1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31
Tie a Yellow Ribbon 'Round the Old Oak Tree - ถ้าเธอยังมีรัก
: Tony Orlando and Dawn
Tie A Yellow Ribbon Round The Old Oak Tree - Tony Orlando and Dawn Lyrics | Tony Orlando lyrics - Tie A Yellow Ribbon lyrics เพลง Tie a Yellow Ribbon 'Round the Old Oak Tree เป็นผลงานในปี 1970 ที่แต่งโดย Irwin Levine และ L. Russell Brown ขับร้องโดย Tony Orlando and Dawn คนเดียวกับที่ร้อง Knock Three Times เพลงนี้มีการนำชื่อเพลงไปจดลิขสิทธิ์ด้วยสิ นางไม้ฯ เคยได้อ่านคอลัมน์เล็กๆ จากหนังสือ ดาโกะ ฉบับที่ 12 (ตค 2004) ฉบับแนะนำภาพยนต์และผู้กำกับหนังญี่ปุ่น และมีการกล่าวถึงหนังญี่ปุ่นเรื่อง shiawase no kiroi hankachi (1977) (แปลตรงๆ ก็ ผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองแห่งความสุข อะไรทำนองนี้) และเรื่อง ถ้าเธอยังมีรัก ของ มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ที่สร้างในปี 1981 ที่ผู้แนะนำกล่าวว่าทั้งสองเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องเดียวกัน (แต่กล่าวถึงเรื่องย่อของหนังไทอย่างเดียว)เรื่องย่อ มนตรี (ปัญญา นิรันดร์กุล)หนุ่มอกหัก เพิ่งถูกแฟนสาวสลัดรัก จึงลาออกจากานแล้วถอนเงินที่สะสมไไปซื้อรถยต์คันเล็กๆ เที่ยวขับจีบผูหญิง จนได้พบกับนุช (ตุ๊กตา จินดานุช) เด็กสาวจากปักษ์ใต้ที่ถูกหลอกมาขายซ่อง แต่แอบหนีรอดมาได้ ระหว่างทางได้พบกับเริง (สรพงษ์ ชาตรี) ซึ่งพ้นโทษออกมาจากคุกใหม่ๆ (เขาถูกจับในข้อหาฆ่าคนตาย) เริงกำลังจะกลับบ้านที่ปักษ์ใต้เหมือนกัน จึงขออาศัยรถของมนตรีร่วมทางไปด้วย ระหว่างการเดินทาง เริงได้เล่าเรื่องราวของตนให้เพื่อนร่วทางทั้งสองคนฟัง เขารียเดินทางกลับบ้าน เพราะได้สัญญาไว้กับภรรยา (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์)ว่า ถ้าหากเธอยังต้องการเขาอยู่ ให้ผูกผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองไว้หน้าบ้าน เริงไม่มั่นใจว่าภรรยาของเขาจะยังคงรักเขาเหมือนเดิมหรือไม่ นั่นก็หมายถึง ผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองจะช่วยบอกให้เขาได้รู้ ตอนแรกก่อนที่จะอ่านก็สงสัยว่าลอกกันอะไรและอย่างไร แต่พออ่านเรืองย่อแล้ว กลับไม่คิดว่าใครลอกใคร เพราะเรื่องนี้ทำให้นึกถึงความน่าประทับใจที่แฝงอยู่ในเพลงที่ฟังดูสบายๆ น่ารัก เพลงนี้ Tie a yellow ribbon round the old oak tree หรือ Tie a yellow ribbon round the ole oak tree นี้กล่าวกันว่ามาจากเรื่องจริง Pete Hamill ได้เขียนเรื่องสั้นตีพิมพ์ใน New York Post เมื่อเดือนตุลา 1971ในชื่อเรื่องว่า "Going Home" เป็นเรื่องของกลุ่มเด็กนักศึกษาเดินทางด้วยรถประจำทางไปเมืองชายหาด Fort Lauderdale และระหว่างทางได้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมทางที่เป็นอดีตนักโทษ ชายผู้นั้นกำลังเฝ้ามองหาผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองที่ต้นโอคริมถนน ต่อมาในปี 1972 Reader's Digest ก็ได้นำเรื่องนี้มาตีพิมพ์อีกครั้ง แล้วก็มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ในปีเดียวกันนั้นแหละ แต่ใช้ชื่อเรื่องว่า Tie a yellow ribbon round the ole oak tree เพราะทั้งคนเขียนเรื่องสั้น คนแต่งเพลง ต่างก็อ้างสิทธิ์ว่าตนเองได้ไปรับรู้เรื่องเล่าขานนี้ ถึงขั้นฟ้องร้องกันวุ่นวาย (อ้าว...นางไม้ฯก็กำลังมีเรื่องฟ้องร้องอยู่เช่นกัน) แต่ตามรูปการณ์แล้วเพลงเขาแต่งมาก่อน ก็เลยได้สิทธิ์ไป ก็แหม ในปี 1973 เพลง "Tie A Yellow Ribbon" นี้ขายได้ถึง สามล้านแผ่นในสามสัปดาห์ และมีการนับ(ด้วยอะไร?)กันว่าเล่นไปแล้วถึง 3 ล้านครั้งในรอบ 17ปี ตอนที่ได้อ่านที่มาของเพลงแล้วได้กลับมาฟังอีกครั้งตรงที่ว่า And I can't believe I see A hundred yellow ribbons 'round the old oak tree รู้สึกตื้นตันตามไปด้วยจริงๆ เชื่อว่าคนทำหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะชาติไหน คงรู้สึกประทับใจกับความรู้สึกตรงนีเหมือนกันน่ะเอง จะต่างกันก็คงจะตรงวิธีการสื่อสาร การนำเสนอ และรายละเอียดที่นำมาบอกเล่าความรู้สึกอันน่าประทับใจ เช่นกันกับที่นางไม้ฯ ที่หมู่นี้มีเหตุให้ห่างบล็อกไปครั้งละนานๆ แต่กลับมาก็ยังได้รับความระลึกถึงจากเพื่อนบล็อกอย่างไม่ขาดสาย ราวกับมีโบว์สีเหลืองผูกรออยู่โปรดทราบ สีของผ้าเช็ดหน้า หรือ ribbon นี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดงโปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง สีของผ้าเช็ดหน้า หรือ ribbon นี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดงคุยกันท้ายบล็อกค่ะ ที่หายหน้าหายตาไปเพราะว่านอกจากเรื่องอยู่ในระยะงานยุ่งแล้ว ระยะต่อยตีกับคนแก่ที่บ้าน ยังมีเรื่องฟ้องร้องศูนย์พี่เลี้ยงถึงสองแห่งด้วยกัน (ก็โดนเบี้ยวติดๆ กันเลยนี่นา ถูกเจ้าแรกโกง ก็หาเจ้าใหม่ ที่ไหนได้ ก็โกงเหมือนกัน) เมื่อเดือนก่อนสคบ. มีจดหมายมาเชิญไปเจรจาหลังจากที่ได้ส่งเรื่องไปร้องเรียน แต่ศูนย์พวกนี้ก็โกงโดยกำเนิด เปิดมาเพื่อจะโกง เขาปฏิเสธการรับจดหมายเชิญ ซึ่ง สคบ. ไม่มีอำนาจจะไปบังคับให้เขามา (อ้าว เรียกเขาไม่ได้ แต่เรียกตูได้ ก็ไม่ยักกะบอกก่อน ปล่อยให้ถ่อไปตั้งไกล๊ ไกล) ดังนั้น ทางคุณพี่ไปฟ้องศาลเองจะเร็วกว่า เพราะเป็นคดีผู้บริโภคกฏหมายใหม่นางไม้ฯ ก็เลยไปจัดการฟ้องร้องเป็นที่เรียบร้อย นัดขึ้นศาลปลายๆ เดือนหน้านี่แหละ แล้วได้ผลอย่างไรจะมาเล่าสู่กันฟังอีกทีค่ะ คดีผู้บริโภคนี้ไม่ต้องจ้างทนาย ไม่ต้องมีเงินวางศาลอย่างคดีแพ่งทั่วไป แต่กว่าจะถึงขั้นตอนให้เขาคืนเงินมามันเป็นคนละเรื่องกัน ถ้าอีกฝ่ายยังคงดื้อแพ่งไปแบบน้ำขุ่นๆ ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการดำเนินการขั้นต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่อยากบอกก็คือ การฟ้องร้องคดีทำนองนี้แม้ว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ทั้งเรื่องเสียงเงิน เสียเวลา หรืออะไรก็ตาม แต่เป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพราะเงิน 7-9 พันที่แต่ละศูนย์เอาไปนั้น อาจจะดูไม่มากแต่ไม่ใช่มีแต่เราคนเดียวที่โดน ถ้าไปคิดว่าเงินเล็กน้อย ไม่คุ้มค่าคุ้มเวลา เขาก็จะได้ใจไปหลอกคนอื่นต่อไป เพราะรู้ว่าไม่มีใครอยากมาเอาเรื่อง และที่สำคัญเงินที่ว่านี้ เป็นเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของเรา เรายอมเสียเงินซื้อความสุขสบายให้พ่อแม่ แต่กลายเป็นว่าพ่อแม่เราก็ไม่ได้สบาย และการที่เรายอมทำตามสัญญาเอาเปรียบ เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกติกา แต่อีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อ ก็ไม่สมควรปล่อยให้ลอยนวลไป ความจริงตัวเงินนั้น เมื่อเขาไม่ยอมคืนให้ เราก็ต้องตีศูนย์ (หรือตีว่าสูญ)ไปแล้ว แต่อยากให้เขารู้ว่ามีคนอย่างเรานี่แหละ ที่ไม่ยอม โชคดีที่ส่วนมากจะสแกนเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการจ้างพวกนี้เก็บไว้เกือบครบแต่ว่าตอนที่สแกนเอกสารหลักฐานต่างๆ ไม่ได้รวบรวมไว้ที่ใดที่หนึ่ง (รีบสแกนไปหน่อย) แถมบางตัวลืมตั้งชื่อ เลยทำให้กว่าจะรวบรวมได้ ก็ต้องมาไล่เลียงลำดับกัน แล้วการส่งเอกสารเพื่อฟ้องร้องก็ต้องมีเอกสารหลายชุด แต่ละชุดต้องมีการรับรองสำเนา ฯลฯ แถมฟ้องร้องคู่กรณีถึงสองรายด้วยกัน กรอกข้อความและเซ็นชื่อรับรองกันมือหงิกไปเลย มิหนำซ้ำช่วงนี้ ก็มีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องงานหรือการเดินเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้ทำจนหนำใจ ช่วงนี้เลยรู้สึกเบื่อเอกสาร เบื่อตัวหนังสือ โดยเฉพาะการเซ็นชื่อตัวเอง รู้สึกหลอนๆ กับเอกสารไปพอสมควรเลย ถ้าอีเมล์ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน ก็คงไม่เปิดเหมือนกัน โผล่หน้ามาอัพวันนี้ แล้วก็อาจจะได้หายไปอีก คงจะได้กลับมาพร้อม Tag พี่ตุ๊ก vanilla_ole ก็แล้วกัน ถ้าไม่ out ไปซะก่อน ว่าแต่เรื่องอะไรหนอ ยังไม่ได้เข้าไปดูเลย สาระแนไปรับปากซะแล้ว เพราะพี่ตุ๊กเอาของกินมาล่อทุกที ขอบคุณ โบว์สีเหลือง(ที่จิ๊กมา)จากบ้านหนูหนี่ แพรวขวัญ และ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ยังไม่ลืมอิฉันนะคะ
Create Date : 09 มีนาคม 2552
15 comments
Last Update : 9 มีนาคม 2552 12:17:49 น.
Counter : 1746 Pageviews.
โดย: smack 9 มีนาคม 2552 14:38:44 น.
โดย: Opey 9 มีนาคม 2552 23:30:17 น.
โดย: หอมกร 11 มีนาคม 2552 8:53:58 น.
โดย: ostojska 11 มีนาคม 2552 17:27:38 น.
โดย: ฮิโระ IP: 203.144.130.176 13 มีนาคม 2552 15:24:19 น.
โดย: ตุ๊กตา จินดานุช IP: 125.25.112.151 28 มีนาคม 2552 4:19:01 น.
หุหุ มีผู้ตกค้างอยู่ในบล็อก
ชีวิต
อยากบอกอะไรเราไหม?
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน ขอให้มีความสุขกันทุกคนค่ะ โอมเพี้ยง..