Bloggang.com : vodca : มาชมประวัติศาสตร์ของchocolate กัน

มาชมประวัติศาสตร์ของchocolate กัน

Chocolate
The Food of the Gods

ช็อกโกแลตถูกค้นพบเมื่อสองพันปีที่แล้ว โดยเป็นผลผลิตที่ได้จากเมล็ดของต้นคาเคา (cacao) ซึ่งเป็นพันธุ์พืชที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “Theobroma cacao” ที่แปลว่า "อาหารแห่งทวยเทพ" เริ่มต้นเป็นที่รู้จักเมื่อนายเออร์นัน คอร์เตช นักสำรวจชาวสเปนนำกลับมายังยุโรป ทดลองทำเครื่องดื่มโดยแต่งเติมรสให้หวานขึ้นจนเป็นที่นิยมในหมู่ราชวงศ์ชั้นสูง และถูกเผยแพร่ทั่วไปในยุโรปในเวลาต่อมา

Discovered over 2,000 years ago, chocolate comes from the seeds of cacao plants. Its scientific name is “theobroma cacao,” which means the “Food of the Gods.” Chocolate became more widely known when Spanish explorer Hernan Cortez brought cacao seeds from the New World to Europe. Experimenting with chocolate beverages eventually led to a sweetened hot chocolate drink that became very popular among European royalty and soon was introduced to the public in countries all across Europe.

The History of Chocolate
ในภูมิภาคยุโรปในศตวรรษที่ 15 เมื่อนักสำรวจจากสเปนเป็นชาติแรกที่เปิดประตูติดต่อการค้ากับชาวแอซเทค ซึ่งนิยมดื่มเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดคาเคาบด ผสมกับเครื่องเทศชนิดต่างๆ เป็นเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์ในพิธีสำคัญทางศาสนาและราชวงศ์ เมื่อชาวสเปนนำเครื่องดื่มช็อกโกแลตกลับมาทดลองทำเป็นเครื่องดื่ม แต่งเติมรสให้หวานขึ้นจนเป็นเครื่องดื่มที่นิยมกัน เผยแพร่ในกลุ่มชนชั้นสูงทั่วยุโรป ความหายากผนวกกับขั้นตอนการทำที่พิถีพิถัน ทำให้ “ช็อกโกแลต” กลายเป็นเส้นแบ่งชนชั้นของคนสมัยก่อนเลยทีเดียว อีกทั้งยังใช้ช็อกโกแลตแทนหน่วยเงินสำหรับการแลกเปลี่ยนสิ่งของหรืออาหาร จึงมีแต่คนในสังคมชั้นสูงและผู้ร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถลิ้มรสชาติอาหารแห่งทวยเทพได้

ต่อมาในค.ศ.1521 ความลับในการทำช็อกโกแลตเล็ดลอดออกจากวังหลวง ได้รับความนิยมแพร่ขยายไปทั่วยุโรป
มีการปรับปรุงรสชาติด้วยการเติมซินนามอน น้ำตาล อบเชย กระวานและเครื่องเทศอื่นๆลงในช็อกโกแลตร้อน ทำให้รสชาติขมผสานกับความหวานละมุนมากขึ้น ช็อกโกแลตจึงเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วยุโรป

เริ่มต้นจากสเปน แต่กลับมาโด่งดังที่เบลเยี่ยม
ในช่วงศตวรรษที่ 19 เบลเยี่ยมได้ขยายอาณานิคมไปถึงแอฟริกาใต้ ทำให้มีวัตถุดิบต้นคาเคาหลากหลายพันธุ์ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตช็อกโกแลตเบลเยี่ยมอันเลื่องชื่อ ถึงกับขึ้นชื่อว่า “เบลเยี่ยมเปรียบเหมือนเขาโอลิมปัส ศูนย์กลางช็อกโกแลตในจักรวาล” เบลเยี่ยมมีการนำเทคนิคการผลิตช็อกโกแลตจากนักทำช็อกโกแลตจากประเทศต่างๆมาผสมผสานกับเทคนิคพิเศษที่คิดค้นขึ้นในแบบฉบับของตนเอง เพิ่มความเข้มข้นและคัดสรรคุณภาพของโกโก้ที่นำมาใช้ผลิต เพิ่มเติมส่วนผสมจากถั่ว และส่วนประกอบอื่นๆ ทำให้ช็อกโกแลตเบลเยี่ยมมีความหลากหลาย และรสชาติเป็นที่ถูกใจนักชิมช็อกโกแลตอย่างปฏิเสธไม่ได้

In the 15th century in Europe, Spanish explorers brought back a wondrous new beverage that was introduced to them by the Aztec people of Mexico. They shared with the explorers a unique beverage made from ground cacao seeds mixed with various spices which was reserved for royalty and religious ceremonies. The Spaniards brought cacao back to Europe and developed a sweetened chocolate that became a favourite among European aristocrats and royalty. As chocolate was rare, expensive and complicated to prepare, only the upper class could experience this Food of the Gods. Chocolate even served as a currency that could be exchanged for food and other items.

