แบร์แนแด็ท....น่ารัก....น่ารัก ขี้ลืม.....ขี้ลืม ...... หนังปายหนายหว่า buy แล้ววbuyอีก......... faith, hope and charity เฟศบุ๊ค http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 

The Third Miracle (1999):GOD เลือกSaint หรือเราเลือก Saint

เขียนหนังเรื่องนี้ เป็นการท้าทาย หมิ่นเหม่ อาจจะไม่ตรงใจกะใครหลายๆๆคนอาจเจอสรรเสริญ หรือfootnote(กะส้น_Teen ได้)กะขอภัยด้วยค่ะ เพราะเป็นความเห็นส่วนตัวของเราเจงเจง



ถ้าดูหนังเรื่องนี้จะเน้นรูปปั้นพระแม่มารีย์ และพระแม่มารีย์เป็นหลัก เข้าใจกันก่อนว่า คาทอลิก นับถือ สูงสุด คือ พระเยซูเจ้า (Holy trinity พระตรีเอกภาพ พระบิดา และพระบุตร และพระจิต) พระแม่มารีย์ให้เราเลียนแบบชีวิตแบบท่าน นิ่งเงียบเลียบง่าย และให้พระแม่มารีย์ สวดวอนขอ ภาวนาเพื่อคนบาปอย่างเรา


ปี1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศซาโลวาเกีย ฝ่ายฮิตเลอร์ ทหารอเมริกันได้มาทิ้งระเบิดที่ประเทศนี้ ชาวบ้านหนีตายกันอลหม่าน เผ่ายิปซีชนใช้แรงงานนับถือคาทอลิกกะวิ่งหนีด้วย เด็กน้อย เฮเลนน่า วิ่งหนีกะพ่อของเธอ พร้อมด้วย รูปปั้นเล็กๆๆพระแม่มารีย์อุ้มพระกุมาร (พระเยซู) ทันทีที่หนูน้อยเฮเล่นน่า เห็นโบส์ถ เธอวิ่งย้อนกลับ และคุกเข่าต่อหน้าโบส์ถ เธอสวด

Hail Mary, Full of Grace,The Lord is with thee.Blessed art thou among women,and blessed is the fruit of thy womb, Jesus.
Holy Mary,Mother of God,pray for us sinners now,and at the hour of death.
Amen.

วันทามารีอา เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใด ๆ
และพระเยซู โอรสของท่าน ทรงบุญนักหนา สันตะมารีอา มารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย
อาแมน

เครื่องบินอเมริกามาบอมบ์ทิ้งระเบิด เป็นกระตั๊กกระตั๊กก แต่โบส์ถรอด ไม่เป็นอะไร ท่ามกลางพยานคือ พ่อของหนูน้อยเฮเล่นน่า และบาทหลวงคุณพ่อ และทหารบาดเจ็บชาวเยอรมันที่ขาขาด

เห็นฉากกกนี้ ปี่แตกกกกอะ








ที่อเมริกา บาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์มอร์ล ถูกเรียกจากบิชอบอย่างเร่งด่วนให้มาสืบเรื่อง พระแม่มารีย์ร้องไห้ออกมาเป็นเลือด ที่คืนฝนตก และอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกะ เฮเลน ให้ไปสืบดูว่า เป็ฯจริงหรือไม่ นักข่าว ทีวี หนังสือพิมพ์กะมากันตริม บาทหลวงคุณพ่อกะกัน ห้ามถ่าย คนกะมากันตริม




สิ่งที่บิชอบ(พระสังฆราชเกรงม๊ากที่สุดคือ การบูชารูปปั้นอย่างงมงาย )
รูปปั้นพระเยซู แม่พระ นักบุณทั้งหลาย ของคาทอลิกมีไว้ระลึกถึง คุณความดี ไม่ได้มีไหว้กราบปร๊กปร๊ก หรือไม่ไว้ทำความสะอาด กวาดหยากไย้ ปัดฝุ่นรูปปั้นอะ
บ้านเรากะมีพระเยซูแม่พระ สูงไม่เกินคืบ 5 นิ้วแค่นี้แหละ
เวลาเราเอารูปภาพ รูปปั้น สายประคำ รูปกางเขน ไปให้บาทหลวงคุณพ่อเสกให้

บาทหลวงคุณพ่อทุกองค์จะสอนเสมอว่า "รู้ม๊ะ พ่อไม่เคยเสกเลยซื้อมาก็ใส่เลย หรือใช้เลย" เพราะมีไว้ระลึกถึง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ดำเนินชีวิตตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอนตามพระวรสาร และไบเบิ้ล และพระกะอยู่กับเรา อยู่ในใจเรา"

การที่หลายๆๆบ้านพี่น้องคาทอลิกมีรูปปั้นใหญ่ๆๆๆ อันนี้เค้าศรัทธาจริงๆๆเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเค้ากะพระเป็นเจ้าอะ (ความเชื่อส่วนบุคคล)

กำลังมีการตรวจสอบเรื่องของคุณนายเฮเลน ให้เป็นนักบุณ(Saint) เพื่อนำเรื่องส่งศาลวาติกัน


บาทหลวงคุณพ่อไปสืบเรื่องของเฮเลนครั้งแรกเจอคนพิการ ลงไปจุ่มตัวในน้ำ เช้ามา เค้าเดินได้ บาทหลวงคุณพ่อตกใจมากก ถึงกะพูดว่า God สร้างนักบุณหรือเราสร้างนักบุณกันแน่

สิ่งที่คุณบาทหลวงคุณพ่อไปสอบครั้งแรกคือ รูปปั้นพระแม่มารีย์มีน้ำตาไหลเป็นเลือด ตอนฝนตก และเป็นวันตายของเฮเลน บาทหลวงคุณพ่อเกริ๊ก ผู้เชี่ยวชาญทางเคมีจากโรมบอกว่า การที่มีเลือดไหลออกมาตอนฝนตก ก็คือ สามารถ เอาเลือดหมูไปป้ายที่ตาและทำให้เลือดหมูแข็งตัว เมื่อฝนตก ก็เป็นน้ำตาไหลออกมาเป็นเลือดได้



แต่บาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์ ปีนขึ้นไปที่รูปปั้นและพิสูจน์ปรากฎว่า เป็นเลือดคนจริงๆๆๆ



และบาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์ ไปสืบเด็กที่เป็นโรคผิวหนังระยะสุดท้ายรักษาไม่หาย ชื่อมารีย์ แค่คุณนายเฮเลนสัมผัสตัวเธอ เธอก็หาย แต่ มารีย์ตอนนี้ เธอกลายเป็นอายุ 16 ที่ติดยา และโสเภณี และแม่ของมารีย์กะทุบตีทำร้ายเธอตั้งแต่เด็ก



บาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์ถามมารีย์ ว่าตอนที่เธอขอ เธอขอใคร
มารีย์บอกว่า ชั้นขอเฮเลน เพราะชั้นรักเฮเล่น เอเลนสัมผัสชั้น ชั้นไม่ได้ขอพระเจ้า



บาทหลวงคุณพ่อเจอลูกสาวของคุณนายเฮเลน ลูกสาวเธอไม่ได้นับถือคาทอลิก เธอถามบาทหลวงคุณพ่อว่า ทำไมจะแต่งตั้งนักบุณคนที่ทิ้งลูกสาวเธอไป เมื่อเธออายุ 16 เรื่องเหลวไหล


