แปลงผักสวนครัว (เดือนก.ย. - ธ.ค. 2549)

กว่าจะหาเวลาโหลดรูปเข้าเครื่อง แล้วมาอัพเดทเรื่องสวนผัก....ก็ใกล้เวลาปลูกผักรุ่นใหม่เสียแล้วซิเรา

ผักไทยแทบทุกอย่าง....พอถึงช่วงนี้ (เดือนก.ย. - ฤดูใบไม้ร่วง) แทบไม่เหลืออะไรให้เก็บกินแล้วละ มันร่วงตามชื่อฤดูไปเสียโหม๊ด

มีเจ้าเนี่ย "ตะไคร้"..... ที่อึดหน่อย พอทนหนาวได้ ยังเป็นกอใหญ่อย่างที่เห็นเนี่ยละค่ะ


เราก็นึกอยู่แล้วเชียวว่า...มันคงจะทนความหนาวของญี่ปุ่นไม่ไหวแน่ ๆ ...((โชคดีที่ไหวตัวทันนะ)) ประมาณกลางเดือนธันวาคม (ก่อนกลับไปบ้านที่เมืองไทย) ก็จัดการไปเลือกตัดเอาต้นที่อวบอ้วนมาเก็บอย่างดี โดยการห่อใส่หนังสือพิมพ์ แล้วจับแช่ตู้เย็นช่องธรรมดาเอาไว้ก่อน ไม่งั้น...ไม่เหลือให้กินแน่ ๆ

พอกลับมาจากเมืองไทย (ต้นเดือน ม.ค.) รีบแวะไปเข้าไปดู โห....มันเหี่ยวเฉาหมดไปทั้งกอเชียวละ ตอนนี้...ก็ได้แต่ลุ้นอยู่ว่า ถ้าอากาศอุ่นขึ้น จะรอดหรือเปล่า??
ถ้าไม่รอด...ก็คงต้องปลูกกันใหม่ แล้วคราวหน้า...คงตัดเก็บเรียบไม่ปล่อยทิ้งไว้เป็นแน่แท้

มะละกอ....ต้นสูงกว่าตัวอิฉานเสียอีก แต่ลูกยังไม่ค่อยโตเท่าไหร่


ดอกออกมาเยอะเชียว แต่ติดลูกเท่านี้เอง (7-8 ลูก)


เอาเถอะ...ถึงยังโตไม่เต็มที่ ((และคิดว่า...คงไม่ทันโตก่อนเข้าหน้าหนาว)) ขอกินสักหน่อยเถอะ จัดการไปเลือกลูกที่โตที่สุดมาโซ้ยเสียก่อน....อิอิ (ก่อนที่จะอด) ก็เราสู้อุตส่าห์ทะนุทะถนอมปลูกเอาไว้แล้ว ตอนที่ฝ่าออกดู....อ๊าว...ทำไมมันถึงไม่มีเม็ดหว่า เอามาตำส้มตำได้ 2 จานพอดิบพอดี


และก็เป็นอย่างที่คิดไว้....พอเข้าเดือนมกราคม ใบเหี่ยวเฉาเหมือนโดนน้ำร้อนลวก แล้วก็ตายไปในที่สุด ลูกที่เหลือ ๆ หลายลูก ((ซึ่งก็ยังเล็กนิดเดียว)) เรื่องอะไรจะทิ้ง ลงแรงไปตั้งเยอะแล้วนะ...ก็จับเอาลงหม้อ...ทำแกงส้ม...กินเสียให้สะใจ ต่อไปนี้...คงไม่ปลูกเจ้าเนี่ย "มะละกอ" อีกเป็นแน่แท้ ได้ผลไม่คุ้ม แถมตอนที่ต้องถอนต้นทิ้ง โอ๊ย...รากแน่น แถมลึกไปไกล กว่าจะขุดยื้อออกมาได้ เล่นเอาเอวเคล็ดไปเชียวค่ะ

พริกขี้หนู....แบบเม็ดใหญ่ ได้เก็บแช่แข็งเอาไว้ทานกล่องใหญ่ ๆ และยังได้แจกเพื่อนคนไทยที่อยู่บ้านใกล้ ๆ กัน จนหมดคนแจกแล้ว เลยปล่อยทิ้งคาต้นเอาไว้อย่างงั้น พอกลับมาจากเมืองไทย ดีแหะ....มันกลายสภาพเป็นพริกแห้งไปโดยปริยาย...เอาไว้ให้เราได้กินต่ออีก


