บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Life&Family(45)...จงแก้พื้นฐานความริษยาแต่เยาว์วัย






ท่านพ่อแม่ที่นับถือทั้งหลาย...

ในคำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสไว้ตอนหนึ่งว่า อรติ โลกนา สิกาแปลว่า ความริษยาทำให้โลกฉิบหาย พุทธภาษิตบทนี้บอกให้เข้าใจว่า ความริษยามีโทษมากอย่างไร ในเวลาที่เราพูดกันมักเข้าใจผิดในคำพูดสองคำ คือคำว่าอิจฉา เช่นพูดว่า อย่าไปอิจฉาเขาเลย ผู้พูดหมายถึงอย่าไปริษยาเขาเลย...แต่ใช้คำผิดไป อิจฉา แปลว่าความอยากได้ เช่น พูดว่า อิจฉาตาร้อน หมายถึงความอยากได้ทำให้ตาลุกวาวเป็นประกายดูคล้ายกับจะเป็นเปลวไฟขึ้นมา ฉะนั้น เราจึงเรียกว่าตาร้อน มีลักษณะต่างจากความริษยา

ตัวริษยาหมายถึงความไม่พอใจ ไม่ยินดีในความดีความก้าวหน้าของคนอื่น เห็นใครดี ก้าวหน้า มีเกียรติมีชื่อเสียงขึ้นละก็...ใจของคนผู้มีริษยารู้สึกไม่สบายไม่อยากให้เขาเป็นเช่นนั้น ไม่อยากให้ใครมาเอ่ยชื่อหรือความดีของผู้นั้น อย่างนี้เรียกว่า ความริษยา มันเป็นตัวกิเลสที่เกิดขึ้นในใจของบุคคลใดแล้ว ย่อมทำให้ผู้นั้นร้อนใจเหมือนมีไฟเผาตนเองอยู่ตลอดเวลา

ตัวริษยามีภาวะแตกต่างจากมุทิตา อันหมายถึง ความยินดีในความดีความงามของผู้อื่น มุทิตาเป็นไปในลักษณะประสานผูกเกลียวสัมพันธ์ให้แน่นเข้า แต่ริษยาเป็นตัวทำลายให้สิ่งทั้งหลายพินาศไป จึงเป็นตัวมารร้ายประการหนึ่งในหมู่มนุษย์

ในเรื่องเกี่ยวกับผลของกรรมที่ตนได้ทำไว้ และให้ผลต่างๆ กันแก่ผู้กระทำ ผู้มีความริษยาในใจเสมอๆ ย่อมทำให้เป็นคนมีศักดิ์น้อยตายแล้วไปสู่อบาย ทุคติ วินิบาตนรก เพราะผลแห่งความริษยาบรรดาความยุ่งยากเดือดร้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์อย่างมากมายนั้นมีส่วนมาจากความริษยามิใช่น้อยทีเดียว คนที่มีความริษยานั้นมักมีอาการหึงหวงเข้ามาแทรกแซงในใจ เป็นผู้มีปกติหน่วงเหนี่ยวสิ่งที่ตนมีตนได้ไว้เป็นของตนเสมอ ไม่อยากให้ใครมีอะไรเหนือหรือดีเท่าตน มักหาทางทำลายความก้าวหน้าในการงานของผู้อื่นอยู่เสมอ

ในด้านทำลายจิตใจให้เสื่อมโทรมแล้ว ความริษยาเป็นตัวทำลายมากทีเดียว ผู้ริษยาย่อมเดือดร้อนเสมอ แต่ผู้ถูกริษยายังไม่มีอะไรเกิดขึ้นแก่เขาเลย เขายังมีการกินอยู่หลับนอนอย่างสบาย แต่ผู้ริษยาหาได้มีอะไรเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเขาคอยคิดไม่พอใจ ไม่ดีใจต่อความเป็นอยู่ในการกระทำของผู้ที่เขาไม่ชอบอยู่เสมอ คนมักริษยาเป็นคนที่น่าสงสาร เป็นคนที่สมควรจะได้รับการเยียวยาให้เป็นปกติเสียโดยเร็วขืนปล่อยไว้เขาจะกลายเป็นคนเสียคนได้อย่างง่ายดาย เพราะเมื่อคนขี้ริษยาแก่ตัวเข้า...เขาก็คงทำการเบียดเบียนตนและผู้อื่น บางทีอาจจะต้องติดคุกติดตะราง หรืออาจถูกฆ่าตายเพราะความริษยาก็เป็นได้ ความริษยาจึงเป็นภัยโดยแท้ ท่านผู้ใดมีโรคประเภทนี้อยู่ในใจ...ก็จงหาทางทำลายเสียเถิด อย่าปล่อยให้งอกงามขึ้นในใจของท่านอีกเลย

