Bloggang.com : jenifaae : เงื่อน..พระวิหาร ไทย! ระวังเสียท่า

เงื่อน..พระวิหาร ไทย! ระวังเสียท่า

"ไทย" ..ทักท้วงกรณีขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารอย่างต่อเนื่อง เพราะเข้าใจว่า...ถ้ากัมพูชาใช้แผนที่เดิมที่มีส่วนทับซ้อน อย่างไรก็ต้องได้รับความยินยอมจากไทยจึงจะเดินหน้าต่อไปได้... โดยลืมนึกว่า กัมพูชาอาจมีวิธีอื่น

     วันที่ 3-4 มีนาคม สมเด็จฮุนเซนแจ้งต่อนายกสมัครฯ ยืนยันจะขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท คำว่า...เฉพาะตัวปราสาท เริ่มปรากฏในครั้งนี้ แต่ฝ่ายไทยไม่ได้เฉลียวใจ

หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ หม่อมอุ๋ย ในฐานะผู้ติดตามกรณีปราสาทพระวิหารอย่างต่อเนื่อง ตั้งข้อสังเกต

ตั้งแต่เดือนเมษายน...ท่าทีของฝ่ายไทยเปลี่ยนไปเป็นการให้ความร่วมมือ ช่วยให้การขอขึ้นทะเบียนปราสาทสำเร็จลุล่วง หันมาดูแล ไม่ให้การขึ้นทะเบียนแต่ฝ่ายเดียวของกัมพูชา มีผลกระทบต่ออธิปไตยเหนือพื้นที่เขตแดนไทย

     ก่อนจะถึงโค้งสุดท้าย...สภาการโบราณสถานระหว่างประเทศได้รายงาน ผลการประเมิน...ซึ่งบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้เห็นว่าปราสาทพระวิหาร ไม่มีความเชื่อมโยงกับโบราณวัตถุและพื้นที่ด้านทิศเหนือที่อยู่ในเขตแดนไทย ไม่มีส่วนต่อเนื่องที่สำคัญอยู่ในประเทศไทย

     ผลจากรายงานนี้ ทำให้คณะกรรมการมรดกโลกอนุมัติรับขึ้นทะเบียนได้ โดยไม่ผิดหลักเกณฑ์

     สำหรับการสนับสนุนอย่างแข็งขันที่ต้องการจากไทย ในเอกสารที่กัมพูชาเสนอได้แนบภาพเหตุการณ์ต่างๆ พร้อมคำบรรยายที่ชี้ให้เห็นว่า ตัวแทนผู้มีอำนาจของไทยได้ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนี้...

1. ภาพนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ไปร่วมประชุมกับนายกฯฮุน เซน ที่กรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 3�4 มีนาคม 2551 พร้อมคำบรรยายว่า...

“ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้ความร่วมมือกันในเรื่องต่างๆ ซึ่งเรื่องหนึ่งที่ระบุไว้ก็คือการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก”

2. ภาพการประชุมระหว่างรองนายกฯสก อาน และปลัดวีระศักดิ์ เมื่อวันที่

6 พฤษภาคม 2551 พร้อมข้อความที่แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้กัมพูชาได้ยื่นขึ้นทะเบียน Temple of Preah Vihear อย่างเป็นทางการ ในการประชุมครั้งที่ 32 ในเดือนกรกฎาคม 2551

3. ภาพการร่วมพิธีตัดริบบิ้นเพื่อเปิดทางหลวงหมายเลข 48 ของกัมพูชา พร้อมคำบรรยาย “มีการพบปะกันระหว่างรัฐมนตรีนพดล และรองนายกฯสก อานในระหว่างงานนี้ ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันที่จะสนับสนุนการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกัมพูชา”

4. ภาพการประชุมในกรุงปารีสเมื่อ 22 พฤษภาคม 2551 พร้อมคำบรรยายสรุปของที่ประชุม

หม่อมอุ๋ย บอกว่า การหยุดประท้วง การชะลอความพยายามขอขึ้นทะเบียนร่วมกัน และการหยุดประณามการก่อสร้างหลักฐานประวัติศาสตร์ที่เป็นเท็จ ตั้งแต่ รัฐมนตรีนพดลฯ เริ่มเข้ามาควบคุมการเจรจา...เป็นหลักฐานเพียงพอที่จะทำให้กรรมการเห็นว่า ตัวแทนผู้มีอำนาจของไทย ได้ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันแล้ว

     แม้รัฐบาลไทยจะขอถอนแถลงการณ์ จากการประชุมในวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 แต่ก็ไม่ได้แสดงการคัดค้าน การขึ้นทะเบียนที่เสนอใหม่หนนี้

น้ำหนักของการแสดงออกของตัวแทนที่มีอำนาจของไทย จึงเป็นไปในทาง ที่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ ตราบเท่าที่ไม่กระทบถึงเส้นเขตแดนไทยและพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งกัมพูชาปรับรายละเอียดจนไม่กระทบ

     ปัญหามีว่า...คำตัดสินของคณะกรรมการมรดกโลก มีมติข้อที่ 14 ...ที่ต้องระวัง

     มติข้อนี้ระบุว่า...ให้คณะทำงานรัฐบาลกัมพูชาร่วมมือกับยูเนสโก จัดประชุมคณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องและพัฒนาปราสาท และพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนไม่ช้าไปกว่ากุมภาพันธ์ 2009 โดยให้เชิญผู้แทนฝ่ายไทยและผู้แทนอีกไม่เกิน 7 แห่ง

สามารถตีความว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญจาก 7 ประเทศ...ก็ได้

คณะทำงานชุดนี้ มีเพื่อตรวจสอบนโยบายทั่วไปเกี่ยวกับการป้องกันคุณค่าอันเป็น สากลของปราสาทและพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียน ตามมาตรฐานการอนุรักษ์สากล

     หม่อมอุ๋ย ชี้ว่า มติข้อนี้ใช้ถ้อยคำที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย เพราะมุ่งปกป้องและพัฒนาเฉพาะปราสาทและพื้นที่ที่รับจดทะเบียน... ไม่น่าจะมีผลกระทบถึงประเทศไทย

     แต่วลีที่ว่า...การป้องกันคุณค่าอันเป็นสากลของพื้นที่ตามมาตรฐานการอนุรักษ์สากล มีความหมายกว้างไกล เป็นช่องที่จะขยายไปถึงการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบ หรือแม้กระทั่งโบราณสถานฝั่งไทย ที่ต่อเนื่องจากปราสาทพระวิหารลงไปทางทิศเหนือ

     ถึงคณะกรรมการจะไม่ระบุว่าเป็นส่วนต่อเนื่องที่สำคัญ แต่มาตรฐานการอนุรักษ์สากล ต้องการที่จะอนุรักษ์องค์ประกอบทุกส่วนของชิ้นมรดกโลก ตลอดจนอนุรักษ์พื้นที่รอบด้าน เพื่อให้มรดกโลกมีความโดดเด่น สวยงาม มีสภาวะแวดล้อมสมกับความเป็นมรดกโลก

     เท่ากับว่า...มติข้อ 14 เปิดโอกาสให้มีการพิจารณานโยบายในส่วนที่เกี่ยวกับพื้นที่อนุรักษ์ และอาจรวมถึงพื้นที่พัฒนา ซึ่งอยู่ในพื้นที่รอบด้าน

ปัญหาก็คือ ตามกรอบอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ประเทศสมาชิกจำต้อง ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการมรดกโลก

หากไม่ให้ความร่วมมือ ต้องถอนตัวจากการเป็นสมาชิก

     “หากเราทำไปโดยไม่มีการชี้แจงต่อประเทศต่างๆ อย่างดีพอ ก็อาจทำให้ ประเทศต่างๆ ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เข้าใจว่าเราขอยื่นขึ้นทะเบียนร่วมไม่ได้ จึงพาลไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเป็นการเสียชื่อเสียงได้เช่นกัน”

