บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Life&Family(51)...กินดื่มควบคุมกรดด่าง







ก้อเป็นผู้หญิงนี่คะ เรื่องการดูแลสุขภาพ และร่างกายให้แข็งแรง สวยใสน่ะ ถือเป็นหน้าที่หลักของชีวิต ที่สาวเราเต็มใจปฏิบัติกันอยู่แล้ว จริงมั้ย?

หลายคนยอมเสียเงิน ซื้อผลิตภัณฑ์ประทินผิวแสนแพงมาใช้ เพื่อหวังปรนนิบัติผิวพรรณให้ผุดผ่อง แต่เชื่อมั้ยคะ ว่าคุณอาจไม่ต้องทุ่มทุนจ่ายหนัก แบบที่กล่าวมาข้างต้นเลย เพียงถ้าคุณจะลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการดื่มน้ำเท่านั้น!

ภคนิจ ศรัทธา ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรมศูนย์สุขภาพผิวแห่งหนึ่ง ได้อธิบายธรรมชาติของหนุ่มสาววัยทำงานในปัจจุบันว่า มักละเลยการดูแลสุขภาพ จนเมื่อร่างกายเริ่มอ่อนแอนั่นแหละ ถึงจะรู้ตัว

“ส่วนมากคนในช่วงอายุประมาณ 25 - 40 ปี จะเป็นช่วงวัยทำงาน สร้างเนื้อสร้างตัว จนบางครั้งอาจจะเกิดความเครียด เวลาในการจะดื่มน้ำ หรือเข้าห้องน้ำอาจจะน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่พอช่วงวัย 40 ไปแล้ว ถึงจะเริ่มนึกถึงสุขภาพร่างกาย เพราะว่าร่างกายมันเริ่มฟ้องแล้ว อย่างเช่น ผิวพรรณที่ดูไม่ผ่องใส ความอ่อนล้า ไม่มีแรง รู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจไม่ค่อยสะดวก แล้วก็รู้สึกเครียดง่าย”

หลักการเลือกรับประทานอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดี

“คนเราจะสุขภาพดีได้ ไม่ควรจะทานอาหารเกิน 3 - 4 มื้อต่อวัน โดยนับเป็นครั้งค่ะ ระหว่างมื้อก็นับเป็นครั้งด้วย เพราะร่างกายต้องย่อย ต้องดื่มน้ำ ต้องทานอาหารเข้าไปเหมือนกัน และต้องคำนึงด้วยว่า อาหารของเราแต่ละมื้อ ทั้งเช้า กลางวัน เย็นนั้น เราทานครบ 5 หมู่หรือไม่”

นอกจากจะแนะว่าควรรับประทานอาหาร 3 - 4 มื้อ ครบทั้ง 5 หมู่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ภคนิจบอกว่า เท่านั้นยังไม่พอค่ะ เพราะถ้าจะให้ร่างกายได้รับปริมาณอาหารที่เหมาะจริงๆ ควรคำนึงถึงเรื่องสัดส่วนการรับประทานอาหาร เพื่อให้ร่างกายได้รับกรด - ด่างในปริมาณที่เหมาะสมด้วย

“ในเชิงทฤษฎี ศาสตร์ของเรื่องอาหารและน้ำดื่มเราจะแบ่งประเภท อาหารและน้ำดื่มออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ ประเภทที่เป็นกรด (Acid) กับประเภทที่เป็นด่าง หรืออัลคาไลน์ (Alkaline)”

หากแยกอาหารใน 5 หมู่ที่เราคุ้นเคยออกมาเป็นกรด-ด่าง จะสามารถแยกได้ดังนี้

โปรตีน (Protein) นม ไข่ เนื้อสัตว์ และถั่วต่างๆ เมื่อร่างกายย่อยแล้วจะกลายเป็นกรด

คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล เมื่อร่างกายย่อยแล้วจะกลายเป็นกรด

