พฤศจิกายน 2560

 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ยี่ร้อยพลอยโกสินทร์ _ บทที่ ๒ (๑) หวานไทย


บทที่ ๒ หวานไทย

(พ.ศ. ๒๕๒๖)

เสียงพื้นไม้ดัง เอี๊ยดๆ อ๊าด ๆ ตามจังหวะย่ำเท้าของหญิงเดินวนไปมาบนเรือนไม้ เธอเดินวนเวียนไปมาอย่างนี้อยู่นานแล้วจึงเริ่มบ่นพึมพัมกับตัวเอง

“อะไรกันนี่หลายเดือนแล้ว เกิดอะไรขึ้น น้าจวงลืมเรื่องงานที่รับปากฉันไว้รึเปล่าหรือมีอะไรเกิดขึ้นกับน้าจวง หรือมีปัญหา อะไรกันเนี่ยะ โอ้ย! ไม่ไหวแล้วนะ ขืนรอต่อไปอยู่อย่างนี้ นางหญิงต้องอกอีแป้นแตกแน่ จะมัวแต่นั่งรอข่าวจากโทรเลขไม่ได้แล้วต้องทำอะไรสักอย่าง ๆ” หญิงบ่นกับตัวเองและนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจู่ ๆ ก็ตะโกนขึ้นว่า “ใช่แล้ว ๆ โทรศัพท์”

พูดไม่ทันขาดคำ หญิงก็รีบออกจากบ้านรุดเข้าไปยังแถวที่ว่าการอำเภอพระนครศรีอยุธยา

“เร็วๆ หน่อยได้ไหมจ้ะ ฉันมีธุระด่วน” หญิงพูดกับผู้ชายที่กำลังใช้โทรศัพท์สาธารณะสีแดงนั้นเมื่อเค้าจบการสนทนา เธอก็รีบคว้าโทรศัพท์มาทันที แล้วหยอดเหรียญหนึ่งบาทที่เตรียมมาสิบกว่าเหรียญเข้าไปในโทรศัพท์แล้วใช้นิ้วชี้หมุนเบอร์โทรของน้าจวงอย่างรวดเร็ว

เสียงจากโทรศัพพ์ที่ร้านดอกไม้น้าจวงดังขึ้นสักพักก็มีเสียงตอบรับจากปลายทาง

“ร้านเจ้จวงปากคลองครับ” พนักงานที่ร้านดอกไม้กล่าว หญิงรีบต่อถามทันที “น้าจวงขอสายน้าจวงหน่อยจ้ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงรีบร้อนเพราะเกรงเหรียญที่หยอดไว้จะหมด

“เจ้ไม่อยู่ร้านครับไปทำธุระต่างจังหวัด” เสียงตอบกลับนี้ทำให้หญิงหมดแรงเข่าแทบทรุดคิดอะไรต่อไม่ออก เธอตอบกลับเพียงสั้น ๆ ว่า “จ้ะ” แล้วก็วางหูโทรศัพท์ลง เธอหันหลังกลับเดินจากตู้โทรศัพท์โดยลืมเหรียญบาทที่โทรศัพท์เหลือคืนมาออกทั้งหมด แล้วเธอก็ค่อย ๆกลับบ้านมาอย่างคนสิ้นหวัง

เมื่อหญิงถึงบ้านเป็นเวลาราวหกโมงเย็นหมายกำลังเตรียมตักข้าวใส่จานให้เธอ แต่ข้าวนั้นก็มีตักได้เพียงคนละครึ่งทัพพี กับปลาสวายนึ่งตัวเล็กๆ ที่หมายก็เพิ่งจับมาได้จากแม่น้ำใกล้ ๆ บ้าน

“สุดที่รักหายไปไหนมาค่อนวันจ้ะ พ่อเตรียมข้าวปลาเสร็จพอดีมาทานด้วยกันเร็ว” หมายคะยั้นคะยอ

