คนเขียนหนังสือ ชีวิตเบิกบานในการงาน
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
18 กันยายน 2550
 
All Blogs
 

’รงค์ วงษ์สวรรค์ พ่อมดแห่งภาษากวีมาดวิไลจากบ้านสวนทูนอิน - (ถนอม ไชยวงษ์แก้ว เขียน )



ภาพจาก //www.tuneingarden.com/

รงค์ วงษ์สวรรค์ เขาเป็นนักเขียน

ใช่ –เขาเป็นนักเขียนที่ผมไม่จำเป็นต้องหยุดคิดทบทวนและลังเลใจ ที่จะตอบตัวเองว่า นี่คือนักเขียนคนแรกในวัยหนุ่ม ที่ผมได้อ่านงานเขียนของเขาแล้ว ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจอยากจะเขียนหนังสืออย่างรุนแรง ใช่-ผมชอบงานเขียนของเขา โดยเฉพาะการใช้ภาษาของอารมณ์และความรู้สึก ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาอันงดงามเพริศแพร้วราวกับบทกวี สะดุดตาสะดุดใจ และมิอาจมีใครมาดแม้นมาเหมือน

แน่นอน

เขาคือฮีโร่ทางวรรณกรรมคนแรกของผม

และยังคงเป็นอยู่มิเสื่อมคลาย

ตราบจนเท่าทุกวันนี้


ตัวตนของเขา ’รงค์ วงษ์สวรรค์


เท่าที่ผมได้รู้จักและมองเห็น จากมวลอันมหึมาในงานเขียนและตัวจริงของเขา เขาคือผู้ชายที่มีตัวตนอยู่สองบุคลิก บุคลิกแรกคือบุคลิกของลูกผู้ชายที่เป็นนักเลงชีวิตผู้แกร่งกร้าว ใจถึง และค่อนข้างดุดัน



โอ้-ความหลัง ผมยังจำได้แม่นยำ สมัยที่ผมเริ่มเขียนหนังสือด้วยการเริ่มต้นเขียนบทกวีอย่างจริงจัง และพอจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้คน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว ผมได้รับเชิญจาก พิบูลศักดิ์ ละครพล เพื่อนนักเขียน อดีตบรรณาธิการนิตยสารบทกวี “สู่ฝัน”ที่กำลังรุ่งเรืองอยู่ในขณะนั้น ให้เดินทางไปอ่านบทกวีในงานที่เขาจัดในนามของนิตยสารสู่ฝัน ณ หอประชุมศูนย์สังคีต ธนาคารกรุงเทพ



เมื่อ พิบูลศักดิ์ ละครพล พาผมไปคารวะและทำความรู้จักกับ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่เขาเชิญมาเป็นประธานเปิดงานพิธี ประโยคแรกของครั้งแรกในชีวิต ที่ผมได้รับการทักทายจากตัวจริงของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ในชุดกางเกงยีนทะมัดทะแมงกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีม่วงอ่อน สวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเข้ม หลังจากผมยกมือไหว้และกล่าวคำสวัสดีเรียบร้อยแล้ว คือ

“เฮ่ย นายกินเหล้าหรือเปล่าว่ะ”



ก่อนจะกลับมาสัมผัสตัวจริงของเขา อีกนับครั้งไม่ถ้วน ณ บ้านสวนทูนอินเชียงใหม่ ตราบจนเท่าทุกวันนี้

และอีกบุคลิกหนึ่ง เขาคือศิลปินในความหมายที่เรียกกันว่า ARTIST ที่ละเมียดละไมและปราณีต ช่างพิถีพิถันกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ซับซ้อนกันอยู่ในตัวตนของเขา ผู้ชายเข้มแข็งที่แทบไม่เคยแสดงความอ่อนแอใด ๆ ออกมาให้ใครเห็น แม้ในยามเจ็บป่วยและเจ็บปวดอยู่ในเส้นแบ่งระหว่างชีวิตและความตาย



และอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ผมมองเห็น

เป็นจุดเด่นพิเศษในตัวตนของเขา คือความเป็นผู้มีรสนิยมดีเลิศ ในเรื่องความงาม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเขียนหนังสือออกมา ด้วยภาษาที่งดงามถึงปานนั้น ใช่เพียงแต่งานเขียนเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาจะทำออกมาได้งดงามและดูดีไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกดอกไม้ ต้นไม้ใบหญ้า พืชผักสวนครัว นิวาสสถานที่พำนักพักพิง ภูมิทัศน์ และการมีชีวิตคู่อยู่ร่วมกับคุณสุมาลี วงษ์สวรรค์ อันเป็นที่รักของเขาและลูกเต้า



ถ้าคุณอยากมองเห็นภาพรวมทางรสนิยมทั้งหมดนี้ของเขา คุณลองไปค้นหาหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ครายเดือนเล่มหนา ที่ ’รงค์ วงษ์สวรรค์กับเพื่อนหนุ่มละแวกถนนเฟื่องนครทำกัน ระหว่างปี 2512-2513 จากหอสมุดแห่งชาติมาดู คุณจะมองเห็นหนังสือที่มิใช่เป็นเพียงแค่หนังสือ แต่ยังเป็นงานศิลปะการสื่อสารที่ลงตัวและงดงามปราณีตยุคหนึ่ง ซึ่งยิ่งกาลเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูงดงามคลาสสิก ควรค่าแก่การหวงแหน

เช่นเดียวกับการพบปะผู้คน

ที่ไปเยี่ยมเยียนเขา ณ บ้านสวนทูนอิน

เขาจะพิถีพิถันในการแต่งตัวให้แลดูดีอยู่เสมอ

ทั้งโดยอุปนิสัยส่วนตัวของเขา

และการให้เกียรติแขกผู้มาเยือน

ก่อนจะออกมาพบปะสนทนากับผู้คน

ตามเวลานัดหมายที่ยากจะคลาดเคลื่อน



งานเขียนของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์

ผมชอบงานเขียนของเขาทุกเล่มที่ได้อ่าน แต่เล่มที่ชอบมากเป็นพิเศษ คือนวนิยายขนาดสั้นที่ชื่อว่า “หอมดอกประดวน” ซึ่งเป็นนวนิยายที่เขาเขียนถึงประสบการณ์ทางกามารมณ์ ความรัก และผู้หญิงของตัวละครที่ชื่อ โฉน ไพรำ ตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมอายุสิบหก จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์เต็มตัว



โดยเฉพาะตัวละคร ที่เป็นผู้หญิงหาเงินชั้นต่ำ ในโรงแรมสกปรกซอมซ่อ ที่เขาเข้าไปเรียนรู้บทเรียนบทแรกของกามารมณ์จากชีวิตจริงกับหล่อน ผู้หญิงสวยบัดซบในห้องเลขที่ 13 ที่ชื่อปอง อายุ รุ่นราวคราวเดียวกับพี่ป้าน้าอา หรือไม่ก็คงประมาณรุ่นแม่ของเขา ที่พูดกับเด็กหนุ่มอายุสิบหกที่ทำท่าจะมาติดพันหลงใหลหล่อน ถึงขั้นโกหกขอเงิน แม่หนีโรงเรียนแอบมานอนกับหล่อนแทบไม่ว่างเว้น และพยายามแสดงความรักกับหล่อน ด้วยการซื้อชุดชั้นในมาฝากหล่อนว่า



“นึกหรือว่าถ้ามีเงินแล้วฉันจะต้องแบให้เรา….” หล่อนเริดคิ้วฉงน “ที่นี้จะต้องให้ห่าง ๆ กันเอาไว้บ้าง มากนักไม่ดี ฉันจะให้เรามาหาได้ในคืนวันจันทร์กับพฤหัสเท่านั้น”

“ทำไม”

“ก็เราต้องไปโรงเรียน”

“ไม่ไปก็ได้”

“ไม่ได้ ต้องไปนะโฉน” หล่อนมองลูบไล้ปลอบโยนบนใบหน้าและกำยำกายของเขาแช่มช้า หล่อนว่า

“คืนอื่นอย่ามานะ ขืนมาฉันไม่รู้จักเรา…”



…………………………………………….