และบาทหลวงคุณพ่อ ก็อ่อนแอ เกือบ พลาดพลั้งกะลูกสาวของคุณนายเฮเลน แต่ก็กลับตัวทัน ลูกสาวเฮเลนถึงกะประชดบาทหลวงคุณพ่อว่า


มิน่าทำไมเพื่อนชั้นอยากเป็นคาทอลิก เพราะอะไรอะไร ก็ล้างบาปได้
(อ่ามันไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันอะ การแก้บาปคือ การสำนึกผิดไม่กลับไปทำอีก ทำให้ชีวิตดีขึ้นที่ดำรงค์ในปัจจุบันนี้อะ เอาง่ายๆๆลืมคืนเข็ม ชาวบ้านเค้าเล่มเดียว ตายไป ก็ไฟชำระแหละ)



ลูกสาวของคุณนายเฮเลน ถามบาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์ว่าบวชทำไม บาทหลวงคุณพ่อบอกว่า บิดาของบาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์ เป็นตำรวจ ถูกยิง ไม่มีโอกาสรอด บาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์เลยสวดขอพระเป็นเจ้า ถ้าบิดาของบาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์รอด ท่านจะ บวช และบิดาบาทหลวงคุณพ่อ กะรอดอะ


และเมื่อท่านเข้าบ้านเณร ได้เพียง 3 เดือน บิดาของบาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์กะตาย บาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์ก็สับสนในตัวเองและพระเจ้าเหมือนกัน

การตรวจสอบอัศจรรย์ครั้งนี้ บาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์ท่านอึดอัดใจม๊ากกถึงกะไปแก้บาป บอกว่า พระเจ้า

พ่อแฟรงค์ : ศรัทธาไปใหนซะแล้วจอร์ท เมื่อตอนตัดสินใจไม่อยากเป็นทนายหรือเปล่า เราจะดูเหมือนคนเฮงซวยถ้าเราตายเราไม่มีอะไรติดตัว ทุกอย่างผมยอมแพ้ทุกอย่าง ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องไร้สาระ ผมอยากให้มันเป็นเรื่องจริง ทั้งหมดนั้นถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา มันคงจะดีขึ้นมากไม่ใช่น้อย บาทหลวงถึงกะ ร้องไห้

พ่อจอร์ท : บางทีพระเจ้าจะอภัยให้คุณน๊ะ และด้วยอำนาจของพระองค์ ผมอภัย ในนามของพระบิดา และพระบุตร และพระจิต


และมารีย์เด็กหญิงโสเภณี ติดยา ก็อัพยาเกินขนาด โคม่านอนอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีแม่ที่เคยตีเธอดูแลเธออยู่

และแล้ว การตรวจสอบก็มาถึง


มีฝ่ายโจทย์ สนับสนุนเฮเลน ก็คือ บาทหลวงคุณพ่อแฟรงค์
และฝ่ายค้าน ค้านอย่างเดียว ก็คือพระคาร์ดินัล จากเยอรมันฝ่ายผู้ส่งเสริมความเชื่อ คัดค้านเฮเลน



การตัดสิน

งานของเรามีสองอย่าง สรุปเรื่องความคืบหน้าของเฮเลน เราจะค้นหาอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงโปรดปรานให้เธอ เรามีทนายแก้ต่างให้เธออยู่ที่นี้แล้ว

พระคาร์ดินัลฝ่ายค้าน : เราอยู่ในโลกที่ตกต่ำ การทรมาร เป็นการทำของผู้ศรัทธา เป็นไปไม่ได้ที่การกระทำความดีอย่างง่ายๆๆแค่บริจาคอาหาร จิตใจดี ใจดีต่อคนจน เมื่อทำอย่างงั้นแล้วจะได้เป็นนักบุณที่คู่ควร

นักบุณที่แท้จริงมันคนละอย่างกัน เริ่มตรงที่คุณนายรีแกนแต่งงานแล้ว เอกสารไม่ได้ระบุว่า การแต่งงานเป็นอุปสรรคระหว่างวิญญาณกะพระเจ้า

พ่อแฟรงค์ : ผมไม่เห็นด้วย

พระคาร์ดินัล ฝ่ายค้าน : การร่วมประเวณีละ การสัมผัสเนื้อหนัง ก็ไม่เหรอ

พ่อแฟรงค์ : ไม่ พระคุณเจ้าที่เคารพ หลายศตวรรษแล้วที่โบส์ถมองว่ามนุษย์เป็นภาชนะแห่งบาป

พระคาร์ดินัล ฝ่ายค้าน : คุณไม่เห็นด้วยเหรอกับการเป็นโสด การเป็นโสดเป็นสภาพที่ศักดิ์สิทธิ์

พ่อแฟรงค์ : สิ่งที่กำลังจะพูดคือ มีนักบุณที่แต่งงานแล้ว เซ็นต์ อลิซาเบช ฮังการี เซ็นมอร์นิการ์ เยอะแยะไป
พระคาร์ดินัล ฝ่ายค้าน : กฎมีข้อยกเว้น เซ้นต์อลิชาเบชทำมันเป็นการมากกว่าบริจาคอาหาร มันเป็นการเลื่อมใสที่ยิ่งใหญ่

พ่อแฟรงค์ : การรวมกันของชายหญิง เป็นพันธะแรก
พระคาร์ดินัล : ความหนุ่มสาว มีความรักความสัมพันธ์ เรามีตัวอย่างของเซ็นออร์กุสติน ใหนละประเด็นของคุณ

พ่อแฟรงค์ : ความรักคือประเด็นของผม
พระคุณเจ้าครับ เฮเลนแต่งงานแล้ว ใช่ เจ็ดปีที่อยู่กะสามี ที่เป็นโรคมะเร็งร่างกายเค้าเสื่อมถอย เธออยู่เคียงข้างเค้าดูแลเค้า เฮเลนก็ดูแลคนอื่นเช่นเดียวกะสามีของเธอ เรามีนักบุณที่พร้อมไปกะการสวดอย่างเคร่งครัด แต่เฮเลนเป็นนักบุณ ที่อยู่ในโลกสามัญธรรมดา พวกเค้าขอพรเธอให้พวกเค้ามีนักบุณของเค้า


และคณะตรวจสอบ ต้องการให้ลูกสาวของเฮเลนมาสอบปากคำ เฮเลนถามพระคุณเจ้าผู้ตัดสินว่า พระคุณเจ้าค่ะ นักบุณคืออะไรค่ะ

พระคุณเจ้าบอกว่า นักบุณคือ ผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงโปรดปราน

และคณะตรวจสอบ เรื่องของมารีย์ พ่อแฟรงค์บอกว่า มารีย์โคม่าแล้วเอาเครื่องช่วยหายใจออกแล้ว แต่ปรากฏว่า มารีย์มาพร้อมกะแม่ของเธอ และพ่อจอร์ท พามา (มารีย์รอดตายได้ขนาดนี้ ถ้ากลับไปเป็นโสเภณีอีกไม่รู้จาพูดไงแหละ)

