14 กรกฎาคม 2549 ชีวิตธรรมดา
ไปมหาลัยมา แต่งตัวเนี๊ยบ(กางเกงขายาว เสื้อเชิ้ต รองเท้าหนัง)จนโดนแซว คงเป็นเพราะปกติกางเกงยีนส์เสื้อยืดตลอด วันนี้เลยโดนทักทั้งวัน ตั้งแต่รุ่นพี่ที่ยังไม่จบ รุ่นเพื่อน รุ่นน้อง เห็นเป็นของประหลาดไปได้
คุยกันอยู่พักใหญ่ เรื่องอนาคตว่าจะไปทำอะไรกัน ความจริงตัวเราเองยังไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรเลย จะเรียนต่อหัวอย่างเราจะไปไหวไหม เรียนจบภายในสี่ปีนี่ก็แทบแย่
ตกเย็นออกมาเยี่ยนอาจารย์โรงเรียนมัธยม ท่านไม่ค่อยสบาย เป็นอาจารย์ที่เรานับถือมาก ถ้าไม่มีท่านเราคงเสียผู้เสียคนไปแล้ว สมัยนั้นเบื่ออาจารย์ เบื่อการเรียน ต่อต้านทุกอย่างที่เป็นสิ่งดี แต่ได้คนที่เข้าใจเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเลยพยุงตัวรอดจนจบมาได้ พอมารู้ว่าอาจารย์ป่วยหลังเกษียณก็ใจหายเหมือนกัน เพราะอาจารย์ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ร่างกายน่าจะแข็งแรงไม่น่าป่วยง่ายๆ
ปรากฎว่าอาจารย์ดีขึ้นมากแล้ว หมอบอกว่าโรคคนแก่ เจ็บนู่นนี่ไปเรื่อย ต้องรักษาตามอาการไป เฮ้อ สบายใจ
ระหว่างนั่งรถไปเจอหนุ่มสาวกำลังจีบกันอยู่ เลยแอบฟัง ( เรื่องแบบนี้ล่ะชอบนัก )
ฝ่ายชายคุยว่า เค้าเป็นนักแข่งรถตัวยง เล่าว่าไปแข่งที่ไหนมาบ้าง ถนนไหนว่างน่าแข่ง เหยียบเท่าไหร่
อดมองหน้าทั้งคู่ไม่ได้ อาจเป็นเพราะเค้าอายุไม่ใช่วัยรุ่นตอนต้นแล้ว อ่อนกว่าฉันไม่มาก เลยรู้สึกแปลกใจนิดๆ
ถ้าฉันเป็นผู้หญิงคนนั้น ฉันจะเอาหมอนี่เป็นแฟนไหมเนี่ย
โอเค รวย มีตังค์ ไม่เถียง แต่ความประพฤตินี่สิ
ถ้าฉันเป็นผู้หญิงจะมีความสุขได้ไงเมื่อไม่รู้ว่าแฟนเราจะตายคาถนนวันไหน จะโดนจับ เมื่อไร
คงแล้วแต่คนคิด แต่ฉันว่าหมอนี่ต้องโง่แน่ๆที่เล่าเรื่องนี้เหมือนภูมิใจนักหนา หากฉันเป็นผู้หญิง ฉันจะไม่รักมัน
แต่เค้าว่าเรื่องนี้มันควบคุมไม่ได้ เค้าอาจมีความดีอย่างอื่นที่เอาชนะใจเธอได้ จนลืมมองเรื่องเหล่านี้ไป
รถติดพาลคิดอะไรเรื่อยเปื่อย นึกถึงเรื่องนึงขึ้นมาได้
...
