Group Blog |
โพรไบโอติก กับ พรีไบโอติก 🙌 ...มารู้จักกันให้มากขึ้นกันดีกว่า.....
โพรไบโอติก กับ พรีไบโอติก 🙌 ...มารู้จักกันให้มากขึ้นกันดีกว่า.....
ท่านผู้อ่านคงรู้จักโพรไบโอติกกับพรีไบโอติกกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อยซึ่งในบล็อกนี้จะมานำเสนอความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งดี ๆ นี้ให้ทุกท่านได้มารู้จักให้มากขึ้นกันดีกว่า.....
โพรไบโอติก (Probiotic) หมายถึง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของจุลินทรีย์ชีวภาพหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุลินทรีย์ชีวภาพที่มีชีวิต ซึ่งอาจจะอยู่ในเม็ดหรือแคปซูลซึ่งเมื่อเราทานเข้าไปแล้วจะก่อให้เกิดผลดีต่อร่างกายรวมถึงสามารถลดอัตราการเจ็บป่วยหรือจำนวนวันที่เราจะเจ็บป่วยลงได้ รวมทั้งอาจช่วยป้องกันหรือรักษาโรคต่างๆที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในร่างกายโดยทั่วไปจุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงสมดุลของแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ ตัวอย่าง โพรไบโอติก ที่เติมลงไปในผลิตภัณฑ์อาหารส่วนใหญ่จะเป็นพวกแบคทีเรียคือ
§ แบคทีเรียสกุลแลคโตบาซิลัส เป็นแบคทีเรียที่เจริญเติบโตในที่มีหรือไม่มีออกซิเจนก็ได้แต่มักชอบในที่มีออกซิเจนมากกว่า เช่น Lactobacillusacidophilus, Lactobacillus casei, Lactobacillus reuteri, Lactobacillus bulgaricus,Lactobacillus plantarum และ Lactobacillus lactis เป็นแบคทีเรียชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและพบตามธรรมชาติทางเดินของลำไส้และช่องคลอด
§ แบคทีเรียสกุลไบฟิโดแบคทีเรียม เป็นแบคทีเรียที่เจริญในที่ไม่มีออกซิเจน สามารถสร้างสารต้านจุลชีพที่มีประสิทธิภาพได้ดีเช่น Bifidobacteriumbifidum, Bifidobacteriumlongum, Bifidobacterium breve, Bifidobacterium infantis, Bifidobacteriumlactis และ Bifidobacterium adolescentis
โดยแบคทีเรียทั้งสองสายพันธุ์เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้มนุษย์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว สามารถสร้างกรดแลคติกได้ จึงอาจเรียกแบคทีเรียกลุ่มนี้ว่าแลคติกแอซิดแบคทีเรีย และมีคุณสมบัติโพรไบโอติกที่ดีเยี่ยม คือแบคทีเรียทั้งสองสายพันธ์นี้จะสร้างน้ำย่อย b-galactosidase ช่วยลดปริมาณน้ำตาลlactose ในอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของท้องเสียได้ นอกจากนี้สามารถสร้างสารหลายชนิดที่ช่วยทำหน้าที่เป็นยาปฏิชีวนะ เช่น organic acids, free fatty acids,ammonia, hydrogen peroxide และ bacteriocins ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ปะปนในอาหารน้ำย่อยบางชนิดจากโพรไบโอติก จะช่วยยับยั้งสารพิษจากแบคทีเรีย โดยไปปิดกั้นส่วนที่พิษจะเข้าเซลล์ และสารมารถแย่งจับตำแหน่งต่างๆ ของเนื้อเยื่อในลำไส้ เพื่อไม่ให้แบคทีเรียเข้ากลุ่มได้ ป้องกันแบคทีเรียขยายตัวในลำไส้ นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นภูมิต้านทานทั้งในลำไส้และในกระแสเลือด หรือกระตุ้นการทำงานของเซลล์อื่นๆไว้ต่อสู้กับเชื้อโรคและกระตุ้นการสร้างสารป้องกันโรคในร่างกายเช่น gamma-interferon, interleukin-12, interleukin-18เป็นต้น และจากการศึกษาของนักวิจัยหลายท่านพบว่าแบคทีเรียทั้งสองสายพันธุ์สามารถป้องกันและรักษาโรคท้องเสียได้ รักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังได้รักษาโรคลำไส้ขาดเลือดในเด็ก ลดระดับไขมันในกระแสเลือด และรักษาโรคภูมิแพ้ได้