คณะตัดสิน มองมารีย์ด้วยความตื้นตันใจ และให้คณะแพทย์ของวาติกันตรวจสอบอีกที

และอีกเคส เรื่องประวัติของเฮเลนน่า เช็คได้ เธอไม่ได้เป็นชาวออสเตรีย เพราะสงครามโลกมีการอพยพเข้ามาทางเรือเอกสารได้หายไป และ ตรวจสอบอีกที เธอคือชาวเผ่ายิปซี ชนชั้นแรงงานที่ซาโรวาเกีย ฝ่าย เยอรมัน ชาวบ้านแถวนั้นรู้กันดี เรื่องโบส์ถ และเอกสารบันทึกในโบส์ถได้หายไป ขาดพยาน คุณพ่อแฟรงค์ยกเรื่องนี้มาพูด

ทำให้พระคาร์ดินัลฝ่ายค้านถึงกะอึดอัด และยุติคดี ชั่วคราว





กลางคืน พระคาร์ดินัลเรียกพ่อแฟรงค์เข้ามาคุยบอกว่า เหตุการ์วันนั้นหนูน้อยที่สวด หน้าโบส์ถ มีคนเห็น คือ ผมนายทหารที่บาดเจ็บชาวเยอรมันตอนนั้น และพ่อของเด็ก บาทหลวงที่โบส์ถด้วย ระเบิดเป็นร้อยๆๆลูกถล่มลงมา แต่สิ่งที่ผมเห็นลูกระเบิดกลายเป็นนกร้อยๆๆตัว บินว่อนไปทั่ว นกพิราบ หลายร้อยตัว นั้นคืออัศจรรย์ที่ผมเห็นครั้งแรกและครั้งเดียว

การสอบสวนกะสิ้นสุดลง อีกสามปีต่อมา พ่อแฟรงค์เห็นลูกสาวเฮเลน ลูกสาวเฮเลนถามว่า ไงแม่ชั้นได้เป็นนักบุณยัง พ่อแฟรงค์บอกว่า ขาดอีกอัศจรรย์เดียว



Source : //www.filmpolski.pl/fp/index.php/158835

//www.imdb.com/title/tt0174268/plotsummary

//www.aboutfilm.com/movies/t/thirdmiracle.htm

'//us.movies1.yimg.com/movies.yahoo.com/images/hv/photo/movie_pix/sony_pictures_classics/the_third_miracle/ed_harris/thirdmiracle




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2550
19 comments
Last Update : 10 มกราคม 2551 18:35:09 น.
Counter : 1740 Pageviews.

 

อ่านแล้ว แต่คงต้องขอเวลาทำความเข้าใจ
ไม่ค่อยรู้เรื่องศาสนาอ่ะค่ะ

 

โดย: Michiru 22 ตุลาคม 2550 14:37:35 น.  

 

ยาวหน่อยเก็บไว้อ่านเอง เตือนฟามจำอะ

นักบุญคือใคร….?
ทำไมคาทอลิกจึงนับถือนักบุญ…?

นับตั้งแต่ได้รับศีลล้างบาปเข้าเป็นสาชิกภาพของพระศาสนจักรคาทอลิก ทุกคนจะได้รับชื่อของนักบุญ เป็นชื่อนำหน้าชื่อจริงของตนเองเสมอ ตัวอย่างเช่น ยอแซฟ สมศักดิ์ รักชาติ, เทเรซา สมศรี งานดี เป็นต้น นอกจากนั้น "นักบุญ" สำหรับชาวคาทอลิกยังเป็นอะไรต่อมิอะไรที่มีความหมาย มีบทบาทและมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตด้านศาสนาของชาวคาทอลิกมาช้านานแล้ว
นักบุญคือใคร…ทำไมคาทอลิกจึงเคารพนับถือ… คำถามเหล่านี้คิดว่ายังคงมีอยู่ในใจใครบางคน วันนี้เว็บไซด์ของเราจึงอยากนำเรื่องราวต่างๆ อันเกี่ยวกับนักบุญมาเสนอเป็นพิเศษแด่ท่านผู้อ่านด้วยหวังว่าจะให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับนักบุญเพิ่มขึ้นบ้าง อย่างน้อยเมื่ออ่านจบ ก็คงจะได้รู้ว่า "นักบุญคือใคร…ทำไมคาทอลิกจึงนับถือนักบุญ…"

นักบุญคือใคร
"นักบุญ" คำๆ นี้ฟังดูแล้วหลายคนอาจจะนึกไปถึงยอดมนุษย์ หรือซุปเปอร์แมนที่สามารถทำอภินิหารเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะ "นักบุญ" ก็คือคนธรรมดาสามัญที่เกิดมาบนโลกบูดๆ เบี้ยวๆ อย่างเราๆ ท่านๆ นี่แหละแต่เนื่องจากว่าระหว่างที่ท่านมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ท่านได้ดำเนินชีวิตที่แสดงออกถึงความเชื่อในพระศาสนาอย่างสมบูรณ์ ด้วยการปฏิบัติคุณงามความดีต่างๆ เพราะรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ และเมื่อท่านจากโลกนี้ไปแล้ว พระศาสนจักรก็ได้ยกย่อง สดุดีคุณงามความดีต่างๆ ที่ท่านเหล่านั้นได้กระทำไว้ โดยถือว่าเป็นชีวิตคริสตชนตัวอย่างที่เราสามารถเลียนแบบได้ และถือว่าเป็นชีวิตคริสตชนตัวอย่างที่เราสามารถเลียนแบบได้ และถือว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เราสามารถเคารพ นับถือ และสวดวิงวอนขอพรจากพระเจ้าผ่านท่านได้ เพราะเชื่อว่าท่านมีชีวิตนิรันดรอยู่ร่วมกับพระคริสตเจ้าในสรวงสวรรค์แล้วนั่นเอง

