Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
25 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
กฎแห่งกรรมเป็นการ์ตูน และบาลีเรียนง่าย

คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ

โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

*พักเรื่องของวัดทองแอ๋ หรือวัดทองนพคุณของผมสักอาทิตย์ก่อน ขอพูดถึงหนังสือสักสองเล่ม เพื่อประเทืองปัญญา และประเทืองใจ เล่มแรกคือหนังสือการ์ตูนเรื่อง "ไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรก" เล่มที่สองเป็นคู่มือการเรียนบาลีชื่อ "บาลีเรียนง่าย"

     ผมเป็นคนชอบอ่านการ์ตูน เมื่อสมัยเป็นสามเณรน้อย ความจริงก็ไม่น้อยเท่าไรแล้ว อายุก็ปาเข้าไปตั้ง 14-15 แล้วผมติดการ์ตูนขนาดหนัก ที่เพิ่งจะมาติดตอนนี้ ก็เพราะเมื่อเป็นเด็กจริงๆ ไม่มีหนังสือการ์ตูนให้อ่าน ต้องเข้าใจนะว่า ที่บ้านนอก บ้านเกิดของผม "ไกลปืนเที่ยง" มาก หาหนังสืออ่านไม่ได้ อย่าว่าแต่การ์ตูน หรือนิตยสารใดๆ เลย มีอย่างเดียวก็คือหนังสือเรียนระดับประถม

     ชีวิตเด็กบ้านนอกอย่างผม มีอุบัติเหตุอยู่ประการเดียว เป็นอุบัติเหตุที่ส่งผลบวกแก่ชีวิตผมมากเอาการอยู่ คือเมื่อบวชเณรใหม่ๆ (อายุ 11 ปี) จบประถมสี่แล้ว คือผมไปได้หนังสือเล่าเรื่องวรรณคดี ปกขาดมา ไม่ทราบว่าใครทิ้งไว้ ผมอ่านแล้วอ่านอีก รู้สึกซึมซับเอาความเก่งในด้านกวีของเด็กชายศรี จนกระทั่งตั้งปณิธานจะเป็นศรีปราชญ์ให้ได้ ความสนใจทางด้านวรรณคดีจึงเริ่มก่อตัวมาแต่บัดนั้น เพิ่งจะมาเลิกคิดเป็นศรีปราชญ์เมื่อมาอยู่ที่วัดทองนพคุณ คลองสาน ธนบุรี (สมัยนั้น)

     มาอยู่กรุงเทพฯ ก็มีเพื่อนสามเณรนำหนังสือการ์ตูนมาให้อ่าน จำได้ติดตาคือ ตุ๊กตาการ์ตูน ดูแล้วสนุกสนาน มีจินตนาการเลิศหรู จนลืมท่องบาลีทีเดียว ต้องยอมรับว่าหนังสือการ์ตูนตุ๊กตา ได้เป็นครูในทางฮิวเมอร์ผมเป็นอย่างดี จากนั้นก็เขยิบไปอ่าน การ์ตูนของ "นายคำครึ" ใน นิตยสาร "คนเมือง" และหนังสือแนวฮิวเมอร์ "สามเกลอ" ของ ป. อินทรปาลิต แล้วก็เขยิบขึ้นไปยังบรรณโลกอย่างกว้าขวาง

     แต่น่าแปลกว่า การ์ตูนที่เน้นกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ไม่มี มีเพียงหนังสือซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใหญ่เป็นส่วนมาก บางเล่มบางสำนวนแม้แต่ผู้ใหญ่ก็อ่านไม่สนุกเท่าอ่านเรื่องผีสางด้วยซ้ำ เราจึงขาดสื่อจรรโลงศีลธรรมเป็นอย่างยิ่ง มีก็แต่สื่อส่งเสริมไสยเวทไสยศาสตร์ เพาะโมหะอวิชชาเสียแหละมากกว่า

ผมจึงรู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่คุณนิพนธ์ ช่วงโสม ได้นำเอาเรื่องราวใน ไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรก ของ สุทัสสาอ่อนค้อม มาวาดเป็นการ์ตูน ให้ทั้งความสนุกสนาน และสำนึกในทางศีลธรรม