“พี่ทานเถอะฉันกินข้าวที่ตลาดมาแล้ว” พูดจบหญิงมองไปยังลูกทั้งสอง อ้ายดูซูบผอมมากส่วนยี่น้อยที่นอนหลับอยู่ในเปลสภาพนั้นก็มีไม่ต่างกันกับพี่ชายเธอเศร้าไปถึงก้นเบื้องของหัวใจ แล้วก็เดินเข้าไปยังห้องนอนปิดประตูโดยไม่พูดอะไรต่อกับสามี

หมายคิดว่าภรรยาคงทะเลาะกับใครที่ตลาดมาเลยอารมณ์เสียเพราะเธอมักเป็นอย่างนี้อยู่บ่อยครั้งเวลาที่มีปากเสียงกับคนข้างนอกเขาจึงไม่ถามอะไรต่อและคิดว่าพรุ่งนี้เธอก็จะดีขึ้นเหมือนทุกครั้ง

ตั้งแต่ค่ำวันนั้นจนตลอดราตรีหญิงข่มตานอนไม่ลงได้แต่ครุ่นคิดอยู่ทั้งคืนว่าจะทำอย่างไรดี แต่คิดแล้วคิดอีกก็ยังมืดแปดด้านแต่ท้ายสุดก็เผลอหลับไปตอนใกล้รุ่งของวันใหม่

เช้ารุ่งขึ้นหมายก็เลี้ยงลูกทั้งสองและทำความสะอาดบ้านตามปกติจนเวลาล่วงเข้าถึงเที่ยงวันขณะที่กำลังตักน้ำใส่ตุ่มอยู่บริเวณหัวบันไดใต้ถุนบ้าน เขาสังเกตเห็นชายคนหนึ่งแต่งเครื่องแบบราชการสีกากีค่อย ๆ เดินตรงมาที่หน้าบ้าน

“อ้อ! สวัสดีจ้ะ” หมายเพิ่งเห็นชัดว่าเขาคือบุรษไปรษณีย์

“โทรเลขด่วนจากกรุงเทพฯถึงคุณรัตนา นารุ่ง ครับ” บรุษไปรษณีย์กล่าว

“รัตนาเมียฉันเองจ้า มีเรื่องอะไรเหรอ”หมายตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะนึกว่าเจ้าหน้าที่จะมาแจ้งข่าวร้าย

“ใจเย็นพ่อไม่มีอะไรร้ายแรง ก็แค่มีโทรเลขมาส่ง พ่อไม่ต้องตกใจไป”บรุษไปรษณีย์กล่าวตอบ

ทันใดนั้นหญิงก็รีบวิ่งกรูลงมาจากบนเรือนเพราะเธอได้ยินบทสนทนานั้น

“ฉันเองจะรัตนามีโทรเลขมาจากกรุงเทพฯใช่ไหมจ้ะ” หญิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มแล้วยิ้มหวานเธอลงชื่อรับโทรเลยนั้น แล้วบรุษไปรษณีย์เดินคล้อยหลังไป

หญิงรีบอ่านโทรเลขที่ได้รับซึ่งมีความว่า “เจอร้านดอกไม้น้า เตรียมเริ่มงานทำขนมไทย”

เมื่ออ่านข้อความจบหญิงดีใจราวกับลิงโลดเธอบอกหมายทันทีว่าอาทิตย์นี้จะเข้ากรุงเทพฯไปหาน้าจวงเพราะเธอได้งานแล้ว จึงทำให้หมายตกใจมาก

“ฮะ! นี่แม่แอบให้น้าจวงหางานให้เหรอ ไม่เคยบอกกันเลย พ่อไม่ยอมให้แม่ไปหรอก”หมายรีบค้าน แล้วพยายามกล่าวชักแม่น้ำทั้งห้าต่อ “แม่ไม่ไปได้ไหม ลูกเรายังเล็กต้องมีแม่ดูแลใกล้ ๆ เจ้าอ้ายเพิ่งเดินเตาะแตะเจ้ายี่ก็ยังเล็กมาก อีกอย่างกรุงเทพฯไม่ใช่บ้านเรา อันตรายแค่ไหนก็ไม่รู้ แม่อย่าไปเลยนะนะจ๊ะ”

