอาจจะมีการผิดพลาดทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ หรือบางครั้งการดึงการล๊อคการรัด อาจจะดูไม่สุภาพเลยต้องมีการขอความกรุณาและขออภัยกันก่อน พอจบการซ้อมก็ถือว่าจบ ทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดิมเหมือนพี่เหมือนน้อง ไม่มีการผูกใจเจ็บมาคิดให้เปลืองสมอง หลังจากออกจากสนามถอดชุดยูโดออกแล้ว ทุกอย่างจบไม่มีการนำทักษะยูโดมาใช้นอกสนาม หรือการวิวาทโดยเด็ดขาด

สายคาดเอวของผู้ใหญ่ที่มีการแบ่งแยกเพียงสีขาวกับดำนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อความปลอดภัยของคู่ซ้อมนั้นเอง จะได้รู้ว่าควรจะใช้กำลังเท่าไหน ส่วนสายสีแดง หรือสายสีแดงสลับขาวนั้น ปกติไม่ใส่ในการซ้อม แต่จะใช้ใส่เพื่องานสำคัญๆเท่านั้น ส่วนเด็กๆที่มีการใช้สายหลายสี คือ ขาว เหลือง ส้ม เขียว ม่วง น้ำตาล ดำ นั้นคงจะเพื่อเป็นการจูงใจให้เด็กๆขยันฝึกซ้อมต่อๆไปในระดับที่สูงขึ้น

สำหรับผู้เล่นยูโดอาจจะมีทั้งเริ่มเล่นกับพวกที่ชำนาญแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การไม่ดูถูกคู่ต่อสู้ไม่ว่าจะด้อยกว่าเพียงใดก็ตาม แต่เปลี่ยนเป็นการให้คำแนะนำ ไม่รู้อะไรก็จงเอยปากถามซะ ถ้าหากใครรู้ก็จงเอยปากตอบกลับมา ก็เท่านั้น หลายๆท่าทั้งเทคนิคท่าทุ่มหรือท่านอน ท่าล๊อคต่างๆผมก็ได้มาจากเพื่อนร่วมสนามแหละครับ

ที่สำคัญต้องขอขอบคุณรุ่นพี่สายดำมหาลัย2คน ที่เป็นคนเริ่มต้นสอนท่าพื้นฐานต่างๆของยูโดให้ผม จนทำให้ผมสามารถที่จะก้าวมาถึงจุดนี้ (จุดที่ผมมีฝีมือและก้าวข้ามรุ่นพี่สายดำ2คนนี้ไปแล้ว) ฝีมือไม่เกี่ยวแต่ความเคารพก็ยังเป็นเหมือนเดิมเช่นวันแรกที่เจอ คิดว่ารุ่นพี่ก็คงสนุกไปด้วยที่มีคู่ซ้อมอย่างผมโผล่ขึ้นมา แต่ตัวละครเก่งๆก็ยังมีโผล่ออกมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้รุ่นพี่ก็ยังคงสอนสิ่งต่างๆให้เสมอๆทั้งในเรื่องธรรมเนียมต่างๆของยูโด การวางตัว และสิ่งอื่นๆที่นอกเหนือจากยูโด (โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่น)

ส่วนที่โคโดกังใครรู้เทคนิคอะไรเป็นพิเศษบางครั้งถ้ามีโอกาสก็จะมาแชร์กันเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปพร้อมๆกัน โดยไม่คิดว่าการแข่งขันในแต่ละเดือนอาจจะต้องมาเจอกัน(ตูละกลัวจริๆงถ้าต้องเจอกับพวกเทพๆ) คงเรียกว่าเป็นความท้าทายในการแข่งขันอีกอย่างนึง ที่ต่างคนก็ต่างรู้เทคนิคซึ่งกันและกัน (จำไว้ว่ายูโดต้องอยู่อย่าสิงห์ ดีกว่าหมาจนตรอกหวงก้าง) สุดท้ายที่เอาออกมางัดกันก็คงเป็นเรื่องจังหวะฝีมือและการฝึกซ้อม



Create Date : 09 กันยายน 2554
Last Update : 9 กันยายน 2554 23:27:10 น.
Counter : 4409 Pageviews.

