แม้แต่สมัยนี้ก็ยังมีนักจิตวิทยาและนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าการจงใจให้การศึกษาแก่เด็กแรกเกิดเป็นการกระทำที่ผิด โดยเฉพาะในบรรดาพวกหัวก้าวหน้ามีมากที่คิดเช่นนี้ เขากล่าวว่าการปลูกฝังสิ่งต่างๆลงในหัวน้อยๆของเด็ก จะทำให้เด็กกลายเป็นคนจุกจิกจู้จี้ เด็กในวัยทารกและเด็กเล็กควรปล่อยให้เติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติ บางคนถึงขนาดปล่อยให้เด็กทำอะไรตามอำเภอใจ โดยถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ
มีคุณแม่จำนวนมากที่เชื่อถือทฤษฎีนี้ นิยมชมชื่นกับ " ลัทธิอิสระเสรี " พอใจที่ตนเองเป็นคุณแม่หัวก้าวหน้า ใจดีและเข้าใจลูก
แต่ทว่า พอคุณลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลหรือโรงเรียนประถม คุณแม่ก็เปลี่ยนลัทธิทันที เมื่อก่อนเคยปล่อยให้ลูกทำอะไรตามใจ เพราะคิดว่าลูกเป็นเด็กทารก เมื่อลูกเข้าโรงเรียน คุณแม่จะเริ่มอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวดโดยอ้างว่า " หนูโตแล้ว เข้าโรงเรียนแล้ว " คุณแม่ที่เคย " ใจดี ตามใจสารพัด " กลับกลายเป็นคุณแม่ " ยอดดุ บังคับทุกเรื่อง "
ความคิดเช่นนี้ เป็นความคิดที่คุณแม่นึกเอาเองว่าถูกต้อง แต่ที่จริงขัดกับลักษณะการเจริญเติบโตของสมองมนุษย์ ดังที่กล่าวไว้ในบทก่อน ผมคิดว่าการเลี้ยงเด็กในในระยะปฐมวัยนี่แหล่ะ ที่คุณแม่ควรเป็นคุณแม่แก่วิชา มุ่งมั่นในการศึกษาอบรมลูก และคุณแม่จะหวังผลนั้นได้ในอนาคตด้วย
คุณแม่ที่เลี้ยงลูกอย่าง " เข้มงวด " และ " ปล่อยอิสระ " อย่างผิดเวลาคือในวัยที่ควรจะเข้มงวดกลับปล่อย แต่ในวัยที่ควรจะปล่อยกลับเข้มงวด นี่แหล่ะที่สร้างปัญหา จนใครใครพากันตั้งฉายาว่า " คุณแม่จอมจุ้น "
ระยะปฐมวัย (วัยเด็กอ่อนและวัยก่อนอนุบาล) ควรเป็นวัยที่คุณแม่ต้องฝึกลูกอย่างเข้มงวดและอ่อนโยน และหลังจากเด็กอายุเกิน 3 ขวบขึ้นไป เด็กเริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง เราต้องเริ่มเคารพความรู้สึกนึกคิดของเด็กเช่นกัน ถ้าจะพูดอย่างสุดขั้ว ก็อาจกล่าวได้ว่า บทบาทของพ่อแม่ที่เข้าไปวุ่นวายกับลูกควรจะสิ้นสุดลงตั้งแต่ก่อนวัยอนุบาล แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตอนแรกปล่อยให้ลูกโตอย่างอิสรเสรี พอลูกเข้าโรงเรียนจึงเริ่มวุ่นวายกับลูก แบบนี้จะกลายเป็นการทำลายความสามารถของลูก และปลูกฝังจิตใจต่อต้าน ซึ่งให้ผลแต่ในด้านลบเท่านั้น
|