Bloggang.com : atruthoflife10 :

Life&Family(4)...ยึดมั่นในคำสอน แนวทางชีวิตของ "หมอแอร์-อัญชุลี"

"ตอนที่เรียนหมอ เคยคิดว่าจะเลิกเรียน เพราะไม่ชอบและไม่อยากเรียนด้วย แต่มีคำๆ หนึ่งของคุณพ่อคุณแม่ที่จำได้ขึ้นใจว่า การเป็นหมอจะทำให้เรามีโอกาสได้ช่วยเหลือชีวิตคน ช่วยรักษาคนที่เจ็บป่วย และได้สร้างร้อยยิ้มให้กับทุกๆ คน เมื่อเขามีสุขภาพที่ดี ที่สำคัญเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เราได้ทำเพื่อเพื่อนมนุษย์ทุกคน"

ประโยคข้างต้น เป็นคำบอกเล่าของ "หมอแอร์-พ.ต.ต.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล" พูดถึงหลักคำสอนของพ่อแม่ ที่ทำให้เธอมีวันนี้ในฐานะจิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่น กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ

นับเป็นโอกาสดีของทีมงาน Life & Family ที่จะนำพาท่านผู้อ่านไปสัมผัสตัวตนของเธอในอีกแง่มุมชีวิตนอกเหนือจากงาน ซึ่งนั่นก็คือ เรื่องราวความรัก และความผูกพันของเธอกับครอบครัว โดยเธอเล่าให้ฟังว่า เธอเกิด และโตในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่พ่อแม่ทำอาชีพค้าขาย เป็นลูกสาวคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน

ด้วยความที่เธอเป็นคนต่างจังหวัด (จ.สุรินทร์) เธอบอกว่า ครอบครัวจะใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านทั่วไป แม้ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะ แต่ก็ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยมาก่อน เป็นเพราะความขยันหมั่นเพียรของคุณพ่อคุณแม่ที่ช่วยกันทำมาหากิน สร้างเนื้อสร้างตัวจนทำให้ครอบครัว และลูก ๆ อยู่กินอย่างสุขสบาย พร้อมกับจะสอนให้ลูก ๆ ทุกคนรัก และดูแลกัน

"พูดได้ว่า ตอนเด็กๆ แอร์และพี่น้องเติบโตมากับธรรมชาติ ชอบไปเล่นกลางทุ่งนา ใช้ชีวิตอยู่อย่างวิถีไทย เล่นการละเล่นแบบไทย เช่น มอญซ่อนผ้า ขี่ม้าส่งเมือง และถูกเลี้ยงดูมาให้ฝึกทำอะไรด้วยตัวเอง เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างงานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก ๆ เพราะต้องดูแลกิจการของครอบครัว อีกอย่างครอบครัวของเราก็มีกันหลายคน ท่านจึงสอนให้พี่ช่วยดูแลเลี้ยงน้อง ส่วนน้องก็ต้องดูแลตัวเอง ไม่สร้างภาระให้กับคนอื่นๆ เพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ แต่ท่านก็ไม่ได้ทอดทิ้งลูกๆ ให้อยู่กันตามลำพัง หลังจากปิดร้านตอนเย็น ๆ ทุกคนในบ้านก็จะอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า ทำกับข้าวกินด้วยกัน นั่งล้อมวงพูดคุยกันทุกวัน"

หมอแอร์กับเหล่าพยาบาล

นอกจากคำสอนให้รัก และดูแลกันเองแล้ว เธอยังถูกสอนให้รู้จักการประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้ออีกด้วย เห็นแบบอย่างที่ดีได้จากคุณแม่ที่จะตัดชุดนักเรียนให้ลูกใส่ ส่วนคุณพ่อจะมีหน้าที่เขียนชื่อด้วยลายมือของตัวเอง เพื่อใช้ปักชื่อติดชุดนักเรียนให้กับลูก จึงเป็นสิ่งที่ลูก ๆ ทุกคนซึมซับมาตลอดว่า "สิ่งไหนที่เราสามารถทำได้เองก็ควรทำ และเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นจริงๆ"

ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่เธอชื่นชมในตัวคุณพ่อและคุณแม่อีกอย่างคือ การที่ท่านทั้งสองมีความอดทนสูงมาก เพราะต้องเลี้ยงดูลูก ๆ ทั้ง 6 คน และต้องทำงานเก็บเงินเพื่อส่งเสียให้ลูก ๆ ทุกคนได้เรียนหนังสือ

"แอร์ยังจำได้เลยว่า ตอนเด็ก ๆ เวลาไปโรงเรียน เราก็จะเดินไปเป็นกลุ่มกับพี่ๆ น้องๆ โดยไม่ต้องให้คุณพ่อคุณแม่เดินไปส่ง และถูกสอนให้ทำงานบ้านมาตั้งแต่เล็กๆ โดยเริ่มจากหุงข้าว ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำงานบ้านทุกอย่างที่พอจะทำได้ พอโตขึ้นถึงเข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ต้องให้เราฝึกทำอะไรเอง ไม่ต้องเดือดร้อนใคร" หมอแอร์เล่า

วีรกรรมที่จำเป็นบทเรียน

เมื่อถามถึงเรื่องวีรกรรมในวัยเด็กที่จำเป็นบทเรียน หมอแอร์เล่าย้อนให้ฟังในช่วงเทศกาลปีใหม่เมื่อหลาย 10 ปีก่อนว่า เป็นปีที่สร้างความวุ่นวายในกับครอบครัวนี้มาก เพราะการจุดดอกไม้ไฟที่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของการฉลองเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเด็กๆ บ้านนี้ก็ไม่พลาด จุดดอกไม้ไฟเล่นกันบนดาดฟ้าของบ้านอย่างสนุกสนาน แต่ด้วยความที่ยังเด็กกันอยู่ก็จุดเล่นและปาใส่กัน จนอาม่าเดินมาเห็นประกายไฟก็ตกใจคิดว่าไฟไหม้บ้าน ร้องตะโกนให้คนมาช่วยกันดับไฟกันอย่างชุลมุน หลังจากนั้นทุกคนก็ถูกลงโทษด้วยการตี ซึ่งเป็นวิธีลงโทษเมื่อทำผิดของบ้านนี้ เพราะจะได้รู้ว่าสิ่งไหนควรทำและสิ่งไหนที่ไม่ควรทำผิดอีก

พ่อสอนให้ตอบแทนแผ่นดินไทย

อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะเป็นครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน แต่คุณพ่อจะสอนอยู่เสมอว่า "เราเกิดบนฝืนแผ่นดินไทย เราต้องตอบแทนบุญคุณของแผ่นดินด้วย" และนี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอเลือกรับราชการเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลตำรวจ เพราะการทำงานเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ถือเป็นการทำงานที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีแก่วงศ์ตระกูล ถึงแม้จะมีครั้งหนึ่งที่เธอเคยท้อแท้และคิดจะเลิกเรียนแพทย์ แต่คำสอนของพ่อแม่ก็เปลี่ยนเป็นกำลังใจให้เธอสู้ต่อไป และไม่ใช่การอดทนต่อสู้เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้เพื่อแผ่นดินเกิดด้วย

ถึงทุกวันนี้ เธอก็ยังรับราชการเพื่อทำงานตอบแทนแผ่นดิน หมอแอร์ยังฝากทิ้งท้ายถึงครอบครัวอื่นๆ ด้วยว่า ความรักของคนในครอบครัว ยังเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้คนๆ หนึ่งเติบโตและยืนหยัดอยู่ในสังคมได้ และอยากจะบอกกับพ่อแม่ทุกๆ คนว่า การมอบความรักให้กับลูกเพียงอย่างเดียวไม่พอ เพราะต้องสอนให้ลูกรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร ฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กก็ต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง และที่สำคัญต้องสอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือและเห็นใจคนอื่นเหมือนเขาเป็นคนในครอบครัวของเราด้วย

เรื่องและภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์

Create Date : 30 ธันวาคม 2553

0 comments

Last Update : 30 ธันวาคม 2553 19:43:42 น.

Counter : 1044 Pageviews.