Bloggang.com : : Bernadette :

Pink Floyd The Wall (1982):25Th Anniversary Limited Edition

หนังเรื่องนี้ขอบพระคุณMr.cozy ผู้มีอุปการะคุณค่ะ ที่แนะนำแนวทางให้เสพหนังดีดี และปัตตะนาในการดูหนังและหัดเขียนค่ะ

หนังเรื่องนี้ขอเดาค่ะว่าเป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆๆคนทั่วโลก แถวยุโรป ทำบล๊อคกะเวปของ The wall Pink Floyd เยอะเจงเจงค่ะ

เพลงนี้ กะจำกันได้ดี

Another Brick In The Wall, Part 2

(Roger Waters / David Gilmour)
We don't need no education
We don't need no thought control
No dark sarcasm in the classroom
Teachers leave them kids alone
Hey! Teachers! Leave them kids alone!
All in all it's just another brick in the wall.
All in all you're just another brick in the wall.
We don't need no education
We don't need no thought control
No dark sarcasm in the classroom
Teachers leave them kids alone
Hey! Teachers! Leave them kids alone!
All in all it's just another brick in the wall.
All in all you're just another brick in the wall.

Pink Floyd The Wall is a 1982 กำกับโดย อลัน ป๊ากเกอร์ ปี อัลบัมของ Pink Floyd The wall ปี 1979 บทภาพยนต์กะเขียนโดย พิงค์ ฟรอยด์แหละ ศิลปิน กะ โรเจอร์ วอร์เตอร์ หนังกะประมาณว่า อุปมาอุปมัย เชิงเปรียบเทียบ โดยใช้สัญญาลักษณ์ จิตนาการ และเสียงประกอบ ได้อย่างสวยงาม

Source://www.dvdedice.cz/data/1111764345_big.jpg

ภาพยนต์เมนหลักได้เล่าเรื่องราวของ พิงค์ฟรอยด์จากบทเพลงอะ แม้ว่า ภาพยนต์กะ แนวแนว ในหลายๆๆทาง The wall คนกะจำได้ม๊ากกว่า ที่เป็ง musicวีดีโอ่า หนังกะ 50 นาที ความซับซ้อน ลายละเอียด ความต่อเนื่องกานน จากเกี่ยวกะการเมือง เสียดสีทางการ์ตูนต์ และ ผู้วาดรูปประกอบ คือ Gerald Scarf ได้พรรณาถึงเกี่ยวกะ ฝันร้าย ในมุมมองของ เยอรมัน บอมอังกฤษ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเพลง "Goodbye Blue Sky".

หนังได้เล่าถึง การก่อสร้าง และ การรื้อถอนการทำลายกำแพงถึงที่สุด โดยใช้สื่อ เชิงอุปมาอุปมัย แม้ว่าจาเป็นหนังตีความที่ดูย๊ากยาก The wallอะ ด้วยตัวของThe wallเอง สะท้อนกลับให้เห็ฯ ฉาก การแยกตัว และ ความเหินห่าง สภาวะวิกลจริต

ในบทหนัง ตัวสื่อPink วีระบุรุษที่น่าสลดใจ(และ เป็นผู้บรรยายเล่าเรื่องไม่น่าเชื่อถือ ได้อย่างกลับกลอก)ในหนังที่สื่อกะได้ พรรณาความหลากหลายของ เวทีละครทางด้ายกายภาพ และ การพัฒนาเกี่ยวกะจิตใจ และสิ่งที่ผุดขึ้นมาในใจ

ฉากแรก Pink นั่งอย่าง เนือยๆๆในห้องที่โฮเต็ล ระหว่างซีน กะปรากฎออก คือ พ่อของPink ได้ถูกฆ่าตายในสงครามโลกครั้งี่ 2 กะตอน Pink ยังเป็น ทารก น้องอุแว๊อยู่
หนังกะแว่บกลับไปที่Pink กะโตเป็นเด็กอังกฤษ ซึ่งเติบโตในช่วง 1950 กะรู้การทำลายล้างทำให้พ่อเค้าตาย"Kind Old King George". Pink กล่าวคำอำลา "blue sky" และกะเริ่มก่อสร้างกำแพงในตัวเค้า หลังจากนั้น Pink กะเพื่อนสนิทกะเห็น ปลอกกะสุนอาวุธ ขอพ่อเค้า เอาไปวางไว้บนรางรถไฟ ระเบิดปั๊บ Pink เห็นคนในบนโบกี้ เต็มเลย เป็นเชลยสงครามอ่า
Pink กะมีความรู้สึกเหมือนกะว่า เค้าถูกครอบงำโดยคุณครู Pinkกะเขียนกลอนส่งให้คุณครู
from Pink Floyd's song "Money".

แม่ของเค้ากะมีผลกระทบต่อ Pink ในด้านเป้าหมาย กฎระเบียบการดำเนินชีวิต ยังกะตาม Pink กะแต่งงานอะ หลังจากนั้น Pink กะสนใจด้านดนตรี ภารยาเค้ากะ เริ่มเข้ากลุ่มต่อต้านนิวเคลียร
ความสัมพันธ์ชู้สาวกะเกิดขึ้นที่ Pink ทัวส์คอนเสริท Pinkกะได้เรียนรู้มัน เค้ารู้สึกว่า มันเป็นรอยแยกในกำแพงที่ตัวเค้า ที่ครอบงำเค้าอยู่
Pink ตอนนี้กะเป็น Rock star เป็นที่คลั่งไคล้ของผู้คลั่งไคล้ดารา สาวสาวกะมาหาเค้าได้ไม่มีหยุด และเป็ฯแบบนี้อย่างไร้รูปแบบ ในโอเต็ล และหลังจากนั้นเค้ากะหยุดมัน เค้าไม่ต้องการอะไรอีกทั้งหมด และ กำแพงในตัวเค้าทั้งหมดด้วย

Gerald Scarfe's อธิบายด้วยภาพ กำแพงในตังของPinkPink (Bob Geldof)เป็นผู้นิยมลัทธิฟาสซิสต์ การชุมนุมสดสดร้อนร้อน Pink เริ่มต้นอย่างช้าๆๆที่เค้าสูญเสียจิตใจ เป็นการเปรียบเทียบอะ ภาพสื่อ หนอนกำลังกินสมองอะ Pink กะเห็น อุปสรรค ความโดดเดี่ยวของตัวเค้ากะสังคม และพยายาม อย่างไร้ประโยชน์ ที่ไม่ติดต่อกะโลกภายนอก

หลังจากเค้าล้มเหลวกะสิ่งที่เค้าทำเช่นนั้น Pinkกะขังตะเองอยู่ที่โรงแรม
Pinkกะค้นพบตัวเองว่าจะเริ่มทำอะไร

Pink is told that human connection is the only way to bring down his wall.
อย่างไรกะตามPink กะไตรตรอง อิฐที่ใช้สร้างในกำแพงของเค้า

In the real world, Pink's manager, along with the hotel manager และเจ้าหน้าที่แพทย์ มาช่วยเค้าไว้เพราะเค้าเสพยาเกินขนาด Pinkเชื่อว่าเค้าคือผู้นำเผด็จการฟราซิส และคอนเสริมของเค้ากะเริ่ม ด้วย เพลงมาร์ท ของทหารการประโคมแตรเดี่ยวแสดงการมาถึงของคนหรือสิ่งสำคัญ, และ ออร์แกนของโบส์ถ กับWagnerian overtones

At the climax of his rule,
มโนธรรม(ความรู้สึกผิด รู้สึกชั่ว) ของ Pink เค้ากะคือผู้ก่อการกบฎ หัวดื้อ ต่อต้าน จากเหตุการณ์ที่เรียงลำดับแต่ต้น
เป็นภาพ animation ที่แปลกประหลาด ในรูปของ kangaroo
The judge การตัดสิน
animated เป็นยักษ์ใส่ชุดผู้พิพากษาอังกฤษอ่า

having heard evidence from Pink's mother, schoolmaster and wife, decrees that Pink should be "exposed before [his] peers" and orders him to "tear down [his] Wall."