ผมอ่านเรื่องนี้ถึงตอนนี้แล้ว ผมรู้สึกตื้นตันใจจนแทบน้ำตาร่วง ที่ได้เห็นความดีงามของกะหรี่คนหนึ่ง ที่พยายามผลักไสไม่ให้เด็กมัธยมอายุสิบหกต้องเสียการเรียน เพราะมัวเมากับผู้หญิงอย่างหล่อน ที่สังคมตั้งข้อรังเกียจราวกับเศษขยะมาทุกยุคทุกสมัย ใช่ –ผมชอบตัวละครที่เป็นกะหรี่คนนี้ และผู้หญิงคนนี้แหละที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ ติดตรึงอยู่ในใจผมจนตราบเท่าทุกวันนี้



โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมมองเห็นงานชิ้นนี้ของเขา งดงามราวกับภาพเขียนเอ็กเพรสชั่นนิสม์ ที่เต็มไปด้วยสีสันอันจัดจ้านร้อนแรง จากฝีแปรงพู่กันอันรวดเร็วและเด็ดขาด ถึงแม้งานชิ้นนี้…จะไม่เป็นที่สบอารมณ์ของคนที่ค่อนข้างเคร่งครัดในศีลธรรม แต่ผมก็ชอบของผม เพราะผมถือว่างานศิลปะ คืองานที่เปิดโปงและแสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของชีวิต ไม่ใช่งานเทศนาสั่งสอนศีลธรรม



กับคำถามที่ว่า

งานเขียนของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ มีคุณค่าความหมายอะไรกับสังคม ในแง่ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน โอ้ –ถ้าคุณเคยอ่านงานเขียนของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ตั้งแต่ยุคแรกมาจนถึงยุคปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องลงไปค้นคว้าศึกษาเอกสารอ้างอิงใด ๆ คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า แก่นแกนในการทำงานเขียนของเขา คือการเขียนถึงความเป็นจริงของชีวิตผู้คน ความเป็นจริงของโลกและสังคม ทั้งในด้านมืดและสว่าง ทั้งในด้านที่ดีงามและอัปลักษณ์ ขอให้เป็นความจริงเท่านั้น ถ้าเขารู้จักมัน เขาจะแสดงมันออกมาในงานเขียน ให้เราเห็นสภาพความเป็นจริงนั้น ๆ

และพร้อมที่จะสบถก่นด่าความเลวร้ายทั้งหลาย

โดยแทบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งสิ้น


แน่นอน ยิ่งเราอ่านงานของเขา เราย่อมยิ่งเข้าใจโลกและชีวิต นักเขียนคนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเข้าใจโลกและชีวิต และรู้เท่าทันมัน

กับคำถามที่ว่างานของเขาให้ประโยชน์อะไรกับสังคม ยังเป็นคำถามที่คับแคบและเล็กน้อยเกินไป สำหรับศิลปะวรรณกรรมที่คอยปักป้ายกากบาท และป้ายชี้ทางที่ดีงามและปลอดภัยให้กับมนุษยชาติ



’รงค์ วงษ์สวรรค์

ถ้าหากผมจะตั้งฉายาให้เขา จากมุมมองของคนที่ชื่นชอบการใช้ภาษาเขียนอันงดงามของเขา ซึ่งเป็นนักเขียนที่มีคลังภาษารุ่มรวยมั่งคั่ง และเป็นขบถผู้ทรงพลังกับไวยากรณ์ในการใช้ภาษา ถึงขั้นสามารถหยิบฉวยถ้อยคำจากตระกูลไพร่ที่ต่ำต้อยและขุนนางผู้สูงส่ง มาหลอมรวมอยู่ในบริบทเดียวกัน โดยปราศจากการวิวาทบาดหมางระหว่างชุดชั้นของภาษา

“พ่อมดแห่งภาษากวีมาดวิไล จากบ้านสวนทูนอิน”

คือฉายาที่ไม่ไกลเกินความเป็นจริง ที่ผมขอมอบให้กับ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ และนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ผู้บรรลุถึงศาสตร์ศิลป์ในงานเขียนวรรณกรรม ดังที่ RUDOLF FLESCH ได้กล่าวสรุปเอาไว้ในหนังสือ “A NEW GUIDE TO BETTER WRITING” ว่า

“การเขียนหนังสือไม่ใช่การสะกดตัว แต่ยิ่งกว่าการสะกดตัว การเขียนหนังสือไม่ใช่ไวยากรณ์ แต่ยิ่งกว่าไวยากรณ์ การเขียนหนังสือคือการไขว่คว้าความคิด การมองเห็นภาพ การผูกคำ ปั้นความคิดให้เป็นรูปร่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเขียนหนังสือ มิใช่การรักษากฎเกณฑ์และระเบียบแบบแผนในการเรียงอักษรลงบนแผ่นกระดาษ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเขียนหนังสือ คือสมองของผู้เขียนนั่นเอง “

ใช่-ความคิดจากสมองของผู้เขียนต่างหากที่สำคัญยิ่งยวด

และ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ได้ยืนยันเอาไว้อย่างหนักแน่น ในงานเขียนของเขามาตลอดชีวิต



ป.ล. “A NEW GUIDE TO BETTER WRITING” แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยชื่อ “ห้องเรียนเขียนเรื่อง” โดยศรีเฉลิม สุขประยูร สำนักพิมพ์บรรณกิจ พฤษภาคม 2518





ภาพจาก//www.tuneingarden.com/
โดย แม่น้องข่าว

(งานชิ้นนี้พิมพ์ในประชาไทดอดคอมแล้วค่ะ นำมาฝากผู้อ่านบล็อกที่สนใจงานเขียน สำหรับผู้อ่านในประชาไทแล้ว ขออภัยนะคะ)




 

Create Date : 18 กันยายน 2550
50 comments
Last Update : 23 กันยายน 2550 8:42:06 น.
Counter : 2308 Pageviews.

 

สวยมากค่ะ
ติดใจประโยคนี้ค่ะ "ประโยชน์กับสังคม คืออะไร"
ก็คงจะแล้วแต่ใครจะคิด แล้วแต่ใครจะนิยาม ว่าจะเป็นผู้ใดที่มีอำนาจมากน้อยเพียงใด ตัวแปรหลากหลาย

ปัจจุบันต้องมองว่า ประโยชน์ที่ให้สังคม คือสิ่งที่งานเขียนต้องสามารถให้คนคิดย้อนกลับสะท้อนกลับไปกลับมาได้ เพราะความคิดคือสิ่งที่จะจรรโลงสังคมต่อไป หากไม่สามารถทำให้คนคิดย้อนกลับได้ก็หมดความหมาย ซึ่งตรงนี้ก็คงจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจนักเขียนทุกคน การคิดย้อนกลับและตั้งคำถามกับสิ่งที่เห็นทุกวัน เป็นลักษณะของนักคิด ปัญญาชน (ที่ไม่ได้หมายถึงจบมหาลัยแต่คิดไม่เป็น ไม่ต้องจบมหาลัยก็เป็นชนที่ใช้ปัญญาได้) ที่จะนำพาสังคมให้รอดปลอดภัยได้

หากคำถามที่ว่างานเขียนให้อะไรกับสังคม แล้วคอยแต่จะมองหาคำตอบที่เป็นความคิดในกรอบ และเป็นความคิดที่ไม่แตกแถวในงานเขียนแล้วล่ะก็ นั่นคือการครอบงำทางความคิดแบบหนึ่ง การคิดสะท้อนย้อนกลับไปนั้นจึ่งถูกมองว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับบางกลุ่มก้อน

เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่คุณพี่ถนอมน่าจะหมายถึงในประโยคที่ว่า "ยังเป็นคำถามที่คับแคบและเล็กน้อยเกินไป"

ดิฉันเห็นด้วยทุกประการค่ะ
ได้อะไรเยอะเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะ

 

โดย: หมี่เกี๊ยวแห้ง IP: 192.43.227.18 20 กันยายน 2550 17:44:28 น.  

 

ให้โอกาส "เรื่องเล่าจากกระท่อมทุ่งเสี้ยว" อ้ายถนอม โชว์เป็นหน้าหลักบ้างค่ะ หลังจากอยู่มุมขวามานาน

 

โดย: แพรจารุ 23 กันยายน 2550 8:04:49 น.  

