บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Life&Family(13)...ฝึกลูกให้รู้จักดูแลตัวเองให้ประโยชน์เกินร้อย/ดร.แพง








ในการเลี้ยงลูกนอกจากจะคำนึงถึงการอบรมบ่มนิสัยให้มีคุณธรรมจริยธรรมที่ดีและการส่งเสริมความฉลาดทางด้านสติปัญญาแล้ว การให้ความใส่ใจในเรื่องของความสะอาดของลูกก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะความสะอาดนำมาสู่ร่างกายที่แข็งแรง เมื่อร่างกายแข็งแรงแล้วก็จะสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ดีตามมา ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกๆได้รู้จักดูแลรักษาร่างกายของตนให้สะอาดจนติดเป็นนิสัยตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งการฝึกลูกให้ดูแลตัวเองเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ลูกเป็นเด็กที่รักความสะอาด รักสุขภาพของตนเองแล้ว ยังเป็นการฝึกการช่วยเหลือตนเองและฝึกวินัยในการดำเนินชีวิตของลูกด้วย ซึ่งการฝึกให้ลูกดูแลความสะอาดของตนเองนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกได้ดังนี้

1.ดูแลความสะอาดของร่างกาย

คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกให้ลูกอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง คือตอนเช้าหลังตื่นนอนและตอนเย็นก่อนนอน โดยให้ลูกถูสบู่ให้ทั่วทุกซอกทุกมุมของร่างกาย และล้างคราบสบู่ออกจากตัวให้หมดจด เมื่อล้างตัวเสร็จแล้วให้รีบเช็ดตัวให้แห้งและทาแป้งเพื่อความสบายตัว ซึ่งอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับอาบน้ำของลูก ได้แก่

- อ่างอาบน้ำและขันขนาดเล็ก หากใช้ฝักบัวคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเรื่องของระดับความแรงของน้ำที่ไม่ควรให้น้ำแรงเกินไปและหากใช้เครื่องทำน้ำอุ่นต้องระวังไม่ให้น้ำร้อนเกินไปด้วยเพราะอาจเป็นอันตรายแก่ลูกได้

- สบู่สำหรับเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกใช้สบู่สำหรับเด็กโดยเฉพาะเพราะผิวของเด็กบอบบางหากใช้สบู่ของผู้ใหญ่ที่มีส่วนผสมของสารเคมีมากจนเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังหรือหากสบู่เข้าตาอาจทำให้แสบตาและเป็นอันตรายต่อดวงตาได้เช่นกัน

- แป้งเด็ก แป้งสำหรับเด็กจะมีเนื้อเนียนละเอียด ผ่านการสเตอริไลส์เพื่อความสะอาดปลอดภัยต่อผิวเด็ก

- ผ้าเช็ดหน้าและเช็ดตัวที่แห้งสะอาด มีขนาดที่เหมาะสมกับตัวลูก ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรแยกผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดหน้าเป็นคนละผืนไม่ควรให้ลูกใช้ปะปนกัน

2. ดูแลความสะอาดของฟัน

การดูแลเรื่องการแปรงฟันของลูกเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะเด็ก ๆ ส่วนมากไม่ค่อยชอบแปรงฟันส่วนใหญ่มักจะถูแปรงสีฟันแรง ๆ ไปมาไม่กี่ทีก็เป็นอันเสร็จพิธี บางคนขอแค่อมน้ำแล้วบ้วนทิ้งก็พอแล้ว เราจึงมักจะเห็นเด็กหลายคนฟันผุบ้างฟันดำบ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือหลังตื่นนอนตอนเช้าและก่อนเข้านอน และสอนให้ลูกบ้วนปากทุกครั้งหลังอาหาร การฝึกให้ลูกแปรงฟันควรทำอย่างถูกวิธี ดังนี้

1) แปรงฟันอย่างน้อยครั้งละ 2 นาที
2) แปรงฟันให้ทั่วทุกซี่ ทั้งด้านนอกและด้านในของฟัน อีกทั้งไม่ลืมที่จะแปรงลิ้นด้วย
3) ฟันบนแปรงลงล่าง ฟันล่างแปรงขึ้นบน
4) อย่าให้ลูกแปรงฟันแรงเกินไป เพราะจะทำให้เหงือกอักเสบ เป็นแผลเลือดออกและฟันสึกได้

ซึ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ในการแปรงฟันของลูก ได้แก่

- แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่มและมีขนาดเหมาะกับวัยของเด็ก ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลายช่วงอายุ

- ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เพราะฟลูออไรด์เป็นสารป้องกันฟันผุ