ส่วนตัวเรากะชอบเพลง Good bye blue sky
ฉากแรกเป็นนกพิราบ และกะกลายมาเป็น นกดำดำ สื่อโหดร้ายอะ และนกดำดำกะกลายเป็น เครื่องบินบอมบ์ และเครื่องบินกะกลายเป็นไม้กางเขนเต็มเลยอะ

Source://www.allocine.co.uk/personne/galerievignette_gen_cpersonne=534&cmediafichier=18760600.html

//www.zonadvd.com/modules.php?name=Reviews&rop=showcontent&id=617
//en.wikipedia.org/wiki/Pink_Floyd_The_Wall_(film)
//www.thewallanalysis.com/goodbyebluesky.html

Pink (Bob Geldof) at a fascist rally

One of Gerald Scarfe's many depictions of the wall from Pink Floyd The Wall

Create Date : 27 มกราคม 2551

23 comments

Last Update : 27 มกราคม 2551 17:12:30 น.

Counter : 4779 Pageviews.

ถ้าพูดถึง The Wall เราจานึกถึง กำแพงเบอร์ลินทันที นึกถึงภาพคอนเสริท ของ Pink Floyd และOn December 25, 1989, Leonard Bernstein gave a concert in Berlin celebrating the end of the Wall, including Beethoven's 9th symphony (Ode to Joy) with the word "Joy" (Freude) changed to "Freedom" (Freiheit) in the text sung. The orchestra and chorus were drawn from both East and West Germany, as well as the United Kingdom, France, the Soviet Union, and the United States

Roger Waters performed the Pink Floyd album The Wall in Potsdamer Platz on 21 July 1990, with guests including Scorpions, Bryan Adams, Sinead O'Connor, Thomas Dolby, Joni Mitchell, Marianne Faithfull and Van Morrison. David Hasselhoff performed his song "Looking for Freedom", which was very popular in Germany at that time, standing on the Berlin wall.
และภาพเล่นคอนเสริท ฉากหลังกำแพงเบอร์ลิน ล่มสลาย พี่น้องเยอรมัน รวมกันเป็นหนึ่งเดียว

และเพลงที่เราชอบอ่าเกี่ยวกะ "Goodbye Blue Sky".

กำแพงเบอร์ลิน (เยอรมัน: Berliner Mauer ; อังกฤษ: Berlin Wall) เป็นกำแพงที่กั้นเบอร์ลินตะวันตก ออกจากเยอรมนีตะวันออกโดยรอบ เริ่มสร้างเพื่อจำกัดการเข้าออกระหว่างเขตเบอร์ลินตะวันออกและตะวันตก เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) และตั้งอยู่เป็นระยะเวลา 28 ปี ก่อนจะทลายลงในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 กำแพงเบอร์ลินเป็นสัญลักษณ์ของสงครามเย็น

กำแพงเบอร์ลิน จากฝั่งเบอร์ลินตะวันตก พ.ศ. 2529

ในระหว่างที่กำแพงยังตั้งอยู่นั้น มีความพยายามหลบหนีข้ามเขตแดนราว 5,000 ครั้ง มี 192 คนถูกฆ่าระหว่างการหลบหนี และอีกประมาณ 200 คนบาดเจ็บสาหัส ในช่วงแรกนั้น การหลบหนีเป็นไปอย่างไม่ยากนัก เนื่องจากกำแพงในช่วงแรกเป็นเพียงรั้วลวดหนามเตี้ย ๆ และบางส่วนก็กระโดดออกมาทางหน้าต่างของตึกที่อยู่ติดกับกำแพง แต่ไม่นานนักกำแพงก็เปลี่ยนเป็นคอนกรีตที่แน่นหนา ส่วนหน้าต่างตึกต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้กับกำแพงก็ถูกก่ออิฐปิดตาย

การหลบหนีครั้งที่ไม่สำเร็จที่โด่งดังที่สุดก็คือ เมื่อครั้งที่นายปีเตอร์ เฟตช์เตอร์ (Peter Fechter) ถูกยิงและปล่อยให้เลือดไหลจนตายต่อหน้าสื่อมวลชนตะวันตก เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) ผู้หลบหนีรายสุดท้ายที่ถูกยิงตายคือนาย Chris Gueffroy เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989)

