Group Blog All Blog
|
ยี่ร้อยพลอยโกสินทร์ _ บทที่ ๑ (๑) รัตนโกสินทร์ บทที่ ๑ รัตนโกสินทร์ (พ.ศ.๒๕๒๕)
สายลมแผ่ว ๆ ท่ามกลางไอร้อนของเดือนพฤษภาคมพัดผ่านเรือนไม้ไทยยกใต้ถุนสูงซึ่งตั้งอยู่ริมท้องทุ่งนาอันเขียวขจี ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชายหนุ่มผิวคล้ำรูปร่างกำยำนุ่งผ้าขาวม้าลายตารางสีแดงชาดกำลังนั่งไกวเปลลูกสาวแบเบาะวัยเกือบเดือน เคียงข้างด้วยภรรยาสาวผิวขาวหน้าตาคมเข้ม เธอสวมเสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงกำลังสานพัดใบจากอยู่ที่ชั้นบนของเรือน รัตนโกสินทร์ชื่อนี้ดีไหมจ้ะแม่พ่อหมายพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้นกับแม่หญิงผุ้เป็นภรรยาเมื่อพบชื่อที่เหมาะสมกับลูกสาว หลังจากอ่านตำราชื่อดีนามมงคลที่เขายืมมาจากเพื่อนบ้านมาอยู่หลายชั่วโมง ได้ชื่อลูกก็ดีแล้วนี่จ้ะแม่เห็นพ่อนั่งพลิกตำราอยู่ค่อนวัน ทำยังกับอ่านหนังสือเตรียมสอบ หญิงพูดด้วยความรำคาญที่สามีมัวแต่เสียเวลาทำเรื่องไร้สาระ ในขณะที่เธอตั้งใจสานพัดเพื่อนำไปขายหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ลูกเราเกิดวันพุธที่ ๒๑ เมษายน มี ร เรือเป็นศรี จะได้มีเสน่ห์ มีโชคลาภ เป็นสิริมงคลในชีวิตและที่สำคัญนะแม่ ปีนี้เป็นปีมหามงคล พ.ศ ๒๕๒๕ ก็คือ ร.ศ. ๒๐๐ ซึ่งเป็นปีที่กรุงรัตนโกสินทร์เมืองหลวงกรุงเทพมหานครเป็นราชธานีครบสองร้อยปีพอดี และพ่อจำได้ว่าเมื่อต้นเดือนไปบ้านตาโกเศรษฐีใหญ่ในตลาดได้เห็นโทรทัศน์ฉายภาพพระเจ้าอยู่หัวกับพระราชินีเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพระยุหยาตราทางชลมารคหมายพูดกับภรรยาด้วยความรักลูกสาวและภูมิใจในความเป็นชาติของแผ่นดินสยาม ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าพ่อก็คิดอะไรเข้าท่ากับเค้าเป็นด้วยแล้วชื่อเล่นหละได้รึยังจ้ะ หญิงเริ่มยิ้มคล้ายจะอารมณ์ดีบ้าง สบายมากอันนี้พ่อคิดไว้นานแล้ว ยี่จะเป็นชื่อเล่นของลูกสาวเราคนนี้จะได้คล้องจองกับเจ้าอ้ายลูกชายคนโตไง อ้ายคือหนึ่งส่วนยี่ก็แปลว่าสอง หมายพูดพลาง แล้วก็อุ้มลูกสาวขึ้นจากเปลมากอดด้วยความเห่อยี่ เป็นยังไงลูกชอบชื่อนี้ไหม น่าเกลียดน่าชังจริง ๆ เลยลูกพ่อ ทารกน้อยยิ้มหวานเหมือนเป็นนัยว่าพอใจกับชื่อที่พ่อตั้งใจตั้งให้ ยี่ ยี่เสียงเบา ๆ ของอ้ายลอยมาเข้าหูแม่หญิง เด็กชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่บนเบาะใกล้เธอตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงดังที่พอกับแม่คุยกัน แล้วจึงค่อย ๆ คลานมา เอา! เจ้าอ้ายตื่นแล้วเหรอ ดูสินี่ก็สองขวบกว่าแล้วสอนให้พูดตั้งนานก็ไม่ยอมพูด บทจะพูดก็พูดเองซะงั้น แถมพูดยี่เป็นคำแรก แทนที่จะเรียกแม่หญิงพูดด้วยความน้อยใจลูกชายสุดที่รัก เอาหนะแม่ลูกพูดได้ก็ดีแล้ว พ่อเห็นแม่พยายามสอนเจ้าอ้ายอยู่ตั้งนานอย่างน้อยลูกเราก็ไม่ได้เป็นใบ้ พ่อหมายกล่าวให้ภรรยาสบายใจ ทำเป็นพูดเล่นไปลูกชายชั้นต้องเก่งที่สุด เป็นที่หนึ่งเหนือกว่าใคร ๆ แล้วพ่อคอยดูหละกัน หญิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพูดพลางหันไปมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยความชื่นชม พ่อไปบดกล้วยน้ำว้าที่ฉันเพิ่งเก็บมาจากสวนเมื่อเช้ามาบดให้เจ้าอ้ายกินหน่อยเร็ว ท่าทางจะเริ่มหิวแล้ว ดูทำปากหงับ ๆ หญิงพูดต่อเพื่อเร่งให้หมายรีบไปเอาอาหารลูกชายกิน ได้จ้ะแม่ หมายรีบรับคำภรรยาสุดที่รัก เดี๋ยวแม่จะได้ไปให้นมเจ้ายี่หญิงพูดพลางอุ้มเด็กน้อยตัวกลมแก้มแดงมาไว้แนบกับอกหลังจากที่ยี่เริ่มดูดนมไปสักพัก เธอก็บ่นกับหมายต่อว่า เจ้ายี่นี่กินจุจริง ๆ ชั้นหละกลัวนมไม่พอเลี้ยงจนหย่านมนี่ถ้าต้องไปซื้อนมผงกระป๋องละเป็นร้อย เราจะทำยังไงกันนี่ เธอพูดเพราะกังกลว่าจะหาเงินมาเลี้ยงลูกทั้งสองให้อยู่ดีกินดีได้อย่างไรด้วยความที่ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม และต้องเช่าที่เพื่อการทำนาข้าวประกอบกับหลายปีที่ผ่าน ๆ มาบางปีฝนก็แล้ง บางปีน้ำก็ท่วม ทำให้ฐานะทางการเงินค่อนข้างชักหน้าไม่ถึงหลัง เอาหนะถ้าจำเป็นจริง ๆ พ่อจะรายได้เสริมนอกจากทำนา อย่างไปทำสวนที่บ้านของกำนันศักดิ์ชัยและจะทำงานอย่างอื่นให้มากขึ้น ยังไงก็จะทำเพื่อลูกเราให้ดีที่สุดแม่สบายใจได้เลย ถึงแม้ในใจหมายจะไม่มั่นใจเลยถึงสถานะทางการเงินที่จะต้องหาเงินมาเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัวเพราะนาข้าวที่ทำอยู่ก็เป็นนาเช่า ซึ่งกำไรจากการขายข้าวให้โรงสีข้าว หลังจากหักค่าเช่านาแล้วก็จะเหลือเป็นกำไรน้อยมากอีกทั้งหญิงผู้เป็นภรรยาก็ทำนาด้วยกันและมีรายได้เสริมเพียงเล็กน้อยจากการสานพัดนำไปขายในตลาดอย่างไรหมายก็ตั้งใจจริงที่จะหารายได้ทุกวิถีทาง เพื่อดูแลครอบครัว
เมื่อหญิงให้นมลูกเรียบร้อยเธอก็ค่อย ๆ วางลูกลงในเปล แล้วหมายก็เริ่มไกวเปลพลางร้องเพลงกล่อม โยกเยกเอยน้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ กอดคอโยกเยก โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอหมาหางงอ กอดคอโยกเยก โยกเยกเอย น้ำท่วมเมฆ กระต่ายลอยคอ หมาหางงอ กอดคอโยกเยกหมายร้องบทกล่อมนี้ซ้ำไปซ้ำมา จนเด็กน้อยเคลิ้มหลับ ขณะที่หมายกำลังร้องเพลงกล่อมนั้นหญิงก็นั่งนิ่งอย่างครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ แล้วจู่ ๆ เธอก็พูดขึ้นว่า เดือนหน้าเข้ากรุงเทพฯกันนะจ๊ะพ่อแม่อยากไปเปิดหูเปิดตา เราไม่ได้ไปมาหลายปีแล้ว อะไร ๆ ก็คงเปลี่ยนไปมาก อีกอย่างถ้าไปแถบพระนครจะได้เข้าวัดพระแก้วกราบขอพรพระแก้วมรกตและสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองทั้งหลายให้คุ้มครองลูกทั้งสองให้รุ่งเรือง เจริญด้วยอายุ วรรณ สุขะ พละ ด้วยจ้ะ โอ้โห้! ได้สิจ้ะ แม่เล่นชักแม่น้ำทั้งห้าแบบนี้ ก็ต้องตามใจแล้วหละ หมายรู้สึกแปลกใจที่ภรรยาอยากเข้าเมืองไปเที่ยว ทั้งที่ปกติเธอจะประหยัดไม่ยอมไปไหนไกลบ้าน และใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ด้วยความระมัดระวัง แต่ครั้งนี้กลับเอ่ยปากชวนเอง เดี๋ยวเราไปค้างกับบ้านน้าจวงก็ได้จ้ะพ่อจำได้ไหม น้าจวงที่เป็นน้องแท้ของแม่ฉันเราสนิทกันมากเพราะสมัยเด็ก ๆ แกเอ็นดูฉันเหมือนลูก แต่หลายปีก่อนแกย้ายเข้ากรุงเทพฯไปเพราะได้ดีแต่งงานกับเถ้าแก่ใหญ่ขายดอกไม้แถวปากคลองตลาดร้านแกอยู่แถวนั้นพอดี ก็ไม่ไกลจากวัดพระแก้วด้วย ยังไงชั้นจะโทรไปก่อน ขอพักแค่คืนเดียวคิดว่าคงไม่มีปัญหาเพราะปกติน้าฉันกับสามีจะนอนที่บ้านพักใหญ่อีกหลัง ร้านดอกไม้น่าจะพอมีห้องว่างให้เราพักค้างคืนได้แววตาของหญิงมีความสุขอย่างมีความนัยบางอย่างซ่อนเล้น แม่ว่าไงพ่อก็เห็นดีด้วยอยู่แล้วจ้ะ กับข้าวเย็นนี้ท่าจะอร่อยและคืนนี้ฉันคงนอนหลับฝันดี หญิงกล่าวย้ำกับตัวเอง หลังจากนั้นหญิงรีบจัดการติดต่อเรื่องที่พักเรียบร้อย แล้วก็เตรียมตัว เตรียมข้าวของเครื่องใช้เด็กที่จำเป็นต่อการเดินทางหาซื้อตั๋วรถไฟไว้พร้อม และเฝ้านับวันรอที่จะเข้ากรุงเทพฯ เพราะการพาลูก ๆไปเที่ยวและขอพรพระนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง แต่ความจริงเธอตั้งใจจะให้น้าจวงช่วยหาลู่ทางทำงานในเมืองหลวง อย่างที่เกริ่นไว้ตอนโทรติดต่อกันเรื่องที่พักแล้วต่างหาก แล้วอีกห้าเดือนถัดมาก็ถึงวันออกเดินทางไปยังพระนครหมาย หญิง อ้าย และยี่ ทุกคนตื่นแต่เช้าตรู่ในวันเสาร์ต้นเดือนตุลาคม เพื่อเข้าไปเที่ยวกรุงเทพฯเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและได้เวลาออกเดินทางประมาณตีห้าหมายก็อุ้มลูกทั้งสองทางซ้ายขวาคนละข้างด้วยความทะมัดทะแมง ส่วนหญิงก็ถือข้าวของที่จำเป็นและชะลอมใส่ผลไม้เพื่อนำไปเป็นของฝากแล้วทั้งสี่ก็ขึ้นรถกระบะที่ว่าจ้างไว้เตรียมไปสถานีรถไฟพาชีเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีปลายทางหัวลำโพง อุ้มลูกดีๆ นะจ้ะ ส่งเจ้าอ้ายมาให้แม่อุ้มดีกว่า หญิงพูดหลังจากนำข้าวของขึ้นวางท้ายกระบะเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นนั่งที่เบาะบริเวณด้านหน้ารถกระบะหญิงอุ้มอ้ายนั่งข้างคนขับส่วนหมายอุ้มยี่นั่งอยู่ที่เบาะหลังคนขับ ไม่ถึงชั่วโมงรถกระบะก็ไปถึงสถานีชุมทางบ้านภาชีแล้วทั้งสี่ก็ลงจากรถเพื่อไปนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา กระฉึกกระฉักกระฉึกกระฉัก..... เสียงรถไฟดังนำมาล่วงหน้าสักพักก่อนที่จะมาเข้าจอดตรงสถานีตอนนี้เป็นเวลาหกนาฬิกาเศษ แต่ก็มีคนมากพอสมควรที่มารอขึ้นรถไฟ ประการแรกเนื่องด้วยเป็นวันเสาร์ และประการที่สองเพราะการเดินทางเข้ากรุงเทพฯด้วยรถไฟนั้นสะดวกและราคาประหยัดหากเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์หรือเรือ โดยเฉพาะขนวบนี้ที่เป็นรถไฟชั้นสามหรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่ารถหวานเย็นซึ่งภายในมีติดตั้งเพียงพัดลมธรรมดาเท่านั้น