- แก้วน้ำขนาดเหมาะมือ เพื่อให้ลูกหยิบจับได้ง่าย





3.ดูแลความสะอาดของผม

ผมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่สกปรกง่ายและเป็นแหล่งบ่มเพาะโรคภัยได้ดีอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว แค่ลูก ๆ วิ่งเล่นเหงื่อออก ผมจะเปียกชื้น และหากไม่ดูแลสระผมก็จะเกิดความหมักหมม ทำให้ศีรษะเหม็น เป็นชันตุหรือเป็นเหาได้ คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกสระผมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 -3 ครั้ง แต่หากต้องทำกิจกรรมที่เลอะเทอะหรือสกปรกก็ควรสระผมทุกครั้งหลังการเล่นเพื่อความสะอาดและเพื่อสุขภาพที่ดีของศีรษะ ซึ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ในการสระผมของลูก ได้แก่

- ยาสระผมสำหรับเด็ก จะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะและดวงตาของลูกเมื่อยาสระผมเขาหา แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ควรระวังอีกอย่างหนึ่งคือเวลาลูกล้างผมต้องคอยระวังดูแลไม่ให้น้ำเข้าหูลูก โดยอาจให้ลูกใช้น้ำทีละนิดค่อยๆล้างจนสะอาดก็ได้

- ผ้าเช็ดผมที่มีขนาดเหมาะกับตัวเด็ก

- แปรงหรือหวีสำหรับเด็ก ไว้สำหรับหวีเมื่อผมแห้งหมาดหรือแห้งสนิทแล้วเพื่อไม่ให้ผมลูกพันกัน คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้ลูกใช้หวีสำหรับผู้ใหญ่เพราะอาจมีความแข็งซึ่งทำให้เวลาหวีอาจถูกหนังศีรษะของลูกทำให้เกิดเป็นแผลได้

4.ดูแลความสะอาดของเสื้อผ้า

คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกรู้จักดูแลรักษาความสะอาดของเสื้อผ้าของเขาเอง โดยให้ลูกระมัดระวังเวลาสวมใส่ เช่นเวลากินขนมหรือกินไอศกรีมแล้วมือเปรอะก็สอนให้ลูกเช็ดมือที่กระดาษชำระหรือผ้าเช็ดมือ ไม่ควรเช็ดที่เสื้อหรือกางเกง หรือเมื่อลูกใช้เสื้อผ้าเสร็จแล้วควรสอนให้เขานำเสื้อผ้าไปใส่ตะกร้าอย่างให้วางเรี่ยราดบนพื้นหรือหมกเอาไว้ เพราะจะทำให้เสื้อผ้าสกปรกและทำให้เกิดเชื้อโรคได้

นอกจากการฝึกให้ลูกดูแลความสะอาดส่วนต่างๆตามที่กล่าวมาแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรสอนและฝึกให้ลูกเห็นความสำคัญของการดูแลรักษาสุขภาพของตนอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงของลูกเอง ดังนี้

- ฝึกให้ลูกออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นการวิ่งเล่น หรือกระโดดโลดเต้นหรือเล่นกีฬา เพื่อให้กล้ามเนื้อของลูกได้เคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีความสมบูรณ์ตามวัย

- ฝึกให้ลูกรู้จักการหลีกเลี่ยงและการแพร่เชื้อโรคต่างๆ เช่น เวลาไอหรือจามต้องปิดปาก การล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร การใช้ช้อนกลางตักอาหาร การใช้ผ้าปิดปากและจมูกเมื่ออยู่ใกล้คนป่วย

- ฝึกให้ลูกรับประทานอาหารครบ 5 หมู่และดื่มน้ำที่สะอาด และไม่รับประทานลูกอมและขนมหวานมากเกินไปเพราะจะทำให้ฟันผุและมีน้ำตาลมากซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานได้

- ฝึกให้ลูกพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยไม่ให้นอนดึกจนเกินไปและควรได้นอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง

วิธีง่าย ๆ เหล่านี้เป็นวิธีที่จะทำให้ลูกของคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็กที่มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีพัฒนาการที่ดีสมวัยและมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น หากไม่อยากให้ลูกเราขี้โรค เจ็บป่วยง่าย ร่างกายไม่แข็งแรงเติบโต ควรฝึกให้ลูกได้ดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้เพื่ออนาคตที่ดีของลูกเอง


เรื่องและภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์



Create Date : 02 มกราคม 2554
Last Update : 4 มกราคม 2554 12:54:00 น. 0 comments
Counter : 523 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.