ชาวเยอรมันเต้นฉลองกันบนกำแพงเบอร์ลิน

ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 นาย Günter Schabowski รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโฆษณาการ (Minister of Propaganda) ของเยอรมนีตะวันออกได้แถลงข่าว (ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของเขาเอง) ว่าทางการจะอนุญาตให้ชาวเบอร์ลินตะวันออก ผ่านเข้าออกเขตแดนได้อย่างเสรีอีกครั้ง ทันใดนั้นเอง ผู้คนนับหมื่นที่ได้ทราบข่าวก็ได้หลั่งไหลไปยังด่านต่าง ๆ ของกำแพง. หลังจากความโกลาหลอยู่ช่วงหนึ่ง เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังไม่ได้รับคำสั่งใด ๆ จากทางการ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ต้องยอมปล่อยให้ฝูงชนผ่านเขตแดนไปอย่างไม่มีทางเลือก ชาวเบอร์ลินตะวันตกออกมาต้อนรับชาวเบอร์ลินตะวันออก บรรยากาศในเช้ามืดวันนั้นเหมือนงานเฉลิมฉลอง ชาวเยอรมันจึงถือกันว่าวันนี้เป็นวันล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน

East German construction workers building the Berlin Wall, November 20, 1961.

Remaining stretch of the Wall near Ostbahnhof in Friedrichshain, August 2006

สำหรับการทุบทำลายตัวกำแพงนั้น เริ่มเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2533 โดยคงเหลือกำแพงบางช่วงไว้เป็นอนุสรณ์ และในภายหลัง ซากกำแพงบางส่วนก็ถูกจำหน่ายเป็นของที่ระลึก ส่วนบางส่วนก็ถูกนำไปตั้งแสดงที่อื่นเพื่อเป็นอนุสรณ์ เช่นที่ด้านหน้าสภายุโรป ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยียม

การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินนั้น ได้เป็นขั้นตอนแรกของการรวมชาติเยอรมนีในที่สุด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2533 และได้ถือเอาวันนี้เป็นวันชาติของประเทศเยอรมนีใหม่

The famous you are leaving sign

Peter Fechter lies dying after being shot by East German border guards. This photo achieved international notoriety, 1962.

A memorial of over 1,000 crosses and a segment of the wall for those who died attempting to cross. The memorial stood for ten months in 2004 and 2005 before being demolished.

Source://en.wikipedia.org/wiki/Berlin_Wall

โดย: Bernadette 27 มกราคม 2551 16:55:02 น.

ได้ดูคอนเสิร์ตพิงค์ ฟลอยด์ ที่เบอร์ลินไหมครับ

เป็นคอนเสิร์ตที่เรียกได้ว่าระดับเทพมาก ไม่ใหญ่จริงทำไม่ได้เด็ดขาด มีอย่างที่ไหน ก่อกำลังอันเบ้อเริ่มขึ้น คนงานเป็นพันอยู่หลังม่านฉากนั้น

หนังเรื่องนี้ผมดูหลายรอบ ชอบฉากในเพลง The Trial ที่สุด

โดย: I will see U in the next life. วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:18:03:13 น.

ตอบ ดูตอนเด็กเด็กอะ แฮะ แฮะ เป็น คอนเสริท ที่ฝังเข้าไปในหัวเลย ใช่ใช่ ฉากร้องเพลง และข้างหลังเป็นกำแพง และทลายลงมาอะ กะจำติดตาทุกวันนี้อะ

กะทำให้รู้จัก พิงค์ฟรอย The wall ค่ะ และนึกถึงกำแพงเบอร์ลินอ่า

The Trial เหรอ เหรอเด๊ยวหามาฟังม้างงงอะ

โดย: Bernadette 27 มกราคม 2551 19:30:57 น.

The Trial ถ้าเป็นในหนังจะเป็นการ์ตูนตอนท้าย ที่พิงค์เจอพิพากษานะครับ

โดย: I will see U in the next life. 27 มกราคม 2551 20:27:52 น.

The Trial ถ้าเป็นในหนังจะเป็นการ์ตูนตอนท้าย ที่พิงค์เจอพิพากษานะครับ

โดย: I will see U in the next life. วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:20:27:52 น.

ตอบ ขอบพระคุณที่เสริมค่ะ

โดย: Bernadette 27 มกราคม 2551 21:01:55 น.