ไขมัน น้ำมัน ไขมันจากพืชและสัตว์ เมื่อร่างกายย่อยแล้วจะกลายเป็นกรด

ผัก เมื่อร่างกายย่อยแล้วจะกลายเป็นด่าง

ผลไม้ เมื่อร่างกายย่อยแล้วจะกลายเป็นด่าง

กูรูด้านผิวอธิบายต่อว่า อาหารประเภทผักและผลไม้ ที่ย่อยแล้วเกิดด่าง ถือเป็นอาหารที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย แต่ปัจจุบันคนจำนวนมาก มักนิยมรับประทานอาหารประเภทที่ย่อยแล้วกลายเป็นกรด มากกว่า ซึ่งอาหารจำพวกนี้เมื่อทานเยอะเกินไป ท้ายที่สุดแล้วก็กลายเป็น ‘ขยะ’ ของร่างกาย

“คนสมัยนี้นิยมดื่มน้ำอัดลม ขนมหวาน แป้ง และเนื้อสัตว์กันมาก ซึ่งถ้าจัดหมวดหมู่แล้วจะเห็นเลยว่าเป็นอาหารประเภทกรดทั้งนั้นเลย ถ้าอาหารประเภทโปรตีน ร่างกายย่อยเล็กสุด ก็จะเป็นกรดอะมิโน ไขมัน - น้ำมัน ย่อยแล้วจะเป็นกรดไขมัน คาร์โบไฮเดรต ย่อยแล้วจะเป็นน้ำตาล เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นกรดที่เกิดขึ้นในร่างกาย ทานมากเกินไปผลผลิตมันก็กลายเป็นขยะในร่างกายได้อย่างอาหารประเภทโปรตีน ย่อยแล้วเกิดกรดยูริก (Uric acid) อาหารประเภทไขมัน ย่อยแล้วได้กรดไขมันแตกตัวสั้นๆ หรือแม้กระทั่งอินทรีย์สารต่างๆ ที่เกิดเป็นกรดในร่างกายค่อนข้างเยอะ เหล่านี้คือขยะทั้งหมด” และเมื่อมีขยะเหล่านี้ จำนวนมากสุดท้ายก็เป็นบ่อเกิดของโรคภัยนั่นเอง

“เมื่อมีกรดในร่างกายมาก สิ่งต่างๆ ที่เป็นกรด ของเสียที่เกิดจากการทานอาหาร กลายเป็นกรดยูริค กรดไขมัน หรือคอเลสเตอรอล (Cholesterol) ต่างๆ เหล่านี้จะเกิดโรคอะไร ก่อนอื่นเลยคือน้ำหนักเกิน ความดันสูงตามมา ความดันโลหิตสูงเกิดขึ้น พอความดันโลหิตสูงแล้วจะเกี่ยวข้องหมดเลยค่ะ ระบบหัวใจ ความผิดปกติในเรื่องของหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจเฉียบพลัน ส่วนกรดยูริกก็จะทำให้เป็นโรคเก๊าท์ปวดตามข้อ”

รับประทานกรด-ด่าง สัดส่วนเท่าใดจึงพอเหมาะ

สัดส่วนการรับประทานอาหาร เพื่อให้ได้กรด-ด่าง ที่เหมาะสมนั้น ผู้เชี่ยวชาญคนสวยให้ข้อมูลว่าควรได้รับอาหารประเภทด่างให้มาก และลดปริมาณกรดให้น้อยเข้าไว้

“สำหรับสัดส่วนที่เหมาะสมนั้น ควรรับประทานอาหารประเภทด่าง หรืออัลคาไลน์ นั่นคือ ผัก ผลไม้ ให้ได้ 70 - 80% ในอาหารแต่ละมื้อ และลดอาหารประเภทกรดให้เหลือแค่ 20 - 30%”

ผู้จัดการฯ ภคนิจ แนะนำต่อไปว่า แม้การปรับพฤติกรรมการกินจะเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างมาก แต่คงไม่ต้องถึงกับเคร่งครัด จนตัวเองเครียดหรอกนะคะ ควรพยายามศึกษาหาข้อมูลผลเสียที่จะเกิดจากการกินแบบผิดๆ ให้มาก แล้วคุณจะทำได้เองโดยอัตโนมัติ

