Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
20 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
ประวัติศาสตร์บางหน้าก่อนมีภาคอีสานของไทย


     หลายคนอาจจะหงุดหงิดที่เห็นผมพูดถึงประวัติศาสตร์ชาติลาวบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องเส้นกั้นพรมแดนตั้งแต่สมัยสมเด็จเจ้าฟ้างุ่มฟ้าหล้าธรณีศรีศัตนาคนหุต ที่ว่าเขตแดนลาวมีเทือกภูพญาเย็นเป็นเส้นกั้น

     เจ้าฟ้างุ่มที่ว่านี้หรือเปล่าที่เป็นที่มาของวรรณคดีโบราณเรื่อง “จำปาสี่ต้น” เพราะมีเรื่องการถูกลอยแพ ในลำแม่น้ำโขงเหมือนอย่างในวรรณคดีเรื่องดังกล่าว?

ผลงานของมหาสิลา วีระวงส์ อีกแล้วครับ!

     “ปวัดสาดลาวแต่บูรานเถิง 1946” หรือเขียนเป็นภาษาไทยว่า “ประวัติศาสตร์ลาวตั้งแต่โบราณจนถึง ค.ศ.1946 (หรือ พ.ศ.2489)” พิมพ์ครั้งที่ 3 โดยหอสมุดแห่งชาติ กระทรวงแถลง ข่าวและวัฒนธรรม สปป.ลาว เมื่อปี 2001 (พ.ศ.2544)

รัฐต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่เอเชียอาคเนย์ระหว่างกลางคริสต์ศตวรรษที่ 8 มีรัฐน่านเจ้า ปะยุ เจนละบก เจนละน้ำ ทวารวดี จามปา หนังสือประวัติศาสตร์ลาวตั้งแต่โบราณฯ อ้างจาก Southeast Asia, Charles A. Fisher, London METHUEN, 1969)


     ก่อนถึงรัชสมัยเจ้าฟ้างุ่ม ประวัติศาสตร์ลาวแต่โบราณฯ กล่าวว่า “พวกอ้ายลาว ตั้งหลักฐานอยู่ดินแดนระหว่างแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำยั้งจื้อ (แยงซีเกียง) อันเป็นอาณาจักรของจีนเดี๋ยวนี้ พวกอ้ายลาวทำมาหากินด้วยการกสิกรรม...” มีมาก่อนพุทธศักราช 2,500 ปีมาแล้ว

คำว่า “ลาว” เป็นมาอย่างไร ค่อยว่ากันทีหลังเพราะเป็นเรื่องยาว

     จับความเอายุคสมัยที่จีนแบ่งออกเป็น 3 ก๊ก มีก๊กโจโฉ ก๊กเล่าปี่ และก๊กซุนกวน รบราฆ่าฟันแย่งชิงความเป็นใหญ่กัน พวกอ้ายลาวที่เคยอยู่ระหว่างแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซีเกียงมาช้านานหลายพันปี และถอยร่นลงมาอยู่ลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน ได้โอกาสที่จีนรบรากันอยู่นั้นสร้างอาณาจักรบ้านเมืองของตนขึ้นถึง 6 เมือง โดยมีเมือง น้งเส หรือ หนองแส เป็นเมืองหลวง

     หนองแสเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของแม่น้ำโขงในเขตมณฑลยูนนานของจีนปัจจุบัน แต่โบราณคนลาวเรียกหนองน้ำนี้ว่าหนองแส หรือหนองกระแสแสนย่าน จีนเรียก ตาลีฟู

     บ้านเมืองบริเวณนี้นี่ล่ะ เขาเรียกว่า “อาณาจักรลาวหนองแส หรือน่านเจ้า” ซึ่งมีประวัติศาสตร์การปกครองบ้านเมืองสืบต่อกันมาหลายร้อยปี บางช่วงตกเป็นเมืองขึ้นของจีน และบางช่วงเป็นรัฐเอกราช

     ล่วงมาถึงยุคสมัยขุนบรมราชาธิราช หรือพระเจ้าพีล่อโก๊ะ ซึ่งเป็นกษัตริย์ลาวผู้กล้าหาญ ทรงชำนาญในการสงครามอย่างยอดยิ่ง ได้ทรงแผ่อาณาเขตลาวหนองแสให้กว้างขวางที่สุด เสวยราชสมบัติในนครหนองแสเมื่อปี พ.ศ.1272 (ค.ศ.729) เมื่อมีพระชนมายุ 32 ปี โปรดดูภาพแผนที่ประกอบซึ่งแสดงรัฐต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่เอเชีย อาคเนย์ระหว่างกลางคริสต์ศตวรรษที่ 8 มีรัฐน่านเจ้า ปะยุ เจนละบก เจนละน้ำ ทวารวดี จามปา หนังสือประวัติศาสตร์ลาวตั้งแต่โบราณฯ อ้างจาก Southeast Asia, Charles A. Fisher, London METHUEN, 1969)

     ที่ร่ายยาวมาข้างต้นเพื่อเชื่อมโยงมาถึงเมืองล้านช้าง ในยุคสมัยขุนลอ โอรสองค์ใหญ่ของขุนบรมฯ และถือว่าเจ้าขุนลอพระองค์นี้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้าง ผู้ครองนครเชียงทองสืบต่อกันมาถึง 22 รัชกาล ด้วยระยะเวลากว่า 500 ปี ก่อนจะถึงรัชสมัยของสมเด็จเจ้าฟ้างุ่มฟ้าหล้าธรณีศรีศัตนาคนหุต ผู้ทรงแผ่พระบารมีเหนือเขตน้ำแดนดินโขงสองฝั่ง และขึ้นเสวยราชย์ในปีมะเส็ง จุลศักราช 715 (ตรงกับ ค.ศ.1353 หรือ พ.ศ.1896)

รัฐต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่เอเชีย อาคเนย์ระหว่างท้ายคริสต์ศตวรรษ ที่ 15 มีอังวะ ล้านช้าง อานาม จามปา กำพูชา สยาม หนังสือ ประวัติศาสตร์ลาวตั้งแต่โบ-ราณฯ อ้างจาก Southeast Asia, Charles A. Fisher, London METHUEN, 1969)


     มหาสิลา วีระวงส์ นักปราชญ์ลาวผู้มีปิตุภูมิอยู่ที่บ้านหนองหมื่นถ่าน อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนที่จะไปพำนักและรับราชการอยู่ในลาวฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ได้บันทึกประวัติศาสตร์ลาวฯ ในบทที่ว่าด้วย “รัชกาลพระเจ้าฟ้างุ่ม” พอสรุปความได้ดังนี้

     เจ้าฟ้างุ่มเกิดในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 14 (บางฉบับว่า ค.ศ.1316 และ 1328) เป็นโอรสองค์สุดท้าย 1 ใน 4 องค์ (หญิง 2 ชาย 2) ของเจ้าฟ้าเงี้ยว หรือขุนผีฟ้า เวลาประสูติออกมามีฟันเกิดมาพร้อม 33 ซี่ เป็นเหตุให้อำมาตย์ราชมนตรีทั้งหลายเกรงจะเป็นเสนียดแก่บ้านเมือง จึงทูลให้พระราชบิดาเนรเทศพระราชโอรสด้วยการลอยแพล่องไปตามลำแม่น้ำโขง

     ขุนผีฟ้าขัดขืนคำชาวบ้านชาวเมืองไม่ได้ จึงตัดสินใจให้เอาราชกุมารลงแพล่องแม่น้ำโขง พร้อมด้วยพ่อเลี้ยงแม่นมและบริวารรวม 33 คน แพไหลไปตามลำน้ำโขงได้ปีหนึ่งจึงไปถึงหลี่ผี เวลานั้นมีพระภิกษุชาวเขมรองค์หนึ่งนามว่ามหาปาสะมันตะเถระ วัด คูหาใกล้หัวหาดหลี่ผี ได้เห็นแพที่ล่องมาจอดและทราบว่าเป็นโอรสกษัตริย์จึงเอาไปเลี้ยงดู และสั่งสอนวิชาความรู้ จนพระกุมารมีพระชนมายุได้ 6-7 ปี จึงเอาไปถวายพระเจ้าแผ่นดินเขมรที่พระนครหลวง (คือนครทมปัจจุบัน)

     “พระกุมารฟ้างุ่มประทับอยู่ในพระราชวังพระเจ้าแผ่นดินเขมร ได้ทรงศึกษาศิลปวิทยาการต่างๆ เฉกเช่นเดียวกันกับพระกุมารเขมรทั้งหลายจนชำนาญ พระเจ้าแผ่นดินเขมรทรงเห็นความฉลาดสามารถหลักแหลมของพระเจ้าฟ้างุ่ม จึงได้มอบพระราชธิดา ผู้มีนามว่านางแก้วเก็งยาให้เป็นพระเทวี โดยพระองค์มีพระประสงค์จะผูกไมตรีกับชนชาติลาวไว้ และท้าวฟ้างุ่มก็ประทับอยู่ที่นั่นจนพระชนม์ได้ 33 ปี