ท่านผู้ฟังอาจนึกว่า เอ! ท่านพูดแต่เรื่องความริษยา ไม่เห็นจะพูดเกี่ยวกับเด็กเลย ไม่สมกับบทความที่สอนให้รักลูกให้ถูกทาง รักลูกด้วยจริยธรรมเลย โปรดอย่าได้ด่วนคิดเช่นนั้น ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านได้เห็นโทษของความริษยาเสียก่อนว่ามีประการใดบ้าง เป็นสิ่งน่ากลัวขนาดไหนเพื่อให้ท่านได้เห็นก่อน แล้วจะได้หาทางป้องกันมิให้เกิดขึ้นอีกต่อไป

สงครามในเรื่องศาสนาของพราหมณ์ที่เรียกว่าภารตยุตนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากความริษยาโดยแท้ ความริษยานั้นมีผลทำให้ผู้คนทรัพย์สมบัติต้องสูญเสียไปอย่างเป็นจำนวนมากมายก่ายกอง ถ้าเราอ่านประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ ก็จะพบว่า ความริษยาเป็นมารที่คอยอยู่หลังม่านให้เกิดความโกลาหลเสมอ จึงได้พูดกับท่านทั้งหลายก่อนดังนี้ เพื่อจะได้รู้ไว้ว่ามันเป็นศัตรูของความสงบสุข ความก้าวหน้าของสังคม เป็นเหตุให้เกิดแข่งขันกันในทางที่ไม่สมควร เรื่องความริษยาเป็นเรื่องที่เรามีทางที่จะแก้ไขปรับปรุงกันได้ ทำไม่ให้เกิดขึ้นก็ได้ ถ้าเราสมัครใจจะกระทำเช่นนั้น จึงขอให้ท่านพ่อแม่ทั้งหลายพึงสำเหนียกไว้สักหน่อย เพราะพ่อแม่มีส่วนสำคัญในการสร้างนิสัยมักริษยาให้เกิดแก่เด็กของท่าน

มีเรื่องที่ข้าพเจ้าจำได้...ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กอยู่วัด พวกเราประมาณสี่สิบคนไปเรียนโรงเรียนมัธยม ต้องไปพักอยู่ที่วัดกับพระ เมื่ออยู่กันมากๆ...เป็นธรรมดาต้องมีอะไรที่ไม่ควรเกิดขึ้นบ้าง มีเด็กคนหนึ่งเป็นคนมีร่างกายอ่อนแอบอบบางมีโรคประจำตัวเสมอ ทำงานที่หนักๆ อะไรไม่ค่อยได้ พระผู้ปกครองก็เอาใจใส่ต่อเด็กคนนี้เป็นพิเศษ เพราะเห็นว่ามีอะไรผิดปกติอยู่ เด็กคนนี้จึงมิได้ทำงานอย่างที่คนอื่นทำ แต่เวลาได้อะไรมักได้เป็นพิเศษมากกว่าผู้อื่นอยู่เสมอๆ จึงทำให้เกิดความเพ่งเล็งจากเด็กอื่น ผลที่สุดกลายเป็นความริษยาอย่างแรง จนกระทั่งวันหนึ่งเด็กผู้มีความริษยานั้น...ได้เอาไม้ฟืนท่อนขนาดหนักพอสมควรตีนายคนอ่อนแอนั้นเจ็บเอามาก และต้องได้รับโทษจากผู้ปกครองอีกเพราะความผิดของตน

เรื่องนี้ให้เห็นว่า ความรักของผู้ปกครองที่ไม่สมดุลอาจก่อให้เกิดความริษยาแก่ผู้อื่นได้ มารดาบิดาจึงควรระมัดระวังในการแสดงความรักต่อลูกของตน อย่าได้แสดงความรักแบบอคติเป็นอันขาด

พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า ความลำเอียงสี่ประการ คือลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะกลัว ลำเอียงเพราะชังลำเอียงเพราะหลง เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ปกครองคนหลายคนพึงระวังให้มาก เพราะถ้าหากผู้ใหญ่เกิดความลำเอียงขึ้นมาเมื่อใด ก็เท่ากับจุดเพลิงของความริษยาขึ้นเมื่อนั้น ความรักระหว่างผู้อยู่ใต้ปกครองร่วมกัน ก็จะเกิดความไม่ราบรื่นขึ้นและอาจนำไปสู่ความเสียหายในภายหลัง องคุลิมาลที่ต้องกลายเป็นโจรไปเพราะอะไรเล่า? เพราะว่าอาจารย์ทุ่มเทความรักให้แก่เขามากเกินคนอื่นๆ ศิษย์คนอื่นๆ ได้เห็นแล้วก็เกิดความริษยา จึงหาทางทำลาย และผลที่สุดองคุลิมาลต้องเป็นโจรไปเพราะความผิดของท่านอาจารย์โดยแท้ผู้ใหญ่ทุกคน...จึงควรรักษาดุลแห่งความรักไว้เสมออย่าให้ลำเอียงได้เป็นดี

ข้าพเจ้าเคยพบผู้หนึ่ง เป็นคนปฏิบัติตนตามกฎของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างดี มีความซื่อตรงตามเหตุผลเสมอท่านผู้นี้มีลูกหลายคนและเลี้ยงลูกโดยวิธีที่ถูกต้องเป็นอย่างดีเช่น เสื้อผ้าของลูกก็ตัดให้แบบเดียวกัน สายสร้อยก็ทำให้แบบเดียวกันน้ำหนักเท่ากัน แหวนที่ลูกใส่ก็ทำให้แบบเดียวกัน และรูปเหมือนกันทุกอย่าง...กลายเป็นแหวนที่บอกว่าอยู่ในครอบครัวเดียวกัน จะให้เงินแก่เขาไปโรงเรียนก็ให้เขาเท่าๆ กัน ให้เขาถือเอาตามความพอใจของเขาแบบเดียวกัน เวลานอน กิน ก็ให้เขาทำพร้อมๆ กัน ถ้าจะพาไปดูหนังหรือไปเที่ยวท่านก็พาไปพร้อมๆ กัน เว้นไว้แต่ลูกคนใดไม่สมัครใจจะไปเท่านั้น ปรากฏว่าทุกคนในครอบครัวมีความสุขสบายอันดี และทุกคนก็เคารพรักพ่อแม่เป็นอย่างดีมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขเสมอ ครอบครัวนี้...เป็นตัวอย่างของครอบครัวที่ไม่สร้างความรู้สึกให้เกิดในใจของเด็กๆ และเมื่อเขาไม่เคยเป็นคนมักริษยาขณะเป็นเด็ก โตขึ้นก็คงไม่มีอารมณ์แบบใดมาทำให้เขาเสียคนไปได้ จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรระมัด ระวังไว้เป็นพิเศษเสมอ อย่าได้ทำอะไรอันจะก่อความริษยาขึ้นในใจของเด็กๆ เป็นอันขาด

พ่อแม่บางคนอยากเห็นลูกแสดงอาการแปลกๆให้ดู อยากเห็นลูกร้องไห้เพราะการกระทำของตน เช่น พูดเย้าเด็กว่า แม่ไม่รักหนูแล้วแม่รักน้องมาก

กว่าหนู หนูไม่ใช่ลูกของแม่...น้องเท่านั้นเป็นลูกของแม่ พร้อมกับคำพูดก็ทำท่าไม่เอาใจใส่ต่อลูกคนโต ไปอุ้มลูกคนเล็กขึ้นจูบประทับไว้กับอกของแม่ ลูกคนโตก็น้อยใจ เสียใจเพราะแม่ไม่รักไม่ชอบ ผลสะท้อนก็เกิดขึ้นในใจของเขา เห็นว่าน้องนี้มาแย่งความรักของตนไป ต่อจากนั้นก็เกลียดน้อง และบางทีอาจหาเรื่องทำลายน้องของตนก็ได้ พ่อแม่ทำเช่นนี้เป็นความผิดความจริงก็ทำเพียงแต่เย้าเด็กเล่น แต่เด็กไม่เข้าใจในความหมายของผู้ใหญ่ว่าเป็นเรื่องเล่น เขานึกว่าเป็นเรื่องจริงก็โกรธและก่อโทษให้แก่ใจของเด็กภายหลังนับเป็นข้อเสียประการหนึ่ง

