กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
มกราคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
space
space
29 มกราคม 2565
space
space
space

วิธีต่อสู้กับความชรา (๓)
ต่อ

   ๖. ต้องสนใจตามสมควรต่อการแต่งกาย และควรอย่างยิ่งที่จะต้องแต่งกายให้ทันสมัย สะอาดหมดจดสมสัดส่วน อย่าให้รุ่มร่าม เมื่อแก่ตัวลงแล้วมักจะผอมเหี่ยวย่นความสูงลดลง ถ้าไม่ตัดเสื้อผ้าใหม่ก็ต้องเอาไปแก้ให้สมสัดส่วน  ถ้าลูกหลานสามารถจะพูดตรงๆกับเราได้ ก็ต้องแต่งกายชนิดที่ลูกหลานจะไม่พูดว่า พ่อหรือแม่ ”เชย” เป็นอันขาด  ถ้าลูกหลานยังเห็นว่าเราเชย อย่าได้ไปดุว่าหรือโกรธเขา ต้องขอคำแนะนำเขาว่าควรจะแต่งตัวอย่างไร แล้วปฏิบัติตามเขาเสียโดยดี

   
   ๗.ต้องสนใจต่อความเคลื่อนไหว และการเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน ด้วยการฟังข่าวทุกประเภท อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังอภิปราย ดูหนังประเภทต่างๆ ที่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกวัยทุกเพศได้

   ๘. มองโลกในแง่ดี  หัดให้มีอารมณ์ขันตลอดเวลา หลีกเลี่ยงหรือลดกิเลสตัณหา ๔ ประการ คือ รัก โลภ โกรธ หลง และควรปิดหู ปิดตา ปิดปาก ไม่ฟัง ไม่สนใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เห็นอะไรไม่สบายตาก็แนะนำ เขาจะเชื่อหรือไม่ ก็ให้ผ่านไปเสีย ไม่เป็นอารมณ์ ไม่นินทาว่าร้ายใคร พูดก็มีแต่สิ่งเพราะหูหรือมีแต่คำชม  แต่ถ้าจะติก็ทำให้เป็นการเตือนเสียด้วยความเมตตา แม้มีเรื่องร้ายก็แปลให้เป็นเรื่องดีและอย่าพูดคุยเพ้อเจ้อ ซ้ำซาก

   ๙. หลีกเลี่ยงหรืองดสิ่งซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาแก่ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเงิน เช่น การลงทุนทุกประเภท ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหายุ่งยากในบั้นปลายของชีวิต จงอย่าดิ้นรนในเรื่องนี้เป็นอันขาด ควรพอ ควรหยุด ควรจัดสรรงบประมาณสำหรับตัวเองและครอบครัวให้พอกินพอใช้ และเพื่อทำบุญทำทานตามควรแก่อัตภาพ ให้เหลือเพียงพอจนตลอดชีวิต โดยประมาณอายุที่จะตายไว้สูงๆสักหน่อย โดยไม่ต้องคิดพึ่งลูกหลาน ที่เหลือนอกนั้นก็สุดแต่ใจแบ่งสันปันส่วนให้เรียบร้อยแต่เนิ่นๆ ให้เป็นบุญเป็นคุณไว้เสียก่อนตาย โดยไม่หวังผลตอบแทน

  ๑๐.สำหรับท่านที่มีธุรกิจหลายอย่าง ก็จงปล่อยวางธุรกิจภาระต่างๆ ออกไปทีละอย่างสองอย่างให้ลูกหลานรับช่วงไป อย่าได้หอบภาระไว้ในตนเองโดยเด็ดขาด และจำต้องทำใจไม่ให้ติดอยู่กับภาระที่ปล่อยวางนั้น กล่าวคือ ต้องปล่อยวางไปแล้ว กิจการจะทรุดลงก็ต้องตัดใจให้ได้

  ๑๑.ให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการให้ คือ “ทาน” แล้วแผ่เมตตาให้แก่มนุษย์และสัตว์โลกทั้งปวง ปล่อยสัตว์ให้ทานชีวิตสัตว์ตามควรแก่โอกาส

  
  ๑๒.ให้ค่อยๆตัดภาระต่างๆ ของตัวเองลง อย่ายุ่งยากสับสนแก่ลูกหลาน หรือผู้อยู่ใกล้ชิด ไม่จู้จี้ขี้บ่น หวง งก ทำตัวให้มีความเป็นอยู่ที่ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรไม่ต้องรบกวนผู้ใด ไม่เป็นภาระแก่ใครๆ โดยไม่จำเป็น ฝึกความสันโดษให้แก่ตัวเองจนติดเป็นนิสัย ทำตัวอย่างนี้ให้ได้แล้วลูกหลานกลับจะรักและเห็นใจมากยิ่งขึ้นเสียอีก