“นี่พ่ออย่ามาห้ามเลยทุกวันนี้ลูกเราเป็นยังไงพ่อก็เห็นอยู่ อดมื้อกินมื้อ สองคนหละผอมจนจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแหละแค่ทำนากับรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะไปพอกินอะไร ถ้าไม่หาทางเพิ่มเงินครอบครัวเราต้องอดตายกันแน่ ยังไงฉันก็ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯหรือพ่อจะมีปัญญาหาเงินได้สักแสนแล้วค่อยมาพูดกัน” หญิงดุหมายด้วยเสียงแข็งทำให้หมายน้ำตาซึม คำพูดของหญิงทำให้เขารู้สึกเสียใจมากที่ตัวเองไม่สามารถเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีหาเงินมาจุนเจือครอบครับไม่ได้ จนเมียและลูกต้องลำบากอย่างนี้

       “งั้นแม่ไปเถอะ” หมายพูดพลางเดินคอตก หันหลังเดินไปทางแนวต้นกล้วยรอบบ้านพลางหยิบมีดพล้าขึ้นตัดเครือกล้วย เขาตัดไปเรื่อย ๆ โดยไม่พูดอะไรอีก

        “พ่อจะโกธรก็ได้แต่ขอให้เข้าใจนะว่าที่แม่ทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อครอบครัวของเรา” พูดจบหญิงก็เดินขึ้นบนบ้านเพื่อไปให้นมลูกสาว และป้อนข้าวลูกชาย

วันนั้นสองผัวเมียไม่คุยกันอีกเลยกระทั่งเช้าวันหนึ่งช่วงต้นเดือนกุมภาพันธุ์ หญิงหอบกระเป๋าสัมภาระกำลังจะเดินออกจากบ้านขณะที่กำลังจะก้าวออกจากธรณีประตู เธอเหลียวหลังมาพูดกับหมายว่า

“พี่ดูแลลูกดีๆ หละ ไว้จะส่งเงินมาให้ แล้วสักพักจะฉันกลับมา”

พูดจบหญิงก็เดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าไปยังจุดหมายคือพระนครเธอทางโดยรถไฟเช้าเที่ยวแรกของวันและต่อรถประจำทางมาถึงบ้านน้าจวง ร้านขายดอกไม้ย่านปากคลองตลาดราวสามโมงเช้า

         “สวัสดีค่ะน้าจวง”หญิงพนมมือไหว้และกล่าวคำทักทาย

“ไหว้พระเถอะหลาน” น้าจวงรับไหว้พร้อมรอยยิ้ม แล้วพูดไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบของหญิงและลูก ๆจนทำให้หญิงถึงกับหลั่งตา

        “ฉันไม่ได้อยากจากลูกๆ มาเลยจ้ะน้าจวง แต่ตอนนี้ลูกฉันสองคน แทบจะต้องกินแกลบ” หญิงพูดน้ำเสียงสั่นเครือทั้งน้ำตาจนน้าจวงต้องรีบปลอบ

“ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวน้าให้ยืมเงินไปก่อน หลานรีบส่งธนาณัติไปให้นายหมาย ยังไงลูกก็สำคัญที่สุด ไว้เรามีเมื่อไหร่ค่อนว่ากัน”พูดแล้วน้าจวงก็หยิบธนาบัตรสีม่วงใบใหญ่ ห้าร้อยบาทสองฉบับใส่มือหญิง แล้วพยักหน้าย้ำให้หญิงเข้มแข็งเพื่อลูก ๆ ของเธอ