พ่อแม่มีลูกหลายคนก็ควรเอาใจใส่ต่อลูกให้สม่ำเสมอ และเป็นแบบเดียวกัน อย่าทำแก่คนนี้อย่างหนึ่งไพล่ไปทำกับคนโน้นอย่างหนึ่งอันเป็นทางสร้างความกระทบกระเทือนแก่ใจของเด็ก และทำให้เกิดความริษยาขึ้นมาได้ในภายหลัง การกระทำในรูปใดก็ตามที่ก่อให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจแก่เด็ก...เป็นเรื่องไม่ควรทั้งนั้น เพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ นำไปสู่นิสัยริษยาจึงเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ ขออย่าได้ทำอะไรในเรื่องสนุกๆ แต่ก่อความทุกข์ขึ้นในใจเด็กของท่านเป็นอันขาด การกระทำเช่นนั้นจะเกิดขึ้นภายหลัง เพราะถึงว่าแม้ลูกของท่านจะเป็นเด็กน้อยๆ แต่เขาก็มีหัวใจสำหรับคิด และมีความรู้สึกที่เกี่ยวกับได้เสียเช่นเดียวกับผู้ใหญ่เหมือนกัน เด็กที่เกิดความริษยาขึ้นในใจแล้ว ย่อมเกิดความโกรธ และความเกลียดชังต่อบุคคลที่ทำให้ตนต้องน้อยอกน้อยใจ เช่น โกรธคุณพ่อคุณแม่ โกรธพี่น้องที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่ออารมณ์ประเภทนั้นแก่เขา ความโกรธเกลียดนั้นเป็นโทษภัยอย่างไร ท่านทั้งหลายทราบกันดีอยู่แล้ว

อีกประการหนึ่ง ความน้อยเนื้อต่ำใจของเด็กๆ เป็นเหตุกีดขวางความก้าวหน้าของเด็ก ทำให้เขากลายเป็นคนขี้อาย เก็บตัว ไม่อยากสุงสิงกับใครๆ เป็นคนไม่อยากพบเพื่อนฝูง เพราะขาดกำลังใจ รู้สึกว่าตนไม่มีใครรักไม่มีใครเอาใจใส่เสียเลย...สู้คนอื่นเขาไม่ได้ ต่อไปก็เกิดความไม่ชอบใจ และอาจจะมีความมุ่งมั่นในทางที่ไม่ดี เพื่อทำตนให้ใครๆ ได้เอาใจใส่ตนขึ้นมาบ้าง ข่าวเป็นภัยเกี่ยวกับเด็ก เช่น เด็กชาย 8 ขวบ ทำร้ายน้องของตนจนตายนั้น เนื่องจากความริษยาเป็นข้อใหญ่จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรจะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ และควรหาทางป้องกันมิให้เกิดอาการเช่นนี้ขึ้นในใจของเด็ก แต่ควรที่จะหาทางเพาะความพลอยยินดีต่อกัน ให้เกิดความรักความเอ็นดูต่อกัน โดยการสอนเด็กของท่านให้รักเพื่อนฝูง ให้รักและสงสารน้องๆ ด้วยวิธีการที่ควรกระทำ เช่นสอนเด็กให้รู้จักแบ่งปันของเล่นของกินให้เพื่อนฝูง หรือเด็กที่เล็กกว่าตนเอง เป็นการสร้างไมตรีจิตด้วยการให้ปันดังคำของพระพุทธองค์สอนว่า การให้ย่อมยังมิตรภาพให้เจริญ

