Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
พระอาทิตย์ตกทะเล ที่...เมืองตรัง


คอลัมน์ บันทึกเดินทาง

โดย จิรพงศ์ เกิดเรณู


*อะไรที่เป็นครั้งแรก ย่อมจะตื่นเต้นเป็นธรรมดา การเดินทางครั้งนี้มีอะไรที่เป็นครั้งแรกของผมหลายอย่าง ความตื่นเต้นจึงมีมากเป็นทวีคูณ

สถานที่ที่ผมได้ไปเยือนในครั้งนี้คือ "จังหวัดตรัง" เมืองที่เมื่อก่อนเป็นเมืองท่า ค้าขายกับต่างประเทศ อย่างในสมัยอยุธยาที่มีชาวโปรตุเกสเข้ามาติดต่อกับไทยก็มาทางนี้ ที่เมืองนี้

เป็นเมืองถิ่นกำเนิดของยางพารา ที่เจ้าพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) นำมาจากประเทศมาเลเซีย

และยังเป็นถิ่นที่ได้ชื่อว่ามีของกินที่เลิศรสหาที่ใดเปรียบมิได้ ทั้งหมูย่างและขนมเค้กเมืองตรัง ที่หลายคนคงได้ลิ้มรสชาติไปแล้ว แต่สำหรับผมมันเป็นครั้งแรก และยังถือว่าเป็นการเดินทางครั้งแรกที่ผมได้เยือนถิ่นด้ามขวานลึกที่สุดเท่าที่เคยมา จึงอดไม่ได้ที่ต้องหาซื้อโปสการ์ดส่งกลับบ้าน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน ว่าครั้งหนึ่งเคยเดินทางมาเยือนสถานที่แห่งนี้

8 ชั่วโมงหลังการเดินทางด้วยรถยนต์จากกรุงเทพฯ เรา หมายถึงผมและพี่ผู้หญิงอีกสองคนมาถึงจังหวัดตรังในที่สุด

เราเก็บสัมภาระที่โรงแรมเรียบร้อย อาหารมื้อเย็นเป็นสิ่งที่ทุกคนร้องหา

ไปกินที่ไหนกันดี ถ้าไม่ใช่ที่ฮิพที่สุดของเมือง..."เซ็นเตอร์พอยต์" เมืองตรัง สถานที่ที่ชาวตรังไม่ว่าหนุ่มว่าสาวไปชุมนุมกันยามค่ำคืน!

เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง...

อาหารมื้อแรกในเมืองตรัง จึงประเดิมที่ตลาดโต้รุ่งในตัวเมืองนั่นเอง ข้าว คะน้าหมูกรอบ ไข่เจียว ราคาถูกแต่ก็อร่อยและอิ่มท้อง รวมทั้งแกงจืดผักกาดที่ได้มาแทนแกงจืดสาหร่ายที่สั่งไป สมาชิกในคณะจึงอดที่จะแซวเล่นๆ ว่าน่าจะเรียก "อาหารตามใจคนทำ มากกว่าอาหารตามสั่ง"

เมื่อได้เรี่ยวแรงคืน "เซ็นเตอร์พอยต์" เป็นโจทย์แรกที่ทุกคนต้องการหาคำตอบ จะเหมือนหรือต่างจากในกรุงเทพฯ อย่างไร?

จากตลาดโต้รุ่งที่เป็นฐานทัพเติมพลัง เรากางแผนที่ดูทิศดูทางไปเซ็นเตอร์พอยต์กันให้วุ่น ปรากฏว่าแค่เดินเลยวงเวียนน้ำพุมานิดเดียว ตรงที่เป็นตลาดนัดกลางคืน ที่คนย่านนี้เรียกว่า "ตลาดนัดรื่นรมย์" นั่นแหละคือ เซ็นเตอร์พอยต์ ที่ตามหา


*ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ คงต้องบอกว่าบรรยากาศคล้ายแถวๆ สะพานพุทธ คือมีการตั้งแผงขายของเป็นล็อคๆ มากมาย ต่างกันตรงที่ว่าจำนวนแผงและของที่ขายน้อยกว่าเท่านั้นเอง

ในช่วงกลางวันตลาดรื่นรมย์เป็นถนนที่รถยนต์ทั่วไปสามารถสัญจรไป-มาได้ตามปกติ แต่พอแดดร่มลมตก พ่อค้าแม่ขายก็จะเริ่มลากข้าวของมาจับจองพื้นที่

และแล้วถนนรื่นรมย์แห่งนี้ก็จะกลายสภาพเป็น "ถนนคนเดิน" ที่คนเมืองตรังนิยมมาซื้อหาของกินของใช้กัน ทำให้บรรยากาศย่านนี้ดูคึกคักกว่าที่อื่น