   ๑๓.ดังได้แนะนำไว้แล้วในข้อ ๑๒ ในเรื่อง ให้ตัดภาระของตนเองลงเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดภาระแก่ตนเองและลูกหลาน  ถ้าถึงที่สุดแล้ว ผู้เขียนใคร่ขอแนะนำให้ท่านทำพินัยกรรมอุทิศร่างกายและอวัยวะบางส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ เมื่อตัวเองตายแล้วให้หมดเรื่องไปเลย เช่น ดวงตาให้ศูนย์ดวงตาสภากาชาด ร่างกายให้คณะแพทยศาสตร์ เป็นต้น (ผู้เขียนเองก็มอบให้จนหมดสิ้นแล้ว)  เรื่องนี้ ผู้เขียนมีเพื่อนรุ่นพี่ผู้หนึ่ง ถ้าเอ่ยชื่อคนรู้จักทั้งประเทศ ได้เล่าให้ฟังว่า ได้อุทิศดวงตาให้สภากาชาด และอุทิศร่างกายให้คณะแพทยศาสตร์ศิริราช แต่ในพินัยกรรมนั้น มีหมายเหตุไว้ว่า ”ขอให้นุ่งกางเกงชั้นในให้ด้วยสักตัว” ดูเถอะตายแล้วยังจะรู้จักอายด้วย


   ๑๔.ให้รวบรวมประวัติของตนเองไว้แต่เนิ่นๆ (ถ้าตั้งใจจะแจกหนังสือในงานศพของตน) พร้อมทั้งสั่งเสียเรื่องราวของตนเองให้พรักพร้อม ลูกหลานจะได้ไม่ต้องวุ่นวายเมื่อตายแล้ว กล่าวคือ เป็นการเตรียมตัวตายด้วยความไม่ประมาทนั่นเอง

   ๑๕.ข้อสุดท้าย  ผู้เขียนใคร่ขอแนะนำแก่บรรดาลูกหลานของท่านผู้สูงอายุทั้งหลาย ขอให้ท่านได้สนใจให้ความอบอุ่นแก่บิดามารดา หรือผู้ใหญ่ของท่าน  ขอให้พยายามเข้าใจจิตใจ และจิตวิทยาของผู้สูงอายุ  ควรเข้าใจด้วยว่ายิ่งชรามากขึ้นเท่าใดผู้ชรานั้น จะยิ่งเป็นทารกมากขึ้นเพียงนั้น  ในขณะที่ลูกหลานผู้ชรานี้ ยังเป็นทารกอยู่ ผู้ชราเหล่านี้มิใช่หรือฟูมฟักรักษา ทะนุถนอมดูแลท่าน เมื่อยังเป็นเด็กหรือแม้จะโตแล้ว เมื่อถึงตอนนี้บิดามารดาของท่านจะกลับเป็นเด็กลงทุกทีๆ  ท่านจะต้องควรหาความสะดวกสบายให้แก่บิดามารดาเป็นการตอบแทนพระคุณท่านผู้ให้กำเนิด และเป็นการสร้างตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลานของท่าน เพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกหลานปฏิบัติต่อท่านเมื่อยามชราอีกด้วย จงอย่าปล่อยท่านผู้ชราไปตามยถากรรมเลย เป็นบาปเป็นกรรมแก่ตัวท่าน ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่า ทุกอย่างในโลกนี้หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรมไปได้เลย


   ผู้เขียนเชื่อว่าวิธีการต่างๆ ที่ผู้เขียนได้พยายามรวบรวมเอาไว้ทั้งหมดนี้ จะเป็นแนวทางให้ท่านสามารถนำเอาไปพิจารณาทดลองปฏิบัติด้วยตัวของท่านเอง  ในเรื่องของกาย ผู้เขียนเชื่อว่าพอจะเข้าใจได้ง่ายกว่าในเรื่องของจิต



 
   บุคคลส่วนมากเข้าใจว่า สมถกรรมฐานหรือวิปัสสนากรรมฐานนี้เป็นเรื่องเฉพาะของผู้อยู่ในสมณะเพศ ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราท่านเข้าไม่ถึง   แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่  ทั้งปุถุชนธรรมดา และสมณะเพศต่างก็ใช้หลักการอย่างเดียวกันทั้งสิ้น  อย่างไรก็ดี พระสงฆ์ก็มีการออกกำลังกายด้วยการเดินบิณฑบาตตอนเช้า อากาศบริสุทธิ์และได้แสงแดด นอกจากนั้นก็ด้วยการเดินจงกรม และทำงานวัด
ถ้าพิจารณาตามลัทธิต๋าวแล้ว   พระสงฆ์จะมีอายุไม่ยืนก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ ยกเว้น ถ้าพระสงฆ์องค์ใดที่ฉันอาหารแม้จะเพียง ๒ มื้อ แต่ฉันเกินพอเกินอิ่มจนอ้วนมากเกินไปอย่างนั้น ก็อาจจะอายุสั้น เพราะฉันมากและฉันดีเกินไป
ลัทธิต๋าว  เขียนข้อยกเว้นไว้ว่า ”ถ้าผู้ชายใด ไม่ต้องการหญิงจริงๆ ก็เป็นการดีของผู้ชาย สามารถมีอายุยืนยาวได้ แต่บุคคลเช่นนี้พบได้ยากมาก”

 



Create Date : 29 มกราคม 2565
Last Update : 30 มกราคม 2565 8:25:19 น. 0 comments
Counter : 570 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณRain_sk


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space