         “คุณพระ! น้าก็มัวแต่ถามถึงหลาน จนเกือบลืมว่าเรานัดเจ้เนียนกันไว้เที่ยงวันนี้”น้าจวงอุทาน พรางพูดเล่ายาวต่อถึงประวัติเจ้าของร้านที่ติดต่อฝากหญิงเข้าไว้ทำงาน“เจ้เนียนเจ้าของร้านขายขนมไทยแถวท่าเตียนเดิมเธอเป็นลูกสาวคนโตของแม่ครัวใหญ่ของเรือนคุณพระกนกชัยสวัสดิ์ แต่เมื่อคุณพระท่านสิ้นคุณนายและลูกหลานท่านดูแลเรือนไม่ไหว จึงตัดสินใจเลยขายเรือนและที่ดินผืนนั้น แล้วให้เงินก้นถุงบ่าวไพร่ไว้ทำทุนก่อนแยกย้ายกันไปตอนนั้นคนที่เรือนคุณพระส่วนใหญ่ต่างกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดไปทำไร่ทำนา แต่เจ้เนียนกับแม่ก็มาทำขนมไทยขายในตลาดเป็นขนมไทยสูตรชาววังอร่อยมากและเจ้แกโชคดีได้แต่งงานกับเฮียฮงเจ้าของร้านขายของชำแถวท่าเตียนนั่นแหละ ส่วนน้าเองก็จำเนียนได้ดีเพราะเจอกันครั้งแรกเธอมาซื้อดอกไม้ที่ร้านบอกว่าจะไปทำขนมซึ่งปกติมีแต่คนซื้อดอกไม้ไปบูชาพระกัน อีกอย่างตอนนั้นเธอผิวขาวเนียนสวยสะดุดตา น้าเลยจำได้ดีจากนั้นเราก็ติดต่อกันมาเรื่อย ๆ คุยกันถูกคอจนกลายทั้งลูกค้าเป็นทั้งเพื่อนร่วมสามสิบปีมาแล้วกระทั่งเดี๋ยวนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะกลายเป็นเศรษฐีนีเจ้เนียนหรือคุณเนียนเจ้าของร้านขนมไทยชื่อดังย่านนี้”

           “โอ้โห้! ท่าเจ้เนียนจะเป็นเก่งมากแค่ฟังน้าจวงเล่าก็หญิงก็อยากเจอ อยากทำขนมเดี๋ยวนี้เลย” หญิงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและแอบคิดในใจว่าอยากมีสามีเป็นเถ้าแก่และรวย ๆ อย่างนี้บ้าง

          “ที่ร้านหวานไทยนี่มีขนมไทยเกือบทุกอย่างและขายดีมาก เดี๋ยวหลานทำงานกับเจ้เนียนไปสักพักนะค่าแรงได้วันละ ๑๒๐ บาท ที่ร้านมีข้าวกลางวันให้พนักงานทานไม่คิดสตางค์เราก็นอนที่บ้านน้านี่แหละจะได้ประหยัดไม่ต้องเกรงใจนะยังไงกลางคืนน้าก็อยู่อีกบ้านอยู่แล้วคิดซะว่าช่วยน้าเฝ้าบ้านก็ได้ ถ้าหญิงขยัน ๆ นะรับรองเลยว่าไม่กี่ปีต้องเก็บเงินก้อนได้และยังได้ฝีมือทำขนมติดตัวด้วยอีกอย่างเจ้เนียนแกเป็นคนมีน้ำใจ ดูแลลูกน้องดีมาก น้ารู้จักเจ้แกมานานถึงได้ไว้ใจฝากหลานไปทำงานด้วย”พูดจบน้าจวงก็รีบจูงมือหญิง พาขึ้นรถสามล้อรุดไปยังร้านหวานไทย เพื่อพูดคุยกับเจ้เนียนและฝากหญิงเข้าทำงานแล้วเจ้เนียนพาเธอไปแนะนำให้คนในร้านรู้จัก แล้วก็อธิบายเนื้องานต่าง ๆที่หญิงต้องรับผิดชอบ โดยหญิงได้รับมอบหมายให้ทำงานในส่วนโรงครัวเป็นผู้ช่วยแม่ครัวมีหน้าที่เตรียมวัตถุดิบทำขนมแต่เช้าตรู่เพื่อให้ทันวางขายหน้าร้านตอนเช้าและเก็บครัวดูแลความเรียบร้อยในตอนบ่ายก่อนเลิกงาน