"ตลอดความยาวประมาณ 300 เมตรของถนนเส้นนี้ ครึ่งหนึ่งขายเสื้อผ้าและของใช้กระจุกกระจิก มีทั้งเสื้อผ้าตามสมัยนิยม เครื่องประดับ รองเท้า นาฬิกาข้อมือราคาย่อมเยา รวมทั้งแผ่นซีดีเพลงและภาพยนตร์ไทย-เทศ ทุกหมวดหมู่"

เรียกว่าอะไรที่กำลังเป็นแฟชั่นสามารถหาซื้อได้ที่นี่ จึงไม่แปลกที่ถนนสายนี้จะเป็นสถานที่ชุมนุมของวัยรุ่น นักเรียนนักศึกษา มาเดินช็อปปิ้ง นัดกินข้าว และทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

ส่วนอีกครึ่งของตลาดขายอาหารและของกินเล่น ซึ่งก็ไม่ได้แบ่งโซนเป็นโซนอาหารโซนของใช้ แต่อยู่คละกันไป ระหว่างที่นั่งกินข้าวจึงสามารถเลือกชมสินค้าไปในขณะเดียวกันได้

ที่เป็นร้านขายกับข้าวให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านก็มีอยู่หลายร้าน รวมทั้งก๋วยเตี๋ยวผัด ซึ่งสามารถพบเห็นได้ตามตลาดนัดแทบทุกแห่ง ไก่ทอดอิสลาม ข้าวหมกไก่ ไส้กรอก และขนมหวานสารพัดสไตล์ จะเป็นแบบไทยๆ อย่าง ขนมชั้น ขนมหม้อแกง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ หรือขนมหวานแบบลูกครึ่ง อย่าง โดนัทสอดไส้นานารสชาติก็มีให้เลือกเยอะแยะ

ที่ติดใจเห็นจะเป็น กล้วยทับ "โบราณ" ใช้อุปกรณ์การทับกล้วยแบบเดิมๆ ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นในกรุงเทพฯ ลักษณะคล้ายม้านั่งตัวเล็กทำด้วยไม้ พอปิ้งกล้วยได้ที่แล้ว ยกหน้าไม้เปิดขึ้น วางกล้วยลงแล้วทับพอประมาณ ก่อนจะนำลงแช่ในน้ำกะทิ


*สำหรับผู้ที่ต้องการมาดินเนอร์ที่ถนนคนเดินก็มีร้านให้นั่งสบายๆ หลายร้าน ส่วนใหญ่จะเป็นกับข้าวปักษ์ใต้นั่นแหละ หรือขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ รสชาติสะเด็ดสะเด่า จึงมีผักสดนานาชนิดให้แนมกันจนหนำใจ

ว่ากันตามจริงแล้ว อาหารไม่ใช่สิ่งที่ผมตามหาในวันนี้ เพราะยังเต็มอิ่มกับมื้อเย็นที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่เป็น... "โปสการ์ดเมืองตรัง" ที่ตั้งใจจะส่งกลับไปที่บ้านต่างหาก

"ไม่ไกลจากตลาดนัดรื่นรมย์เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้า 3 ประเทศ (ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย) ในส่วนของประเทศไทยเอง มีสินค้าโอท็อปจากจังหวัดตรังและจังหวัดใกล้เคียง"

อย่าง พัทลุง สงขลา กระบี่ ปัตตานี โดยสินค้าทั้งหมดทำจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ที่คั่นหนังสือทำจากใบต้นยางพารา ตุ๊กตาหนังตะลุงที่หัวตุ๊กตาทำด้วยลูกยางพารา ซึ่งยางพาราต้นแรกของไทยก็อยู่ที่ตรังนี่เอง

     นอกจากนี้ก็ยังมี "ไม้เทพทาโร" ไม้หอมโบราณที่ถือว่าเป็นไม้สิริมงคลสำหรับทำบ้านเรือน และยังทำเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้อีก ที่นี่จึงนำไม้เทพทาโรมาแกะเป็นรูปปลาฉนาก ปลาพะยูน ฝักสะตอ ฯลฯ

แล้วก็...นั่น..โปสการ์ดที่ผมตามหา แต่มีแค่แบบเดียว เป็นภาพ "ถ้ำมรกต" สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง ส่วนภาพอื่นๆ เป็นภาพหินงอกหินย้อยภายในถ้ำที่จังหวัดกระบี่

อดแปลกใจไม่ได้ว่า โปสการ์ด ซึ่งนอกจากจะเป็นสาส์นแทนความรักความคิดถึงของใครคนหนึ่ง ยังซ่อนบทบาทของการเป็นทูตทางการท่องเที่ยว กลับถูกละเลยความสำคัญ