21 comments
แพ้เนื้อจากการโดนเห็บกัด alpha-gal allergy สวยสุดซอย
(17 เม.ย. 2567 14:07:10 น.)
บัตรทอง -รายชื่อหน่วยบริการเอกชนบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ newyorknurse
(16 เม.ย. 2567 04:04:52 น.)
คุย โอพีย์
(13 เม.ย. 2567 21:51:16 น.)
ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มฟื้นคืนชีพ สวยสุดซอย
(12 เม.ย. 2567 14:13:40 น.)
  
อ่านเรื่อยๆชอบจังค่ะเขียนแบบเห็นภาพเลมค่ะ
โดย: นกลอนดอน วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:5:13:32 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบ้านค่ะ
เป้าหมายตัวเลขเดียวกันเลย 65 ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยจ้า สู้ไปด้วยกัน ^^
โดย: PJ_supergirl วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:12:44:10 น.
  
เคยเป็นนักกีฬายูโดมาก่อนเหมือนกันค่ะ

แต่ไม่ได้เลยมาเกือบสิบปีแล้วค่ะ..

อ่านแล้วนึกถึงสมัยก่อนๆเลยค่ะ
โดย: NoNG_MeE_Be_BEaR วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:19:13:39 น.
  
โหเพราะเข้มงวดกันแบบนี้หรือเปล่านะทำให้
คนญี่ปุ่นดูเป็นชาติที่มีกฏระเบียบดีจังเลย
แถมเสียสละก่อนใครเพื่อนซะด้วย


ขอบคุณที่แวะไปที่บล๊อกนะคะ
เจ้าลูกชายดีขึ้นแล้วละคะ

โดย: ปันฝัน วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:20:04:57 น.
  
ส่วนใหญ่ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นแขนงต่างๆ การเรียนการสอนมักจะเข้มงวดกัน (จนบางครั้งก็เกินไป) แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้มงวดนั้นก็เหมือนจะมีจุดประสงค์ในตัวของมันเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ถ้าพยายามทำความเข้าใจถึงจุดประสงค์ แล้วสนุกกับมัน ถึงจะพลาดโดนด่าโดนว่าไปบ้างก็ไม่เป็นไรครับ เพราะสิ่งที่บอกมาก็เพื่อตัวของเราเองทั้งนั้น
โดย: ablaze357 วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:22:04:02 น.
  
สวัสดีค่ะ เคยเล่นยูโด สมัยวัยรุ่น
ตอนนี้ก็เลยทำใจยาก คนเคยเล่นกีฬาน่ะค่ะ
เอาหมอนรองแล้วค่ะ ตื่นทุก 2ชั่วโมงเพราะปวดหลังซะงั้น เช้าเลยเพลียๆ ไม่แจ่มใส
โดย: majoyka วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:10:52:12 น.
  
^^ ไม่ว่าหรอกค่ะ บ่นบ้าไปแค่นั้นเองค่ะ เพราะถ้าเป็นคนที่ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยคบกัน ไม่เคยปรึกษาหารือกัน และไม่เคยเพิ่งโทรคุยกันอย่างไมไ่ด้มีเรื่องอะไรทะเลาะกันหรือย่างใด เมื่อสักเดือนที่ผ่านมา ก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ :D

อ่านเรื่อง Judo แล้ว เป็นระบบที่เยี่ยมจริง ๆ เลยค่ะ ^^ ถ้าคนที่ฝึกแล้วได้ประสบการณ์การฝึกฝนตนเองแบบนี้ได้ก็คงดี สมควรเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ
โดย: prettycrazy วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:15:52:51 น.
  
เคยเผลอตัวเลือกเรียนตอนอยู่มหาลัยคะ ยังจำความโหดได้จนถึงทุกวันนี้เลย
โดย: เบบูญ่า วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:21:27:54 น.
  
