Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
9 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

เที่ยว 'เยอรมนี-ออสเตรีย' สัมผัสเสน่ห์แห่งเมืองศิลปะ

คอลัมน์ DESTINATION

โดย ชาญสิทธิ์ จิรเพิ่มไพบูลย์


*11 ชั่วโมงบนเที่ยวบินทีจีสู่ทวีปยุโรป ทำให้รู้ว่าประเทศอย่าง 'เยอรมนี' และ 'ออสเตรีย' ไม่ได้มีแค่เรื่องฟุตบอล แต่ยังมี 'แหล่งท่องเที่ยว' ที่มีเสน่ห์ไว้เก็บความประทับใจอีกมากมาย

     ด้วยความเป็นเมืองศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ประวัติศาสตร์ยุโรปอาจหลงใหลจนไม่อยากกลับ อย่างทะเลสาบ 'Mondsee' (มอนด์ซี) หรือ Moonsee (มูนซี) ระหว่างทางไปเมือง Salzburg (ซัลซ์บูร์ก) ในประเทศออสเตรีย คือจุดหมายปลายทางแรกของการเยือนแหล่งท่องเที่ยว สายน้ำเอื่อยๆ แต่ใสเหมือนกระจกบานใหญ่กับวิวโค้งน้ำของทะเลสาบที่โอบล้อมด้วยภูเขา คือความประทับใจแรกเมื่อได้มายืนอยู่หน้ามอนด์ซีพร้อมๆ กับฟอกปอดด้วยอากาศบริสุทธิ์ แม้ว่าสภาพอากาศอาจไม่เป็นใจอยู่บ้างเพราะต้องเจอแสงแดดที่ร้อนอบอ้าวยามบ่าย

     ที่ทะเลสาบแห่งนี้มีกิจกรรม 'พายเรือ' เตรียมไว้สำหรับคนที่อยากออกกำลังกาย หรือถ้าอยากพักผ่อนก็มีม้านั่งริมทะเลสาบไว้ให้นั่งชมวิวเพลินๆ และสืบทราบมาอีกว่า เหตุผลที่ทะเลสาบถูกตั้งชื่อว่า มูนซี เพราะถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นรูปลักษณ์ทะเลสาบเป็นแนวโค้งเหมือนเสี้ยวพระจันทร์ จบจากการเก็บบรรยากาศทะเลสาบมูนซีได้สักพัก 'เชน' ไกด์ประจำทริปนี้ก็กวักมือเรียกลูกทัวร์ขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองซัลซ์บูร์ก ที่โดดเด่นในเรื่องงานศิลปะ สถาปัตยกรรมบ้านเรือนสไตล์บาร็อค และที่ขาดไม่ได้คือช็อกโกแลตแบรนด์ 'โมซาร์ต' กับคริสตัล 'ชวารอฟสกี้'

     ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับจากไกด์ระหว่างการเดินทาง 'ซัลซ์บูร์ก' เคยเป็นเมืองชุมทางการค้าที่สำคัญของโรมันในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 50 โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญคือ 'เกลือ' ซึ่งว่ากันว่าในสมัยนั้นมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 'ทองคำขาว' และเป็นเหตุผลเชื่อมโยงถึงชื่อเมือง (Salz) ที่หมายถึงเกลือ แต่ภาษาเยอรมันอ่านว่า 'ซัล' ในสมัยที่มีการล่าอาณานิคมช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 ซัลซ์บูร์กจึงเคยตกเป็นเมืองขึ้นของแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนีมาแล้ว

     หลังจากงีบหลับบนรถไปพักใหญ่ ช่วงบ่ายแก่ๆ ก็เดินทางมาถึงซัลซ์บูร์ก เพื่อไปยัง 'Maribel Garden' (มาริเบล การ์เด้น) สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่ว่ากันว่าห้ามพลาด ! ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้าสู่ Maribel Garden ทำให้ลืมโลกแห่งความวุ่นวายไปได้ไม่ยาก ภาพดอกไม้ 3 สี 'แดง-เหลือง-ม่วง' ตัดกับพื้นหญ้าสีเขียว ทำให้กล้องดิจิทัลของทุกคนทำงานอย่างต่อเนื่อง

     ที่สวนสาธารณะมีรูปปั้นเลียนแบบ 'สรีระมนุษย์' ชาย-หญิงขนาดเท่าคนจริงในท่วงท่าต่างๆ ตั้งเรียงรายเป็นระยะ จุดเด่นคือลายเส้นกล้ามเนื้อใกล้เคียงของจริงตามสไตล์ศิลปะแบบบาร็อค (Baroque) ซึ่งสามารถศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นไปได้ภายในพิพิธภัณฑ์บาร็อคที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชัตเตอร์กล้องของทุกคนต้องทำงานอย่างหนักอีกครั้งเกิดขึ้นหลังจากได้ข้อมูลว่าสวนแห่งนี้เคยเป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำหนังอมตะเรื่อง 'The Sound of Music' ที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศออสเตรียมากขึ้น โดยมีเนื้อหาถึงชีวิตของแม่ชี 'มาเรีย' ที่รับบทบาทเป็นพี่เลี้ยงเด็ก 7 คน และใช้ 'ดนตรี' เข้ามาเป็นสื่อให้เด็กๆ ยอมรับในตัวเธอ

