คุณที่รัก
รุ่งเช้าวันใหม่พระจักรพรรดิตื่นจากบรรทม ทรงลืมไปชั่วขณะว่าพระองค์เสด็จมาอยู่ที่ไหน มาทำอะไร เมื่อทอดพระเนตรไปที่เตียงคนเจ็บ ก็พบว่าชายผู้นั้น กำลังจ้องมองมายังตนอย่างฉงนฉงาย พอสบพระเนตรชายผู้นั้นก็ครวญครางพูดกับพระองค์ว่าได้โปรดประทานโทษให้ข้าพระองค์ด้วยเธอทำผิดอะไรเล่าเรื่องที่ฉันจะต้องให้อภัย พระองค์ตรัสถามท่านไม่รู้จักข้าหรอก แต่ข้าพระองค์รู้จักท่านดีชายผู้นั้นตอบและเล่าเรื่องเขาให้พระองค์ฟังว่า เมื่อครั้งสงครามที่ผ่านมา พี่ชายของเขาได้ถูกทหารของพระจักรพรรดิฆ่าตาย และถูกริบเอาทรัพย์สมบัติไปทั้งหมด เขาจึงถือว่าจักรพรรดิคือศัตรูคู่อาฆาตที่เขาปฎิญาณเอาไว้ว่าจะต้องล้างแค้นให้ได้เมื่อทราบข่าวพระจักรพรรดิขึ้นมาหาฤาษีตามลำพัง เขาจึงมาดักรอฆ่าพระจักรพรรดิตอนเสด็จกลับ แต่รออยู่นานก็ไม่เห็นออกมา เขาจึงออกจากที่ซุ่มไปตามหา แต่โชคร้ายไปเจอเอาทหารองค์รักษ์ พวกทหารจำเขาได้จึงเข้าไปจับกุมจนเขาถูกมีดบาดเจ็บ แต่ก็ยังโชคดีที่หนีรอดการจับกุมมาพบพระจักรพรรดิ เล่าเรื่องจบแล้ว เขาจึงพูดกับพระองค์ว่า ถ้าไม่ได้พบท่าน ป่านนี้ข้าพระองค์คงตายไปแล้ว ข้าพระองค์ตั้งใจจะฆ่าท่าน แต่ท่านกลับช่วยชีวิตข้าพระองค์ไว้ ข้าพระองค์รู้สึกละอายใจ และสำนึกในพระคุณอย่างบอกไม่ถูก หากข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าพระองค์ขออุทิศชีวิตที่เหลืออยู่รับใช้ท่านตลอดไป และจะสั่งสอนลูกหลานทุกคนให้ปฏิบัติตามด้วย ขอโปรดประทานอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด พระจักรพรรดิทรงยินดีเป็นยิ่งนักที่ศัตรูได้กลับมาเป็นมิตร นอกจากจะประทานอภัยให้แล้ว ยังทรงสัญญาว่าจะคืนทรัพย์ที่เคยริบมาทั้งหมด รวมทั้งจัดส่งแพทย์ไปรักษาพยาบาลจนกว่าเขาจะหายเป็นปกติ หลังจากสั่งทหารนำชายผู้นั้นไปส่งถึงบ้านแล้ว พระองค์ก็เสด็จกลับมาหาฤาษีที่กำลังหว่านเมล็ดพืชลงบนดินที่ขุดไว้เมื่อวาน และตรัสถามถึงคำตอบที่ยังไม่ได้จากฤาษีว่าท่านยังไม่ได้ตอบคำถาม 3 ข้อของข้าเลยฤาษีหยุดทำงานบอกกับพระองค์ว่าคำถามของท่านได้รับคำตอบหมดแล้วอะไรกัน พระจักรพรรดิอุทานขึ้นด้วยด้วยความงุนงง ฤาษีจึงอธิบายให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ ถ้าท่านไม่เกิดความสงสารฉัน และช่วยฉันขุดดินจนตะวันตก ท่านก็คงถูกชายคนนั้นทำร้ายตอนขากลับ และต้องโทมนัสใจเป็นอย่างมากที่ไม่ได้พักอยู่กับฉัน ดังนั้นเวลาสำคัญที่สุดตอนนั้นก็คือเวลาที่ท่านขุดดิน บุคคลสำคัญที่สุดก็คือตัวฉัน และภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือ การช่วยฉันขุดดิน ต่อจากนั้น เมื่อชายบาดเจ็บคนนั้นวิ่งมา เวลาที่สำคัญที่สุดก็คือตอนที่ท่านช่วยพยาบาลเขา เพราะมิฉะนั้นเขาจะต้องตาย และท่านก็หมดโอกาสที่จะได้กลับเป็นมิตรกับเขา และเช่นเดียวกัน บุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือชายคนนั้น และภารกิจที่สำคัญก็คือการช่วยพยาบาลเขา ฤาษีอธิบายและอย่างหนักแน่นว่าท่านจงจำไว้ มีเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของมนุษย์อยู่เพียงเวลาเดียวเท่านั้น นั่นคือเวลาปัจจุบัน เพราะช่วงขณะเวลาปัจจุบันเท่านั้น ที่เราเป็นเจ้าของเวลาอย่างแท้จริง และบุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือคนที่เรากำลังติดต่อและอยู่ต่อหน้าเรา เพราะไม่รู้ว่าอนาคตเราจะมีโอกาสได้ติดต่อกับเขาอีกหรือไม่ และภารกิจที่สำคัญที่สุด ก็คือการทำให้คนที่อยู่กับเราในขณะนั้นมีความสุข เพราะนี่คือภารกิจอย่างเดียวในชีวิตที่มนุษย์พึงปฏิบัติคุณที่รักทุกวันนี้เวลาผมหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ถึงตอนที่มีเรื่องเล่าเรื่องนี้ทีไร ผมก็ยังรู้สึกอัศจรรย์ในคำตอบทั้ง 3 ประการนี้ไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะคำตอบข้อที่ 3 ที่เรามักจะหลงลืมและมองข้าม ผมจึงเก็บเรื่องนี้มาบันทึกไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเตือนใจตัวเอง และเพื่อยังประโยชน์ แด่ท่านผู้อ่านทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาอ่านคอลัมน์นี้.
คงเข้ากันกับโฆษณาของพี่ยายได้เนอะ
อ้ายหนอมเจ้า
ความคิดส่วนตัวของนาย นานมาแล้ว
และยังคิดอยู่เสมอไม่ว่าจะทำอะไร
ก็คือ บริบท ณ ตอนนั้น และบุคคลข้างหน้า ในเวลานั้น..
ตรงกับที่อ้ายว่าถึงเลย..
คิดแต่ปัจจุบัน แม่นบ่อ
(หมายความว่าถ้าเมาแล้วก็ลืมคนที่บ้านใช่ไหม...ม่ายช่ายยางง๊าน 5555 แต่ใกล้เคียงนะ5555)