Around 1521, the secret of chocolate making leaked out from the royal kitchens. Chocolate quickly became a favourite drink among the European public. Enhanced with cinnamon, cloves, sugar, cardamom and other spices, hot chocolate became a popular sweet and aromatic beverage.

Popularly grows from Spain to Belgium
During the 19th century, Belgian colonies in South Africa were the source of a wider variety of cacao, the main ingredient in chocolate. This was the beginning of Belgium becoming a well-known place for producing the most exquisite chocolate, earning the country recognition as “the Olympus, the center of the universe for chocolate.” Building on this heritage, Belgium has retained its position as the home of the world’s finest chocolate. Belgian chocolatiers adopted the best in chocolate-making techniques to develop their own superior recipes. They started with refining the highest-quality cacao, adding nuts and other fillings and flavourings that have given Belgian chocolate a variety of amazing tastes and styles that chocolate aficionados all over the world have come to love.

The varieties of cacao
that are made into chocolate
พันธุ์โกโก้ที่ปลูกกันในปัจจุบันมี 3 ชนิด ได้แก่

เฟอราสเทโร (Forastero) เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ปลูกมากในแอฟริกาตะวันตก บราซิล และตะวันออกไกล มีกลิ่นแรงและรสขมอมเปรี้ยว ปลูกง่ายและให้เมล็ดมาก โดยคิดเป็นร้อยละ 85 ของการผลิตโกโก้ทั่วโลก เหมาะสำหรับใช้ทำช็อกโกแลตนม โกโก้ผงและเนยโกโก้
คริโอโล (Criollo) สายพันธุ์หายากที่ให้ผลผลิตชั้นยอด ที่ปลูกในประเทศเวเนซุเอลา เอกวาดอร์ และหมู่เกาะชวามีกลิ่มหอมคล้ายคาราเมลและดอกไม้ รสชาติขมแต่นุ่มละมุน เหมาะสำหรับทำช็อกโกแลตธรรมดา
ทรินิทาริโอ (Trinitario) สายพันธุ์ผสมของเฟอราสเทโร (Forastero) และคริโอโล (Criollo) นิยมปลูกในแถบแคริบเบียนและมาดากัสการ์ถือเป็นช็อกโกแลตชั้นเลิศที่หอมและขมกว่าพันธุ์ดั้งเดิม

Forastero is a type of cacao that was originally grown in the west of Africa, Brazil and the Far East. It has a strong aroma with a bitter and sour taste. Forastero grows easily and yields a large volume of seeds. It is an ingredient in 85% of the world’s chocolate and is suitable for milk chocolate, cocoa powder and cocoa butter.
Criollo is from a rare breed of cacao trees and yields the best seeds. This variety is grown in Venezuela, Ecuador and Java. Criollo is aromatic, with a scent like caramel and flowers, and is suitable for ordinary chocolate.
Trinmitario is a hybrid of Foratero and Criollo. This premium variety of cacao is grown in the Caribbean and Madagascar. Trinmitario, which is aromatic and bitter, makes the best quality chocolate.

Stay healthy with chocolate

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกับเพศชายจำนวน 8,000 คน พบว่า คนที่รับประทานช็อกโกแลตเป็นประจำมีอายุยืนกว่าคนที่ไม่เคยรับประทานช็อกโกแลต เนื่องมาจากสารโพลีฟีนอลที่มีอยู่มากในช็อกโกแลต ที่ช่วยลดอนุมูลอิสระ และช่วยป้องกันโรคหัวใจ นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยแมกนีเซียม วิตามินบี 12 แคลเซียมและแร่ธาตุ ช่วยการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ดีกับกระดูกและฟัน

ช็อกโกแลตช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน สารแห่งความสุข สร้างความผ่อนคลายและช่วยให้อารมณ์ดี พร้อมกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า เมื่อได้ลิ้มรสสัมผัสได้ถึงรสชาติแห่งความสุขก็เปิดประสบการณ์ความดื่มด่ำอีกด้วย

A recent Harvard University study involving 8,000 men who regularly consume chocolate showed they can expect a longer life than those who don’t eat it. Chocolate is rich in a type of antioxidant called polyphenols that helps to prevent heart disease. It is packed with magnesium, vitamin B12, calcium and minerals to boost nerves and muscles as well as promote strong bones and teeth.
Chocolate helps to increase physical alertness while promoting the generation of endorphin to encourage relaxation and put you in a good mood.

Create Date : 13 มิถุนายน 2555

Last Update : 14 มิถุนายน 2555 7:49:21 น.

0 comments

Counter : 5641 Pageviews.