 

คุณหมี่เกี๊ยวครับ

คุณเข้าใจถูกต้องตามที่ผมต้องการจะสื่อสาร บางครั้งหรือบ่อยครั้ง การใช้ภาษานิยามความหมายอะไรสักอย่าง จะเพราะความรีบร้อนหรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ เรามักจะทำให้คุณค่าของความจริงบางอย่างที่เป็นเรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ และทำให้เรื่องใหญ๋กลายเป็นเรื่องเล็ก ผิดจากความเป็นจริงที่มันเป็น เพราะกรอบแห่งการนิยามความหมายของเรา...

นี่เป็นเรื่องที่ผมระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ที่ไม่เขียนอะไรให้มากหรือน้อยจากความเป็นจริง ส่วนจินตนาการเป็นอีกเรื่องหนึ่ง...

ผมชอบมาก ๆ ที่มีใครคนหนึ่งพูดว่า คนมีชื่อเสียงที่โชคดีที่สุดก็คือคนที่ได้รับการยกย่องอย่างจริงใจ...และตามความเป็นจริงเท่าที่เขาเป็น

ขอบคุณมากครับ

ขออภัยชื่อหนังสือที่ถูกคือ
"“A ืNEW GUIDE TO BETTER WRITING”

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.14 23 กันยายน 2550 8:20:57 น.  

 

หวัดดีค่ะพี่หนอม
มาแอบอ่านซ้ำสอง

ยิ่งอ่าน ยิ่งได้ประโยชน์ค่ะ
.......
"เรามันแค่ธุลีดิน ที่ร่วงปลิวจากอุ้งเท้าพญาอินทรี"

รู้สึกแบบนี้ แต่ก็อยากจะเป็นอะไรที่ดีกว่านี้

 

โดย: เงาศิลป์ IP: 203.146.63.184 23 กันยายน 2550 10:36:52 น.  

 

สวัสดีครับพี่หนอม

พูดถึงตัวละครที่เป็นผู้หญิงหาหินก็อดนึกถึงเรื่อง "สนิมสร้อย" ไม่ได้

อ่านแล้วได้กลิ่นห้องหับและกลิ่นแป้ง ฯลฯ

แตผมจำเรื่องสั้นของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ได้เรื่องหนึ่ง แต่จำรายละเอียดไม่ได้

ไม่รู้ว่าชื่อเรื่องอะไรนะ ใช่ "ชุดดำ" หรือเปล่า ที่โสเภณีพนันกันว่าถ้าให้ผู้ชายชุดดำขึ้นห้องกับเธอโดยไม่ต้องใส่ถุงยาง หรืออะไรประมาณนี้ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะลงในมติชนสุดสัปดหาห์

ถ้าผมจำผิดคน ผิดเรื่องหรือผมอาจจะจำคลาดเคลื่อนไปบ้าง ก็ตองขอโทษด้วย

เพราะความจำไม่ค่อยดี

 

โดย: โดม IP: 124.121.23.132 23 กันยายน 2550 11:18:44 น.  

 

เมื่อวานฝนตกทั้งวันทำอะไรไม่ได้...
ได้หนังสือเก่าๆตอนรื้อบ้านใหญ่เตรียมจัดงานศพน้องเมื่อปลายเดือนที่แล้ว....เลยเห็นกองหนังสือสมัยเล่มละสิบบาท

เลือกมาเก็บซุกไว้หลายเล่ม....
และไม่อยากประหลาดใจที่วันนี้เข้าบล๊อคมาเจออ้ายหนอมเขียนถึงลุงรงษ์

เพราะเมื่อวานเพิ่งอ่าน "จดหมายเปิดผนึก ถึงอาจินต์ ปัญจพรรค์ ปักกิ่ง-กรุงเทพฯ" อ่านจบแล้วก็วาง
ไม่ได้คิดอะไรนอกจากได้เจอของเก่าที่เป็นตัวพิมพ์เก่าๆให้ความรู้สึกไปอีกแบบ ต่างจากหนังสือใหม่ๆที่มีการวางรูปเล่มสวยงาม