รุ่งขึ้นภารกิจหลักของการมาเมืองตรังคือ การไปดูวิถีชีวิตและสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน และวิถีชาวประมงปากแม่น้ำปะเหลียน ที่ยังคงดำรงชีวิตด้วยการจับปลา จับหอย และสัตว์ทะเล

จนเวลาล่วงเลยไปถึงเกือบห้าโมงเย็น ทุกคนจึงลงความเห็นว่าควรให้รางวัลกับตัวเองด้วยการไปดูพระอาทิตย์ตกทางฝั่งทะเลอันดามัน

"ผมแทบเก็บอารมณ์ตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ ในชีวิตของผมยังไม่เคยดูพระอาทิตย์ตกทะเลเลยสักครั้ง"

"หาดปากเมง 40 กิโลเมตร" ในอำเภอสิเกา เป็นหาดที่ใกล้ที่สุด และน่าจะทันเวลาก่อนที่พระอาทิตย์ตกทะเล

40 กิโลเมตร เวลา 30 นาที ในเส้นทางปกติดูจะเป็นเรื่องไม่น่าจะเกินความสามารถของโชเฟอร์ยอดนักขับของเรา แต่ทว่าเวลาห้าโมงเย็นของตรังก็เป็นเวลาเร่งรีบด้วยเหมือนกัน เรานิ่งอยู่กลางสี่แยกไฟแดงในเมืองกว่า 10 นาที พอหลุดออกมาได้ก็เจอกับถนนที่กำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมทางเป็นระยะๆ

พอผ่านมาได้ สองตาจับจ้องอยู่ที่พระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทิ้งตัวลับยอดไม้ไปทุกทีๆ แสงแดดสีแดงอมส้ม บอกเราว่า เราอาจจะไปไม่ทันดูใจมันก่อนตกน้ำทะเล

นาฬิกาบนหน้าปัดโทรศัพท์บอกเวลา 18.14 น. ที่สุดเราก็มาถึงหาดปากเมงสมใจ ทุกคนรีบลงจากรถมุ่งหน้าไปที่หาดอย่างไม่คิดชีวิต

แต่ว่า...พระอาทิตย์ตกน้ำไปแล้ว เหลือเพียงแสงเรื่อๆ ที่ระบายอยู่บนฟากฟ้าไกลออกไป

ถึงจะมาไม่ทัน แต่ไม่ทำให้ผมเสียใจ ก็เหมือนกับไม่ได้เหรียญทอง แต่ได้เหรียญเงินมันก็ไม่เห็นจะเสียหาย ถึงไม่ได้ดูพระอาทิตย์ลับขอบน้ำ แต่ท้องฟ้าและทะเลอันดามันหลังพระอาทิตย์ตกไปแล้ว ก็สวยใช่ย่อย

     "เกาะไหง" ที่อยู่ตรงหน้าตระหง่านง้ำอยู่กลางทะเลอันดามัน ท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ อมเทา มีแดดสีส้มระบายเป็นสายเป็นเส้น สะท้อนบริเวณโดยรอบเป็นสีอมชมพู

เรือที่จอดนิ่งอยู่จึงกลายเป็นพระเอกของภาพไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นหาดทราย น้ำทะเล และแสงอาทิตย์สุดท้ายของวัน ทุกอย่างลงตัวไปหมด สวยงามเหมือนในโปสการ์ดที่เคยเห็น

"น้ำใสๆ ของทะเลทำให้พวกเราทั้งหมดอดใจไม่ได้ที่จะถอดรองเท้าสัมผัสน้ำทะเลอันดามัน จนเวลาล่วงเลยและแสงค่อยๆ หายไป"

ร้านอาหารทะเลริมหาดปากเมงจึงเป็นที่พักเหนื่อยที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ระหว่างทางผมไม่ลืมโปสการ์ดที่ส่งถึงบ้าน ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาส่งโปสการ์ดไกลถึงขนาดนี้ แล้วรอลุ้นว่า

"ผม กับโปสการ์ดใบนี้ ใครถึงกรุงเทพฯก่อนกัน"


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนรายวัน วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552


สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E



Create Date : 25 ธันวาคม 2552
Last Update : 25 ธันวาคม 2552 16:27:20 น. 2 comments
Counter : 1423 Pageviews.

 
แวะมาทักทาย ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

อ่านแล้วอยากไปเที่ยวตรังบ้างจังครับ


โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 25 ธันวาคม 2552 เวลา:19:48:07 น.  

 
ไม่เคยไป เลยแวะมาเที่ยว สวยงาม ค่ะ ทะเล ตรัง คงมีโอกาส ..
Photobucket


โดย: tifun วันที่: 26 ธันวาคม 2552 เวลา:16:39:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.