แวะมาทักทายก่อนนอนจ้า พรุ่งนี้ต้องทำงานแล้ววววว

โดย: annie_martian 27 มกราคม 2551 23:08:47 น.

เสริมๆ

คนที่แสดงเป็น pink นั้นไม่ใช่ธรรมดานะครับ ปัจจุบันเขาคือ ท่านเซอร์ บ๊อบ เกลนดอฟล์
เป็นศิลปินผู้ริเริมโครงการ LIVE AID ที่หาเงินช่วยเหลือคนยากไร้มาแล้วโลก ถึงตอนนี้จัดมาสิบกว่าครั้งแล้ว

ในคอนเสริตที่พูดถึง จะเริ่มก่อกำแพงไปเรื่อยๆครับ และทลายกันตอนจบ

นัยยะคือ ช่วงครึ่งแรกของเรื่อง เมื่อเจอเหตุการณ์ต่างๆมากมายเข้า (การเลี้ยงดู ระบบการศึกษา ระบบธุรกิจ ทุนนิยม การเมือง ) พิงค์เขาก็เริ่มสร้างกำแพงขึ้นเรื่อยๆ

มาจบครึ่งแรก

ครึ่งหลังคือโลกในกำแพงของเขา

มาจบในเพลง The Trial ที่พูดถึงกัน คือ เอาแม่ เอาครู มาคุยหมดว่าเลี้ยงเด็กยังไง จนเป็นแบบนี้

สรุปที่ผู้พิภากษา ประกาศให้ทลายกำแพงให้หมดไงครับ

โดย: mr.cozy 27 มกราคม 2551 23:27:52 น.

แวะมาทักทายก่อนนอนจ้า พรุ่งนี้ต้องทำงานแล้ววววว

โดย: annie_martian วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:23:08:47 น.

ตอบ ขอให้ทำงานให้สนุกน๊าค๊า คนน่ารัก

โดย: Bernadette 28 มกราคม 2551 7:39:22 น.

ลืมไปว่าผมเคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้เหมือนกันครับ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=djdonk-mc43&month=03-09-2007&group=1&gblog=52

โดย: I will see U in the next life. วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:22:20:34 น.

ขอเอาบทความของ จารย์ I will see U in the next life มาปะค่ะ อีกมุมมองอะ

แอมเดินทางกลับมากรุงเทพฯอย่างเหนื่อยหน่าย ในรอบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอเดินทางไปทั่วเอเชีย เจอผู้โดยสารสารพัดรูปแบบ บ้างก็เอาแต่ใจ บ้างก็เรื่องมาก เธอทำอะไรไม่ได้มากนักก็ในเมื่ออาชีพเธอคือคนใช้บนเครื่องบิน

กลับมาถึงหอ โชคดีว่าแฟนหนุ่มของเธอพึ่งเสร็จจากการทำโปรเจคส์ใหญ่พอดี เขาจึงใช้ชีวิตพักผ่อนอยู่บ้านเสียส่วนใหญ่ไม่ออกไปไหน ตอนเธอไขกุญแจเข้าไปในห้อง บทเพลง Run like Hell ดังลั่นออกมาจากลำโพงสะเทือนทั่วทั้งห้อง

Pink Floyd ทำอัลบั้ม The Wall ออกมาในปี 1979 เป็นคอนเซปท์อัลบั้มแผ่นคู่ กว่าจะฟังจบใช้เวลาไม่น้อย โรเจอร์ วอเทอร์ส มือเบส กลายเป็นเผด็จการควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการทำอัลบั้มนี้อย่างเต็มตัว คอนเซปท์เรื่องกำแพง ก็เป็นสิ่งที่โรเจอร์คิดขึ้น

The Wall เล่าถึงชีวิตของร๊อคสตาร์คนหนึ่งที่ชื่อว่า พิงค์ ฟลอยด์ ตั้งแต่ต้นจนโต พิงค์ ฟลอยด์เผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย จนนำไปสู่การสร้างกำแพงทางจิตใจขวางกั้นระหว่างตัวเขากับคนอื่น ตัวตนกับสังคม หรือแม้แต่กับตัวเอง