     แม้ว่าความทรงจำเกี่ยวกับ The Sound of Music ในวันนี้เลือนลางไปมากแล้ว แต่สำหรับคนในวัย 20 ปลายๆ น่าจะร้องอ๋อ เมื่อได้ยินเนื้อร้อง 'โด-อะเดียร์-อะฟิลเมลเดียร์' ซึ่งอยู่ในเพลง Do-Re-Mi ที่ประกอบในหนังเรื่องนี้ หลังออกจากสวนมาริเบลก็ตรงดิ่งไปยังสะพานข้ามแม่น้ำซาลซัคที่เปรียบเสมือนเป็นเส้นกั้นพรมแดนเขต 'เมืองเก่า' และ 'เมืองใหม่' ของซัลซ์บูร์ก เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ 'Getriedegasse' ย่านช็อปปิ้งของเมืองซัลซ์บูร์ก

     เมื่อเดินทะลุซอยเล็กๆ เข้าไปด้านในคือแหล่งรวมร้านค้าที่มีให้เห็นเป็นระยะคือร้านของฝาก ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม และร้านขายช็อกโกแลตซึ่งหลายคนอดใจไม่ไหวต้องควักแบงก์ยูโรซื้อติดมือกลับบ้านไปคนละ 1-2 กล่อง สนนราคามีให้เลือกตั้งแต่ร้อยกว่าบาทไปจนถึงหลักพัน โดยเฉพาะร้านช็อกโกแลตที่มีแพ็กเกจจิ้งเป็นรูปหน้านักดนตรีชื่อดังระดับโลกอย่าง 'โมซาร์ต' มีให้เห็นเป็นระยะๆ จนนึกว่าเป็นหมู่บ้านโมซาร์ต ส่วนใครที่นิยมชมชอบ 'คริสตัล' ก็ต้องร้านชวารอฟสกี้ มีโมเดลใหม่ๆ ไม่วางขายในเมืองไทยให้เลือกเพียบ

     หลังจากช็อปปิ้งจนหนำใจแล้วก็ตั้งเข็มทิศไปยัง 'บ้านเลขที่ 9' หน้าบ้านมีป้ายระบุตัวอักษรว่า 'Mozarts Geburtshaus' ตามคำแนะนำของไกด์ เพราะที่นี่คือบ้านของ 'โมซาร์ต'

     นักดนตรีระดับพรสวรรค์ที่ฉายแววความสามารถจากการแต่งเพลงได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยมีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมประมาณ 6.5 ยูโร หรือประมาณ 340 บาท (1 ยูโร ประมาณ 50 บาทเศษ) เก็บเกี่ยวบรรยากาศของเมืองซัลบูรก์มาพักใหญ่ วันรุ่งขึ้นถึงคิวต้องอำลาประเทศออสเตรียเพื่อเดินทางข้ามประเทศกลับมายังเมือง 'มิวนิก' ในประเทศเยอรมนี เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่ที่นี่ยังมีจุดหมายปลายทางสุดท้าย คือ จัตุรัส 'Marienplatz' (มาเรียนแพลตซ์) ศูนย์กลางของเมืองมิวนิกที่เป็นจุดนัดพบ ที่สะดุดมากๆ เป็นอาคาร 'หอนาฬิกา' สูง 79 เมตร ตัวตึกเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการประจำเมือง ด้านบนของอาคารเป็นหอนาฬิกาขนาดใหญ่ศิลปะสไตล์โกทิกจุดเด่นคือปลายอาคารเป็นยอดแหลม และเมื่อถึงเวลา 18.00 น.ของทุกวัน ตุ๊กตาที่อยู่ในนาฬิกาก็จะออกมาเต้นรำประกอบเสียงดนตรีที่บรรเลงจากระฆังเสมือนเป็นการแสดงเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่อาคารใกล้ๆ กันหากเดินลงไปชั้นใต้ดินจะพบกับร้านอาหาร 'Ratskeller Munchen' ที่ว่ากันว่าขึ้นชื่อที่สุดในย่านนี้

     เมนูแนะนำคือ 'Grilled pork Knuckle with fine gravy and potatoes' ขาหมูเยอรมันชิ้นใหญ่เสิร์ฟกับมันฝรั่งบด ใครทานหมดตบด้วยของหวานแล้วบอกว่าไม่อิ่มต้องยกนิ้วให้ ! เป็นมื้ออาหาร (แบบท้องถิ่น) ในวันส่งท้ายที่ทำให้จดจำประเทศเยอรมนีไปอีกนาน :D

อัตราแลกเปลี่ยน : ทั้งเยอรมนีและออสเตรียใช้เงินยูโร (ประมาณ 50 บาทต่อยูโร)

การเดินทาง

     จับเครื่องบินตรงถึงมิวนิก เยอรมนี จากนั้นต่อรถเข้าไปที่เมืองลินซ์ของออสเตรีย วิธีการผ่านด่านใช้เชงเก้นวีซ่า (สามารถเข้าประเทศที่อยู่ในกลุ่มของสหภาพยุโรปทั้งหมด) ระหว่างเมืองอาจเดินทางโดยรถท่องเที่ยว (กำหนดอัตราเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ ชั่วโมง และใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงจากเยอรมนีสู่ออสเตรีย โดยระหว่างทางมีวิวทะเลสาบให้ชมเป็นระยะๆ) หรือเลือกเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงก็ได้ (หน้าพิเศษ DLIFE)


ขอขอบคุณ
ที่มา :
ประชาชาติธุรกิจ 8 กันยายน 2551 หน้า 18

H O M E




 

Create Date : 09 กันยายน 2551
0 comments
Last Update : 9 กันยายน 2551 21:47:29 น.
Counter : 1022 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.