ผมว่าเริ่มเรียนมันจะดูหนักๆอยู่ ในการล้มตัวตบเบาะ กับการดึงให้ถูกท่า แต่ถ้าผ่านจุดนั้นมาได้แล้ว (หายช้ำในกับการตบเบาะ ) มันจะสนุกและพลิกแพลงหลากหลายขึ้นครับ
โดย: ablaze357 วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:22:14:16 น.
  
สวัสดีคะ

แปะโป้งไว้อ่านบล็อคพรุ่งนี้น๊า

ขอบคุณที่ทักทายกันคะ
โดย: เอสเพรสโซ่ไม่หวาน วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:22:07:08 น.
  
เฮ้อออ....อ่านแล้วก็อยากให้คุณ K ออกกำลังกายบ้างจัง

คุณ K ไม่เล่นกีฬา ไม่ชอบออกกำลังแบบกีฬาๆ ถ้าทำงานบ้าน ปลูกต้นไม้ล่ะไม่เกี่ยงค่ะ

นี่เมื่อคืนอาบน้ำเสร็จเช็ดตัวท่าไหนไม่รู้ หลังเคล็ดไปอีกแล้วค่ะ

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมคุณ K นะคะ

โดย: little mouse in big apple วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:22:37:20 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันค่ะ
โดย: catbabuu วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:23:05:46 น.
  
เก่งจริงๆเลยค่ะ ความรู้เรื่องยูโดเต็มๆ สู้ต่อไปนะคะ Gammatte!
โดย: AnnaBanana วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:10:27:42 น.
  
ลูกเพื่อนข้างๆบ้านเราก็ไปเรียนยูโดมาค่ะ ร่างกายเค้าบึกบึนตัวใหญ่กว่าเดิมมากตั้งแต่ไปเรียนมา

ขอบคุณที่ท้วงเรื่องคาเรค่ะ จริงๆเราจะพิมว่าโชงะยากิแร่ะแต่ดันไปพิมว่าคาเร ซะงั้น แห่ะๆ
โดย: เราอุ้มนะ วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:10:58:36 น.
  
ขอบคุณนะค่ะพี่แวะไปเยี่ยมบ้าน แวะไปบ่อย ๆ นะค่ะ ^_^
โดย: minajaja วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:11:21:05 น.
  
สวัสดีค่ะ

ได้ความรู้เรื่องยูโดด้วย เคยเรียนยูโดสมัยเด็กๆ ได้แข่งให้กับจังหวัดด้วย แต่แพ้ เล่นยังไม่ถึงนาทีเลยโดนทุ่มซะละ

ก็เพราะว่าดิฉันเพิ่งเล่นได้แค่สองสามเดือน ดันให้ไปแข่งให้กับจังหวัด แหมมมมมมมมมม.......เข้ารอบได้นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้วเนี่ย
จะให้ชนะนี่ก็คงไม่มีหวังแน่นอน อิอิอิ



เรื่องเห็ดป่านี่ ต้องระวังให้ดีนะค่ะ เพราะถ้าไม่รู้จักเห็ดจริงๆอย่าเก็บเลยค่ะ อันตราย บางอันถึงชีวิตได้
กินในซุปเปอร์ปลอดภัยกว่ากันเยอะค่ะ

ที่ดิฉันเก็บเห็ดเป็นก็เพราะไปเก็บกับคนที่เค้ารู้จักแล้ว และเอาเห็ดนั้นไปตรวจกับผู้เชี่ยวชาญอีกทีค่ะ จากนั้นพอเค้าเห็นหน้าเราบ่อยๆ เค้าก็สอนวิธีการดูเห็ดให้ด้วยค่ะ


ขอบคุณที่ไปทักทายกันในบล๊อกนะค่ะ


โดย: bear hunt วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:18:46:39 น.
  
เคยฝันว่าอยากฝึกยูโด เดี๋ยวขออีกสองปีจะไปฝึกบ้างคะ
โดย: ใบไม้ดำ วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:19:05:24 น.
  