เมื่อทุกคนขึ้นนั่งบนรถไฟเรียบร้อยรถไฟก็เริ่มเคลื่อนขบวนหลังจากจอดรับผู้โดยสารอยู่ที่สถานีประมาณห้านาที ลมเย็นดีนะแม่เช้า ๆ อย่างนี้อากาศสดชื่นมาก หน้าต่างหนะปิดลงมาหน่อยก็ดีนะพ่อ ลมแรงมาก ผมชั้นยุ่งหมดแล้ว หมายรีบลุกขึ้นปิดหน้าต่างรถไฟรถครึ่งนึงเมื่อรถไฟวิ่งไปสักพักถึงสถานีรังสิต ทั้งหมดก็ค่อยเคลือบหลับระหว่างทางแต่ละสถานีก็มีผู้โดยสารทยอยขึ้นมาเรื่อย ๆจนถึงสถานีดอนเมืองที่นั่งก็เต็ม บางคนก็ต้องยืนโหนรถไฟแล้วรถไฟเคลื่อนขบวนต่อไปผ่านบางเขน สามเสน และมาสุดสายที่หัวลำโพง ถึงกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์แล้วจ้ะหมายกล่าวด้วยความดีใจ อย่ามัวแต่พูดเล่นหนะคนมากมาก เรารีบไปต่อกันดีกว่า หญิงดุสามี จากนั้นหมายก็อุ้มยี่และหญิงก็จูงอ้ายแล้วทั้งสี่คนก็รีบรุดจากรถรถไฟผ่านชานชาลามายังบริเวณด้านหน้าสถานีรถหัวลำโพง หญิงเงยหน้าขึ้นมานาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าสถานีที่บอกเวลาแปดนาฬิกายี่สิบห้านาทีแล้วเธอก็กล่าวกับหมายว่า รีบไปต่อกันเถอะจ้ะ เราไปรถตุ๊กตุ๊กกันนะเหลืออีกครึ่งชั่วโมงก็จะสามโมงเช้าแล้ว เดี๋ยวไม่ทันเวลาที่นัดน้าจวงไว้ แล้วเธอก็กวักมือเรียกรถ ไปแถวปากคลองตลาดเท่าไหรจ้ะ หญิงถามคนขับรถ สามสิบบาทคนขันรถสามล้อเครื่องหยุดมองทั้งสี่และคิดสักพักก่อนบอกราคาค่าโดยสาร สี่สิบบาทได้ไหมจ้ะพี่ชายจากนี่ไปใกล้นิดเดียวเอง เช้า ๆ อย่างนี้รถก็ไม่แน่นหรอกจ้ะ คนขับพยักหน้าเป็นการตอบรับราคาที่ขอลดแล้วทั้งสี่ก็ทยอยกันขึ้นเบาะด้านหลังรถสามล้อเครื่องหรือที่คนกรุงเทพฯมักเรียกกันว่ารถตุ๊กตุ๊กเนื่องด้วยยานพาหนะชนิดนี้เป็นรถที่มีสามล้อและเครื่องยนต์ไม่ซับซ้อนอย่างรถยนต์สี่ล้อเวลารถขับเคลื่อนจึงมีเสียงดังตุ๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ รถพ่อคุณนี่แปลกจังเลยนะมองที่เบาะคนขับพวงมาลัยรถก็คล้ายกับมือจับรถเครื่อง ตัวรถมองเผิน ๆ ก็คล้ายกับรถยนต์แต่มีเพียงหลังคารถที่ประกอบกับกระจกหน้า ไม่มีประตูปิดมิดชิดอย่างรถยนต์สี่ล้อหมายพูดกับลุงคนขับรถ พ่อท่าจะเพิ่งเคยเข้ากรุงเทพฯรถสามล้อแบบนี้เรียกรถตุ๊กตุ๊ก พวกฝรั่งเขาก็เรียกว่าตุ๊กตุ๊กตามคนไทยและชอบนั่งมากกว่ารถแท็กซี่อีกนะ เออ..แล้วพ่อคุณมาจากจังหวัดไหนกันหละลุงคนขับรถสามล้อถามด้วยความสงสัย
|
จอมใจจอมมโน
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เกิดมาแล้วทำชีวิตให้มีค่า ลองเปิดตา 👀 หาความหมายในกายตน และตั้งใจสร้างประโยชน์เพื่อมวลชน อย่าได้จนไร้ความดีเมื่อจากลา มุ่งดำเนินเดินก้าวย่างด้วยสติ สมาธิประกอบกันเข้าเถิดหนา ดำรงตนไม่ประมาทในเวลา ⏱ นำชีวา พาสู่ธรรม กระทำดี จากใจ... .....หยกตะวัน เจล 😎 https://web.facebook.com/yoktawan.gel *งานเขียนใน blog นี้สำหรับอ่านค่ะ 😀😃 ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ คัดลอก หรือกระทำการใด ๆ ทุกกรณี โดยไม่ได้รับอนุญาต Friends Blog
|