เด็กที่ได้รับของแจกจากเพื่อนเด็ก ก็ย่อมรักและมีไมตรีต่อกันได้เป็นอย่างดี ถ้าเด็กของท่านมีน้อง...จงพยายามให้เขาได้ทำการช่วยน้อง เช่น นั่งดูน้อง ให้เขาได้จับต้องได้โอบอุ้มแสดงความรักต่อน้องของเขา อธิบายให้เขาเข้าใจว่า น้องก็รักเขาและเขาก็ควรรักน้อง พี่กับน้องเป็นเหมือนแขนขวาแขนซ้าย ต้องอิงอาศัยกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าท่านเห็นพี่ทำอะไรอันเป็นการแสดงออกของความไม่พอใจต่อน้อง ขอให้ท่านจงป้องกันทันที โดยพูดหรือทำให้เขาเข้าใจว่า การกระทำในรูปนั้นเป็นเรื่องไม่ดี อย่าได้มองไปในแง่ที่ว่าการริษยาของพี่น้องเป็นเรื่องน่าเอ็นดูไปเป็นอันขาดเช่น พี่ทำท่าหักขาน้อง หรือว่าพี่ทำท่าจะกัดน้องด้วยความริษยาตามประสาเด็กๆ ขออย่าได้เห็นเป็นเรื่องน่าขำน่าเอ็นดูเลย เพราะว่าอาการเช่นนั้นเป็นภาพเบื้องต้นของความไม่ดีในอนาคต

ถ้าลูกของท่านแสดงอาการริษยาต่อเด็กคนใดนั้นท่านจะต้องตักเตือนทันที ถ้าเขากำลังสนุกกันและท่านอยากจะสนุกด้วย ท่านต้องระมัดระวังเป็นพิเศษอย่าให้เขาเกิดความริษยาขึ้นมา การเห็นเด็กมีโมโหท่านกลับชมนั้น...ไม่เป็นการชอบ เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดอารมณ์แก่เด็กผู้มีความริษยาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ให้ได้กำไรความริษยาเพิ่มขึ้นอีกเป็นการเสียหายโดยส่วนเดียว

ความริษยาที่ก่อรูปขึ้นในใจของเด็กคนใดแล้ว หากบิดามารดาไม่มีความคิดในทางถูกเพียงพอ ไม่หาทางกำจัดความริษยาออกจากใจของเด็ก เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เขาจะมีความริษยามากขึ้นตามอายุ และสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ห้ามได้ยาก เหมือนไฟกองโตย่อมดับได้ยาก เด็กที่เจริญด้วยความริษยาย่อมไม่อยากเห็นใครดีใครเด่นเกินหน้าตนออกไป เมื่อเห็นใครดีเด่นกว่าก็หาทางทำลายป้ายสีบ้าง ทำร้ายเขาบ้างผลที่สุดตนก็ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ เป็นใหญ่เป็นโตกับเขาก็ไม่ได้ เพราะที่ไม่ยอมให้ใครดีนั้นแล้ว...ตนจะมีความดีได้อย่างไร ใครจะทำอะไรก็ต้องให้ความดีความเด่นติดอยู่กับตัวจึงจะชอบ มิฉะนั้นต้องหาทางทำลายอยู่เสมอ เขาจึงกลายเป็นคนชนิดเข้าที่ไหนแตกที่นั่น ความยุติธรรม ย่อมไม่มีในคนผู้มีใจมักริษยาและมักคิดว่าทุกคนอยุติธรรมต่อตนเสมอ น้ำใจที่สะอาดและยินดีในความดีของผู้อื่นไม่มีจึงมีทำแต่เรื่องยุ่งยากแก่ตนแก่ท่าน อนาคตของคนมักริษยาจึงมืดมนตลอดกาล นี้เกิดจากความไม่สนใจในการแก้นิสัยของเด็ก หรืออาจยุเด็กให้มีนิสัยในรูปนั้นเสียด้วย เป็นการเสียหายมิใช่น้อย จึงระวังให้จงหนัก อย่าได้กระทำกิจอันจะก่อให้เกิดความริษยาขึ้นในใจลูกของท่านเป็นอันขาด

ขอให้รู้ว่า...โลกกำลังต้องการความดีประเภทที่เห็นดีเห็นงามกับการกระทำของคนอื่น และช่วยเหลือกันก่อความดีให้เกิดแกุ่มนุมชนเสมอ เมืองไทยต้องการความพลอยยินดีในความดีของคนอื่น และให้ทุกคนช่วยกันสร้างสรรค์ให้ชาติไทยก้าวไปสู่ความเจริญก้าวหน้าตามแนวของพุทธธรรม...หน้าที่นี้ตกอยู่กับพ่อแม่ทั้งหลาย...

^_^


เรื่องและภาพจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด




Create Date : 11 มกราคม 2554
Last Update : 11 มกราคม 2554 12:35:53 น. 0 comments
Counter : 524 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.