พริกขี้หนูสวน.....อยากร้องไห้เป็นที่สุด... เพราะอุตส่าห์ไปขุดจากแปลงผักใส่กระถางมาเลี้ยงในบ้าน (หนีหนาว)... หน่อยแน่.....เราไปเมืองไทยพอกลับถึงบ้าน เห็นสภาพต้นไม้ลมแทบใส่ ก็คุณสามีสุดที่ร๊าก... ไม่ได้รดน้ำให้ มันก็เลยแห้งตาย ฉุดไม่ฟื้น

แต่อีกหลายต้นขุดใส่กระถางแบ่งให้เพื่อน ๆ ไปนั้น...ทุกต้นยังสภาพดีอยู่ ไปเห็นแล้วชักอยากจะขอคืนเชียวละค๊า


ต้นหอมญี่ปุ่น - เนงิ.....ตอนที่เริ่มลงมือทำสวนในเดือนเมษายนนั้น... ไปถามตามร้านว่ามีต้นกล้าขายหรือเปล่า?? เค้าบอกว่าขายหมดไปแล้ว และคงไม่มีมาขายอีกแล้วในช่วงนี้ เห้อ...ก็คิดว่าโชคไม่ดี รอเอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน แต่ต้องบอกว่าโชคช่วย เพราะคุณลุงที่อยู่แปลงติด ๆ กัน เค้าถามว่า "หนูไม่ปลูกต้นหอมหรือ?" เราก็บอกว่า "หาซื้อไม่ได้ค่ะ" ลุงเค้าก็เลยแบ่งต้นกล้ามาให้กำมือหนึ่ง พร้อมกับสอนวิธีการปลูกให้เสร็จสรรพ ก็เลยได้มีต้นหอมญี่ปุ่นไว้กิน

หลังจากนั้น....เราก็ไปซื้อเมล็ดพันธุ์ (แค่ซองเดียว) มาหว่านทิ้งเอาไว้ เพื่อเอาไว้ปลูกต่อในช่วงนี้ ต้นสูงพอที่จะถอนแยกมาปลูกได้แล้วละ


รุ่นนี้...เป็นต้นกล้าที่ได้จากคุณลุงเค้ามา...ถอนออกมาเอามาทำอาหารทาน...หวานอร่อยกว่าที่ไปซื้อเค้าเชียวค่ะ ทั้งทานเองและได้แบ่งแจกเพื่อนบ้านด้วย


ถ้าไม่ลงมือปลูกผักเอง...ก็คงไม่รู้หรอกว่า ต้นหอมญี่ปุ่น มีหลายพันธุ์ แบบที่เราหว่านเมล็ดเองนั้น เค้าเรียกว่า "อิปปง เนงิ" เป็นต้นหอมแบบต้นเดี่ยว ถอนมากินแล้วก็จบกันไป

ส่วนอีกแบบหนึ่งคือ " ฟูเอะรุ เนงิ" .... แบบนี้เป็นต้นหอมกอ....จะงอกต้นใหม่ออกมาเรื่อย ๆ เป็นกอใหญ่เชียวค่ะ สามารถเก็บเอาไว้แยกเพาะต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่...อย่ากินเพลินจนหมดกอก็แล้วกันนะ...อิอิ เหลือเอาไว้ต่อพันธุ์หน่อย ...เรียกว่าเสียตังค์ลงทุนซื้อต้นกล้าเค้ามาแค่ครั้งเดียวก็ไม่ต้องไปเสียตังค์ซื้อเค้าอีกแล้ว (คุ้มจริง ๆ ) ถ้าถามถึงความอร่อยนั้น...ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่ต้นหอมแบบกอนั้น....ส่วนโคนต้นสีขาวจะมีน้อยกว่าแบบต้นเดี่ยวค่ะ


ต้นหอมญี่ปุน....ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลบำรุงรักษามาก แมลงก็ไม่มาแวะเวียนให้ปวดใจ แค่คอยขุดดินกลบโคนต้นให้มิด (ไม่งั้น...ต้นจะไม่ขาว) ใส่ปุ๋ยตามระยะเวลาเพียงเท่านั้น....ก็มีให้เก็บทานไม่หวาดไหวตลอดปีทีเดียวค่ะ

ต้นหอม - วาเขะงิ.....เจ้าเนี่ย หัวคล้าย ๆ หอมแดงของบ้านเรา เอามาใช้เป็นต้นหอมเล็ก ถ้าทิ้งไว้จนแก่จัด ก็จะกลายเป็นหัวเอาไว้กินหรือทำพันธุ์ต่อได้อีก



