แนะนำว่าใครอยากมาทานอาหารที่นี่และอิ่มเอมกับวิวให้ได้เต็มอิ่มควรมาก่อนพระอาทิตย์ตกสักครึ่งชั่วโมงค่ะ จะได้อีกความรู้สึกนึงกับวิวตอนมืดสนิท ถ้าเรานั่งอยู่ที่สูงขนาดนั้นวิวที่ได้จะเหมือนเรานั่งอยู่ท่ามกลางดวงดาว แบบ360องศา สุดแสนจะโรแมนติก วิวจะเป็นคนละแบบกับห้องBai Yun ที่อยู่ชั้น 59 นะ
FOOD
Dinner Set จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ 4 course กับ 5 course เราเลือกแบบ4คอร์ส+Wine Pairing ค่ะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแค่setเล็กก็อิ่มมากๆตลอด
Complementary
นำร่องมาโดยขนมปังแบบต่างๆตามระเบียบ ขนมปังที่เค้าให้เป็นcomplementary นี่เป็นด่านแรกที่เป็นเครื่องพิสูจน์เลยว่า ฝีมือเชฟร้านนั้นๆจะเข้าปากเราหรือไม่ ถ้าลองทานแล้วถูกใจนี่มื้อนั้นมีแววประสบความสำเร็จในการกินแพงและอร่อยสูงค่ะ ซึ่งพิ้งค์ทานขนมปังเรียกน้ำย่อย คู่กับChampagneค่ะ ซาบซ่านทีเดียว
ต่อด้วย Langoustine Carpaccio เจ้าตัว Langoustineนี้เนื้อจะคล้ายๆกุ้ง แต่ใส หวานกรอบกว่า ปรุงมาแบบดิบ ทานคู่กับ Chardonnay นี่ คือลืมตาย ชอบจานนี้มากๆ เนื่องจากได้ความสดชื่นจาก Langoustine ตัดtexture กรุบกรอบด้วยRice cracker ที่ย้อมสีด้วยsquid ink, เพิ่มความสดชื่นด้วยlangoustine consommé jelly และอีกความสดชื่นเย็นใจ มีจาก Shiso Granite ในแก้วใส
Transparent Egg
Green Asparagus . Parmesan . Pata Negra
Transparent Egg เป็นเมนูที่นำไข่มาcookภายใต้อุณหภูมิ 60 องศา ภายใน 40 นาที topด้วยpamesan cheese foam และ asparagus ทานคู่กับPata Negra ความนุ่มนวลๆ ตัดกับรสเข้มๆจากแฮมสเปน และขนมปังกรุบๆด้านข้างๆจานนั่นแหละ จานนี้ทานคู่กับ Chardonnay #นอนตายตาหลับ
Low Temperature Roast Veal
Low Temperature Roast Veal - vanilla flavored cauliflower purée and Truffle polenta อันนี้ chef recommend เป็นทานเป็น medium well ถามเรา เราว่าจานนี้เป็นจานที่ทานง่าย ไม่ต้องปีนบันไดทำความเข้าใจ แต่ท่าทางน่าจะทำยากอยู่ มันไม่เหมือนsteakเนื้อดีๆที่เราเคยทานแบบปกติค่ะ ค่าที่ว่ามันนุ่ม มันได้รสเนื้อแต่ก็ไม่มากแบบพวก Grass-fed และ texture และความนุ่มที่ได้ นี่มันไม่แข็งแต่ก็ไม่นุ่มทั้งที่ cook มาแบบ medium well
Monk Fish Tail
Kurobuta Pork
ด้านบน2จานเป็น Main Course ของเพื่อนๆค่ะ พิ้งค์ไม่ได้ขอชิม แต่ถ่ายรูปมาให้ทุกท่านดูด้วย
พักทานmain courseสัก 15 นาที ก็ให้เค้าserve ของหวาน ของหวานยังมี 2 course แม่เจ้า!