“สำหรับเรื่องนี้ เราคงไม่ถึงกับขนาดต้องเครียดว่าอันนี้ คาร์โบไฮเดรตหน่อยเดียว เนื้อสัตว์หน่อยเดียว ผักเยอะๆ พฤติกรรมของเรา ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกวันอาจจะเครียดได้ คือ ให้รู้ไว้น่ะคะ เพราะเวลาเรามีข้อมูลเยอะๆ เราจะรู้สึกว่าหยุดตัวเองได้ อย่างจะทานเบเกอรี่เข้าไป ก็คิดได้เองว่า เอ๊ะน้ำตาลนี่นา เราอาจจะหักห้ามใจทานแค่ครึ่งชิ้นได้โดยอัตโนมัติ”




ดื่มน้ำให้สวย ร่างกายแข็งแรง ต้องควบคุมกรด - ด่าง

เมื่อครบถ้วนในเรื่องการเลือกทานอาหาร อีกส่วนที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใสเปล่งประกายออร่า (Aura) คงไม่พ้นเรื่องของน้ำดื่ม ซึ่งก็มีหลักในการเลือกเช่นกัน

“การดื่มน้ำ ถ้าหากอยากสุขภาพดี ต้องเป็นน้ำประเภทด่าง หรือน้ำเปล่า 90% แล้วที่เหลือถึงจะเป็นน้ำประเภทอื่น” ผู้จัดการสาวเกริ่นถึงการดื่มน้ำที่เหมาะสม พร้อมอธิบายต่อว่า การจะทราบว่าน้ำชนิดใดเป็นกรด - ด่าง ต้องอาศัยการอ้างอิงจากค่าพีเอช (pH)

“พีเอช คือค่าการวัดความเป็นกรดด่าง ถ้าวัดได้ที่เลข 1 - 6 จะเป็นน้ำดื่มประเภทกรดพีเอชจะค่อนข้างต่ำ แต่ถ้าเป็น 8 - 14 จะเป็นค่าพีเอชที่บอกถึงความเป็นด่าง ส่วนตรงกลางคือ 7 ก็คือไม่มีความเป็นกรด เป็นด่าง ก็จะมีค่าเป็นกลาง ซึ่งค่าพีเอชนี้จะเป็นสิ่งที่บอกว่า อาหารหรือน้ำดื่มไม่ว่าจะอยู่ในรูปของกรดหรือด่าง จะเกี่ยวกับค่าพีเอช ของเลือดเสมอ ถ้าทานเข้าไปแล้วเกิดกรดในร่างกายมากๆ เลือดก็จะสูญเสียความสมดุล ซึ่งจะมีผลต่ออาการของโรคต่างๆ เช่น การหมดสติ”

ส่วนน้ำแต่ละชนิดก็มีค่าพีเอชที่แตกต่างกันไป ซึ่งหากอยากมีสุขภาพดี ก็ต้องเลือกดื่มน้ำที่ช่วยปรับค่าพีเอชในเลือดให้สมดุลด้วย

“น้ำอัดลมจะมีค่าพี่เอชอยู่ที่ 2.5, โซดา พีเอชที่ 3.2, เบียร์ 4.7 และน้ำเปล่าบรรจุขวด 6.8 ซึ่งถือว่าใกล้ค่ากลางแล้ว แต่อาจจะต้องมีความเป็นกรดอ่อนๆ เนื่องจากระบบของการฆ่าเชื้อโรค ส่วนน้ำกลั่น จะมีค่าความเป็นกลางเลย

ดังนั้นน้ำเปล่าที่เราดื่มจะเป็นค่ากลาง ถ้าดื่มไนปริมาณมาก ก็จะทำให้กรดภายในร่างกายน้อยลงจนเกิดความสมดุลได้ง่าย แต่ถ้าทางลัดก็คือ การดื่มน้ำดื่มประเภทอัลคาไลน์ หรือน้ำที่มีค่าพีเอชที่เป็นด่าง ค่อนข้างเยอะ จะได้ปรับความเป็นกรดที่อยู่ในร่างกายให้มันพอดี