แอมเองตอนทำงาน เวลาเหนื่อยกายแทบขาดออกจากกันก็อยากเสกให้มีกำแพงวิเศษขึ้นมาขวางระหว่างเธอกับคนอื่น ให้เธอได้พักหายเหนื่อย พักกายยามเหนื่อยใจ

ในปี 1982 โรเจอร์ได้ร่วมมือกับผู้กำกับ อลัน พาร์คเกอร์ ผลิตภาพยนตร์เรื่อง The Wall ขึ้นมา โดยมีบ็อบ เกลดอฟ เล่นเป็นร๊อคสตาร์ แฟนหนุ่มของเธอเกิดครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรไม่ทราบ อยู่ดี ๆ ก็ไปเช่ามาดู สงสัยคงอินกับเพลงเมื่อตอนกลางวัน แถมยังบังคับให้เธอนั่งดูเป็นเพื่อนกันอีก ทั้งที่ใจจริงเธออยากนอนเต็มแก่

เรื่องเริ่มพิง ฟลอยด์ เก็บตัวอยู่ในห้องมืดคนเดียว ก่อนจะตัดเข้าสู่เพลง In the flesh พร้อมฉากสงคราม พ่อของพิงค์เดินทางไปรบแล้วไม่เคยได้กลับมาอีกเลย พิงค์จึงอยู่กับแม่เพียงลำพัง แม่ที่รักเขาเกินไป

เรื่องดำเนินต่อไปให้เห็นชีิวิตวัยเด็กของพิงค์ที่แม่ประคบประหงมเหลือเกิน จนเมื่อเขาเข้าโรงเรียน เขาก็ประสบปัญหากับระบบการเรียน โดยเฉพาะกับคุณครูโรคจิตเก็บกดจากที่บ้าน นำมาสู่เพลงที่ดังมากเพลงหนึ่งของพิงค์ ฟลอยด์ นั้นก็คือ Another brick in the wall part II
ั
ภาพยนตร์เรื่อง The Wall ฟุ้งไปด้วยอารมณ์เหนือจริง อลัน พาร์คเกอร์สร้า่งภาพเด็ก ๆ ค่อย ๆ เดินไปตามสายพานแล้วลงไปในเครื่องจักร แล้วออกมากลายเป็นเด็กนั่งบนโต๊ะเรียนเหมือนกันไปหมด สะท้อนถึงระบบการศึกษาที่ทำให้ระบบคิดของเด็กกลายเป็นแบบเดียวกันไปหมด หนังไปไกลกว่านั้นโดยให้เด็ก ๆ จัดการทำลายโรงเรียน ขว้างโต๊ะเก้าอี้กันอย่างสนุกสนาน ตอนช่วงท้ายเพลง

แอมเคยและยังสงสัยว่าเธอเรียนไปทำไม เธอตั้งคำถามถึงเนื้อหาที่เรียนว่าสิ่งเหล่านั้นจริงหรือ ทำไมหลายสิ่งจึงเพียงคำอธิบายเดียว เหมือนเป็นความจริงที่บังคับให้เชื่อตาม ๆ กัน หลายครั้งเธอคิดต่อต้าน แต่ในเมื่อการต่อต้านนำมาซึ่งเลขศูนย์ เธอเลือกที่จะได้คะแนนแทนการคิดต่างแต่ผลลัพธ์ติดลบ

อลัน ปาร์คเกอร์ใส่ความเหนือจริงเข้าไปในภาพยนตร์เพิ่มด้วยภาพการ์ตูน ในเพลง Goodbye Blue Sky และ Empty Space ภาพสะท้อนความโหดร้ายของสงครามถ่ายทอดออกมาเป็นการ์ตูนสุดหม่นหมอง แอมชอบฉากที่เหยี่ยวบินมาจิกเอาพื้นดินที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นไปบนท้องฟ้า ทางวงนำการ์ตูนชุดนี้ไปใช้ประกอบในคอนเสิร์ตเสมอ แม้แต่คอนเสิร์ตที่เบอร์ลินในปี 90

