Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
เที่ยวอุบล ดูคนทำเทียน


     ทุกๆปีในช่วงเข้าพรรษาหรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 (ปีนี้ตรงกับวันที่ 18 ก.ค.)ชาวเมืองดอกบัว จ . อุบลราชธานี จะมีงานประเพณีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ นั่นก็คือ “งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา” ซึ่งถือได้ว่าเป็นงานประเพณีที่มีชื่อเสียงและสามารถเรียกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและเทศ ให้ไปชมความสวยงามของต้นเทียนพรรษาและขบวนแห่อันวิจิตรตระการตาต่างๆได้เป็นอย่างดี

แต่ทว่ากว่าจะมาเป็นต้นเทียนพรรษาและรถขบวนแห่เทียนที่สวยงามดังเช่นที่เราเห็นนั้น เขาทำกันอย่างไร? ใครเป็นคนทำต้นเทียน? ความสงสัยใคร่รู้เกิดขึ้นในใจของ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” มาหลายปีดีดักแล้ว


     ครั้นเมื่อมีโอกาสเยือนเมืองอุบลในช่วงก่อนเข้าพรรษาไม่กี่วัน เราจึงหาโอกาสไปดูการทำเทียนของคนที่นี่ ตาม“ชุนชุนอนุรักษ์เทียนพรรษา”ต่างๆ เพื่อต้องการรู้ลึกถึงเบื้องหลังความงดงาม ก่อนที่จะออกมาเป็นขบวนแห่เทียนให้ได้เห็นกันในวันเข้าพรรษา

แต่ก่อนที่จะไปดูการทำเทียนเราขอท้าวความไปยังกำเนิดประเพณีแห่เทียนพรรษาของชาวอุบลกันสักหน่อย

     ประเพณีแห่เทียนของชาวอุบล เริ่มขึ้นในสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองอุบล (คนเดียวกันกับที่ไปสลักชื่อไว้ที่ผาเป้ยตาดีและค้นพบปราสาทเขาพระวิหารหลังจากถูกทิ้งร้างมานานนั่นแหละ)


     คราวหนึ่งมีการแห่บั้งไฟที่วัดกลาง มีคนไปดูมาก ในการแห่บั้งไฟมีการตีกันในขบวนแห่จนถึงแก่ความตาย เสด็จในกรมเห็นว่าไม่ดี จึงให้เลิกการแห่บั้งไฟและเปลี่ยนเป็นการแห่เทียนแทน ประเพณีแห่เทียนพรรษาของชาวอุบลจึงเริ่มขึ้นแต่นั้นเป็นต้นมา

     จวบจนเมื่อปี พ.ศ.2520 จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้จัดงานสัปดาห์ประเพณีแห่เทียนพรรษา ให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และมโหฬาร สถานที่จัดงานคือ บริเวณทุ่งศรีเมืองและศาลาจตุรมุข มีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก


     สำหรับปีนี้งานประเพณีแห่เทียนพรรษาของชาวอุบล มีชื่องานว่า 'เมืองอุบลบุญล้นล้ำ บุญธรรม บุญทาน สืบสานตำนานเทียน' เนื่องจากอุบลราชธานี มีสมญานามว่า 'เมืองแห่งดอกบัวงาม' ซึ่งดอกบัว เป็นพฤกษชาติที่มีคติธรรมทางพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จก่อนที่จะมาเป็นขบวนแห่เทียนอันวิจิตรตระการตานั้น ชุมชนแห่เทียนทำเทียนในอุบลมีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง แต่ที่โดดเด่นมีทั้งหมด 9 ชุมชนด้วยกัน ได้แก่ ชุมชนวัดมหาวนาราม หรือวัดป่าใหญ่ ชุมชนวัดมณีวนาราม หรือวัดป่าน้อย ชุมชนวัดทุ่งศรีเมือง ชุมชนวัดศรีประดู่ ชุมชนวัดบูรพา ชุมชนวัดพระธาตุหนองบัว ชุมชนวัดหนองปลาปาก ชุมชนโรงเรียนวารินชำราบ และที่บ้านคำปุน

     งานนี้ถ้าจะให้ตระเวนเที่ยวดูทั้งหมดมีหวังลมจับหืดขึ้นคอ “ผู้จัดการท่องเที่ยว”จึงขอไปเที่ยวชมเฉพาะชุมชนเด่นๆที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง เริ่มจาก “ชุมชนวัดบูรพา” ตั้งอยู่ที่ ถ.พโลรังฤทธิ์ ชุมชนนี้ในอดีตเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมต้นกำเนิดวัดสายวิปัสสนากรรมฐาน เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อเหมือน พระอาจารย์วิปัสสนา 5 องค์ คือ พระอาจารย์ สีทา ชัยเสโน พระอาจารย์เสาร์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระญาณวิศิษย์ และพระสิทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์ ตั้งประดิษฐานอยู่ในสิม(โบสถ์)ที่ทำจากดินเหนียวเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี


     ที่ชุมชนวัดบูรพา มีลุงแก้ว อาจหาญ เป็นหัวหน้าช่างทำต้นเทียน(ประเภทติดพิมพ์) มีผลงานประสบการณ์เริ่มต้นทำเทียนมาตั้งแต่ พ.ศ.2517 เป็นวัดที่ส่งเข้าประกวดครั้งใดก็ได้รางวัลติดไม้ติดมือทุกที ในช่วงเวลาปกติ ลุงแก้ว จะทำหน้าที่มรรคนายกวัดบูรพา แต่สำหรับช่วงเวลาที่พิเศษแบบนี้ ลุงแก้วก็จะกลายมาเป็นช่างทำเทียน

     ลุงแก้วบอกกับเราว่า การทำเทียนติดพิมพ์นั้นส่วนใหญ่จะต้องทำกันที่วัด เพราะจะต้องใช้คนช่วยทำเยอะ ซึ่งคนที่มาช่วยทำก็จะเป็นชาวบ้านในคุ้มวัดบูรพานั่นเอง เรียกได้ว่า เป็นงานบุญของชุมชนเลยก็ว่าได้ ซึ่งการทำเทียนติดพิมพ์นั้นจะต้องใช้วัตถุดิบในการทำ ก็คือ ขี้ผึ้ง ซึ่งต้องใช้หลายร้อยกิโลกรัมและต้องเอามาจากรังผึ้งร้างเท่านั้น


      “ที่นี่จะแบ่งเป็นแผนกๆแผนกติดลาย แผนกตกแต่ง แผนกพิมพ์ลาย แผนกตัดลาย ผมดีใจที่ได้เผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นอยากให้คนต่างถิ่นเห็นว่าเทียนอุบลสวย ส่วนเรื่องรางวัลเป็นแค่ผลพลอยได้ไม่สำคัญ ผมถือว่าเราทำเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและคนในหมู่บ้านมาช่วยงานเกิดความรักสามัคคีกันผมคิดว่าเพียงพอแล้ว”ลุงแก้วเล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแลดูมีความสุขอิ่มเอิบกับสิ่งที่ทำ

     จากวัดบูรพา “ผู้จัดการท่องเที่ยว”อำลาลุงแก้วแล้วมาสวัสดี ลุงวิเชียร ภาดี หนึ่งในช่างทำเทียนฝีมือเยี่ยมแห่ง(ชุมชน) “วัดหนองบัว” ที่ตั้งอยู่ ถ. ธรรมวิถี วัดนี้มี พระบรมธาตุ เจดีย์ศรีมหาโพธิ์ เป็นแบบจำลองมาจากเจดีย์พุทธคยาประเทศอินเดีย บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ


     ลุงวิเชียร เป็นช่างเทียนแบบแกะสลัก เริ่มเรียนรู้การทำต้นเทียนมาตั้งแต่อายุ 15 ปี มีผลงานการทำเทียนพรรษา 27 ปี ลุงวิเชียรเป็นศิษย์ของ อ.อุส่าห์ จันทรวิจิตร ช่างศิลปะชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานี

“อยากให้มาดูการทำเทียนกันเยอะๆ จะได้เห็นว่ากว่าจะออกมาสวยมันยากแค่ไหน ถ้านักท่องเที่ยวมาแล้วอยากลองทำดูก็ได้ เราถือว่าคนมีส่วนร่วมในการทำก็ได้บุญ”ลุงวิเชียรฝากบอกมา

     แล้วก็มาดูอีกที่ที่ “ชุมชนวัดศรีประดู่” ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 5 ต.ในเมือง ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนเทียนพรรษา มี ลุงสมคิด สอนอาจ ครูภูมิปัญญาไทยรุ่น 3 ซึ่งเป็นช่างทำเทียนพรรษาวัดศรีประดู่ มีประสบการณ์กว่า 40 ปี และได้รับรางวัลชนะเลิศทำต้นเทียนพรรษามามากมาย ลุงสมคิดตั้งใจไว้ว่า จะเป็นครูที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นการทำเทียนให้เยาวชนอย่างต่อเนื่องหลังเกษียณอายุราชการตลอดไป


