TAGมันคืออะไรครับเนี่ยต้องมานั่ง งง งง แล้วไปหาบล๊อกคนอื่นมาอ่าน คริ คริ๑.ประโยคแรกของชีวิตเมื่อตอนสองขวบผมยังไม่ยอมพูดเลยนะครับ ที่บ้านกลัวว่าจะเป็นใบ้ไปซะแล้ว ปกติคุณพ่อ คุณแม่ไปทำงาน ให้คุณยายเลี้ยงผม (ท่านเสียไปตอนผมอายุได้แปดขวบ) คุณแม่เล่าให้ฟังว่า ท่านรักผมมากเลี้ยงผมมาตลอดอ้อคุณยายผมท่านเคยเป็นชาววังครับ มีฝีมือทางด้านปักเย็บอะไรประมาณนี้ตอนกลางวันก็จะมี สมาคมคุณยายคุณย่าประจำซอย แห่มาให้สอนการฝีมือผมเองจะโดนดุ ไม่ให้เข้ามาใกล้ เพราะท่านกลัวผมจะโดนเข็มแทงเอาไล่ผมไปเล่นที่อื่นเสมอ...ฤกษ์งาม ยามดี ผมโดนคุณยายไล่เหมือนเคยก็หายไปหลังบ้านสักพัก กลับมาหาคุณยายโดยเอาชายเสื้อห่อ ก้อนดิน ก้อนหินไว้แล้วหยิบมาปา โป๊ก โป๊กเข้ากลุ่มคุณย่า คุณยาย ที่นั่งล้อมอยู่แถวนั้น หมากพลูกระเจิงไปคนละทิศละทางแล้วพูดว่า "เอาให้แย่ " "เอาให้แย่ " "เอาให้แย่ " คุณแม่เล่าให้ฟังว่า คุณยายผมหัวเราะและพอคิดได้ก็ดีใจที่ผมพูดได้สักทีครับ เอาตัวผมไปกอดไม่ตีสักแปะ"เมื่อไม่ชอบ ก็ไม่สง ไม่สอนมันแล้ว"(เขียนแล้ว คิดถึงคุณยายจังครับ)๒.เขาวงกตและกับดักเมื่อโตเข้าเรียนชั้นประถมหนึ่งแล้ว ผมนี่ขอสารภาพเลยชอบรังแกสัตว์เหมือนกัน (แต่เพราะความอยากรู้นะครับ ตอนนี้ไม่แล้ว)เช่น เอาสวิงจับแมงปอ สองตัว แล้วเอาเชือกผูกหางทั้งสองตัวดูซิว่าแมงปอ สองตัวบินกันได้ยังไงโดยแรงforceสวนกันทั้งสองด้าน(ฉายแววเก่งฟิสิกส์ นิ)เอาลูกอ๊อดมาว่ายในถ้วยน้ำแข็งใส่เฮลล์บลูบอย สีแดง(ผมว่าเหมือนเฉาก๊วยน้ำแดงมาก) เอาไปให้พี่สาวข้างบ้านกิน ดุ๊กดิ๊ก ดุ๊กดิ๊ก...และตามคาดด้วยเสียงร้องวิ๊ดลั่นซอย...ช่วงที่หน้าบ้านมีการก่อสร้างก็ไปเอาอิฐมาเรียงเป็นบ้าน แล้วจับสัตว์มาอยู่เช่น จิ้งจก ตั๊กแตน เต่าทองหรือปู ซึ่งพิสูจน์มาปูเวิรค์สุดแล้วสำหรับเกมนี้ปูจะเดินทางไปตามทางที่เราทำไว้ วกวน มีทางแยกซ้าย ขวา ให้ด้วยถ้าเดินลอดทางถูกออกไป ก็จะโดนจับมาเดินใหม่อีก จนกระทั่งเดินไปทางแยกที่เราอยากให้เดิน(แล้วเสียเวลาทำทางแยกทำไมไม่รู้นะเนี่ย)จนกระทั่งปูตกพลาดลงในหลุม หรือกับดัก อิฐจะถล่ม ผมเองจะเป็นพระเอกไปช่วยชีวิตปูร่องแร่งขึ้นมาเองครับเก่งไหม ซูเปอร์ฮีโร่จิ๋ว๓.