ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
12 กุมภาพันธ์ 2556

BMW 320d Touring อบอุ่น...ให้ได้ทุกอย่าง

ต่อเนื่องจากการเปิดตัว “ซีรีย์3 โมเดลเชนจ์” ตัวถังซีดาน F30 ที่เริ่มขาย(รุ่น320d) กันจริงจังตั้งแต่กลางปีที่แล้ว จากนั้นปลายปีเดียวกันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2012 บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ปูพรมเสริมไลน์ให้คอมแพกต์หรูคู่บุญอย่างต่อเนื่อง



โดยเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 320i ราคา 2.679 ล้านบาท และ328i ราคา3.099 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังส่งตัวถังสเตชันแวกอน320d Touring (F31) เข้าสู่ตลาดอีกหนึ่งรุ่น ซึ่งถือเป็นการยืนยันกลยุทธ์เสริมทัพโปรดักต์ไลน์อัพให้หลากหลาย เอาใจสาวกบิมเมอร์กันอย่างเต็มที่ (แม้บางรุ่นจะไม่ทำยอดขายแต่ได้เรื่องภาพลักษณ์ก็โอเค)

ถ้าพูดถึงรถตัวถังแวกอนที่บีเอ็มดับเบิลยูเรียก “ทัวริ่ง” ที่ผ่านมาเงียบหายไปจากโชว์รูมบีเอ็มดับเบิลยูช่วงระยะหนึ่ง แต่ถึงวันนี้น่าจะใช้คำว่าถูกขุดกลับมาทำตลาดอีกครั้งครับ เห็นชัดๆเริ่มจาก ซีรีย์5 F11 กับรุ่น520d Touring Sport ที่เปิดตัวงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2011 จากนั้นถัดมาอีกหนึ่งปีในงานเดียวกัน คนไทยก็มีโอกาสได้สัมผัส 320d Touring ทันที

ทั้งนี้ 520d Touring กับ 320d Touring ใช้เครื่องยนต์ดีเซลบล็อกเดียวกัน แรงม้า-แรงบิดเท่ากัน ที่สำคัญหน้าตาโดยเฉพาะด้านท้าย ถ้ามองแบบผ่านๆและมึนๆเรื่องขนาด อาจจะแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่ารุ่นไหนเป็นซีรีย์3 รุ่นไหนซีรีย์ 5

ด้านหน้า-ฝากระโปรง ถัดขึ้นมาเสาเอ-พิลลาร์ ต่อเนื่องมาถึงเสาบี-พิลลาร์ ใช้ชิ้นส่วนร่วมกับตัวถังซีดาน ขณะที่ตัวถังใหญ่กว่า “ซีรีย์3 ทัวริ่ง” รุ่นเดิมทุกมิติ ความยาวเพิ่มขึ้น97 มิลลิเมตร ส่งผลให้ระยะฐานล้อขยายอีก 50 มิลลิเมตร ส่วนความกว้างล้อหน้า-หลังเพิ่มขึ้น 37 และ 48 มิลลิเมตรตามลำดับ

320d Touring ที่บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำเข้ามาขาย มาพร้อมชุดแต่ง M Sport Package กับชุดแอโรไดนามิครอบคัน ภายในใช้เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแท้ดีไซน์พิเศษ เย็บตะเข็บด้วยสีน้ำเงินแบบ "M" พร้อมแพดเดิลชิฟท์เปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย และกาบบันไดอลูมิเนียมดีไซน์พิเศษพร้อมสัญลักษณ์ "M"

ส่วนตัวผู้เขียนมองว่า “ซีรีย์3 ทัวริ่ง” เป็นรถแวกอนที่ทำให้ลืมทัศนคติเดิมๆเรื่องความเชยของรถทรงกล่อง หรือความสูงอายุของ(คนขับ) รถประเภทนี้ไปเลย โดยภาพรวมออกแบบลงตัว ไม่ว่าจะมองเส้นสายด้านข้าง หรือมอง 45 องศาจากด้านท้ายก็งามหยด

นอกจากนี้บีเอ็มดับเบิลยูยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างไฟหรี่ที่สว่างตรงมือเปิดประตูทั้งสี่บาน รวมถึงไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ซึ่งคนขับสามารถเห็นแสงแว้บวาว(เล็กๆ)ได้จากภายใน เพื่อเตือนใจอีกครั้งว่าเปิดไฟเลี้ยวแล้ว ส่วนประตูหลังบานที่5 ยังติดตั้งระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบ “วันทัช” ไม่ว่าจะเลือกงัดเปิดที่บานประตู หรือกดจากกุญแจรีโมท เช่นเดียวกับการปิดจะมีปุ่มให้กด(ฝังอยู่ขอบประตูด้านล่าง) ซึ่งประตูจะค่อยๆเลื่อนปิดลงมา โดยเราไม่ต้องใช้แรงแม้แต่น้อย