     และปิดท้ายทริปชมชุมชนทำเทียนกันที่ “ชุมชนวัดหนองปลาปาก” ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านหนองปลาปาก ต.ขามใหญ่ วัดนี้เขาโด่งดังอยู่แล้วจากการที่ในวัดมีเตาอบสมุทรไพรเป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูงเบาหวานหรือโรคอ้วน เป็นศูนย์สมุนไพรเพื่อสุขภาพอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ช่างทำเทียนของวัดนี้คือ ลุงทรงพล สำราญสุข เป็นช่างเทียนแบบแกะสลัก

     ลุงทรงพลเล่าความแตกต่างของการทำต้นเทียนระหว่างประเภทติดพิมพ์กับประเภทแกะสลักให้ฟังว่า มีความแตกต่างกัน 2 ประการ คือ การหล่อต้นเทียนประเภทติดพิมพ์ ใช้ขี้ผึ้งคุณภาพพอใช้ได้ซึ่งมีราคาถูก แต่การหล่อต้นเทียนประเภทแกะสลัก ต้องใช้ขี้ผึ้งคุณภาพดี และราคาแพงกว่า ทั้งนี้ ก็เพราะว่า หากขี้ผึ้งคุณภาพไม่ดี เมื่อแกะสลักลึกและซับซ้อนหลายขั้น ขี้ผึ้งจะแตกหัก

     นอกจากการทำต้นเทียนตามประเพณีแบบไทยๆแล้ว ปีนี้ใครที่ไปเยือนอุบลยังมีโอกาสได้ยลโฉม “ประติมากรรมเทียนนานาชาติ” ณ ลานประติมากรรมเทียนนานาชาติ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอุบลราชธานี ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว


     โดยครั้งนี้มีศิลปินเข้าร่วมทั้งหมด 9 ประเทศ แกะสลักเทียน ที่มีขนาด1X1 เมตร คนละ 3 แท่ง ภายใต้แนวคิด “โลกเย็นที่ประเทศไทย” ศิลปินแต่ละคนก็มีแนวคิดแตกต่างกันไป แต่ล้วนสื่อความหมายถึงความร่มเย็นเป็นสุขของโลกด้วยกันทั้งนั้น อาทิ ศิลปินชาวเยอรมนีกับแนวความคิด “ประติมากรรมรูปปีกนก”WE ARE ONE สื่อความหมายถึงความคิดความฝันที่จะให้ความรักต่อกัน โดยปราศจากความมุ่งร้ายและความอิจฉาริษยา หรืออย่างช่างแกะสลักน้ำแข็งชาวจีน ที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกกับการแกะสลักเทียน เขาสร้างประติมากรรมรูป “เทพเจ้ากวนอู” สัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ ยุติธรรม เพราะเชื่อว่าถ้าคนเรามีความซื่อสัตย์พอเพียงโลกจะเย็น

     อนึ่งหลังเพลิดเพลินกับเยือนชุมชนทำเทียนทั้ง 4 แห่ง สิ่งหนึ่งที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว”ค้นพบคือ แต่ละชุมชนล้วนมีเทคนิค รูปแบบ วิธีการและเคล็ดลับในการประดิษฐ์ต้นเทียนแตกต่างกัน แต่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือทุกชุมชนต่างร่วมแรงร่วมใจกันสร้างต้นเทียนอันสวยงามขึ้น เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งนั่นก็มาจากการที่พวกเขาเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนานั่นเอง

*****************************************


     งาน'เมืองอุบลบุญล้นล้ำ บุญธรรม บุญทาน สืบสานตำนานเทียน' หรืองานแห่เทียนอุบล ปีนี้จะจัดขึ้นตลอดตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 51 โดยจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ในวันเข้าพรรษาของทุกปี ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดประเพณีแห่เทียนอุบลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. อุบลราชธานี โทร. 0-4524-3770

     สำหรับ 9 ชุมชน คนทำเทียน ได้เปิดตัวต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาชื่นชมการทำเทียนตั้งแต่วันที่ 1 – 17 ก.ค. 51 ยกเว้นแหล่งผลิตอนุรักษ์ผ้าพื้นเมือง “บ้านคำปุน” ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 1 วัน คือวันที่ 17 ก.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. โดยจัดเก็บค่าเข้าชมท่านละ 100 -บาท เพื่อสมทบทุนกิจกรรมสาธารณกุศลโดยไม่หักค่าใช้


อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดงานแห่เทียนอุบล


ขอขอบคุณ
ที่มา :
ผู้จัดการออนไลน์ 16 กรกฎาคม 2551

H O M E





Create Date : 17 สิงหาคม 2551
Last Update : 17 สิงหาคม 2551 0:53:16 น. 2 comments
Counter : 1769 Pageviews.

 
สวย


โดย: น่าน IP: 192.168.212.56, 118.173.226.143 วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:12:21 น.  

 
สวยจัง


โดย: คนอุบลจร้า IP: 113.53.176.93 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:07:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.