Earl Grey Tea Pannacotta
Mint Jelly . Jasmine Foam
จานนี้เป็นของหวานที่คิดได้อย่างไง คือมาในจังหวะเพื่อให้เราcalmจาก main course เป็นตัว Earl Grey Tea Pannacotta - Earl Grey Tea pannacotta, Mint Jelly and Jasmin Flower Mousse ซึ่งมีชาเป็นส่วนประกอบหลัก ไม่หวานเลี่ยนแบบของหวานที่เราคาด หวานนิดๆ ครีมๆ กลิ่นและรสของชานั่นเป้นส่วนหนึ่งที่ calm ลิ้นปากและได้ดี เพื่อให้เราเริ่มของหวานจานสุดท้ายได้อย่างอิ่มเอม
นี่ล่ะ ทำไมร้านดีๆ chef ดีๆ เราถึงrecommendให้ท่านกินset menu เพราะchef คิดมาให้อย่างดี ว่าเราควรทานอะไรต่อจากอะไร หรือคั่นกลางมาด้วยอะไร (คล้ายๆฟังเพลงแยกเพลง กับฟังทั้ง studio album นี่ได้อะไรที่ต่างกันมาก ชักจะติสท์ไปใหญ่ล่ะ)
ขอคั่นกลางระหว่างของหวานด้วย
แท๊แด
.
Rose
Hot/Cold Strawberry
Hot StrawberryGreen Tea butter biscuit . roasted strawberry . vanilla ice cream
Cold Strawberry Cinnamon biscuit . orange blossom cream . black sesame flavor
Duo of Ho and Cold Strawberry อันนี้เป็นของหวานน่ารัก น่ากินและคิดมาเยอะอีกแล้ว คือจานที่ทานต่อจากpannacotta ที่ค่อนข้างจะมีรสและกลิ่นชามาเยอะ ต่อด้วยการทานจาน Hot Strawberry - Green Tea butter biscuit, oasted strawberry, vanilla ice cream มาตัดรสด้วยความเปรี้ยวของ strawberry ความนุ่มเย็นของไอศกรีม Shortbread ของฝรั่งเศสแต่infuseชาเขียวเข้าไป (blend กลมกลืนกับ earl grey pannacottaก่อนหน้านี้ได้ดี) ตรงกลางมีความกรุบกรอบเคลือบคาราเมล ทานคู่กับ ROSE นี่.... หืมมมมม อร่อยมากกกกก จบจริงๆที่ Cold Strawberry - Millefeuille strawberry ชิ้นเล็กๆ ที่ทำจาก Cinnamon biscuit สอดไส้ด้วยCinnamon biscuit ปิดท้ายมื้อได้อย่างงดงามมากค่ะ chef
ของหวานจากเชฟเล็กๆ
ของหวานปิดท้ายเล็กๆน้อยๆจากchef เป็น chocolate เล็กๆ และ Financier ค่า ตัว Financier นี่หากินยากนะ พิ้งค์เห็นนี่ดีใจเนื้อเต้นรีบคว้ากินเลยทีเดียว ปิดท้ายด้วยช๊อกโกแลต เดินไปกลิ้งกลับลงจากVertigo เลยทีเดียว
มื้อนี้น่าจะเป็น Michelin ที่กินในกรุงเทพแล้วรู้สึกคุ้มค่าที่สุด (บางมื้อที่กินแล้ว รู้สึกไม่คุ้มก็จะไม่ได้เอามาเขียนค่ะ ฮ่าๆ)
SERVICE
บริการที่ห้องนี้ ดีมากๆ staffนี่ใส่ใจลูกค้าตาดำๆอย่างเรามาก รู้สึกเป็นเจ้าหญิงขึ้นมาแป๊บนึงเลย ให้ช่วยถ่ายรูปให้นี่วิวอย่างสวยอ่ะค่ะ แนะนำว่าเป็นที่ที่ควรพาแฟนไปเดท พาภรรยาไปทานข้าว หรือไปแบบfamily ก็ได้ เพราะบริการดีขนาดนี้ นี่ไม่ทำให้เราเสียอารมณ์แน่ๆ รับประกัน
VALUE
มื้อนี้ พิ้งค์ทานแบบ 4 course กับ Wine Pairing ราคาตกอยู่ 6,000 บาท++ ถามว่าคุ้มไหม ต้องตอบว่าคุ้มมาก เพราะปกติถ้ามาทานมื้อเย็นที่Vertigo นี่ก็ตกคนละ4,000บาทเข้าไปแล้ว แต่นี่เป็นMichelin คิดว่าคุ้มค่ามากค่ะ แต่ควรมาเริ่มมื้อก่อนพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
LOCATION
Vertigo Restaurant
Banyan Tree Bangkok , Sathorn Rd. , Bangkok
hostesses-bangkok@banyantree.com / +6626791200
Related Links :