รถโฟล๊ค หน้าตึกแปดช่วงเรียนมัธยม มีอาจารย์ผู้หญิงอักษรย่อ ส.ภาษาอังกฤษท่านหนึ่ง ท่านอายุมากแล้วแต่ดุมากมาก ออกข้อสอบก็ประมาณหินอัคนี 8.89มีดัชนีความแข็งเกือบเพชร( ตอนนั้นบ่นกับเพื่อน จะเรียนไปทำไมกันภาษาอังกฤษ เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ อยู่เมืองไทยก็ต้องพูดเอาดีภาษาไทยกันสิฟะ..เพื่อนส่ายหน้า บอกว่า เออช่าย กรูก็เห็นมึงเอาดีด๊อก คาบเส้นภาษาไทยทุกทีเหอ เหอ) อาจารย์ ส. ท่านกรุณาให้เกียรติเป็นไม้เบื่อไม้เบากับแกงค์แปดเซียนของพวกผมนักหนา ชอบตราหน้าว่าพวกลิงแปดตัวเอาแค่ดียังไม่ได้เป็นประจำหรือช่วงพักคาบย่อยของวันแบ่งทีมไปเตะบอลในห้องแค่เนี้ย ก้โดนเอาไม้มาตีหน้าแข้ง ป๊อก ป๊อก เรียงแถวทำการบ้านไม่ครบ ไม่ทัน ก็โดนบวกไปอีก ชีวิตหนอชีวิตเศร้าจริงจริงผม...ผมว่านะโลกของท่านอาจารย์ ส. คงมีความสุขกับการรังแกเด็กมัธยมต้นอย่างพวกผมซะเหลือเกิน จริงไหม...พวกเราเลยมาสังเกตกันชีวิตท่านเริ่มต้นที่หกโมง สิบห้า ขับรถโฟล๊คสีเทามาจากประตูใหญ่ เลี้ยวตามทางเลาะสนามบอล มาจอดที่ข้างต้นสนประดิพัทธ์โกร๋น หน้าตึกแปด อาจารย์ ส.ท่านจะขยับแว่น มองกระจกหยิบกระเป๋าและเตรียมการสอนจากที่นั่งด้านคนขับลงจากรถ ล๊อกรถ เดินอ้อมไปด้านหลังรถ เข้าประตูขึ้นตึกแปดด้านซ้ายที่มีห้องน้ำอาจารย์สตรีอยู่ มองซ้ายขวา หาเด็กโชคร้ายสักคนมาถือของ เอาไปไว้ที่ห้องพักครูเมื่อแปดโมงตรง ก็เริ่ม ทรมานพวกนักเรียน ตามห้องต่างจนครบสามโมงครึ่ง ออดเลิกเรียนจนสี่โมงยี่สิบ ก็เดินจากห้องน้ำ อ้อมหลังรถไปไขกุญแจเปิดประตู สตารท์เครื่องแล้วออกไปโลกของท่านวนเวียนเคยชินมาแบบนี้ ยี่สิบกว่าปีแล้วน่ะครับ...พวกเรามองซุ่ม แล้วก็ประชุมลับตกลงกันว่าฮ่า ฮ่า ฮ่า....วันนี้ เป็นวันธรรมดาน่าจะเหมือนทุกวันชีวิตอาจารย์ท่านเริ่มต้นที่หกโมง สิบห้า ขับรถโฟล๊คสีเทาคันเดิมเลี้ยวจากประตูใหญ่ ตามทางเลาะสนามบอล มาจอดที่ข้างต้นสนประดิพัทธ์โกร๋น หน้าตึกแปด อาจารย์ ส.