เพื่อนฉันเคยมีเรื่องกับลูกของคนใหญ่คนหนึ่ง
" รู้ไหมพ่อกูเป็นใคร " ( อย่าครับ ไม่ใช่คนที่คุณคิดสาบานได้ )
" กว่าพ่อเมิงจะรู้ เมิงก็ตายไปแล้ว " เป็นคำตอบที่ทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ ก่อนจะรีบห้ามเพื่อนออกจาการวิวาทโดยด่วน
ไม่ใช่เพราะกลัวโดนคู่อริทำร้าย แต่กลัวมันจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
หลังจากนั้นฉันมักหลีกเลี่ยงจะไปเที่ยวสถานที่พวกผับ บาร์ เสมอๆ ( ความจริงก็ไม่ได้ชอบไป เพราะไม่รู้จะไปทำไมเหล้าก็ไม่ได้กิน เสียตังค์เท่าๆกัน )
เมื่อมีคนมากก็มีเรื่องมากเช่นเดียวกัน ฉันเลยชอบหลบอย่ในโลกแสนสงบของฉัน บ้านหลังเล็กๆ กับหมาตัวเล้กๆ(และตัวเหม็นเพราะเจ้าของไม่มีเวลาอาบน้ำ จนกว่ามันจะกระโดดขึ้นเตียงนอนและทำผ้าปูเหม็น)
ใช้ชีวิตธรรมดา ชีวิตที่มีความสุขแบบของฉัน
ฉันวางเรื่องเก่าๆไว้และจดจำเสมอ ว่าเคยทำเรื่องอะไรบ้าง เรื่องหลายอย่างอยากลืม แต่ทำไม่ได้
คนอื่นมักยกย่องคนที่ทำเลวมาก่อนและกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ความจริงก็น่ายกย่องจริงๆ ( แต่ฉันไม่เคยยกย่องตัวเองเพราะตอนนี้ก็ไม่ใช่คนดี )
แต่มีคนอีกแบบที่ควรจะยกย่อง แต่ทั่วไปกลับหลงลืม คนที่ทำดีแต่แรก และปัจจุบันยังเป็นคนดีอยู่ เด็กเรียนสมัยมัธยม เชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีเพื่อนแบบนี้ ประเภทถ้าแอบชอบใครจะไม่ยอมบอก ทำตัวเงียบๆ ส่งรายงานตรงเวลา ทำเวรทุกวันไม่เคยโดด คนที่มีชีวิตธรรมดา
เคยแซวเพื่อนประเภทนี้ว่าใช้ชีวิตธรรมดา ไม่มีสีสัน โชคดีที่คนพวกนี้ไม่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับใคร ไม่งั้นฉันคงโดนตอกหน้าหงาย
นายเคยทำได้อย่างเราไหม(พวกนี้ไม่ใช้คำแทนตัวเองว่ากรู)
ฉันไม่เคยทำอย่างเขาได้ ฉันเลยถีบเขาให้เป็นคนแปลกประหลาด และหาเหตุผลที่จะให้เรื่องที่ตัวเองทำนั้นเป็นเรื่องที่ดูดี
ทั้งๆที่ฉันน่าจะยกย่อง เพราะฉันไม่มีวันทำอย่างเขาได้
การใช้ชีวิตธรรมดาให้มีความสุข ยากกว่าการใช้ชีวิตหวือหวาชั่วครั้งคราวแล้วทึกทักเอาว่า ฉันมีความสุข ชีวิตฉันมีคุณค่ากว่าใครๆ
ฉันอยากมีชีวิตธรรมดาจริงๆ
หากมีเด็กเรียนมาอ่าน ก็ขอชื่นชมด้วยนะจ๊ะว่า เก่งจริงๆ
ป.ล. เพื่อนทั้งสองคน คนเที่ยวเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เลิกเที่ยวเพราะพบรักแท้ น่าอิจฉามาก
เด็กเรียนของฉัน เรียนดีจนสอบได้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอก ข่าวล่าสุดว่าเรียนด้านบริหาร
หมอนี่ " ไม่ธรรมดา "จริงๆ
Create Date : 14 กรกฎาคม 2549 |
|
8 comments |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2549 23:16:53 น. |
Counter : 603 Pageviews. |
|
|
|