|
|
หนังสื่อ "ทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตยืนยาว และมีความสุข"
โดยนายแพทย์ เฉก ธนะสิริ
เรื่องของสุขภาพถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ทุกคนต้องการมีสุขภาพดี แต่ไม่ปฏิบัติตามหลักของสุขภาพและอนามัยส่วนบุคคล กลับปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่กับสุขภาพของตนเองเท่าที่ควรอันเป็นเหตุให้ร่างกายทรุดโทรม ตรงกันข้ามมีคนจำนวนมากกลับไปสนใจสิ่งอื่นๆ มากกว่าตนเอง เช่น พยายามนำรถยนต์คันสวยงามไปอู่เพื่อให้ช่างตรวจสอบเครื่องยนต์อยู่เสมอ นำสุนัขที่เลี้ยงไว้ที่บ้านไปให้สัตวแพทย์ตรวจตามคำสั่งของสัตวแพทย์ แต่ในปีหนึ่ง ๆ เขาไม่เคยตรวจสอบสุขภาพของตนเองเลย จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมคนบางคนจึงอายุสั้น
(คำนำบางส่วนของผู้เขียน)
เหตุจูงใจให้เขียนเรื่องนี้ขึ้น เพราะผู้เขียนมีบิดาที่มีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตแข็งแรงสมบูรณ์ยากที่จะมีบุคคลวัยใกล้เคียงกันเทียบได้
ตลอดชีวิตของท่านเกือบจะไม่เคยได้ยินคำว่า ปวดหัว เป็นหวัด ไอ ตัวร้อน เมื่อย ปวด แม้จะเข้าสู่วัยชรามากถึง ๙๐ ปี ก็ตาม ก็ไม่ปรากฏอาการหลงหรือเลอะเลือน ความทรงจำดีตลอด แม้ในขณะนอนป่วยครั้งสุดท้ายในชีวิตก็ไม่กระวนกระวาย ไม่สั่งเสียเรียกหาหรือแสดงความห่วงใยวิตกกังวลแม้แต่น้อย ท่านได้ใช้ชีวิตทั้งทางโลก และทางธรรมอย่างมีความสุขกายสุขใจตามควรแก่อัตภาพ แม้กาลเวลาใดที่มีปัญหาเดือดร้อนใจเกิดขึ้นท่านก็สามารถตัดความวิตกกังวลได้โดยสิ้นเชิง ไม่มีการเก็บเอามาเป็นอารมณ์ ยังคงกินได้นอนหลับโดยตลอดจนกระทั่งบั้นปลายของชีวิต
เมื่อล้มหมอนนอนเสื่อแล้ว หลังจากนั้นอีกประมาณ ๒ เดือน ก็ค่อยงอมและมอดดับไป โดยไม่มีอาการเจ็บปวดอย่างใดทั้งสิ้น ทั้งๆที่ได้ตรวจทางการแพทย์พบทั้งเบาหวาน วัณโรคปอดและมะเร็งปอด ที่ลามไปจากอวัยวะส่วนอื่น แต่ตรวจไม่พบว่ามาจากที่ใด และสงสัยว่าลามไปที่ตับด้วย สำหรับสองโรคแรกนั้น ได้ตรวจพบเมื่ออายุประมาณ ๖๐ ปี ทั้งสองโรคไม่มีอาการอย่างใดเลย ตรวจจากพยาธิสภาพแล้วหมอแปลกใจที่ไม่มีอาการเจ็บปวดแม้แต่น้อย ทั้งนี้ เป็นเพราะพ่อออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจริงๆ ด้วยการเดินไกลทุกวันทุกโอกาส จนตลอดอายุขัยของท่าน และในตอนเย็นก่อนอาหารท่านจะสวดมนต์ไว้พระ ทำสมาธิเป็นประจำเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ จึงช่วยให้พ่อมีสุขภาพกายและจิตดีเยี่ยม โรคภัยไม่สามารถลุกลามและไม่มีอาการเท่าที่ควร
อาการต่างๆ ที่ไม่ปรากฏนี้ ผู้เขียนเชื่อว่า เป็นด้วยอำนาจของพลังจิต จากการปฏิบัติสมาธิเป็นประจำจนสามารถแยกกายกับจิตได้ หรือเรียกว่า สมาธิแยกเวทนา เพราะจิตรู้ว่างไม่เกาะเกี่ยวกับกาย จึงสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของตัวเองได้
ระหว่างการป่วยของพ่อ ผู้เขียนนอนเฝ้าปฏิบัติท่านทุกคืน ท่านได้ปฏิบัติสมาธิสวดมนต์ขณะนอนป่วย ตั้งแต่จำบทสวดมนต์ได้หมดจนหลงๆลืมๆ จนที่สุดชีวิตของท่านก็ค่อยๆมอดดับไปเปรียบเสมือนตะเกียงลานที่ดับทั้งแสงและเสียงลาน เพราะหมดทั้งลาน ไส้ และน้ำมันโดยแท้ ฯลฯ
ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นแพทย์ที่สนใจและปฏิบัติเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและการ”พักจิต”อย่างสม่ำเสมอติดต่อกันไม่ต่ำกว่า ๑๒ ปี และในระยะประมาณ ๕-๖ ปี ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาที่ผู้เขียนมี ”เวลานอก” ให้โอกาสผู้เขียนได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติทางด้านจิตบ้างตามสมควร
นอกจากนั้น ยังได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้จากครูอาจารย์และผู้สูงอายุอีกหลายท่าน ตลอดจนได้ศึกษาจากตำราและเอกสารต่างๆ มาเสนอประกอบบทความนี้ ซึ่งปรากฏอยู่ท้ายเล่มเพื่อสำหรับท่านผู้สนใจจะได้ค้นคว้าอ่านประกอบได้สะดวกยิ่งขึ้น
เรื่องของจิต เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ผู้เขียนอยากจะกล่าวว่า เป็นหัวใจของการดำรงชีวิตที่จะประกอบสัมมาชีพโดบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างมีประสิทธิภาพ และมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขแท้จริง เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เข้าใจและอธิบายยาก หากไม่ได้ปฏิบัติด้วยตัวเอง ผู้เขียนรู้ไม่ลึกซึ้งดีพอ จึงจำเป็นต้องอ้างอิงท่านผู้รู้แท้จริงในด้านต่างๆ เอาไว้ท้ายเล่ม ฯลฯ
ดังได้ทราบเรียนให้ท่านผู้อ่านได้ทราบในตอนต้นแล้ว ถึงเหตุดลใจให้เขียนเรื่องนี้เพราะธรรมฉันทะของผู้เขียนเองอันสืบเนื่องมาจากความมีสุขภาพกาย และจิต ของผู้เขียน นับว่าดีเลิศจนชีวิตหาไม่ทั้งๆที่ความรู้อันลึกซึ้งในเรื่องของจิตของผู้เขียนนั้นน้อยเต็มที
ส่วนเรื่องกายนั้น เพราะเป็นแพทย์จึงพอทราบบ้าง ฉะนั้น จึงเชื่อว่าเนื้อหาของเรื่องและความคิดเห็นตลอดจนหลักวิชาอภิจิตวิทยาหรือหลักธรรมก็ดีที่ไม่ถูกต้อง ผู้เขียนใคร่ขอประทานอภัยท่านผู้รู้ และจะเป็นพระคุณอย่างสูงถ้าหากท่านจะได้กรุณาแจ้งให้ผู้เขียนทราบในส่วนที่ไม่ถูกต้องนั้น
ฯลฯ
Create Date : 13 มกราคม 2565 |
Last Update : 13 มกราคม 2565 17:15:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 276 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|