มีหลายสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้ในวัยเด็กเล็ก มิฉะนั้นจะเรียนรู้ไม่ได้ดีไปตลอดชีวิต










เนื่องด้วยงานของผมทำให้ผมมีโอกาสที่จะต้องพูดภาษาอังกฤษอยู่บ่อยๆ เวลาพูดภาษาอังกฤษ ผมมักปวดหัวกับการออกเสียงที่ถูกต้อง ที่จริงถึงจะพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงญี่ปุ่น อีกฝ่ายหนึ่งก็พอจะเช้าใจได้ แต่บางทีเวลาผมพูดอะไรออกไปอีก ฝ่ายหนึ่งทำท่าพยายามฟังเหลือเกิน บางครั้งถึงขนาดที่ว่าผมต้องเขียนตัวสะกดให้ฝ่ายนั้นจึงจะเข้าใจ เมื่อประสบเหตุการณ์เช่นนี้ ผมรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นกับภาษาอังกฤษสำเนี่ยงญี่ปุ่นของผมประเภท " กุ๊ดโดะ มอนิงงุ " เสียจริง

แต่ทว่า มีเด็กผู้ชายอายุหนึ่งขวบสองเดือนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ข้างบ้านผม แกออกเสียงภาษาอังกฤษได้ชัดแจ๋วทีเดียว แม้แต่เสียง R และ L ซึ่งชาวญี่ปุ่นแยกได้ลำบาก แกก็ออกเสียงได้เก่งมาก ผมคิดว่าความแตกต่างนี้ เกิดจากการที่ผมเริ่มเรียนภาษาอังกฤษในชั้นมัธยมต้น แต่เด็กคนนี้ฟังเสียงภาษาอังกฤษจากแผ่นเสียงตั้งแต่อายุยังไม่ถึงขวบ และขณะที่แกกำลังจะเริ่มพูดภาษาญี่ปุ่น แกก็เรียนสนทนาภาษาอังกฤษกับชาวอเมริกันแล้ว

หมายความว่า ถ้าหากในหัวของเรามี " รูปแบบ " ของภาษาญี่ปุ่นฝังเข้าไปอยู่ข้างในเสียก่อนแล้ว การจะเอาภาษาอื่นซึ่งแตกต่างออกไปใส่เข้าไปในนั้นอีกจึงยุ่งยากมาก แต่ผมเคยเอ่ยไว้ในตอนแรกแล้วว่า เส้นสายสมองของเด็กอายุยังไม่ถึง 3 ขวบนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการวางสาย เพราะฉะนั้น ถ้าจะวางเส้นสายภาษาญี่ปุ่นควบคู่ไปกับเส้นสายภาษาอื่นๆ ก็ทำได้ง่าย ดังนั้นเด็กอายุก่อน 3 ขวบจึงสามารถพูดภาษาอื่นๆ ไม่ว่าภาษาอะไรได้เหมือนกับภาษาแม่ของตนโดยไม่ยุ่งยาก ลำบากอะไรเลย ยิ่งกว่านั้นถ้าหากเราปล่อยให้เวลาช่วงนี้ผ่านเลยไป สิ่งที่เด็กวัยก่อน 3 ขวบสามารถรับรู้ได้อย่างง่ายดายกลับกลายเป็นสิ่งที่ยากยิ่งสำหรับคนวัยสูงกว่านั้น และถึงแม้ว่าจะใช้ความพยายามอย่างมากมาย ผลที่ได้กลับน้อยนิด ผมคิดว่าทั้งเสียง R และเสียง L ผู้ใหญ่ก็แยกไม่ออก และคงพูดภาษาอังกฤษขนานแท้ ไม่ได้ไปตลอดกาลแหล่ะครับ

นอกจากภาษาต่างประเทศแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ในระยะปฐมวัย มิฉะนั้นจะสายเกินไป เช่น การฝึกประสาทหูให้รู้จักแยกเสียง การฝึกประสาทกล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหว ซึ่งกล่าวกันว่าสิ่งเหล่านั้นจะถูกกำหนดภายในอายุ 3 ขวบ นอกจากนั้น ความรู้สึกทางด้านสุนทรียภาพก็เช่นเดียวกันจะก่อรูปภายในช่วงอายุนี้

ทุกปีพอถึงระยะปิดภาคฤดูร้อนจะมีชาวต่างประเทศพร้อมด้วยครอบครัวจำนวนมากมาที่โรงเรียนสอนไวโอลินของอาจารย์ซูซูกิ แน่นอนในตอนแรกไม่มีใครพูดภาษาญี่ปุ่นได้เลน แต่คนที่พูดภาษาอังกฤษได้เร็วที่สุดในบรรดาสมาชิกครอบครัว คือเด็กเล็กๆ อันดับต่อไปก็คือพวกพี่ๆที่เรียนอยู่ในระดับชั้นประถมหรือมัธยม คนที่แย่ที่สุดคือบรรดาพ่อแม่ครับ อยู่ญี่ปุ่นประมาณ 1 เดือน พวกเด็กๆพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างน่าทึ่ง พวกพ่อแม่จะไปไหนต้องอาศัยเด็กๆเป็นล่ามให้ คุณแม่หลายคนมาอยู่ญี่ปุ่นตั้งเดือน พูดได้แค่คำว่า " คอนนิจิวะ " (สวัสดี) คำเดียวเท่านั้น







Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2551 21:50:43 น. 0 comments
Counter : 291 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่น้องแปงแปง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]






แป๊ว แม่น้องแปงแปง






Photo Flipbook Slideshow Maker


Photo Flipbook Slideshow Maker


Photo Flipbook Slideshow Maker





Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
24 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่น้องแปงแปง's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.