ทรรศนะหม่อมอุ๋ยมองว่า ประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้ แต่ทางออกนี้จะทำโดยหน่วยงานใดหน่วยงานเดียวไม่เพียงพอ เพราะมีงานที่ต้องทำพร้อมกันหลายด้าน

     เริ่มจาก...การชี้แจงให้ประเทศต่างๆในโลกเห็นถึงจุดอ่อนในการอนุมัติขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ของตัวปราสาททั้งมวล

“การดำเนินการทางการทูต...เพื่อชี้ให้เห็นว่า เราตั้งใจให้ความร่วมมือในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกชิ้นนี้อย่างแท้จริง แต่ต้องเป็นไปตามพื้นฐานของความถูกต้อง และหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมของการเป็นมรดกโลก”

การพิจารณาใช้มติของคณะกรรมการมรดกโลกข้ออื่น เช่นข้อ 10 และข้อ 11 มาเสริม ให้การให้ความร่วมมือตามมติข้อ 14 เป็นไปโดยเราไม่เสียเปรียบและมีศักดิ์ศรี

หรือแม้กระทั่ง การขอตีความมติบางข้อให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติที่ชอบธรรมของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เป็นต้น

การดำเนินการด้านต่างๆ เหล่านี้ จะต้องทำโดยสอดคล้องกัน และ มีจุดมุ่งหมายที่เป็นยุทธศาสตร์เดียวกัน

ดังนั้น...มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องตั้งกรรมการระดับชาติขึ้น เพื่อดำเนินงานในเรื่องนี้ โดยมีบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีขึ้นไปเป็นประธาน เพราะต้องเกี่ยวข้องกับงานหลายกระทรวง

     ที่ขาดไม่ได้...ควรเชิญนักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี ซึ่งเป็นที่ยอมรับในสากลเข้ามาช่วยงาน พร้อมทั้งข้าราชการที่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างแท้จริงและมีความสามารถพอที่จะดำเนินการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง

“ตัวกรรมการ...ถ้าเป็นไปได้ ควรพยายามระบุเป็นตัวบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถในเรื่องนี้ให้มากที่สุด กรรมการโดยตำแหน่งควรมีเท่าที่จำเป็นเท่านั้น”

     ตามปกติในการแก้ปัญหาใดๆ ไม่นิยมที่จะตั้งเป็นคณะกรรมการขึ้นมาแก้เพราะจะช้า แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีความล้ำลึกมาก และต้องทำหลายเรื่อง ไปพร้อมๆกัน

จุดเน้นสำคัญ...คู่กรณีเป็นทั้งประเทศต่างชาติ และองค์กรระหว่างประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งต้องตั้งเป็นคณะกรรมการ

     หม่อมอุ๋ยขออย่างเดียวว่า ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน ควรเป็นผู้ที่ไม่อยู่ในค่ายการเมืองที่ประชาชนสงสัยว่าจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้... ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ เพราะถ้าประชาชนคลางแคลงใจ งานก็เดินไปไม่ได้

     ทั้งหมดนี้...บางคนอาจจะยังมองไม่เห็นปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ถ้าไม่เตรียมตัวกันแต่เนิ่นๆ เมื่อถึงเวลาที่เกิดปัญหาก็จะเป็นเหมือนทรายเข้าตา พยายามเขี่ยเท่าไหร่ก็เขี่ยไม่ออก.

ขอขอบคุณ
ที่มา : สกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.ค.2551

H O M E

Create Date : 22 กรกฎาคม 2551

Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:06:27 น.

1 comments

Counter : 1010 Pageviews.

คุณนพดลครับ คุณออกนอกประเทศไปตายที่เขมรซะ ไอ่เขมร ผมขอให้คุณตายแบบไม่มีดินของประเทศไทยกลบหน้า ผมเจอคุณที่ไหนผมจะ...เอา...เ้ท้าสะอาดๆของผม....
ว่างบนหน้าห่วยๆ(ชินนะวัด) ..ของคุณ..........แน่

โดย: คนขอนแก่น IP: 125.26.146.246 วันที่: 24 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:12:16 น.