     ถึงปี ค.ศ.1349 (พ.ศ.1892) เจ้าฟ้างุ่มกับนางแก้วเก็งยาก็กราบทูลลาพระเจ้าแผ่น ดินเขมรยกทัพขึ้นมาประเทศลาว ตีเอาหัวเมืองใหญ่น้อยระหว่างทาง และจัดระบบบริหารราชการให้แก่บ้านเมืองเหล่านั้น พร้อมกำหนดให้ส่งส่วยบรรณาการด้วยทรัพย์สินไพร่พล

     ฝ่ายพระยาเจ็ดเจืองผู้เป็นเจ้าเมืองพวนเชียงขวาง ครั้นได้ทราบข่าวว่ากองทัพของเจ้าฟ้างุ่มตีเมืองพระน้ำฮุ่งได้ก็มีความหวาดกลัวในเดชานุภาพเป็นอันมาก จึงแต่งให้ทูตถือราชสารลงมาอ่อนน้อม ใจความในพระราชสารนั้นมีว่า...

“ผู้ข้านี้ เป็นหลานเป็นเหลนเชื้อแถวขุนบรมราชาธิราชเจ้าและทั้งขุนลอมาแต่โบราณ เป็นการดีแล้วครั้งนี้พระยาฟ้าจักไปปราบบ้านปราบเมืองที่ใดก็ดี ข้าจักแต่งรี้พล ไปช่วยไปเติมทุกแห่งหนแล...”

พระเจ้าฟ้างุ่มได้ทราบดั่งนั้นก็มีพระทัยโสมนัส จึงมีพระราชอาชญาตอบคืนไปว่า

“พี่น้องเรายังคิดถึงเราก็ดีแล้ว บ้านเมืองของหลานเรากับน้องเราแต่ก่อนที่ใดก็ดี ให้ไว้แก่น้องเราเถอะ เครื่องศึก เครื่องใช้ เครื่องเหล็กอันใดก็ดี เราหากจักรับเอาไว้ด้วยความยินดี อันหนึ่ง บ้านเมืองที่เราปราบได้ ตั้งแต่เมืองซ้า เมืองม่วน ก็ให้มาไหว้แก่น้องเรา..”

     ฝ่ายเจ้าแผ่นดินประเทศแกวได้ทรงทราบข่าวดังนั้น มีความหวาดกลัวในอานุภาพ ของพระเจ้าฟ้างุ่มเป็นอันมาก จึงแต่งราชบรรณาการมาถวาย พร้อมกับส่งทูตมาเจรจา ตกลงแบ่งปันเขตแดนประเทศทั้งสอง ตามหลักธรรมชาติภูมิประเทศและวัฒนธรรมทางเชื้อชาติประเพณีดังนี้

1. พลเมืองที่อยู่เฮือนมีฮ้าน กว้านมีเสา (คือเรือนยกพื้น) ให้เป็นพลเมืองลาว

2. เขตแดนประเทศลาวนั้น ให้นับแต่ต้นส้านสามหง่า ไปถึงน้ำม้าสามแถว หรือ หินสามเส้าไปถึงน้ำเต้าสามแถว

3. หลักการแบ่งเขตนั้น ให้ถือเอาตามสันภูน้ำแบ่ง คือฝนตกน้ำไหลลงมาสู่ประเทศลาวบ่อนใดให้ถือเอาบ่อนนั้นเป็นเขตแดน ถ้าไหลไปทางเมืองแกว ก็ให้เป็นดินของแกว

นับแต่นั้นมาเทือกเขา ที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างลาวกับเวียดนามจึงได้ชื่อว่า “เทือกเขาแดนแกว”

     เช่นเดียวกันกับเทือกเขาเพชรบูรณ์ นับแต่ดงสามเส้า (ดงพญาไฟ) ภูพญาฝ่อก็ได้ชื่อว่าเทือกเขาแดนลาว

ครั้นทรงมีพระราชอาชญาไปดั่งนั้นแล้ว ก็ตรัสสั่งให้เจ้าเมืองพวนเกณฑ์กองทัพเข้าสมทบ ยกไปตีเอาหัวเมืองเขตแดนของประเทศแกว (หมายถึงเวียดนาม) ได้ 3 เมืองในปี พ.ศ.1894

     ในระหว่างปี ค.ศ.1343 (พ.ศ.1886) เจ้าฟ้าเงี้ยวบิดาของเจ้าฟ้างุ่มเสด็จสวรรคต เสนาอำมาตย์ทั้งหลายจึงเชิญเอาเจ้าคำเรียวพระอนุชาให้ขึ้นเสวยราชย์แทน ฝ่ายเจ้าฟ้างุ่มที่ประทับอยู่เมืองเขมร เมื่อทราบว่าพระราชบิดาเสด็จสวรรคตแล้ว และผู้เป็นอาว์ได้ครอง เมืองแทน จึงทูลขอเอากองทัพเขมรยกขึ้นมาตีเอาเมืองลาว...