พรีไบโอติก (Prebiotics) หมายถึงสารอาหารที่ไม่มีชีวิต ไม่ถูกย่อยในกระเพาะอาหารเมื่อรับประทานเข้าไป แต่จะไปช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตหรือการทำหน้าทีของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยทั่วไปแบคทีเรียที่จะถูกกระตุ้น ได้แก่ Lactobacilliและ bifidobacteria ตัวอย่างสารอาหารในกลุ่มนี้ได้แก่
§ Oligofructose เป็นใยอาหารจากธรรมชาติที่ไม่ถูกย่อยสลายและดูดซึมในลำไส้เล็ก แต่จะผ่านไปที่ลำไส้ใหญ่ และช่วยเสริมให้มีการเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์สุขภาพ โพรไบโอติกส์ให้เกิดภาวะสมดุลในระบบ ทางเดินอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีไม่สะสมสารพิษไว้ตามผนังลำไส้ จึงช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดี ปัจจุบัน ไม่เพียงแต่พบว่า โอลิโกฟรุคโตสสามารถเพิ่มปริมาณเชื้อโพรไบโอติกส์ที่มีคุณประโยชน์ได้จริง ยัง มีงานวิจัยที่ชัดเจนว่า โอลิโกฟรุคโตส สามารถ ลดการเกิดท้องเสียซ้ำในผู้ป่วยที่ท้องเสียมาแล้วจากการติดเชื้อโรคก่อโรค คลอสติเดียมอีกด้วยไม่เพียงแต่คุณประโยชน์ทางด้านภูมิคุ้มกันต่อโรคลำไส้หลายชนิดแล้วก็ยังมีงานวิจัยที่พบว่า โอลิโกฟลุคโตส ช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุแคลเซียมทำให้เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก (Body Mineral Density) ได้
§ Inulin เป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทโพลีแซคคาไรด์(polysaccharide) ซึ่งโครงสร้างของอินนูลิน ประกอบด้วย ฟรุกโตส 80% และกลูโคส 20% ยึดต่อกันด้วยพันธะบีต้า-2, 1ไม่สามารถย่อยได้โดยเอ็นไซม์ในระบบทางเดินอาหารแต่ถูกย่อยได้ที่ลำไส้ใหญ่โดยแบคทีเรีย โครงสร้างพื้นฐานของอินนูลินเป็น ฟรุกแทน (fructan) ที่มีสายสั้นที่สุดคือ 1- เคสโทส (kestose) ซึ่งอินนูลินส่วนใหญ่จะมีสายยาวระหว่าง2-60 หน่วยฟรุกโตส (degree of polymerization, DP) เมื่ออินนูลินถูกย่อยโดยเอ็นไซม์Inulase ทำให้ความยาวสั้นลงเหลือ 2-10 DP เรียกว่า fructooligosaccharides (FOS) ซึ่งให้ความหวาน30% ของซูโครส ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ของ Fructo oligosaccharides เมื่อเสริมในอาหารสัตว์แล้วจะมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ก่อโทษ อาทิ อีโคไล ซัลโมเนลล่าคลอสตริเดียม ยูแบคทีเรีย เอนเทอโรแบคทีเรีย และโคลิฟอร์ม มีผลทำให้ปริมาตรของมูลและความชื้นเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติในการอุ้มน้ำของอินนูลิน อีกทั้งกรดไขมันสายสั้นที่ได้จากการย่อย Fructooligosaccharides ในลำไส้ใหญ่กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้เพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุ โซเดียม แคลเซียม และคลอไรด์โดยการกระตุ้นการทำงานของระบบการแลกเปลี่ยนอิเลคตรอน(Na+-H exchange) ในลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังลดการย่อยโปรตีนในลำไส้ใหญ่ โดย Bifidobacteria และLactobacilliมีเอ็นไซม์สลายโปรตีนกลุ่ม azoreductase nitroreductasenitrate reductase และ b-glucuronidase ต่ำจึงสลายโปรตีนให้เกิดสารพิษกลุ่มแอมโมเนีย อินโดล (indoles) และฟีนอล(phenols) ลดลงทำให้โอกาสที่สารพิษเหล่านี้จะก่อให้เกิดการหลุดลอกของเยื่อบุผนังลำไส้ใหญ่อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลงและช่วยลดกลิ่นของมูลให้ลดลง ทั้งยังสามารถยับยั้งการสังเคราะห์ไขมันในตับ ส่งผลให้ไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง
§ Fructo oligosaccharides เป็นเส้นใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำได้ มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก คือช่วยเพิ่มเชื้อจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัสและบิพิโคแพคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ช่วยลดอาการท้องผูก ทำให้ร่างการสามารถดูดซึมเหล็กและแคลเซียมเพิ่มขึ้น ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโปรไบโอติกส์
§ Alcohol sugar เป็นคาร์โบไฮเดรทที่มีดัชนีการสังเคราะห์โพลิเมอร์(degree of polymerization) เพียง1-2 ตัว ตัวอย่างสารในกลุ่มนี้ เช่น maltitol,sorbitol, isomalt, xylitol เป็นต้น ในบางครั้งจะเรียก alcoholsugar ว่า POLYOLS สามารถเป็นสารให้ความหวานได้โดยมีความหวานประมาณ 3 ใน 4 หรือครึ่งหนึ่งของน้ำตาลทั่วไปและยังดูดซับได้ช้าในลำไส้เล็กเมื่อเทียบกับน้ำตาลจึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วย
ประโยชน์ของโพรไบโอติกต่อสุขภาพ(Health benefit of Probiotics)
โพรไบโอติก (probiotic) มีผลต่อสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นกระตุ้นระบบภูมคุ้มกันของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งประสิทธิภาพ และ กลไกของของโพรไบโอติกนั้นขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างชนิดของจุลินทรีย์และhost หรือ immunocompetent cells ของลำไส้ โดยในการศึกษาอิทธิพลของโพรไบโอติกต่อสุขภาพของมนุษย์เบื้องต้นมักมุ่งเน้นที่อิทธิพลต่อการช่วยลดโรคเกี่ยวกับลำไส้ไม่ว่าจะเป็นจากการติดเชื้อ หรือจากยาปฏิชีวนะ ซึ่งพบว่าโพรไบโอติกนั้นมีผลต่อการป้องกันการเกิดโรคมากกว่าที่จะรักษาโรค ดังนั้นงานวิจัยในช่วงต่อมาจึงศึกษาในกลุ่มคนที่มีสุขภาพดีโดยพบว่าการบริโภคโพรไบโอติกเป็นประจำทุกวันการสามารถลดการติดเชื้อในช่วงฤดูหนาว (coldwinter infection) ลดอัตราการลางาน ขาดเรียน และยังพบว่าสามารถลดการร้องไห้ของเด็กทารกที่เกิดจาก colic สำหรับกลไกการทำงานของโพรไบโอติก เกิดได้จากการเจริญและควบคุมการเจริญของจุลินทรีย์ที่ก่อโรคโดยการลดpHของระบบลำไส้ หรือผลิตสารที่เป็นพิษ เช่นกรดอินทรีย์ H2O2 และ bacteriocines ต่อจุลทรีย์ก่อโรค เป็นต้น ซึ่งอิทธิพลของโพรไบโอติกต่อสุขภาพและงานวิจัยสนับสนุนนั้นมีมากมายมีดังต่อไปนี้
ได้ยินชื่อทั้งสองมานานเพิ่งรู้เรื่องราวรายละเอียดวันนี้เองจ้ะ
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน และขอบคุณที่แวะชมดอกทานตะวันจ้า โดย: mambymam
![]() ![]() สวัสดียามเช้าครับ คุ้นๆว่าเคยได้ยินทั้งสองคำเลยครับ แต่ไม่เคยทราบความหมายว่าคืออะไร โหวตครับ ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กับร่างกายสินะครับ ที่คุ้นสุดก็ แลคโตบาซิลัส นี่แหละครับ
ขอบคุณที่แวะมานะครับ โดย: คุณต่อ (toor36
![]() ![]() โพรไบโอติกกับพรีไบโอติก
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะน้องหยก ![]() โดย: Sweet_pills
![]() ![]() |
จอมใจจอมมโน
![]() ![]() ![]() ![]() เกิดมาแล้วทำชีวิตให้มีค่า ลองเปิดตา 👀 หาความหมายในกายตน และตั้งใจสร้างประโยชน์เพื่อมวลชน อย่าได้จนไร้ความดีเมื่อจากลา มุ่งดำเนินเดินก้าวย่างด้วยสติ สมาธิประกอบกันเข้าเถิดหนา ดำรงตนไม่ประมาทในเวลา ⏱ นำชีวา พาสู่ธรรม กระทำดี จากใจ... .....หยกตะวัน เจล 😎 https://web.facebook.com/yoktawan.gel *งานเขียนใน blog นี้สำหรับอ่านค่ะ 😀😃 ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ คัดลอก หรือกระทำการใด ๆ ทุกกรณี โดยไม่ได้รับอนุญาต Friends Blog
|
เจิมค่ะ
ได้ความรู้ มีประโยชน์มากค่ะ
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน