Bloggang.com : vodca : Molina Italian Wine & Cuisine

Molina Italian Wine & Cuisine

MOLINA

ยามนี้หัวหิน (ชะอำและปราณบุรี) เหมือนจะกลายเป็นที่สำหรับคนกรุงแบบเรา หนีไปพึ่งพาความชิลล์ในยามวันหยุดสบายๆกันเป็นอันดับ1 เลย เพราะมี Attractions มากมายให้ไปกันโนะ อาทิเช่น Sheep Farm , ตลาด Cicada , Santorini (ที่กำลังจะมีสวนน้ำ ซึ่งเราอยากไปมากกกก) หรือโรงแรมชิคๆดีๆแบบ Amari Hua Hin หรือ Escape Hua Hin (Hotel Chain ของ Sansiri ที่มีชื่อเดิมว่า Casa De Mare) เป็นต้น

กลับมาเข้าเรื่อง หลังจากที่พาเพื่อนๆไปเที่ยวรอบๆโรงแรม Amari หัวหิน และพาไปกินข้าวที่ Shoreline Beach Club แล้ว

วันนี้มีอีกร้านนึงมาบอกเล่าเก้าสิบให้ฟังค่ะ ร้าน Molina นี้เป็น Wine Bar เปิดใหม่ในหัวหิน แถม specific ด้วยนะ ว่าเป็น Italian Wine ค่ะ (แน่นอน เข้าไปถึงร้านปั๊บ เจอเจ้าของสอบถามได้ความว่าเป็นคนอิตาเลี่ยนน่ะสิ มิน่าเล่า)

LOCATION
123/46 ซอยหัวหิน 87 หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110
เปิด : อังคาร-ศุกร์: 17:30 - 00:00 , เสาร์-อาทิตย์ : 11:00 - 00:00
Facebook : Molina Italian wine & Cuisine
โทร 089 505 1006 (ควรโทรจองโต๊ะ)
ร้าน Molina Italian Wine & Cuisine นี่อยู่ข้างตลาด Cicada เลยค่ะ ถ้าใครไปไม่ถูกให้จิ้มลิ้งค์แผนที่ข้างล่าง
How to go Molina Italian Wine & Cuisine , Hua Hin

ป้ายทางเข้าร้าน Molina อยู่บน foot path ติดๆกับทางเข้าสวนเลย
ถ้าอยู่บนถนนหันหน้าเข้า Cicada Market ร้านจะอยู่ขวามือ

ATMOSPHERE
ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆที่แบ่งโซนออกเป็น ข้างในร้านติดแอร์ , ข้างหน้าBar และ open air ด้านนอกรับลมเย็นๆ ซึ่งรวมๆแล้วร้านนี้มีที่นั่งประมาณ 40 ที่ เดี๋ยวพาไปดูที่ละโซนกันค่ะ

หน้า Bar

มุมกุ๊กกิ๊กหน้า BAR
ที่มีกระดานดำเล้กๆ เขียนโปรโมชั่น หรือ เครื่องดื่มพิเศษประจำช่วงนั้น

โซนหน้า Bar เครื่องดื่ม สำหรับท่านที่อยากแวะมา drink นิดๆหน่อยๆ หรือ ถ้ามาคนเดียวไม่อยากนั่งโต๊ะใหญ่ก็สามารถนั่งตรงนี้ได้อย่างไม่เคอะเขิน แถมเป็นมุมสงบนิดๆ แอร์เย็นฉ่ำด้วยค่ะ ซึ่งปกติถ้าเราเองไปชิลล์ที่ไหนคนเดียวจะชอบนั่งหน้าฺBar มากกว่าตรงอื่น

Wine Cellar

Indoor Air Condition

ใครที่อยากนั่งทานเย็นๆ สบายๆ คงอยากเลือกนั่งมุมนี้ ชุดโต๊ะเก้าอี้ที่เค้าจัดไว้ให้ก็นั่งสบายไม่เป็นทางการจนเกินไป ใครมากับครอบครัว เป็นพ่อแม่ลูกนั่งโซนนี้ก็ได้ หรือใครพาคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวแล้วอยากทานอาหารอิตาเลี่ยนแท้
ก็แวะมานั่งโซนนี้ได้ค่ะ Lighting ไม่ได้มืดนะคะ

Outdoor Chilling
Open Air แบบ Outdoor Chilling นีเราชอบมากที่สุดค่ะ เหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนสบายๆในเมืองตากอากาศ
ยิ่งช่วงนี้อากาศไม่ร้อนแล้ว น่านั่งชิลล์มากๆๆๆๆๆค่ะ หน้าหนาวนี่ไม่อยากจะคิด คงชิลล์สุดๆนั่งกันไม่ลุก เมาท์มอย จิบไวน์ยาวไปแน่ๆเชียว

FOOD & WINE
Wine List ของร้านนี้มีเยอะใช้ได้ทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Italian Wine ค่ะ แต่ Wine จากประเทศอื่นๆก็มีบ้างแต่น้อยกว่ามาก คิดว่า นี่เป็นจุดเด่นของร้าน Molina เลยค่ะ เพราะคนไทยส่วนใหญ่จะรู้จักแต่ Wine จากฝรั่งเศส หรือ Australia กันมากกว่า และร้านนี้มี Wine List ที่ขายเป็นแก้วหลายตัวเลย ราคาสบายกระเป๋ามาก (แก้วละ 110-180 บาท )

ส่วนอาหารทางร้านบอกว่ามีทั้งอาหาร Italian แท้ (ที่เค้าว่าเป็นรสชาติไอ้เลี่ยนแท้ ซึ่งบางเมนูคนไทยอาจไม่คุ้นลิ้นกันเท่าไหร่) และมีอาหารไทยบ้างนิดๆหน่อยๆ เช่น ปีกไก่ทอดกระเทียม , ปลาทูน่าสดย่างพอสุกเสิร์ฟพร้อมซอสมะนาว เป็นต้น

เมื่อสั่งอาหารเสร็จนะคะ มาอย่างแรกเลยคือ ...
Complimentary ของทางร้าน ซึ่งปกติร้านitalian ดีหน่อย มีให้เกือบทุกที่ …

ขนมปังแบบต่างๆกับ Olive Oil + Vinegar นั่นเอง
มาพร้อมเจ้า Pinot Rose Spumante 7 Cascine

ขนมปังรองท้องค่ะ จิบคู่กันกับ Pinot Rose Spumante 7 Cascine (เป็น Sparkling นะคะตัวนี้) .... อืมมมม ชื่นใจจจจมากกก เป็นการเริ่มต้นมื้อที่ดีจริงๆ จิบไวน์ฟองก่อนเริ่มมื้อนี่ สดชื่นและเจริญอาหารสุดๆล่ะ หายเหนื่อยเลยที่เที่ยวเล่นมาทั้งวัน

Mixed Bruschetta
+ Pinot Rose Spumante 7 Cascine

"Regions" Pinot Grigio IGT Venezie 2012

Thai Style Apple Salad with crab meat, dried shrimp,
cherry tomato and mint( ยำแอปเปิ้ลเนื้อปู )

เริ่มต้นมื้ออย่างจริงจังด้วย Mixed Bruschetta (180.-)ขนมปังกรอบ หอมมม ทานเนยและเอาไปอบจนหอม ถือเป็นการเริ่มต้นมื้อที่ดี ทานคู่กับSparkling ตัวเดิม ชื่อ Pinot Rose Spumante 7 Cascine จานนี้มี มา4 หน้าไม่ซ้ำ ถ้ามากับก๊วนแกงค์ก็แย่งกันหนุกดีใครจะเอาหน้าไหน ไล่จากซ้ายไปขวานะ >> หน้า Mozzarella+Tomato, หน้า Blue Cheese, หน้ามะเขือเทศ และ หน้ากระเทียม
Thai Style Apple Salad with crab meat, dried shrimp, cherry tomato and mint ( ยำแอปเปิ้ลเนื้อปู ) (260.-)ทานคู่กับ ไวน์ขาว "Regions" Pinot Grigio IGT Venezie 2012 wineตัวนี้ทานแล้วสดชื่น bodyปานกลาง ซึ่งเข้ากับสลัดแอปเปิ้ลที่มีรสเปรี้ยวจี๊ดได้ดี ซึ่งรสชาติไทยออกมาชัดเจนเพราะเค้าโรยกุ้งแห้งลงไปนิดๆด้วย

Classic Risotto with porcini mushroom
+ Placido Chianti DOCG 2011

Classic Risotto w/ porcini mushroom

Linguine pasta with mixed seafood (with tomato sauce)