ท่านจะขยับแว่น มองกระจกหยิบกระเป๋าและเตรียมการสอนจากที่นั่งด้านคนขับลงจากรถ ล๊อกรถ เดินอ้อมไปด้านหลังรถ เข้าประตูขึ้นตึกแปดด้านซ้ายที่มีห้องน้ำอาจารย์สตรีอยู่ มองซ้ายขวา หาเด็กโชคร้ายสักคนมาถือของ เอาไปไว้ที่ห้องพักครูวันนี้โชคดีไม่มีใครผ่านมา ท่านหงุดหงิดมากต้องถือเข้าห้องเองสามโมง ก่อนออดเลิกเรียนพวกเราในกลุ่มแปดเทพทะยอยไปเข้าห้องน้ำ ทีละคน ทีละคนไปรวมตัวหน้ารถโฟล๊คสีเทา ที่สั่นผวาใต้เงาสนโลกเงียบสงัด สวรรค์เป็นใจยิ่งนักกลางสายตาหื่นกระหายของเด็กชายทั้งแปดพวกเรายกรถหมุน หันไปอีกทางตรงกันข้ามแล้วกลับเข้าห้อง ...สามโมงครึ่ง ออดเลิกเรียนจนสี่โมงยี่สิบ ก็เดินจากห้องน้ำ อ้อมหน้ารถพวกเราซุ่มดูตามจุดต่างต่าง กระจายกันโลกของท่านวนเวียนเคยชินมาแบบนี้ ยี่สิบกว่าปีวันนี้ เหอ เหอไปไขกุญแจเปิดประตู แต่ไขไม่ได้ท่านแหย่กุญแจเข้าไป ไขไม่ได้(พวกเราเริ่มหัวเราะกลิ้ง ตามจุดซุ่มต่างต่าง)อ้าวทำไมเป็นหลังรถล่ะ หน้ารถหายไปไหนท่านเริ่มส่งเสียงโวยวาย ไปตามครูที่ห้องพักครูภารโรงมาดู บอกว่ารถมันไม่ได้จอดแบบนี้เป็นไปได้ยังไง ฉันต้องจอดหันหน้าแบบนี้ทุกคนได้ฟังก็ทำหน้า งง งง บอกว่าอาจารย์อาจจะลืมไปมั้งวันนี้ ว่าจอดแบบนี้ท่านเถียง ขึ้นเสียงใหญ่ บอกว่าไม่ใช่ฉันขับตามถนนมาแบบนี้ต้องจอดแบบนี้สิ ทุกคนก็เริ่มจากไป ทีละคนจนหมด(พวกเราเริ่มหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลแล้ว)โลกของท่านวนเวียนเคยชินมาแบบนี้ ยี่สิบกว่าปีแต่มาวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า...และทุกเช้าหกโมงสิบห้าเหมือนทุกวันเมื่อท่านลงจากรถแล้วเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาท่านจะต้องหาใครสักคนแถวนั้นเรียกมาให้รู้ว่าท่านจอดรถหันไปแบบนี้อิอิอาจารย์ ส.ที่เคารพครับ กระผมในนามของแปดเซียน (ตอนนี้บางคน พูดภาษาอังกฤษก๋อยก๋อยชัดกว่าภาษาไทยซะอีกนั่น)ผิดไปแล้ว ผมมารู้ความหวังดีของอาจารย์ที่ทำไปเพราะอยากให้เราได้ดีน่ะเองกราบขอประทานโทษด้วยครับอาจารย์๔. เพื่อนกินหาง่ายง่าย ถ้าคล้ายบัณฑิตจะพาไปหาผลตอนเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งพวกเราที่มีท่าทะมัดทะแมง โดนเกณฑ์แบบไม่เต็มใจนักให้ไปวิ่งกันทุกเย็นแล้วไปซ้อมรักบี้พวกเราต่างคน ต่างที่ ต่างโรงเรียนต่างนิสัยมารวมกันเข้าสู่สถาบันอุดมศึกษาทุกเย็นหลังจากการซ้อม