เข้าสู่กลางเรื่อง พิงค์ ฟลอยด์ กลายเป็นร๊อคสตาร์แต่ประสบปัญหาด้านความรัก เขาเป็นเพียงชายหนุ่มที่เหงาหงอยตามมาคนที่รักเขาอย่างแท้จริง แต่แล้วเขาก็เจอหักหลังจากสาวที่เขารัก พิงค์เริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มสร้างกำแพงกั้นตัวเองและคนอื่นอีกครั้ง จนในที่สุดภาวะจิตใจเขาก็เริ่มไม่ปกติ

พิงค์โกนหัว โกนคิ้ว เลือดไหลจากแผลแดงฉากไปทั่วอ่างล้างหน้า กำแพงที่เขาสร้างขึ้นใหญ่โตแข็งแรง เขาไม่สนใจคนรอบข้างเพราะเขาสูญเสียสติอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แอมดูฉากนี้เธอได้แต่ปิดตาเพราะทนเห็นเลือดไม่ได้

พิงค์ ฟลอยด์กลับมาพร้อมกับภาพลักษณ์เผด็จการ เขาเล่นคอนเสิร์ตต่อหน้าผู้คนจำนวนมากด้วยเพลง In the Flesh อีกครั้ง สัญลักษณ์ค้อนบนธงติดรอบเวทีคอนเสิร์ต ความเป็นคนของเขาเริ่มหายไปเมื่อเขาสั่งสตาฟฟ์ให้จับคนดูหลายคนให้ออกไปเพียงเพราะพวกนี้เป็นพวกยิวหรือพวกป่าเถื่อนอย่างชนเผ่าคูน

กลิ่นความเหนือจริงเข้มชัด ก่อนพวกเขาจะ่ล่าคนฟังต่อด้วยเพลง Run like hell ราวก้ับนักโทษหนีคุก สุดท้ายพิงค์หนีไม่พ้นเจอจับมาพิพากษา ถ้าว่าตามหลักของซิกมันด์ ฟรอยด์ ซุปเปอร์อีโก้ของเขาคงเริ่มทำงานยับยั้งอิดอันแสนป่าเถื่อนอยากความรุนแรง

ใน The Trial เป็นอีกเพลงที่ทางวงโชว์เหนือโดยการใช้การ์ตูนที่ตัวละครวาดได้อุบาทว์มากอีกครั้ง ผู้พิพากษาไต่สวนถึงเหตุผลที่พิงค์กลายเป็นแบบนี้ โดยสอบสวนแม่ ครู คนรักเก่า แล้วลงโทษพิพากษาโดยการทำลายกำแพงนั้นทิ้งเสีย

ฉากปิดเรื่องกำแพงที่ขวางกั้นระเบิดลั่นดังสนั่น ก่อนจะมีเด็ก ๆ วิ่งออกมาเก็บไปเล่นกันอย่างสนุกสนาน แอมดูแล้วก็เข้าใจถึงกลิ่นเหนือจริงที่แฝงอยู่ในทุกมุมของหนัง

เธอดูจบแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า เหตุที่พิงค์ ฟลอยด์เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะการขาดความรักที่เหมาะสม ไร้ความพอดี กำแพงที่สร้างขึ้นจึงค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น ๆ และแข็งแรงเกินจะทำลาย เธอดูแล้วก็รู้ว่าสุดท้ายความรักมิใช่เพียงการได้ัรับ แต่สิ่งสำคัญคือการให้ความรักแก่คนอื่นต่างหากที่จะทำให้เรารู้สึกได้ถึงคุณค่าของคำว่ารัก

เธอค่อย ๆ กระซิบที่หูแฟนหนุ่มของเธอเบา ๆ ว่า "รักนะ" แล้วหลับตายิ้มมีความสุขอยู่คนเดียว

Last Update : 3 กันยายน 2550 15:16:53 น. Counter : 63 Pageviews.

โดย: Bernadette 28 มกราคม 2551 7:41:54 น.

เรื่องหนังที่ถาม เหมือนผ่านหูผ่านตา ไว้เจอจะเก็บไว้ให้นะ
...งดหนังแผ่น หันไปดูหนังโรงมา 3 เรื่อง The Flock, Eastern Promises และ คินดะอิจิ

ทั้ง 3 เรื่อง เรายกนิ้วให้ Eastern Promises ก็แล้วกัน มีเวลาลองไปดูนะจ๊ะ

โดย: DKRY วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:15:57:34 น.
ตอบ ขอบพระคุณที่แนะนำค่ะ

เดี๊ยวเราจาไปดูม้างงงงงงงงงงง

โดย: Bernadette 28 มกราคม 2551 17:32:31 น.