ประวัติความเป็นมาของคำว่า "นักบุญ" เป็นอย่างไร
ในพระธรรมเก่านั้น คำว่า "นักบุญ" หมายถึงบุคคลที่พระเจ้าทรงเลือกสรรที่จะประทานความศักดิ์สิทธิ์ให้ พอมาในสมัยพระธรรมใหม่ "นักบุญ" หมายถึงคริสตชนทุก ๆ คน (เพราะเชื่อว่าพระคริสตเจ้าได้เกิดมาเพื่อช่วยให้มนุษย์ได้กลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์)ต่อมาใน 6 ศตวรรษแรก ๆ ของพระศาสนจักรนั้น คำ ๆ นี้กลับกลายเป็นตำแหน่งอย่างหนึ่งสำหรับเรียกผู้ที่ได้พลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อของตน สาเหตุก็เพราะว่าในสมัยนั้นคริสตศาสนายังถูกเบียดเบียนและข่มเหงอยู่มาก บรรดาคริสตชนหลายต่อหลายคนได้ถูกจับไปประหารชีวิตเพราะเป็นคริสตชนหรือไม่ยอมทิ้งศาสนา บางคนถูกตรึงกางเขน ถูกเผาทั้งเป็น ถูกต้มในกะทะน้ำมันเดือด ๆ หรือถูกปล่อยให้สิงโตกินในสนามกีฬากลางแจ้งของชาวโรมันที่เรียกว่า "โคลีเซียม" และอีกมากมายหลายวิธีมาก ในสมัยนั้นเมื่อมีคนใดคนหนึ่งตายเพื่อยืนยันความเชื่อแล้ว พวกคริสตชนจะพยายามเก็บศพนั้นไว้อย่างดี บางทีก็ต้องนำไปฝังในที่ลับ เช่น กาตากอม หรืออุโมงค์ใต้ดิน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้คนที่กำลังเบียดเบียนมาทำลายหรือลบหลู่ดูหมิ่นนั่นเองต่อมาเมื่อคริสตศาสนาได้รับการยอมรับ และกลายเป็นศาสนาประจำชาติโรมัน การเบียดเบียนจึงลดลง คราวนี้คนที่จะพลีชีพเพื่อศาสนาก็มีจำนวนลดน้อยถอยตามไปด้วย จึงมีคนคิดว่าการเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือนักบุญนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องตายเพื่อศาสนาเสมอไป แต่ชีวิตที่แสดงออกถึงความเชื่และดำเนินไปตามพระบัญญัติด้วยการปฏิบัติคุณงามความดีต่างๆ ก็น่าจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือนักบุญได้ด้วย
ตั้งแต่นั้นมาการเคารพนับถือผู้ศักดิ์สิทธิ์จึงเริ่มขยับขยายออกไปยังคริสตชนอื่น ๆ ที่เจริญชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ ยึดมั่นในพระธรรมคำสอนและปฏิบัติคุณงามความดีอย่างเคร่งครัดและซื่อสัตย์เพราะเห็นแก่พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ซึ่งก็มีมากมายหลายคน และแต่ละคนต่างก็มีความดีความเด่นแตกต่างกันไป บางคนเด่นในการบำเพ็ญพรต บำเพ็ญตบะ บางคนเด่นในการเผยแผ่พระศาสนา บางคนเด่นในด้านการมีความรอบรู้ในพระสัจธรรมหรือเป็นนักปราชญ์ และบางคนก็เด่นในด้านมีเมตตาจิต อุทิศตนรับใช้เพื่อนมนุษย์ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ก็ได้รับยกย่องว่าเป็น "ธรรมสักขี" (Confessors)

วิวัฒนาการการแต่งตั้งนักบุญเป็นมาอย่างไร
ตามที่กล่าวมาแล้วว่า เมื่อมีการขยายการเคารพนับถือผู้ศักดิ์สิทธิ์ จากบุคคลที่พลีชีพเพื่อศาสนาอย่างเดียว มาเป็นบุคคลที่ปฏิบัติคุณงามความดีตามพระธรรมคำสอนอย่างเคร่งครัดนั้น ก็ได้ทำให้ผู้ศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 6-10 ประกอบกับสมัยนั้นยังไม่มีกฎเกณฑ์แน่นอนเกี่ยวกับการแต่งตั้งใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือนักบุญวิธีที่ใช้ตัดสินก็คือ การดูจากจำนวนคนที่เคารพนับถือและศรัทธา จำนวนคนที่ไปเยี่ยมหลุมฝังศพและได้รับความช่วยเหลืออย่างอัศจรรย์ว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการตัดสินแบบนี้ก็เป็นเหตุให้เกิดข่าวลือหรือการโจษจันถึงความศักดิ์สิทธิ์ของคนนั้นคนนี้อยู่เสมอ ๆ
ดังนั้นทางพระศาสนจักรจึงได้คิดว่าน่าจะมีการกำหนดกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนขึ้นว่า บุคคลใดควรอยู่ในข่ายได้รับการยกย่องเทิดทูนอย่างแท้จริง จึงได้กฎเกณฑ์และระเบียบการแต่งตั้งผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือนักบุญขึ้น ซึ่งก็มีวิวัฒนาการมาเรื่อย ๆโดยในระยะแรก ๆ นั้นการจะอนุมัติให้เคารพคนนั้นคนนี้ในฐานะที่เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น ขึ้นอยู่กับพระสังฆราชหรือประมุขคริสตชนท้องถิ่นนั้นๆ แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 12 การอนุมัติเรื่องนี้ต้องขึ้นกับพระสันตะปาปาแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้เพื่อจะเป็นหลักประกันถึงความศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งเพื่อเป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีแก่บุคคลผู้นั้นนั่นเอง
วิวัฒนาการของการดำเนินการประกาศแต่งตั้งผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือนักบุญนับวันก็มีระเบียบกฎเกณฑ์ซับซ้อนขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งถึงปี ค.ศ.1642 สมเด็จพระสันตะปาปาอูบาโนที่ 8 จึงได้ออกสมณกฤษฎีกาว่าด้วยกฎเกณฑ์ และวิธีการดำเนินการแต่งตั้งนักบุญขึ้น ชื่อว่า "Decreta servanda in canonizatione et beatificatione sanctorum" ต่อมาในสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 10 ก็ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม จนกระทั่งล่าสุด ในปี ค.ศ.1930 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 จึงได้ทรงโปรดให้มีการปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบันได้มีสมณกระทรวงว่าด้วยการประกาศแต่งตั้งนักบุญโดยเฉพาะ ซึ่งก็แยกส่วนออกมาจากสมณกระทรวงพิธีกรรมตั้งแต่ปี ค.ศ.1969 ทั้งนี้เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับคำร้องและพิธีการดำเนินการประกาศแต่งตั้งนักบุญทั่วพระศาสนจักรสากลโดยตรงนั่นเอง

ขั้นตอนการแต่งตั้งเป็นนักบุญเขาทำกันอย่างไร
ขั้นตอนการประกาศแต่งตั้งเป็นนักบุญนั้นละเอียดซับซ้อน ต้องกระทำอย่างรอบคอบถี่ถ้วนเพราะจะผิดพลาดไม่ได้ ฉะนั้นอาจจะต้องเสียเวลาหลายปี และต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการสืบสวนประวัติบุคคลต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการประกาศแต่งตั้งแบ่งออกได้เป็น 2 ขั้นตอนดังนี้คือ
1.ขั้น "บุญราศี" (Beatification)
2.ขั้น "นักบุญ" (Canonization)
1.ขั้น "บุญราศี" (Beatification) เมื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ประชาชนยอมรับว่าเป็นคริสตชนตัวอย่างได้สิ้นชีวิตลง แล้วก็ปรากฏว่ามีผู้ได้รับผลจากการสวดวิงวอนขอความช่วยเหลือจากท่านพระสังฆราชท้องถิ่นนั้นเอง ก็จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ เช่น ประวัติของผู้ตายและอัศจรรย์ต่างๆ ที่มีผู้ได้รับความช่วยเหลือ ทั้งนี้เพื่อจะได้มีข้อมูลที่แน่นอนและเป็นหลักฐานชัดเจน จากนั้นจึงรวบรวมเรื่องส่งไปยังสมณกระทรวงว่าด้วยการสถาปนานักบุญที่โรม เพื่อให้ดำเนินการขึ้นต่อไป
เมื่อสมณกระทรวงได้รับเรื่องมาแล้ว ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องราวซึ่งครอบคลุมทั้งชีวประวัติของบุคคลดังกล่าวอย่างละเอียด แม้กระทั่งการตรวจสอบข้อเขียนหรือบันทึกต่างๆ เพื่อเสาะหาความถูกต้องเกี่ยวกับความคิดความเชื่อและการปฏิบัติตัวของเขาว่าเคยหันเหไปจากความเชื่อเที่ยงแท้หรือไม่
โดยจะมีการตั้งทนายขึ้นมา 2 ฝ่ายคือฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายค้าน (ทนายปีศาจ) ทนายฝ่ายสนับสนุน จะมีหน้าที่หาข้อมูลมาป้อน มาตอบข้อข้องใจ เพื่อสนับสนุนให้มีการประกาศแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวเป็นบุญราศี หรือนักบุญ ส่วนทนายฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ขุดคุ้ยค้นหาข้อบกพร่องต่างๆ มาคัดค้านมิให้บุคคลผู้นั้นได้รับการประกาศแต่งตั้ง เมื่อทุกฝ่ายเห็นว่าพอใจแล้ว จึงเสนอเรื่องราวให้สมเด็จพระสันตะปาปารับทราบและอนุญาตให้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาอย่างเป็นทางการได้ ซึ่งเรียกว่า "Apostolic Process" โดยทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของสมณกระทรวง ว่าด้วยการสถาปนาบุญราศีและนักบุญ
จากนั้นก็จะเป็นการกลั่นกรองข้อเท็จจริงทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง โดยคราวนี้จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ของทางการออกไปตรวจสอบสถานที่ เพื่อสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อทุกอย่างได้รับการตรวจสอบว่าเป็นความจริงแล้วก็จะมีการประกาศว่า หลักฐานทั้งหมดเป็นความจริง "Decree on the Validity of the Process"
เมื่อได้ประกาศว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นความจริงแล้ว ขึ้นต่อไปก็คือการพิสูจน์ว่าชีวิตของบุคคลที่จะได้รับการสถาปนานั้น เป็นชีวิตคริสตชนขั้นวีรชนจริงๆ คือดำเนินไปและจบลงด้วยการปฏิบัติความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง มิใช่เพราะสาเหตุอื่นใด โดยจะมีการค้นหาเหตุผลมาสนับสนุน และการหาเหตุผลมาคัดค้านหักล้างกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทุกอย่างดำเนินไปจนทุกฝ่ายพอใจแล้ว ก็จะมีการประกาศว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคริสตชนตัวอย่าง ที่ควรแก่การเคารพยกย่อง หรือที่เราเรียกว่า "คารวียะ" (Venerable) ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกที่จะต้องกระทำก่อนการประกาศเป็นบุญราศีหรือนักบุญ
เมื่อได้รับการประกาศว่าเป็นบุคคลที่ควรแก่การเคารพยกย่องหรือ "คารวียะ" แล้วขึ้นตอนต่อไปก็คือการประกาศเป็น "บุญราศี" แต่ก่อนที่จะได้รับประกาศเป็นบุญราศีนั้น พระศาสนจักรได้ตั้งเงื่อนไขว่า ต้องมีการพิสูจน์ได้ว่ามีอัศจรรย์อย่างน้อย 2 ประการเกิดขึ้น โดยอาศัยบุญบารมีของ "คารวียะ" ซึ่งในการพิจารณารับรองอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนั้น พระศาสนจักรก็จะพยายามทุกวิถีทางในการตรวจสอบว่าได้เกิดอัศจรรย์ขึ้น และอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนั้น ก็ต้องเกิดโดยการวิงวอนของบุคคลที่เป็น "คารวียะ" นั้นจริงๆ (ในกรณีของมรณสักขีหรือผู้ที่ยอมพลีชีพเพื่อศาสนา ความตายของเขาก็ถือว่าเป็นอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ สามารถใช้แทนอัศจรรย์สองประการที่กำหนดนี้ได้) พร้อมกันนั้นในขั้นนี้ก็จะมีการตรวจศพหรือพระธาตุ (เศษร่างกาย) ของผู้ตายด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นธรรมเนียม และเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นบุคคลผู้นั้นจริงๆ
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะนำเรื่องขึ้นกราบทูลสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อทรงรับรองอีกครั้ง และกำหนดวันสถาปนาคารวียะดังกล่าวขึ้นเป็น "บุญราศี" ซึ่งหมายความว่าต่อไปคริสตชนทุกคนสามารถแสดงความเคารพนับถือ และแสดงความศรัทธาในตัวท่านได้ แต่ความเคารพและพิธีกรรมต่างๆ นั้นก็ยังคงจำกัดอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ หรือประเทศนั้นๆ ยังมิได้ขยายออกไปทั่วพระศาสนจักรสากล (ตัวอย่าง บุญราศี ทั้ง 7 ของประเทศไทย)
2.ขั้น "นักบุญ" (Canonization) หลังจากได้รับสถาปนาเป็นบุญราศีแล้ว ขึ้นตอนต่อไปก็คือการดำเนินการเพื่อประกาศแต่งตั้งเป็น "นักบุญ" แต่ว่าก่อนที่จะเป็นนักบุญ พระศาสนจักรก็ได้กำหนดว่าจะต้องมีผู้ได้รับอัศจรรยืโดยคำวิงวอนของท่านบุญราศีผู้นั้นอีกอย่างน้อย 2 ประการ ซึ่งการรอคอยอัศจรรย์ขั้นนี้อาจจะยาวนานหลายปี บางรายกินเวลาเป็นศตวรรษก็มี จากนั้นก็จะมีการพิจารณาตรวจสอบศพอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะดูว่าเป็นบุคคลนั้นจริงหรือไม่ และมีบางรายได้รับพรพิเศษให้ศพไม่เน่าเปื่อยตามกาลเวลาเกี่ยวกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้ ส่วนมามักจะเป็นเรื่องของการหายจากโรคที่สุดวิสัยความสามารถมนุษย์จะรักษา แต่การหายป่วยจากโรคอย่างอัศจรรย์นี้ก็จะได้รับการตรวจสอบและยืนยันโดยแพทย์ หรือนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นการอัศจรรย์จริงๆ
เมื่อผ่านขึ้นตอนทุกอย่างแล้วก็จะมีการประกาศแต่งตั้งบุญราศีองค์นั้นขึ้นมาเป็น "นักบุญ" โดยสมเด็จพระสันตะปาปา พิธีการประกาศแต่งตั้งจะมีขึ้นอย่างมโหฬารที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ กรุงโรมเป็นพิธีที่สง่างามน่าประทับใจที่สุดพิธีหนึ่งที่ทางพระศาสนจักรจัดขึ้น เพราะการประกาศสถาปนาบุคคลใด บุคคลหนึ่งเป็นนักบุญ ย่อมหมายถึงเกียรติขึ้นสูงสุดที่คริสตชนคนหนึ่งพึงจะได้รับ โดยท่านผู้นั้นจะได้รับการประกาศชนิดที่พระศาสนจักรใช้เอกสิทธิ์ความไม่รู้ผิดพลั้งของสมเด็จพระสันตะปาปามาเป็นหลักประกันความจริง ท่านจะเป็นที่เคารพนับถือของชาวคาทอลิกทั่วโลกและชื่อของท่านผู้นั้นก็จะได้รับการบันทึกเข้าไว้ในบัญชีสารบบนักบุญตลอดไปชั่วกาลนาน
นี่แหละคือลำดับขั้นตอนที่พระศาสนจักรได้ใช้ในการประกาศสดุดีคุณงามความดีขั้นวีรกรรมของบรรดาสมาชิกของพระศาสนจักรซึ่งทุกยุคทุกสมัยก็จะมีพี่น้องของเราได้รับเกียรตินี้ เพื่อมอบเป็นแบบอย่างแก่เราอยู่เสมอๆ และพระศาสนจักรก็พยายามสอนลูกๆ ของตนเสมอว่า ให้พยายามเลียนแบบความสมบูรณ์ทางคุณธรรมของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นในการเจริญรอยตามพระคริสตเจ้า ทั้งนี้เพราะผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือนักบุญเหล่านั้นต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา เคยมีชีวิตจริงๆ บนโลกใบนี้ ดังนั้นแบบอย่างชีวิตของท่านจึงเป็นสิ่งที่ดี ที่ใกล้ตัว ที่เราสามารถเห็นได้และเลียนแบบได้ เพื่อว่าสักวันหนึ่งเราจะได้เข้าสู่สวรรค์ มีชีวิตนิรันดรร่วมกับพระคริสตเจ้า และท่านเหล่านั้นด้วย และนี่แหละคือเหตุผลว่า…ทำไม..คาทอลิกจึงนับถือนักบุญ