ตัวอย่างเช่น ถ้าดื่มน้ำอัดลม 1 แล้ว ซึ่งมีค่าพีเอช 2.5 จะทำอย่างไรให้ร่างกายสุขภาพดี ก็ต้องดื่มน้ำที่เป็นด่างจำนวนมากเข้าไปทดแทนเพื่อไปปรับค่าพีเอช ให้กรดและด่างที่อยู่ในร่างกายสมดุล

แต่มันเป็นไปได้ยากที่จะทำอย่างนั้น เพราะแค่น้ำอัดลม 1 แก้ว บางคนก็อิ่ม และไม่ทานน้ำเปล่าตามเข้าไปแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ร่างกายมีกรดจำนวนมาก ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามันมีเหตุผล และพฤติกรรมการดื่มน้ำ มันทำร้ายร่างกายได้โดยที่เราไม่รู้ตัว”

น้ำดื่มอัลคาไลน์หาไม่ยาก ..ทำเองก็ได้

สำหรับน้ำดื่มอัลคาไลน์ หรือน้ำที่มีค่าเป็นด่างนั้น หลายคนไม่คุ้น จึงแอบคิดว่าหายาก สิ้นเปลือง แต่กูรูของเราก็มาเฉลยว่า ไม่ได้ทำยาก หรือสิ้นเปลืองเล้ย...

“ในชีวิตประจำวันจะดื่มน้ำให้ร่างกายมีกรด - ด่างสมดุลได้อย่างไร วิธีที่แนะนำก็คือ หนึ่งเลือกดื่มน้ำเปล่าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อน เพราะถ้าร่างกายเรารับประทานอาหารที่สมดุลอยู่แล้ว ดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียวก็เพียงพอ แต่หากเราไม่เคร่งครัดกับการเลือกรับประทานอาหาร อาจทานกรด หรือดื่มน้ำที่เป็นกรดมากไป การดื่มน้ำเปล่าวันละ 6-8 แก้ว ก็อาจจะไม่เพียงพอ อาจจะต้องเพิ่มปริมาณเป็นเท่าตัว

ทางลัดก็คือดื่มน้ำดื่มที่เป็นอัลคาไลน์ ซึ่งอาจทำได้โดยฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ ผสมลงไปในแก้วน้ำก็ได้ หรือบางท่านอาจจะเลือกดื่มเป็นน้ำแร่ที่จำหน่ายในท้องตลาด หรือน้ำแร่ที่ผลิตจากเครื่องทำน้ำแร่ก็ได้ ก็เป็นน้ำอัลคาไลน์เหมือนกัน”

กูรูทิ้งท้ายไว้ว่า หากอยากสุขภาพดี ไม่ควรช้า รีบปรับพฤติกรรมการกินของตัวเองเถอะค่ะ แล้วคุณจะเป็นเจ้าของร่างกายที่แข็งแรง แถมผิวสวยผุดผ่องเป็นยองใยอีกต่างหาก

“ถ้าเราปรับพฤติกรรม หรือเคร่งครัดในเรื่องการเลือกรับประทานอาหารได้ สุขภาพเราจะดีแน่ๆ เพราะถ้าทำได้ ทุกอย่างในร่างกายจะบอกออกมาเลย ทั้งผิวพรรณเปล่งปลั่ง โรคภัยไม่มี แล้วตัวเราเองก็จะมีความสุข พอมีความสุขพลังออร่า มันจะออกมาให้เห็น หน้าตาสดชื่นขึ้น ระบบทุกอย่างในร่างกายก็จะดีขึ้น ขับถ่ายดี เผาผลาญดี ร่างกายก็กระปรี้กระเปร่า และแข็งแรง”

^_^


ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ




Create Date : 12 มกราคม 2554
Last Update : 12 มกราคม 2554 7:59:38 น. 0 comments
Counter : 812 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.