อีก2ปีกลับไทยครับ จะลองไปเล่นดูว่าคนไทยกับญี่ปุ่น ฝีมือหรือท่าทางต่างกันมั้ยครับ

ผมมีเรื่องฝังใจ ในการซ้อมเข้าท่ากับผู้หญิง เธอตัวไม่ใหญ่เท่าไร น้ำหนักน่าจะประมาณ60โล แต่แรงในการดึงแต่ละครั้ง ทำเอาผมลอยละลิวเลยครับ สุดท้ายมารู้ว่าคุณเธอเป็นนักกีฬาโอลิมปิค นับตั้งแต่การซ้อมครั้งนั้น ยูโดหญิงผมจะให้ความเคารพเป็นพิเศษ เพราะดูแต่รูปร่างบอบบางของหล่อนไม่ได้จริงๆ
โดย: ablaze357 วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:19:17:58 น.
  
แวะมาทักทายค่ะ เห็นบ่นว่าอยากลงไปแช่น้ำยาให้หายดำใช่ป่ะค่ะ เล่นยูโดไม่โดดแดด อยู่ญี่ปุ่นต่อไปเรื่อยๆ แป้งว่า ขาวแน่นอนค่ะ
โดย: nampalo76 วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:20:24:13 น.
  
คืออยากถามเกี่ยวกับคำที่พูดเคารพเบาะจังเลยอ่ะค่ะ
เราต้องพูดยังไงคะ
โดย: Puiifai IP: 171.4.241.61 วันที่: 7 สิงหาคม 2555 เวลา:21:10:40 น.
  
อย่าไปนั่งหน้าสุด อย่าไปอยู่มุมที่ใกล้รูปที่สุด (ปกติจะมุมขวาหน้าสุดเป็นคนพูดนำเคารพเบาะ แต่บางกรณีถ้าหันขวาทั้งหมดมุมซ้ายก็เป็นคนนำ)

ที่ญี่ปุ่นแบ่งเป็น2แบบครับ คือแบบเด็กนักเรียนนักศึกษา กับ แบบทั่วไปของโคโดกัง

แบบนักเรียนนักศึกษา
1. ก่อนเริ่มซ้อม
"ชิเซโอทาดาชิเท โชวเมงนิเรย"
คือเป็นการเรียกให้ทำความเคารพรูปก่อน
"เซนเซนิเรย"
ทำความเคารพอาจารย์ผู้ฝึกสอน ถ้ามีอาจารย์หลายคนก็จะใช้คำว่า "เซนเซกาตะนิเรย"
2. หลังซ้อม
เริ่มจากพูดว่า "โมคุโซ" คือเป็นการให้หลับตาทำสมาธิ
"ยาเมะ" หยุด
"โชวเมงนิเรย"
"เซนเซนิเรย" ถ้าอาจารย์หลายท่านก็เหมือนด้านบนครับ
"โอตาไกนิเรย" เคารพซึ่งกันและกัน
ตรงนี้จะหยุดฟังอาจารย์ให้โอวาทหรือแสดงความเห็นเกี่ยวกับการซ้อมที่ผ่านมา เสร็จแล้วก็จะเคารพอาจารย์กันอีกครั้งนึง


แบบทั่วไปของโคโดกัง
1.ก่อนซ้อม
"ชิเซโอทาดาชิเตะ โชวเมงนิเรย"
"เซนเซกาตะนิเรย" โคโดกังอาจารย์หลายคนอยู่แล้วครับ แต่ถ้าคนเดียวก็เหลือแค่ "เซนเซนิเรย"

2.หลังซ้อม
"ชิเซโอทาดาชิเตะ เซนเซกาตะนิเรย"
"โชวเมงนิเรย"
จะสังเกตุว่าของโคโดกังแรกสุดกับหลังสุดจะเป็นการเคารพรูปซึ่งไม่เหมือนกับโดโจตามโรงเรียน และไม่มีการเคารพซึ่งกันและกัน แต่ปกติแล้วพอเคารพอาจารย์เสร็จคู่ซ้อมก็จะเคารพซึ่งกันและกันเสมอ
โดย: ablaze357 วันที่: 8 สิงหาคม 2555 เวลา:15:36:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ablaze357.BlogGang.com

ablaze357
Location :
Chiba  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]

บทความทั้งหมด