(เอกสารอ้างอิง : ป.พงษ์วิรัชไชย "ประวัติและขึ้นตอน การดำเนินการแต่งตั้ง บุญราศีและนักบุญ" (บทความ) , อุดมศานต์ ปีที่ 69 ตุลาคม 2532/ มนัส จวบสมัย, สารานุกรมศาสนาคริสต์คาทอลิกฉบับย่อ ; 20 ตุลาคม 2526)


เกร็ดความรู้เกี่ยวกับพระธาตุของนักบุญ
พระธาตุคือ ร่างกายหรือศพของนักบุญ ตลอดจนสิ่งต่างๆ ที่นักบุญได้สัมผัส ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ชั้นดังนี้คือ
พระธาตุชั้นที่ 1คือ ร่างกายหรือศพของนักบุญ
พระธาตุชั้นที่ 2 คือ สิ่งที่ติดอยู่กับตัวของนักบุญ (หรือพระเยซู)
พระธาตุชั้นที่ 3 คือ สิ่งที่นักบุญได้สัมผัส

ตามประวัติศาสตร์พระศาสนจักรนั้น คริสตชนในยุคแรกๆ ให้ความสำคัญกับพระธาตุของบรรดามรณสักขีที่ยอมพลีชีวิตเพื่อพระศาสนามากและกลายเป็นธรรมเนียมที่จะต้องถวายบูชาอย่างสมเกียรติที่หลุมศพของมรณสักขี ต่อมาเมื่อมีการสร้างวัดในที่ต่างๆ ก็นิยมที่จะนำเอาชิ้นส่วนของพระธาตุไปไว้ในพระแท่นหรือบริเวณวัด เป็นการให้ความเคารพ หรือความศรัทธาต่อพระธาตุของผู้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น จนกระทั่งได้กลายเป็นธรรมเนียมของพระศาสนจักรและปฏิบัติติดต่อกันมายาวนาน (จะสังเกตว่าวัดเก่าๆ ที่พระแท่นจะมีพระธาตุบรรจุอยู่ในบริเวณที่พระสงฆ์วางจอกกาลิกษ์)
แต่พอหลังสังคายนาวาติกันที่ 2 พระศาสนจักรก็ได้เรียกร้องให้คริสตชนควรให้ความสำคัญต่อศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นองค์พระคริสตเจ้าเองมากกว่าพระธาตุของนักบุญ ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจให้เราระลึกถึงความเชื่อของคริสตชนผู้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เท่านั้น ฉะนั้นในปัจจุบันเราจึงไม่ค่อยได้เห็นพระธาตุเหล่านี้เท่าไหร่

สัญลักษณ์และเครื่องหมายที่ใช้สำหรับนักบุญต่างๆ

สัญลักษณ์ของอัครสาวกทั้ง 12
1.นักบุญอันเดร ใช้สัญลักษณ์ "กางเขนไขว้" ทั้งนี้เพราะเชื่อกันว่าท่านถูกตรึงกางเป็นรูปตัว X
2.นักบุญบาร์โธโลมิว ใช้สัญลักษณ์ "มีด 3 เล่ม" เพราะเชื่อกันว่าท่านถูกถลกหนังเป็นๆ ด้วยมืดและที่สุดก็ถูกตรึงกางเขน
3.นักบุญยากอบ องค์ใหญ่ใช้สัญลักษณ์ "หอยเชลล์ 3 ฝา" เพราะเชื่อกันว่าท่านเป็นสาวกคนแรกที่เดินทางไปเป็นมิสชันนารีแพร่ธรรม
4.นักบุญยากอบ องค์เล็กใช้สัญลักษณ์ "เลื่อย" เพราะเชื่อกันว่าท่านถูกโยนลงมาจากยอดหลังคาของโบสถ์ ถูกทุ่มหิน และถูกเลื่อยจนร่างขาดจากกันโดยชาวยิว
5.นักบุญยอห์น ใช้สัญลักษณ์ "ถ้วยกาลิกษ์และงูพิษ" เพราะเชื่อกันว่าท่านถูกวางยาพิษ
6.นักบุญยูดาห์ ให้สัญลักษณ์ "เรือใบ" เพราะเชื่อกันว่าท่านได้แล่นเรือ ไปยังท่าเรือหลายแห่งเพื่อแพร่ธรรม
7.นักบุญมัทธิว ใช้สัญลักษณ์ "ถุงเงิน 3 ใบ" เพราะก่อนที่ท่านจะถูกพระเยซูเรียก ท่านเคยเป็นคนเก็บภาษีมาก่อน
8.นักบุญมัทธีอัส ใช้สัญลักษณ์ "ขวานและหนังสือที่เปิด" เพราะท่าน ไปเป็นมิสชันนารีในยูเดียถูกทุ่มหินและถูกตัดศีรษะที่นั่น
9.นักบุญเปโตร ใช้สัญลักษณ์ "กุญแจไขว้บนกางเขนกลับหัว" เพราะท่านถูกตรึงกางเขนเช่นเดียวกับพระเยซู แต่กลับหัวลงพื้น
10.นักบุญฟิลิป ใช้สัญลักษณ์ "กางเขนและขนมปัง 2 ก้อน" เพราะพระเยซูให้เขามีส่วนร่วมในอัศจรรย์การเลี้ยงคนจำนวนมากด้วยขนมปัง
11.นักบุญซีมอน ใช้สัญลักษณ์ "ปลาบนขอบหนังสือ" เพราะท่านเป็นชาวประมงจับมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ โดยอาศัยพระวรสาร
12.นักบุญโทมัส ใช้สัญลักษณ์ "หอก และฉากช่างก่อสร้าง "เพราะกลัวกันว่าท่านเป็นคนสร้างวัด ด้วยมือของท่านเอง ที่อินเดียตะวันออก และหอก หมายถึง เครื่องมือในการประหารท่านให้เป็นมาร์ตีร์