เกิดไม่ทันแฮะ พิวค์ ฟรอย ง่ะแต่เคยอ่านประวัตินิดๆ หน่อยๆ เห็นว่าเป้นวงที่ดังมากๆ เลยเหมือนกัน .. แต่เรื่องนี้ก็เช่นเคยแหละ ไม่เคยดู..

โดย: haro_haro 29 มกราคม 2551 10:49:05 น.

เกิดไม่ทันแฮะ พิวค์ ฟรอย ง่ะแต่เคยอ่านประวัตินิดๆ หน่อยๆ เห็นว่าเป้นวงที่ดังมากๆ เลยเหมือนกัน .. แต่เรื่องนี้ก็เช่นเคยแหละ ไม่เคยดู..

โดย: haro_haro วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:10:49:05 น.

ตอบ ลองหาดูน๊ะ เราอยากได้รุ่น 25 ปี แอนนิเวสเซอรี่อะ อันนี้เราได้เป็ฯ VCDอะ

โดย: Bernadette 29 มกราคม 2551 12:29:21 น.

หมวย เคยดู เรื่อง Evan ALMIGHTY ยัง เฮียว่าโออยู่นะ มีแง่คิดดีๆ ให้ด้วยอ่ะ

โดย: ศรัทธาพลัง 29 มกราคม 2551 12:36:35 น.

หมวย เคยดู เรื่อง Evan ALMIGHTY ยัง เฮียว่าโออยู่นะ มีแง่คิดดีๆ ให้ด้วยอ่ะ

โดย: ศรัทธาพลัง วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:12:36:35 น.

ตอบ ขอพระเป็นเจ้าอวยพรค่ะ

ดูแว๊วววว ดีจังเลย พูดถึง โนอาห์ น้ำท่วมโลกมะมีใครเชื่อ เขื่อนพัง วิ่งขึ้นเรือกานนตับแตกกกกกกกกกกก

โดย: Bernadette 29 มกราคม 2551 14:11:34 น.

ยังขี้เกียจรีวิวอยู่เลยอ่ะแบร์...ยีนขยันมันหายไปไหนไม่รู้ หุ หุ

หาเวลาไปดู Eastern Promises ให้ได้นะ...เรื่องนี้ วิกโก้ มอร์เทนเซ่น ทุ่มทุนเล่นจริงๆ อิ อิ

โดย: DKRY วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:14:25:49 น.

ตอบ เราจาหาเวลาไปดูให้ได้เลย ตะเอง โรคหลังยาวเหมือนครายเอ่ย ฮิ๊วววววววววว ปายแซว ปายแซววววววววววววว

โดย: Bernadette 29 มกราคม 2551 14:57:48 น.

อ่า...กลัวเหมือนใครบางคน ก็เลยจะเข้ามาบอกว่าอัพแล้วนะจ๊ะ ...ยังอุ่นๆอยู่เลย

โดย: DKRY 29 มกราคม 2551 17:04:12 น.

บล็อกนี้ เสมอต้น เสมอปลายดีจังเลยนะฮะ
น่าอิจฉาจัง เพื่อนๆ เยอะเลย ... อยากดูหนังเพลง
อยู่เหมือนกัน เคยหาอยู่หลายเรื่อง ถ้าไม่เเพง ก็ไม่มี ..
ตอนนี้ เฉา มักมาก ฮะ .. เศร้า จัง..

โดย: haro_haro 29 มกราคม 2551 17:06:58 น.

อ่า...กลัวเหมือนใครบางคน ก็เลยจะเข้ามาบอกว่าอัพแล้วนะจ๊ะ ...ยังอุ่นๆอยู่เลย

โดย: DKRY วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:17:04:12 น.

ตอบ เดี๊ยวปายยยดูฮิ๊ววววววววววววว

โดย: Bernadette 29 มกราคม 2551 17:57:19 น.