หอมแดง - มูราซากิ ทะมะเนงิ....เป็นหอมหัวแดง แต่ลูกใหญ่ ขนาดเกือบเท่าหอมหัวใหญ่ ลองเอาเมล็ดมาหว่านดู ยังไม่รู้ว่าจะได้เก็บหัวหรือเปล่า?? คงต้องรอดูไปก่อน


ที่จริงมีหว่านเมล็ดของ หอมหัวใหญ่...ไว้พร้อม ๆ กันกับหอมแดงด้วยเหมือนกัน แต่ไม่โผล่ให้เห็นสักกะต้น คราวหน้า....คงไม่ปลูกเจ้าหอมหัวทั้งหลายอีกแน่นอน เพราะเปลืองเนื้อที่ แถมเสียเวลานานจริง ๆ

กระเทียม - นิน นิคุ ....เลือกซื้อหัวพันธุ์กระเทียมของญี่ปุ่น มาลองปลูกดู ตามซุปเปอร์ที่เค้าขายกันนั้น.... ส่วนใหญ่กระเทียมที่ถ้าราคาถูก ( 3 หัว 100 เยน หรือบางทีอาจจะถูกกว่านั้น) มักจะเป็นพันธุ์ของเมืองจีน ซึ่งอาจจะปลูกที่จีนด้วยก็ได้ ไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นกระเทียมของญี่ปุ่นราคาจะอยู่ประมาณหัวละ 200 เยนขึ้นไป หวานและหอมกว่ามาก


หัวไชเถ้า -ไดกง.....ปลูกคราวที่แล้ว ไม่ค่อยได้ผลดีเท่าที่ควร แต่ก็ยังได้กิน คราวนี้...ค่อย ๆ พัฒนาหน่อย....ได้ผลพอสมควร บางหัวก็ตรงแป๊ะ บางหัวก็คดงอ แต่ช่างมันเถอะ จะทรวดทรงอย่างไง...กินได้ก็แล้วกัน


คราวนี้....ลองปลูก " ไชเถ้าแบบหัวกลม - มะรุ ไดกง " เพิ่มอีกอย่างด้วย และคงต้องใช้เวลาศึกษาอีกหน่อย เพราะหัวออกมาเล็กนิดเดียวเองแระ แต่เอาทำอาหารก็อร่อย เพราะหวานกว่า และสุก (นิ่ม) ง่ายกว่าแบบหัวยาว


กล่ำดอก - กะริฟาวเวอร์.....ซื้อต้นกล้าเค้ามาแค่ 3 ต้น เอามาลองปลูกดู ปลูกไม่ยาก มีข้อเสียตรงที่ว่า พอตัดดอกออกมาแล้ว ก็ต้องถอนต้นทิ้งไปเลย ไม่รู้ว่าไปซื้อเค้ากินคุ้มกว่าหรือเปล่าหนอ??



บล๊อคโคลี่.......เจ้าเนี่ยก็ซื้อต้นกล้าเค้ามาเหมือนกัน แต่ต้องบอกว่า คุ้มมาก ๆ เพราะพอตัดดอกออกมาแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ ก็จะออกดอกรุ่นใหม่มาให้อีก ทำให้เก็บได้อีก 2-3 เที่ยว ((ถึงแม้ว่า...ดอกรุ่นหลัง จะเล็กกว่ารุ่นแรกก็ตาม))



ผักกาดขาว - ฮักไซ...... กินไม่ทัน พอเข้าปลายเดือนธันวาคม ต้องเอาเชือกไปรวบใบ มัดต้นเอาไว้ ทำให้ปล่อยไว้และเก็บไว้กินได้อีกนานพอสมควร


กล่ำปลี - เคมเบ๊ะทสึ......ยี้ ๆๆๆ...อ้ายเจ้าเนี่ย....จะไม่ขอปลูกอีกเป็นแน่แท้ เข็ดจริง ๆ หนอนมากันเป็นพรวน แค่เห็นก็ขนลุกแล้วเชียว



แม๊กกิเบท - กล่ำปลีจิ๋ว......ไม่รู้ว่าภาษาไทยจะเรียกชื่อมันว่าอะไรดี...เห็นมันลูกเล็ก ๆ แล้วมีลักษณะเหมือนกล่ำปลี ก็ตั้งชื่อไทยให้มันเสียเอง เห็นชื่อมันแปลกดี ก็เลยลองเอามาปลูกแค่ต้นเดียว เพิ่งเก็บมาจากต้น...แต่ยังไม่รู้จะเอาไปทำอะไรทานดี



กล่ำปลีสีม่วง.......ลองซื้อต้นกล้าเค้ามาปลูกดู แค่ 2 ต้นเท่านั้นเอง ((เพราะไม่รู้ว่ามัน...จะเอาไปทำอะไรกินได้บ้าง นอกจากสลัด)) ถึงวันนี้...ก็ยังโตไม่พอที่จะเก็บมาทาน ใช้เวลานานจังแหะเจ้าเนี่ย แต่ก็ดีอย่างตรงที่ดูแลรักษาง่ายกว่ากล่ำปลีมาก ไม่มีหนอนมากวนให้สยอง



ผักสลัด - เร๊กตัสทสึ.....ถ้าเป็นแบบนี้ เค้าเรียกว่า "ซันนี่ เร๊กตัสทสี" ส่วนใหญ่เอาไว้กินกับเนื้อย่าง (ยากินิขุ)


ผักกาดเขียว......ยังไม่เคยเอามาทำอาหารทานเลย ได้แต่เก็บมาฝากเป็นอาหารของ "โมโรมอท" เป็นหนูพันธุ์หนึ่ง คล้ายหนูพุกหนูตะเภาบ้านเรานะค่ะ


กุ๋ยช่าย - นิระ.....ลงทุนหว่านเมล็ดปลูกครั้งเดียว ได้กินไปนานหลายปี (จากที่เค้าบอก) ช่วงเดือนสิงหาคม (หน้าร้อน) ออกดอกมาให้ได้เก็บมาผัดกิน จนกินไม่ทันปล่อยทิ้งไว้จนแก่ เมล็ดก็ปลิวร่วงตกตามบริเวณใกล้เคียง พอถึงเวลามันก็แตกเป็นต้นออกมาเองอีก เรียกว่าคุ้มมาก ๆ



ผักชีญี่ปุ่น - มิทสึบะ .....เจ้าเนี่ย เห็นว่าได้ใช้ประโยชน์หลายอย่าง มีกลิ่นหอมอ่อน ชื่นใจดี กินดิบก็ได้ เอาไว้เป็นตกแต่งอาหาร หรือ นำไปทำนาเบะ (คล้ายสุกี้บ้านเรา)


ผักชุนงิคุ (Shungiku)...... เจ้าเนี่ย ใช้เป็นส่วนประกอบอาหารประเภทหม้อไฟ เช่น สุกี้แบบญี่ปุ่น , ชาบู ชาบู หรือ นาเบะ

แล้วที่เห็นใบใหญ่หน่อย อยู่ติด ๆ กันนั้น...เป็นผักตั๋งโอ๋



ตอนที่กลับไปเมืองไทยนั้น....พอดีที่บ้านน้องสาวเค้าปลูก ข่า , กระชาย , ใบชะพลู แล้วก็ใบเตยก็ขอให้ขุดต้นมาเพื่อลองปลูกดูว่าจะรอดหรือเปล่า?? ตอนนี้...ได้แต่จับใส่กระถางประคมประงมเอาไว้ที่บ้านก่อน ถ้ารอดแน่นอนค่อยเอาไปลงที่แปลง เพี้ยงๆๆๆๆ....ขอให้รอดเถอะ



ขอจบการนำเที่ยวแปลงผักของช่วงนี้ ไว้ก่อน.....เดือนนี้ (ก.พ.) อากาศอุ่นเร็วมากกว่าทุกปี ถึงเวลาที่จะต้องลงมือไปปรับสภาพฟื้นฟูดิน เพื่อเตรียมไว้ปลูกผักหน้าร้อนกันต่อ ไว้จะมารายงานความคืบหน้านะค่ะ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมค้า

โพสและแก้ไขเสร็จเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2550 8:25:51 น.

***ขอปิดการให้ Comment ในกระทู้นี้...

ถ้าเพื่อน ๆ ท่านใดมีความประสงค์ อยากเพิ่มเติม , ติ ชม หรือมีคำถามใด ๆ กรุณาแวะไปฝากข้อความไว้ได้ที่นี่ค่ะ

Guest Book

ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมและขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2550		7 comments
Last Update : 5 มกราคม 2552 6:15:44 น.
Counter : 9016 Pageviews.
Share Tweet