ก็มานั่งเล่นหน้าคณะซึ่งเหนื่อยเหนี่อยทุกคนก็จะไปซื้อน้ำอัดลมบ้างน้ำปล่าวบ้าง ถ้าหรูหน่อยก็น้ำช่าเขียวจากยอดอ่อนเมืองเมาะลำเลิงบ้างหรือก็น้ำลำไย น้ำส้ม น้ำมะพร้าว ใส่แก้วแก้วละสามบาทจากโรงอาหารหลังคณะเพื่อนผมคนนึงชื่อ ตุ่น พวกเรามักเรียกว่า ต้อยตุ่นคู่กับเพื่อนอีกคนชื่อ ต้อยติ่งต้อยตุ่นมีนิสัยเสียอย่างนึง คือชอบกินน้ำของเพื่อนเพื่อนถ้าเห็นจิบปุ๊ป วางไว้ปั๊ป หันกลับพี่ต้อยตุ่นก้จะซวบซวบจนน้ำหมดผมเองก้ไม่เข้าใจว่า ทำไมแกไม่ยอมมีแก้วน้ำเป็นของตนเองสักทีชอบมาลักคนอื่นดื่มประจำ ใครโมโหก็ไล่เตะตุ้บตั้บกันไปใครปล่อยวางก็ไปซื้อมาใหม่ หรือซื้อเผื่อมันด้วยนะ(เอ้อ แต่มันไม่ยอมรับ บอกว่าเสียศักดิ์ศรี ดูสิท่าน)....เรื่องมันเกิดจนได้วันหนึ่งหลังจากซ้อมพวกเรามานั่งแฮ่กแฮ่ก หน้าบันไดเหมือนเดิมต้อยตุ่นก็เดินด้อมด้อมมองหาเหยื่อจนไปเจอ กับน้ำมะนาวผสมส้มปั่นใส่เยลลี่(ดูมีรสนิยมมากครับ แก้วนี้)ของไอ้เกียรติเพื่อนซี้ผม ต้อยตุ่นหมายตาปุ๊ปกับน้ำสีส้มมีอะไรเขียว เขียวแดงลอยเต็ม ล่อตาล่อใจพอไอ้เกียรติเผลอคุยปุ๊ป มันคว้ามาดูดหมดอย่างไม่เหลือเยื่อใยไอ้เกียรติความจริงมันเป็นพวกธรรมะ ไม่ค่อยบู๊สักเท่าไหร่(ตอนหลังผมด่ามัน ไอ้อธรรมหลบใน)แค่ด่าไอ้ต้อยตุ่นเบาเบาตามมารยาทเท่านั้นแล้วไปซื้อใหม่ สิ้นเรื่อง เพื่อนกินเรื่องแค่นี้ช่างมันเหอะวะแก้มใหม่ มาถึงคราวนี้เป็นโยเกิรต์ปั่นผสมออริโอ(ป้าคณะผม นี่ ช่างมีสูตรครีเอทีฟน้ำปั่นมาหลอกล่อเด็กเด็กแบบเราทุกที)ต้อยตุ่น มองตาเป็นประกายวับวับไอ้เกียรติมันดูดไป ทำเสียงคลุกคลักเคี้ยวน่าอร่อย ซะเหลือเกิน แล้วก็วางแก้วลงคราวนี้ไอ้เกียรติเริ่มระวังตัวแล้วมันยิ้มยิ้ม คิดอะไรได้ถุยน้ำลายใส่แก้วมัน สองสามหยดลงในแก้วให้ต้อยตุ่นมันเห็นผมเอง "ด่ามัน เฮ้ยเชี่ย สกปก เอ็งนี่"...แล้วทุกคนก็ไม่คาดคิดต้อยตุ่นเพื่อนกิน ก็ยกแก้วโยเกิรต์ปั่นผสมออริโอ อย่างช้าช้าแล้วถุยน้ำลายลงไปมากกว่าไอ้เกียรติเอาล่ะสิ คราวนี้ เหอ เหอ เหวอกันไปเลยทั้งบันไดตอนนี้ ซาวนด์แทรกแล้วครับตุ๊บตั้บ โครมเปรี้ยง ปร้างเปรี้ยง เปรี้ยงโครม ตุบ ตุบตุบ ตุบ อิ๋งงงง อิ๋งงงง...