          วันรุ่งขึ้นหญิงรีบตื่นแต่เช้าตรู่อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเริ่มทำงานวันแรก เธอเดินทางด้วยรถประจำทางแบบไม่มีเครื่องปรับอากาศพอรถเมล์แล่นไปสักสามสี่ป้ายก็ถึงที่หมายร้านหวานไทย หญิงมาถึงที่ร้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าเธอเดินเข้าไปในห้องครัวและสวัสดีป้าขาวที่เป็นหัวหน้าแม่ครัวป้าขาวยิ้มรับแล้วก็พาหญิงเดินไปเดินดูอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องครัวพร้อมทั้งสอนวิธีการทำขนมไทย ซึ่งที่จริงแล้วป้าขาวก็คือแม่ของเจ้เนียนซึ่งอายุเกือบเจ็ดสิบปีแล้วแต่แกยังแข็งแรงและมีความสุขกับการทำขนมไทยที่รักเป็นชีวิตจิตใจ ทางร้านก็เลยยกตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าแม่ครัวใหญ่ที่สุดป้าขาวมองหญิงด้วยความเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน แล้วจึงเริ่มอธิบายเรื่องขนมไทย 

          “ขนมไทยมีอยู่หลากหลายชนิด วัตถุดิบหลักเป็นพวกแป้งข้าวเจ้าแป้งมันสำปะหลัง กะทิ เกลือและน้ำตาลทราย แล้วก็ที่ครัวร้านเจ้เนียนนะปกติป้าจะแบ่งประเภทขนมไทยตามวิธีการทำให้ขนมสุกอย่างเช่น ขนมชั้นทำให้สุกด้วยการนึ่ง หรือขนมจากทำให้สุกด้วยการปิ้ง เพราะฉะนั้นในที่ครัวนี้จะมีสองกลุ่มทำขนมนะกลุ่มแรกเป็นขนมไทยที่ทำให้สุกด้วย การกวน การนึ่ง การเชื่อม และการต้มส่วนอีกกลุ่มก็เป็นการทำให้สุกด้วย การทอด การปิ้งย่าง และการอบ เพื่อให้ง่ายต่อการแยกอุปกรณ์และความชำนาญของคนในการทำขนมเพราะการทำขนมไทยนั้นมีรายละเอียดอ่อนที่เราต้องใส่ใจนะจ้ะ”

           “คุณป้าให้ทำอะไรหนูจะตั้งใจทำให้เต็มที่เลยค่ะ” หญิงรับคำอย่างหนักแน่น

“ต่อไปหลานมีหน้าที่ช่วยทำขนมไทยกลุ่มที่หนึ่งกวน นึ่ง เชื่อม ต้มนะ หลัก ๆ ก็จะมีขนมเม็ดขนุน ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกงขนมกล้วย ขนมไส่ใส่ ขนมสาลี่ ขนมตะโก้ ขนมชั้น แล้วต่อไปหลานก็ต้องฝึกทำให้เป็นทุกอย่างทั้งพวกขนมครก ขนมจาก ข้าวเหนียวปิ้ง และก็ยังมีขนมไทยอีกเยอะที่ควรทำให้คล่อง เพราะบางครั้งเวลาหากมีใครป่วยใครลาเราก็ต้องผลักทำแทนกันได้”

https://web.facebook.com/199Foods/







Create Date : 18 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 23 ธันวาคม 2560 10:47:32 น.
Counter : 849 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

จอมใจจอมมโน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เกิดมาแล้วทำชีวิตให้มีค่า
ลองเปิดตา 👀 หาความหมายในกายตน
และตั้งใจสร้างประโยชน์เพื่อมวลชน
อย่าได้จนไร้ความดีเมื่อจากลา
มุ่งดำเนินเดินก้าวย่างด้วยสติ
สมาธิประกอบกันเข้าเถิดหนา
ดำรงตนไม่ประมาทในเวลา ⏱
นำชีวา พาสู่ธรรม กระทำดี

จากใจ...
.....หยกตะวัน เจล 😎


https://web.facebook.com/yoktawan.gel



*งานเขียนใน blog นี้สำหรับอ่านค่ะ 😀😃 ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ คัดลอก หรือกระทำการใด ๆ ทุกกรณี โดยไม่ได้รับอนุญาต