Classic Risotto with porcini mushroom (280.-)จานนี้เป็น risotto แบบ traditional ค่ะ หุงข้าวแบบ al-dante ข้าวจะแข็งๆเป็นไตๆหน่อยค่ะ ระหว่างทานไปได้กลิ่นหอมของเห็ดดีจริงๆ อาหารitalian มีส่วนประกอบน้อยก็จริง แต่เราก็ได้รับรู้รสชาติของวัตถุดิบนั้นๆอย่างเต็มที่ค่ะ ที่พีคสุดวันนี้ เพราะได้ชิม risotto แล้วจิบเจ้า Placido Chianti DOCG 2011 ซึ่งเป็น wine แดงเลื่องชื่อของพี่เลี่ยนเค้านี่แหละ ปกติไม่ค่อยชอบwineแดงค่ะ
แต่จิบ Chianti แล้วสวยๆสบายๆเพราะบอดี้ของเค้าจะกลางๆ
ถ้ามาทะเลแล้วอยากทานของทะเลบ้างงง ก็นี่เลยจ้ะ Linguine pasta with mixed seafood (with tomato sauce) รสชาติคลีนนน สดชื่น ได้กลิ่นทะเลๆจาก หอย กุ้งในจานจ้ะ รสชาติฝรั่งมากเพราะว่า ซอสมารสเปรี้ยวเลย แถมเส้นก็มาได้ Al-Dante แบบตามที่เราร้องขอด้วย จานนี้แนะนำว่าเป็นอีกจานที่ถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ๆก็สั่งเถอะ กินได้กินดีทานง่าย

Beef Tenderloin Steak with roasted potato and asparagus
in melted gorgonzola sauce
+ Placido Chianti DOCG 2011

Steak นี่สั่ง medium rare ก็ได้ตามนั้น !

จานmain ที่เราเลือกกันวันนี้ คือ Beef Tenderloin Steak with roasted potato and asparagus in melted gorgonzola sauce (680.-)มันคือsteakเนื้อสันใน นั้นเองงง ทานคู่กับ Placido Chianti DOCG 2011 เจ้าเก่า ขอเค้าทำ steak แบบ medium rare มาได้แบบนี้คนชอบจานเนื้อแบบเราถูกใจมากค่ะ เนื้อนิ่มมม หอมมมม ทานคู่กับซอส gorgonzola ที่มีส่วนประกอบของBlue Cheese นี่ทำให้เนื้อละมุนลงได้บ้าง
และถือเป็นการเปลี่ยนรสชาติเนื้อๆเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญเจ้า Chianti นี่จิบแล้วลื่นคอมีความสุขมากกก ไวน์แดงนี่ช่างเข้ากับเนื้อsteak จิงจริ๊งงงง

Mamma Guisy's Recipe Tiramisu

Mamma Guisy's Recipe Tiramisu
ปิดท้ายมื้อด้วย Mamma Guisy's Recipe Tiramisu (170.-)ของหวานแสนclassic อย่าง Tiramisu คือจะบอกว่ามันอร่อยมากกกก หอมมมมกลิ่นเหล้าแบบมาเต็มมาก มูสและตัวเนื้อเค้กเข้มข้นสุดๆ ยิ่งได้จิบ Sparkling Wine ตัดรสนะคะ จะยิ่งทำให้ได้กลิ่น และรสของเจ้าตัวนี้มากขึ้นค่ะ

SERVICE & VALUE
เซอวิสดีมากค่ะ แม้ว่าอาหารจะมาช้านิดหน่อยค่ะ แต่เรานั่งชิลล์ไปคุยไปไม่รู้สึกว่านานค่ะ ให้ป้าพริ้งตีราคาต่อหัว ทั้งอาหารและไวน์รวมกัน ถ้ามาทานร้านนี้ น่าจะคนละประมาณ 800-1,200บาท (ถ้าไม่ทานเอาเมามายนะ)ได้ข่าวว่ามี Set Menu pairing wine ด้วยในราคาประมาณ 1,300 บาท ค่ะ

ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้
โดยรวมร้านนี้ให้เราเกินความคาดหมายค่ะ จริงๆอยากหาที่นั่งทานไวน์ ทานอาหารฝรั่งเบาๆนิดๆหน่อยๆ แต่เอาจริงๆ ร้านนี้อาหารอร่อยเกินที่เราคาดไปมาก แถมมีจานที่ทำได้เหนือความคาดหมายเช่น Linguine pasta , Beef Tenderlion Steak และก้อ Tiramisu ที่ปัดนี้ พยายามหารสชาติ Tiramisu แบบนี้กินในกรุงเทพ มันไม่มีค่ะ หาอร่อยเท่าไม่ได้อ่ะ