เรื่องของเรื่องต้อยตุ่น คงยังคงเส้นคงวากับการเป็นเพื่อนกินฟรีไอ้เกียรติ หลังจากมีเรื่องกันก็เงียบเงียบไปมันเคยเปรยว่าผู้ดีสิบปีแก้แค้นไม่สาย...ผ่านมาเป็นสองสามเดือน(ยังไม่ถึงสิบปีนะไอ้เกียรติ)และแล้วเย็นวันหนึ่ง หลังเลิกซ้อมรักบี้ปลายฝนแดดร้อนเลียผิวกาย หนุ่มฉกรรจ์เหงื่อชุ่มโชก ยั่วยวนสาวต่างคณะมาดมดอมไอ้เกียรติ เดินมาหาผมพร้อมแก้วน้ำใส่ชานมไข่มุกปั่น"เฮ้ยริวไปกับกรูหน่อย จะดัดนิสัยคน"มันชวนผมไปห้องน้ำกับมันสองต่อสอง(อ้า หรือว่ามันเป็นเก หรือป่าวเนี่ย) และแล้วมันก็เข้าไปห้องน้ำชั่นล่างชายอันสุดจะเพรียบพร้อม ทั้งกลิ่นและสีกระซิบที่หูผม..."อ้าวช่วยกรู ถ่ายรูปหน่อย" มันหาไม้จิ้มลูกชิ้น จิ้มไปตามคราบเหลืองเพริดอท อม น้ำตาลซีเปียของคอห่าน มาคนคนกับชานมไข่มุกปั่นสูตรพิเศษเอ้อ หน้าที่ผม คือ ใช้k750i ถ่ายรูป แวบ แวบ แวบทุกสูตรขั้นตอนการปรุงไอ้เกียรติ มันตั้งใจมากครับเหมือนโปรเจคเรียนเลยทีเดียวมันออกมาบรรจงพับทิชชู่ รอบแก้ว จัดหลอดให้เข้าที่ เอียงเจ็ดสิบสององศา...เดินไป คุยไป นั่งหน้าบันไดเหมือนเดิมผมเองก็ใช้ k750i ถ่ายรูปเพื่อนหน้าคณะมีสายตาแวววาวคู่หนึ่ง จับจ้องชานมไข่มุกปั่นสูตรพิเศษอย่างไม่กะพริบ และแล้วไอ้เกียรติก็ วิ่งออกไปเตะบอลรูหนูมันวิ่งไปยิ้มไปเหมือนอย่างรอยยิ้มโมนาลิซ่าปานฉะนั้น...ก็อย่างที่ทุกคนคิดล่ะครับตอนถัดมาไอ้ต้อยตุ่นเพื่อนรัก ถลันเข้ามาดูด ซวบ ซวบ (อ้วกจิง จิง)ผมเองก็ถ่ายรูปมันไว้ยังแอ็คท่า ยิ้มฟันเหลืองอ๋อยคู่กับชานมไข่มุกแก้วนั้น...เอ้อ เอ้อตอนนี้ฉายาใหม่มันก็คือต้อยตุ่นอุนจิ ครับ๕.รักชาติไทย ชูชาติไทย...เรื่องราวนี่เกิดที่เดนมาร์กครับเนื่องจากคณะ คัดนิสิตกลุ่มหนึ่งไปทำwork shop สัมพันธไมตรี กับมหาวิทยาลัยที่เซ็น MOU ร่วมกันผมเองได้จับพลัดจับผลู โดนไปด้วยคนซึ่งจริงจริงตอนสัมภาษณ์ตั้งใจจะเป็นเพื่อนมากกว่าได้ไปแบบฟลุ๊ค ฟลุ๊คมั้ง(ปกติ ต้องคัดพวกเด็กเรียน เด็กแว่นไป)กลุ่มของเราต้องไปทำwork shop นานาชาติที่เมืองไวกิ้งโบราณ หลายพันปี ซึ่งตอนนี้เป็นเมืองท่องเที่ยว ...ทริปที่ไปมีนักศึกษาหกคน พร้อมอาจารย์หนุ่ม(เพิ่งจบ ป.