นักบุญผู้นิพนธ์พระวรสารทั้ง 4
1.นักบุญมัทธิว ใช้สัญลักษณ์ของ "เทวทูต" เพราะพระวรสารของท่านสอนเราเกี่ยวกับธรรมชาติการเป็นมนุษย์ของพระคริสตเจ้า
2.นักบุญมาระโก ใช้สัญลักษณ์กของ "สิงโตมีปีก" เพราะพระวรสารของท่านช่วยให้เราเห็นพระเกียรติมงคล และ ศักดิ์ศรีของพระคริสตเจ้า
3.นักบุญลูกา ใช้สัญลักษณ์ของ "วัวมีปีก" เพราะพระวรสารของท่าน แสดงถึงการพลีชีพของพระคริสตเจ้า
4.นักบุญยอห์น ใช้สัญลักษณ์ของ "นกอินทรีทะยาน" เพราะท่านได้เพ่งมองเห็นถึงความลึกลับของฟ้าสวรรค์มากกว่า คนใดๆ

( ที่มา : จากหนังสือ "อุดมศานต์" ปีที่ 72 พฤศจิกายน 2535/1992)

Source : //www.catholic.or.th/document/doc001/saint/index.html

 

โดย: Bernadette 22 ตุลาคม 2550 14:38:33 น.  

 

อ่านแล้ว แต่คงต้องขอเวลาทำความเข้าใจ
ไม่ค่อยรู้เรื่องศาสนาอ่ะค่ะ



โดย: Michiru วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:14:37:35

ตอบ แฮะ แฮะ เพื่อฟามบันเทิงจ้า หนังดูเอาสนุกจ้า

 

โดย: Bernadette 22 ตุลาคม 2550 14:56:47 น.  

 

emoemo
อัพบล็อกแล้วเหรอจ๊ะ
ไปดูบอดี้ ศพ 19 ดิ
หนุกนะจะบอกให้

 

โดย: หอมกร 22 ตุลาคม 2550 15:01:47 น.  

 

อัพบล็อกแล้วเหรอจ๊ะ
ไปดูบอดี้ ศพ 19 ดิ
หนุกนะจะบอกให้



โดย: หอมกร วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:15:01:47 น.


ตอบบ ขอบพระคุณก๊าบบบ


นางงามสุขภาพมาแนะนำทั้งทีไม่ไปได้ไง

 

โดย: Bernadette 22 ตุลาคม 2550 15:05:16 น.  

 

ยาว ไม่พอยังมีเรื่อง ศาสนาอีกอะ
ไม่ไช่ไม่อยากอ่านอะนะ คือ อ่านไปได้ซักพัก
ก็งงๆ บอกกะตัวเองว่า เอาอีกซัหน่อย เผื่อเข้าใจ
อ่านไปอีก ก็งง อีก เฮ้อ เซ็ง

สงสัยต้องกลับไปเรียนเรื่องศาสนา ประวัติศาสตร์
ใหม่ซะแล้ว

 

โดย: haro_haro 22 ตุลาคม 2550 15:43:38 น.  

 

Just pass by to say .."Hi"..
เหมือนเข้ามาเรียนประวัติศาสตร์
ยังไงยังงั้น

 

โดย: katoy 22 ตุลาคม 2550 16:11:29 น.  

 

ยาวจังเลย..
เครียมตัวกลับบ้านแล้ว
พรุ่งนี้จะกลับมาอ่านนะตัวเอง
Bye..จุ๊บ จุ๊บ
Take care นะจ๊ะ..



 

โดย: เริงฤดีนะ 22 ตุลาคม 2550 16:22:08 น.  

 

อ่านจบแล้ว งงเล็กน้อยอ่ะค่ะ

 

โดย: Michiru 22 ตุลาคม 2550 16:54:17 น.  

 

ยาว ไม่พอยังมีเรื่อง ศาสนาอีกอะ
ไม่ไช่ไม่อยากอ่านอะนะ คือ อ่านไปได้ซักพัก
ก็งงๆ บอกกะตัวเองว่า เอาอีกซัหน่อย เผื่อเข้าใจ
อ่านไปอีก ก็งง อีก เฮ้อ เซ็ง

สงสัยต้องกลับไปเรียนเรื่องศาสนา ประวัติศาสตร์
ใหม่ซะแล้ว



ตอบ แหมดูหนังเอาสนุกอะ แหมแหม

 

โดย: Bernadette 22 ตุลาคม 2550 19:40:55 น.  

 

Just pass by to say .."Hi"..
เหมือนเข้ามาเรียนประวัติศาสตร์
ยังไงยังงั้น





โดย: katoy วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:16:11:29 น.

ตอบ ช่วงนี้ขออาเจียนหนังประวัติศาสตร์ เหอะ

มีอีกหุหุ แต่เกี่ยวกะด้านนศิลปะ katoy ชอบแหง๋มมม

 

โดย: Bernadette 22 ตุลาคม 2550 19:43:54 น.  

 

ยาวจังเลย..
เครียมตัวกลับบ้านแล้ว
พรุ่งนี้จะกลับมาอ่านนะตัวเอง
Bye..จุ๊บ จุ๊บ
Take care นะจ๊ะ..







โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:16:22:08 น.


ตอบ จุ๊ปปปปปป แองเจิ้ล เริงฤดีด้วยยยย

นางฟ้าจ๋า นางฟ้า ศตวรรษที่ 21 ทำมายยย โลกร้อนนนจังงงงง หรือโลกกกมะมีตู้เย็นให้แช่อะนางฟ้า

 

โดย: Bernadette 22 ตุลาคม 2550 19:46:40 น.  

 

อ่านจบแล้ว งงเล็กน้อยอ่ะค่ะ



โดย: Michiru วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:16:54:17 น.


ตอบ ประเด็นที่เราจาสื่อคือ

การเกิดอัศจรรย์ ที่เรียกว่า ปฎิหารณ์ มีม๊ะ มีค่ะ

แต่

ให้ใช้วิจารณญาณอะ ไม่ใช่ เกิดตรงนี้ทีตรงนั้นทีแห่ไป

ผลที่ตามมา มานเปลือง เพราะจริงๆๆแล้วพระกะอยู่กะเราอะ

ถามอีกมุมว่า ไปแล้วดีม๊ะ ดี กะมีคนไปวัด ดีกว่าคนทิ้งวัดค่ะ

กะแล้วแต่มุมมอง


การที่พระศาสนจักรเข้มงวดเรื่อง อัศจรรย์ รับรอง ไม่รับรอง เพราะ ในสมัยก่อน กะ make over ขึ้นมากะมี เป็นการกระทำของมนุษย์อะค่ะ


เรื่องอัศจรรย์สำหรับคนคริส ความเชื่อส่วนบุคคล กะแบ่งปันสำหรับพี่น้องได้อะค่ะ


แต่จริงๆๆแล้ว เรื่องอัศจรรย์ เราผ่าน ไม่ติด ไม่ออกความเห็น ไม่อะไรทั้งน้านนนนนนน

พระกะสอนมาดีแล้ว แค่เอาคำสอนมาใช้ในชีวิตประจำวัน กะ สุดยอดอัศจรรย์แว๊ววววววววววว สำหรับเราอะ

 

โดย: Bernadette 22 ตุลาคม 2550 19:52:01 น.  