ส่วนออปชันมาตรฐานอื่นๆ มีกุญแจอัจฉริยะ เปิดประตูเข้าห้องโดยสาร สตาร์ท-ดับเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ระบบควบคุมฟังก์ชันการทำงานต่างๆของรถด้วย iDrive แสดงผลผ่านหน้าจอสีคมชัดขนาด 8 นิ้ว รวมถึงเลือกโหมดการขับขี่ได้ 4 แบบ คือ 1.อีโคโปร - ประหยัดน้ำมัน2.ธรรมดา - ขับขี่ปกติ 3.สปอร์ต - เครื่องยนต์ เกียร์ ตอบสนองเร้าใจ พวงมาลัยเฉียบคม ช่วงล่างหนึบขึ้น 4. สปอร์ต พลัส - เหมือนโหมดสปอร์ต แต่จะตัดระบบควบคุมการทรงตัวออกไป

ตลอดจนระบบออโต้สตาร์สต็อป ตัดการทำงานเครื่องยนต์เมื่อรถจอดหยุดนิ่ง(ติดไฟแดง) และติดขึ้นมาใหม่ทันทีเมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก(เตรียมออกตัว) หวังลดอัตราบริโภคน้ำมันให้ได้มากที่สุด โดยตามสเปกเห็นบอกตัวเลขเฉลี่ยไว้ 21.7 กิโลเมตรต่อลิตร

ด้านเครื่องยนต์ดีเซล N47 ขนาด 2.0 ลิตรTwinPower Turbo 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด184 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที เมื่อส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด การทำงานนุ่มนวล เรียบลื่นดีครับ

บีเอ็มดับเบิลยูเคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเอาไว้ 7.6 วินาที ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่สำหรับรถแบบสเตชันแวกอน แต่ในโหมดการขับปกติ อาจจะดุดันน้อยกว่า 320d E90 (ขอเทียบกับตัวถังซีดานเพราะไม่เคยขับ E91) ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายความว่ารถจะอืดนะครับ เพียงแต่อารมณ์ฉุดกระฉากไม่เหมือนเดิม





ขณะที่แป้นเบรก แป้นคันเร่งค่อนข้างเบา ถ้าหวังอัตราเร่งแบบจี๊ดจ๊าด ต้องเพิ่มน้ำหนักเท้า กดคันเร่งลงไปเกินครึ่ง ส่วนการตอบสนองของพวงมาลัย ถ้าขับช้าๆหรือวนหาที่จอดรถก็เบามือผ่อนแรงดีมาก แต่เมื่อขับความเร็วสูงก็หน่วงน้ำหนักให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นมา

อย่างไรก็ตามการขับขี่ในโหมดธรรมดา พวงมาลัยสั่งงานซ้าย-ขวาคล่องตัวระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับเฉียบคมนัก ซึ่งใครอยากได้อารมณ์แน่นๆมันๆ ก็เชิญไปที่โหมดสปอร์ตได้เลย

ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบสเตชันแวกอน แม้การขับทางตรงรถทรงตัวดี หนึบนิ่งและแฝงความนุ่มนวลไว้พอสมควร แต่การขับขี่ในช่วงเข้าโค้ง อย่างไรเสียตัวถังซีดานยังให้ความปราดเปรียวกว่า กล่าวคือช่วงเข้า-ออกโค้งบนความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ 320d Touring ผู้ขับจะรับรู้ถึงอาการหน่วงที่ด้านท้ายอยู่นิดๆ

สำหรับ320d Touring เป็นรถนำเข้าทั้งคัน ราคาขายอยู่ที่ 4.499 ล้านบาท โดดหนีไปจากตัวถังซีดาน(320d ประกอบในประเทศ 2.899 ล้านบาท) ถึง 1.6 ล้านบาท แต่กระนั้นราคาก็ถูกกว่า 520d Touring (4.999 ล้านบาท) 5แสนบาท

รวบรัดตัดความ...ของเล่นเยอะพร้อมด้วยออปชันอำนวยความสะดวกปลอดภัย ขุมพลังดีเซลบล็อกนี้เมื่อประกบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดก็กลายเป็นสุดยอดระบบขับเคลื่อน ส่งผ่านกำลังสู่ล้อหลังได้ไหลลื่น ทั้งยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกหลากหลายตามอารมณ์ว่า ชอบประหยัดหรืออยากได้ความเร้าใจ อเนกประสงค์กับการเป็นรถตัวถังสเตชันแวกอน แถมรูปร่างหน้าตายังหล่อเท่...เจ้าของรถคันนี้ไม่เชย แต่ดูชีวิตประสบความสำเร็จและเป็นคนอบอุ่น




Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2556 22:51:38 น. 0 comments
Counter : 1659 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]