โท มาหมาดหมาด) เวลาฝรั่งหันมามองดุไม่ออก ใครอาจารย์ ใครลูกศิษย์ เหอ เหอไม่รู้น่าดีใจ หรือ เสียใจกันดี...เมืองที่ไปนี่เป็นเมืองโบราณชายฝั่งฟยอร์ด มีแม่น้ำที่เป็นทะเล(พอนึกภาพออกนะครับ)work shop ที่ทำจะเป็นการคิดที่จะคืนชีวิตให้กับเมืองเก่าอีกครั้งสองฝั่งแม่น้ำ โดยโปรเจ็ค เราได้แบ่งการเสนอไอเดียเป็นสองกลุ่ม อย่างเด่นชัด ระหว่างนักศึกษาฝรั่งนานาชาติกลุ่มใหญ่กับนักศึกษาไทย หกคน( และอาจารย์หนึ่งท่าน) ผู้ที่ดำเนินการครั้งนี้มีแต่สถาปนิกใหญ่อันดับโลก มีชื่อเสียง สอนหลายมหาวิทยาลัยทั่วโลก(พวกเราลับหลังตั้งชื่อว่า ศาสตราจารย์สเนป ตามหนังสือแฮรี่)ท่าทางจะไม่ชอบพวกเราซักเท่าไหร่ ...work shop ที่ได้มาพวกเราก็ มาแบ่งกันหกคนว่าทำอะไรบ้างต้อยติ่ง หญิงสาวสวยคนเดียวเป็นคนพรีเซนส์ ไอเดีย(เพราะเป็นคนที่สอบcutep ได้สูงสุดในห้อง)โก้ชาย หาข้อมูล และ คอนเซปท์สลิ่ม และ หัวเม่น ทำเพลทพรีเซนส์ไอ้เกียรติ เขียนภาพperspectiveผม สุดท้ายเป็นคนตัดโมเดล (ฮือ ฮือ)...ได้มีเวลาทำงานแค่สองวันเองทางนักศึกษาฝรั่งนานาชาติ นี่ทะเลาะกันใหญ่เหมือนกัน ทุกคนดูเหมือนจะมีไอเดียกันทั้งนั้นแต่เชื่อไหม พอศาสตราจารย์สเนป ชี้ว่าควรจะเป็นอะไรเท่านั้นก็เออ ออ กันหมดเลย แปลกจริงจริงส่วนพวกเราวุ่นวุ่นอยู่ ก็ส่ง ต้อยติ่งกับโก้ชาย ไป discuss ด้วยเสมอแต่เหมือนศาสตราจารย์สเนป จะมองนักศีกษาไทยเป็นอากาศธาตุ ซะอย่างงั้น (อาจเป็นเพราะ คนไทย ไม่ค่อยชอบพูด ไม่สงสัย ยิ้มอย่างเดียว)...พอถึงเวลาพรีเซนส์ผมยังตัดโมเดลไม่เสร็จ พวกเราที่เหลือสี่คนมาช่วยกันเร่งให้เพลทพรีเซนส์ไปก่อน ต้อยติ่งเป็นคนอธิบาย มีโก้ชายเป็นลูกมือพอเข้าใจนะครับ ว่าคนไทยพูดจาเบาเบาไม่มั่นใจถามตอบอะไรโดนฝรั่งพูดใส่ได้แต่ยิ้มศาสตราจารย์สเนป ท่านงัดภาษาสมักเกิ้ลมามั้ง (คือศัพท์วิชาการสูงมากครับ)ต้อยติ่งและโก้ชาย ก็ ยืนอ้าปากค้าง ตอบอะไรไม่ออกศาสตราจารย์สเนป เลยสรุปว่า นี่ละหนา นักศึกษาไทยก็เป็นแบบนี้ดีแต่วาดรูปสวยสวย บลา บลาพร้อมกับเสียงหัวเราะขบขันนานาชาติ...ไอ้พวกผมอยู่ด้านข้างข้างเอ้อ ก้นึกดีใจวะเพื่อกรุเก่งแฮะ อธิบายจนฝรั่งชื่นชมได้แต่ขัดด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ของท่านอาจารย์เข้ามาบอกว่าให้ไปช่วย สองคนกลางเวทีหน่อย วิกฤตโว้ยเล่าย่อ ย่อให้ฟัง มันดูถูกเรา...