 

อาจาน เลคเชอร์ยาวววววอีกแล้ว คราวนี้เป็นประวัติ์ศาสตร์เรื่องศาสนาเหรอครับ

เรื่องนี้ผมไม่ได้ดูนะเนี่ย (พลาดไปได้งัยย) ดาราอุ่นหนาฝาคั่งดีมาก ไว้เดี๋ยว
ต้องหามาเปิดให้ดูเรา เอ้ยให้เราดู

 

โดย: BloodyMonday 22 ตุลาคม 2550 23:15:54 น.  

 

อาจาน เลคเชอร์ยาวววววอีกแล้ว คราวนี้เป็นประวัติ์ศาสตร์เรื่องศาสนาเหรอครับ

เรื่องนี้ผมไม่ได้ดูนะเนี่ย (พลาดไปได้งัยย) ดาราอุ่นหนาฝาคั่งดีมาก ไว้เดี๋ยว
ต้องหามาเปิดให้ดูเรา เอ้ยให้เราดู



โดย: BloodyMonday วันที่: 22 ตุลาคม 2550 เวลา:23:15:54 น.


ตอบ ง่า มานนนนนนนนนนน แนว อะ UNIC

เราช๊อบตะเองตรงที่ เราเขียนเรื่อง เรดวีเอม
กะทำนอง อัศจรรย์ปฎิหารห์ นี้แหละ

แต่ตะเอง มะออกฟามเห็น เฉยๆๆ กลางๆๆ (BloodyMondayนี้กะคริสเหมือนกาน) เรากะรู้ทันที ตะเองกะคิดคล้ายคล้ายกะเราอ่า

 

โดย: Bernadette 23 ตุลาคม 2550 8:37:37 น.  

 

มันยาวจัด
ขออภัยอ่านม๊ะจบซะที
สงสัยเป็น"กุสะโรบาย"
(ขออภัยหากสะกดผิด)
ให้เราเข้ามาอ่านเรื่อบๆ
จนกว่าจะจบ..ไม่วันใดก็วันหนึ่ง 555
อ่านไปร้องไห้ไป..นะ



ว่างจากดูหนังไปเดินโบ้เบ้
ใกล้ที่ Office เรานะ..จ๊ะ.ตัวเองงงง..

 

โดย: เริงฤดีนะ 23 ตุลาคม 2550 11:25:05 น.  

 

ยาวจัด
ขออภัยอ่านม๊ะจบซะที
สงสัยเป็น"กุสะโรบาย"
(ขออภัยหากสะกดผิด)
ให้เราเข้ามาอ่านเรื่อบๆ
จนกว่าจะจบ..ไม่วันใดก็วันหนึ่ง 555
อ่านไปร้องไห้ไป..นะ



ว่างจากดูหนังไปเดินโบ้เบ้
ใกล้ที่ Office เรานะ..จ๊ะ.ตัวเองงงง..



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:11:25:05 น.


ตอบ เอ้ามีหนังแถวโบ๊เบ๊ด้วยเหรอออ นั่งเรือแป๊บเดียวกะถึงแว๊ววววววว

หน้าดูหน้าดู แวะปายยหาไรกินแถวอ๊อฟฟิต แองเจิ้ลเริงฤดี ดีก่า หุหุ

 

โดย: Bernadette 23 ตุลาคม 2550 11:42:36 น.  

 

อยากดู อยากดูนะแบร์

เรื่องนักบุญนี่ เคยมีคนวิจารณ์เหมือนกันว่า สมันยุคนี้มีการตั้งนักบุญมากเกินไป แค่ 40 ปีหลังมี 200 กว่าองค์

แต่หนังเรื่องนี้น่าดูเจงๆๆ

ดาราเพียบ

 

โดย: mr.cozy 23 ตุลาคม 2550 12:19:19 น.  

 

อยากดู อยากดูนะแบร์

เรื่องนักบุญนี่ เคยมีคนวิจารณ์เหมือนกันว่า สมันยุคนี้มีการตั้งนักบุญมากเกินไป แค่ 40 ปีหลังมี 200 กว่าองค์

แต่หนังเรื่องนี้น่าดูเจงๆๆ

ดาราเพียบ



โดย: mr.cozy วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:12:19:19 น.


ตอบ ได้ได้ เดี๊ยวจัดให้


สมัยต้นต้นคริสกาล กะนักบุญแต่งตั้งกันเองกะมี ที่นี้
กะมีการตรวจสอบกันเกิดขึ้น เพราะว่า อัศจรรย์นี้

อย่าง stigmata รอยแผลศักดิ์ ทำร้ายตัวเองทำให้เกิดรอยแผล หรือ เอาสารเคมี ทำให้เกิดรอยแผล

พูดง่ายๆๆกะต้องพิสูจน์กันอะ เปลืองงบอะปะแฮะแฮะ



ที่นี้ เรื่อง สมันยุคนี้มีการตั้งนักบุญมากเกินไป แค่ 40 ปีหลังมี 200 กว่าองค์

คือยุคพระสันตปาปาจอร์นปอลที่ 2 JPII กะต้องเข้าใจกันก่อนว่า โลกสมัยใหม่ ศตวรรษ ที่ 20-21

คนทุกๆๆคนไม่ว่าชาติใหนนับถืออะไร สิ่งล่อใจมันเยอะ
และก็ปากกัดตีนถีบกันหมดทุกคนอะ ภาวะผันผวนทางเศรษกิจด้วยย คนกะทำมะดีม๊ากกกขึ้นอะ เพราะคนสมัยนี้มันเห็นแต่ตัวมากขึ้น


พระสันตปาปาจอร์นปอลที่ 2 ท่านกะ สถาปนา นักบุณ ตริม กะเป็นเครื่อง เตือนใจให้เรา มีมโนธรรมมากขึ้นอะ ไม่ผันผวนไปตามกะแสโลก กะประมาณนี้อะ

Credit อันนี้บาทหลวงคุณพ่อเล่าให้ฟังอะ

 

โดย: Bernadette 23 ตุลาคม 2550 13:45:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Bernadette
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




In the name of the Father, and of the Son, and of the Holy Spirit

The Ave Maria asks Mary to "pray for us sinners."

Amen

PaPa for all Father W e pray year of priests.



Card Michael Michai Kitbunchu, Archbishop of Bangkok, is the first member of the College of Cardinals from Thailand.

source :http://www.asianews.it/news-en/Michai-Kitbunchu,-first-cardinal-from-Thailand-3038.html

พระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู คณะเชนต์ปอล part1

ฺBishop ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พิธีรับPallium Metropolitans Bangkok Thailand >

สารคดี เทศกาลแห่ดาว สกลนคร Welcome
Sakonnakorn Christmas Thailand
Metropolitans Tarae Sakornakorn Thailand


Orchestra and four vocal Choir - *Latin* Recorded for the Anniversary of the Pope Benedict XVI April 19 This is the Anthem of the Vatican City. The Songs are called Inno e Marcia Pontificale ...

We are Catholic.

หน้าเฟส อัพรูป หาที่อัพรูปใหม่อยู่ http://www.facebook.com/bernadette.soubirous.3


MusicPlaylist
MySpace Music Playlist at MixPod.com

Friends' blogs
[Add Bernadette's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.