     เรื่องไฟไหนเล่าจะร้อนเท่าไฟนรก เป็นเรื่องของลูกชายเตี่ยที่มีอาชีพฆ่าหมู ทุกครั้งที่เห็นเตี่ยแทงคอหมูเลือดกระฉูกรู้สึกสยองใจ จึงหนีไปบวช ฝ่ายพ่อซึ่งไม่อยากให้ลูกบวช หาว่าขี้เกียจ แทนที่จะช่วยเตี่ยทำมาหาเลี้ยงชีพ กลับไปสนุกกับการขอทานเขากิน จึงพยายามให้สึก แต่ลูกก็ยืนยันไม่ยอมสึก จนกระทั่งต้องหนีการตาม "ล่า"ของเตี่ยไปอยู่กรุงเทพฯ กลับมาได้เป็นสมภารที่วัดในจังหวัด ได้รู้จักกับสีกาลูกสาวนายอำเภอ บุพเพสันนิวาส "อาละวาด" ถึงกับตัดสินใจลาสิกขา เพื่อมาแต่งงานกับสีกา บอกโยมเตี่ย โยมเตี่ยทราบว่าลูกจะ "เลิกเป็นขอทาน" ก็ดีใจ แต่ยังไม่ทันไร ก็ถูกพวกโจรปล้นฆ่าตาย

     ฟื้นขึ้นมาราวปาฏิหาริย์ พฤติกรรมเปลี่ยนไป โยมเตี่ยขอร้องพระลูกชายมิให้สึก ให้ช่วยแกด้วย เพราะจีวรช่วยดับไฟนรกที่เผาผลาญแกได้ ยมบาลเห็นจีวรดับไฟนรกแก่อาแปะได้จึงถามไถ่ว่าเคยบวชหรืออย่างไร อาแปะบอกว่าไม่เคยแต่ลูกชายแกบวชปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตั้งแต่อายุ 14 จนบัดนี้ได้เป็นสมภารแล้ว ยมบาลจึงบอกอาแปะว่า.....

     บอกอย่างไร ถ้าผมเล่าให้ฟังหมดหนังสือก็ไม่น่าติดตามสิครับ ต้องขอให้เด็กๆ ติดตามอ่านเอาเอง รับรองว่าเรื่องราวสนุกสนานมาก แทบวางไม่ลงเชียวแหละ

อาแปะสลบไป ถูกยมบาลจับโยนกองไฟ ขณะที่ร้อนดิ้นทรมานนั้น ผ้าเหลืองพระลูกชายปรากฏให้เห็น ทันใดนั้นไฟนรกที่ลุกพึ่บอยู่นั้นก็ดับ สร้างความประหลาดใจให้แก่ยมบาล ถามไถ่ได้ความว่า เป็นจีวรพระลูกชาย มิใช่จีวรที่อาแปะห่มบวชแต่ประการใด เพียงพระลูกชายบวชเรียนปฏิบัติกรรมฐาน ก็มีอานุภาพดับไฟนรกให้โยมพ่อซึ่งทำบาปหยาบช้าได้ ยมบาลนำอาแปะคืนโลกมนุษย์ อาแปะพื้นขึ้นมาแล้ว พฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างน่ามหัศจรรย์ แกเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เข้าวัดฟังธรรมเป็นคนดีตลอดจนสิ้นชีวิต

     นับว่าพระลูกชายได้ทดแทนบุญคุณของพ่อบังเกิดเกล้าได้อย่างสมบูรณ์ สมตามที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "บุตรธิดา ที่ชักจูงให้บิดามารดา ไม่มีศีลให้ตั้งอยู่ในศีล ไม่มีศรัทธาให้ตั้งอยู่ในศรัทธา ถือว่าได้ตอบแทนบิดามารดาอย่างแท้จริง"

     หนังสือไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรก เป็นผลงานเขียนของ สุทัสสา อ่อนค้อม เขียนตามคำบอกเล่าของหลวงพ่อพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) เป็นเรื่องจริงที่หลวงพ่อกรุณาถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ฟัง คุณสุทัสสา อ่อนค้อม นำมาถ่ายทอดเป็นเรื่องเล่า เขียนลงในนิตยสารกุลสตรี มาก่อน คุณอนุรุธ ว่องวานิช นายกยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เห็นประโยชน์ จึงได้ให้การสนับสนุนจัดพิมพ์เผยแพร่ ฝีมือการ์ตูนวาดโดย คุณนิพนธ์ ช่างโสม

     ไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรก เป็นสื่อการ์ตูนสำหรับสอนศีลธรรมจริยธรรมแก่เด็กที่สำคัญยิ่ง ผลสัมฤทธิ์แห่งการสอนศีลธรรมหาสำเร็จด้วยการสอนด้วยปากเพียงอย่างเดียวไม่ หากรวมถึงการแสดงตัวอย่างให้เด็กดูเด็กเห็นด้วยตาด้วย ชีวิตของคนทำบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ผลสุดท้ายต้องถูกตีสลบ ไปพบเห็นตัวเองถูกจับย่างไฟนรก เป็นตัวอย่างให้เด็กเห็นจริงเห็นจัง เป็นการปลูกฝังสำนึกในทางศีลธรรมอย่างชะงัดนักแล

เล่มที่สอง "บาลีเรียนง่าย" แนะนำการเรียนบาลีอย่าง่ายๆ โดยไม่ต้องท่องจำแต่ให้จำได้

     ถามว่า ไม่ท่องจะจำได้อย่างไร ได้สิครับ ในโลกนี้มีหลายร้อยหลายพันเรื่องที่เราไม่ได้ตั้งใจจำแต่มันจำได้ติดหูติดตา ไม่งั้นเขาจะมีเพลงหรือครับ "ที่อยากจำก็กลับลืม ที่อยากลืมก็กลับจำ"

เรามักจะฝังใจว่า การจะเรียนบาลีจนมีความรู้แปลหนังสือได้ ต้องท่องแล้วท่องอีกจนจำกฎไวยากรณ์ได้คล่องหนึ่งปี ขึ้นปีที่สองแล้วจึงเริ่มแปลหนังสือ ตกลงการเรียนบาลีกว่าจะแปลหนังสือได้อย่างเก่งต้องใช้เวลาสองปี นี้คือความเข้าใจผิดที่เล่าต่อๆ กันมา

     แต่ผมมีวิธีให้เรียนรู้ได้เพียงยี่สิบบทเรียน ก็สามารถแปลบาลีง่ายๆ และเขียนเรียงความบาลีง่ายๆ ได้แล้ว โดยไม่ต้องเสียเวลาท่องไวยากรณ์แต่อย่างใด จากการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฝรั่ง (ฝรั่งเขามีวิธีสอนฝรั่งกันเองอย่างได้ผล) ผมจึงนำมาดัดแปลงสอนคนไทยบ้าง โดยดัดแปลงให้ง่ายและเหมาะกับผู้เรียนซึ่งเป็นผู้ใหญ่ เคยใช้ทดลองสอนมาแล้วรู้สึกว่าได้ผลดี

ถึงกับกล้ายืนยันว่า เพียงผ่านบทเรียนสิบบทเรียน นักเรียนสามารถแต่งเรียงความบาลีง่ายๆ ได้สบายมาก

     เพราะบาลีเรียนง่ายนี้เอง ระยะนี้พนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 20 ท่าน กำลังทดลองใช้บทเรียน "บาลีเรียนง่าย" อยู่ เพื่อพิสูจน์ว่าบาลีนั้นเรียนง่ายนิดเดียว ผู้ใคร่ศึกษาอยากจะนำไปทดลองเรียนบ้างก็ติดต่อที่ข่าวสด เล่ม 100 บาท ค่าส่งฟรี ส่งเงินเข้าบัญชี

เลขที่ 280-1-20308-6 เท่านั้นจะรู้ว่า "บาลีเรียนง่ายนิดเดียว" (แต่ยากมาก! ฮา)

ขอขอบคุณ
ที่มา : มติชนออนไลน์ วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11061 หน้า 6


H O M E



Create Date : 25 มิถุนายน 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:18:43 น. 2 comments
Counter : 1359 Pageviews.

 
คงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก จ๊ะ

เรียนรู้พอได้ เรียนจริงคงยากนิดหนึ่ง สอบ ปธ.สนามหลวงผ่านมิถึงครึ่ง

เปนกะลังจัยให้ศึกษาพระพุทธพจน์ จ๊ะ


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:7:51:08 น.  

 
อืม..
น่าสนใจทั้งสองเล่มจริง ๆ ค่ะ
ต้องลองมองหามาอ่านดูมั่งละ



โดย: malarn cha วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:11:54:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.