เลือดขึ้นหน้าเลย(แล้วทำไม อาจารย์ ไม่ โดดขึ้นไปช่วย บนเวทีเองฟะ)...ผมเองก็คว้าโมเดล ที่ยังไม่เสร็จนั่นแหละเดินไปด้วยวิญญาณแชมป์โต้วาทีสมัยมัธยมต้นเข้าสิงขี้นไปบนเวที แล้วอธิบายconcept การทำงานของพวกเรา(ไม่รู้ไปกล้า มาจากไหน แต่คิดว่า เพราะความรักชาติพุ่งปิ๊ดนะครับ)ศาสตราจารย์สเนป เริ่มพิฆาตอีกแล้วเปรี้ยง เปรี้ยง"oyt yds jkllldfs xlso-34 kw kdhfk!!s" เหอ เหอ จับท้ายใจความยืดยาวว่าถามเกี่ยวกับparadigm phenomenonทำนองนี้ ผมตอบกลับไปตามปกติ ด้วยความสุภาพยิ่งแต่สุดท้ายหยอดว่า"ถ้าจะพูดภาษาorcกับผมอีก เดี๊ยวผมจะตอบเป็นภาษelfให้ฟังนะครับ ท่าน"เรียกเสียงหัวเราะครึกครื้นทีเดียวทั้งห้องศาสตราจารย์สเนป ท่านหน้าแดงกล่ำฮีดอัด เริ่มถามคำถามแทรกอีกแล้วเหอ เหอ ลูกเข้าทางเข้าเท้าพี่ริวแล้วมารยาทฝรั่งหัวทองเอ๊ย" ท่านครับ ถ้าจะถาม ช่วยกรุณา เตรียมคำถามหลังจากที่พวกเราpresent เสร็จแล้ว จะขอบพระคุณมาก "เอ้อ เงียบนิ่งทั้งห้องเลยครับ หมัดนี้ หุ หุ....เรื่องราวดำเนินต่อด้วยดีปานเทพนิยายอุดมด้วยสาระบันเทิงจนจบงานสัมมนาwork shop ไอเดียของพวกเราชาวไทยได้รับการชื่นชมและยอมรับ เย้ เย้ศาสตราจารย์สเนปผู้ทรงเกียรติ อายุแก่ราวลุงผมดูแกไม่ค่อยกล้ามาตอแยผมเท่าไหร่เข้ามาจับมือแล้วรีบเดินจากไปสงสัยกลัวโดน ไทย บ๊อกซิ่ง อิอิ(งานกู้หน้านักศึกษาไทยครั้งนี้ต้องขอขอบคุณยูบีซี ซีรีส์ หนังฝรั่งที่ผมชอบดูทำให้คิดตอบโต้ได้ทันควัน ไม่กังวลเลยครับ ว่าจะถูกไวยากรณ์ขอให้เข้าใจเป็นพอแล้วนะครับ)
สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมเยียน ค่ะ
(@^_^@)
จุ๊ฟๆๆๆ
จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า..ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการ ขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้น.iceicy แวะมาเยี่ยมค่ะ นำหลักธรรมมาฝากค่ะ
เรื่องคุณยายอ่านแล้วนึกถึงอากง(ปู่)
เรื่องที่สอง ผมก็เคยแทงคางคกไส้แตก
เรื่องสุดท้ายนึกถึงที่เคยกวนครู
ฮาดีครับ ฮาดีจริง