     การที่พระเจ้าแผ่นดินเขมรมีความเมตตาเลี้ยงดูพระเจ้าฟ้างุ่มไว้ จนถึงขั้นพระราชทานพระธิดาให้เป็นเทวีและมอบกองทัพให้นั้น เนื่องจากในเวลานั้นประเทศเขมรกำลังประสบภัยจากการโจมตีของสุโขทัย ทั้งเขมรเองก็กำลังอ่อนอำนาจลง เมื่อก่อนสุโขทัยเป็นเมืองขึ้นของเขมร ก็ได้แยกออกเป็นเอกราชโดยเด็ดขาด โดยอำนาจของขุนผาเมืองและขุนบางกางท่าวเจ้าเมืองบางยาง ในปี ค.ศ.1257-1282 (พ.ศ.1800-1825) พ่อขุนรามคำแหง เจ้าเมืองสุโขทัยก็ได้แผ่ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง โดยชิงเอาแดนดินของเขมรได้หลายเมืองในทางตะวันออก ตั้งแต่เมืองสระหลวงคือเมืองสองแคว ลงไปถึงเมืองร้อยเอ็ดและโคราช...”

น้องสาวเจ้าเมืองพวนสนทนา กับแขกต่างประเทศ ค.ศ.1883 (พ.ศ.2426)



Credit : Blog คุณสมคิด_สิงสง

H O M E



Create Date : 20 มิถุนายน 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:24:08 น. 7 comments
Counter : 2572 Pageviews.

 
แวะมาอ่านสาระดีๆค่ะ


โดย: whitelady วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:22:46:42 น.  

 
จะหาว่าโง่ก็ยอมเรื่องเชื้อชาติ ถ้าไม่นับเส้นเขตแดนกระผมมองไม่ต่างกันเลยพม่าลาวไทยเขมรมอญยาวี พวกยุโรปสเปนอังกฤตฝรั่งเศษสแกนดิเนเวีย เยอรมัน สลาฟ เหล่านี้พอเห็นก็มองออก ภูมิภาคนี้แบ่งกันเหมือนกีฬาสี ต่างแค่ใส่โสร่ง ซิ้น กางเกง


โดย: รวมมิตร IP: 118.172.178.226 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:27:19 น.  

 
รู้สึกว่า มหาสิลา วีระวงส์ จะเป็นคนเรียบเรียง วรรณคดี เรื่องท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง ด้วยนะครับ
... อยากรู้จังว่ายังมีผลงานอื่น ๆ อีกหรือเปล่า


โดย: แมงป่องบูรพา IP: 58.137.133.20 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:00:22 น.  

 
จะลองหามานำเสนอนะคะ.คุณแมงป่องบูรพา เข้ามาอ่านเรื่อยๆนะคะ


โดย: jenifaae วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:38:18 น.  

 
ดีใจที่คนไทย ยังสนใจประหวัดสาดลาว เพลาะผ่านมาเห็นแต่คนไทยมีอะไรที่ไม่ดี ก็จะพูดคำว่าเหมือนลาว ผมอยากเตะปากมันจง คนลาวเกลียดคนไทยเพราะเหดผลนี้ละ ชอบพูดให้คนอื่นเหมือนตัวเองดีสะเต็มประดา

กูคนลาว พูมใจที่เป็นลาว วะ คนลาวมีแต่่คนจริงใจเวี้ย


โดย: พูทอง IP: 115.84.83.82 วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:45:26 น.  

 
โอ้รอบรู้ดีแท้


โดย: 1234 IP: 210.246.94.117 วันที่: 21 กันยายน 2556 เวลา:8:47:50 น.  

 
ลาวที่คนไทยพูดหมายถึงคนต่างจังหวัด ด้อยพัฒนา ล้าหลัง โง่ ประมาณนั้น


โดย: คนไทย IP: 171.97.162.176 วันที่: 27 กันยายน 2558 เวลา:21:44:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.