ในช่วงที่ชีวิตหยุดนิ่ง.....นิ่งจนรำคาณตัวเองให้ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหว ได้อ่านคมความคิดที่แทรกอยู่ในจดหมาย.....
นิ่งกับความคิดตัวเองอีกครั้ง.....บอกตัวเองว่า เรานิ่งเกินไปแล้ว เฉื่อย จนดูเกียจคร้าน
สมองเสมือนว่างเปล่า....
บอกตัวเองว่า....ออกเดินทางได้แล้ว...ออกเดินกับชีวิต

หนังสือเล่มหนึ่งข้ามเวลายี่สิบกว่าปีเพื่อบอกคำๆนี้......
กำลังจะเดินทางค่ะ...กำลังจะเตรียมตัว
จริงๆน่าจะออกพเนจรเร็วกว่านี้เสียด้วยซ้ำไป


นั่งเขียนตั้งกะเช้าแล้วเนี่ย...แล้วก็อเปิดรอส่ง เพราะฝนตกหนักสัญญาณเน็ตหาย...
กว่าท่านจะมา...ต้องรอเมฆสลาย

 

โดย: ปลายแปรง 24 กันยายน 2550 11:11:11 น.  

 

เงาศิลป์ครับ
ดีใจที่คุณได้รับประโยชน์และเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำอะไรให้ดีกว่านี้...จากการอ่านครั้งนี้ ผมเองก็คิดเหมือนคุณ

จึงลงมือเขียนเรื่องยาวี่ไม่เคคิดว่าจะทำได้ แต่พอมุ่งมั่นเอาจริงๆปรากฏว่าทำได้ครับ ดีหรือไม่ดีค่อยว่ากันภายหลัง แค่เอาชนะตัวเองและทำได้ ผมก็ยินดีแล้ว

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.14 25 กันยายน 2550 10:29:18 น.  

 

โดมที่รัก
ความจำของโดมไม่ผิดเพี้ยน เป็นเรื่องสั้นชื่อ ปรารถนาสีดำ" ตีพิมพ์ในมติชน และอยู่ในรวมเรื่องสั้นชื่อ "เทพบุตรในฝัน ณยามสนทยา" มาลา คำจันทร์ เป็นบรรณาธิการ พิมพ์โดนต้นอ้อแกรมมี่ ถ้าโดมเจอช่วยซื้อไว้ให้พี่หน่อย ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็นไร หวังว่าคงสบายดีนะ

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.14 25 กันยายน 2550 10:33:32 น.  

 

ปลายแปลง ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ชอบค้นหนังสือเก่า ๆ มาอ่าน พอ ๆ กับชอบเดินเข้าร้านขายหนังสือเก่า

บ่อยครั้งที่ผมพบแรงบันดาลใขบางอย่าง
จากการอ่านหนังสือเก่า ๆ เหมือนอย่างที่คุณพบ และกำลังจะออกเดินทางกับชีวิต

หนังสือที่ดีก็เหมือนผู้หญิงที่้งดงาม และผู้ชายที่ดี ถึงแม้เขาจะใส่เสื้อผ้าขาด ๆ ปุบะเหมือนขอทาน แต่ีรูปแบบภายนอกอันยากไร้...ก็ไม่อาจปิดบังความดีงามของเขาได้

ขอเอาใจช่วยในการเดินทางของคุณด้วยครับ.

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.14 25 กันยายน 2550 10:39:17 น.  

 

ชอบอ่านหนังสือเก่าเหมือนกันค่ะ เพราะเป็นแรงบันดาลใจได้หลายเรื่องเหมือนกัน
บางเล่มทำให้เราได้รับรู้เรื่องราววิถีชีวิต ความเป็นตัวตน ของแต่ละสิ่งที่ผ่านมาแล้วผ่านไป โดยที่บางครั้ง เราอาจมองข้ามสิ่งเหล่านั้น ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่มีคุณค่าแห่งการจดจำ

 

โดย: ปักเป้าจุด 25 กันยายน 2550 13:29:57 น.  

 

ยินดีมาก ๆที่เจอปั๊กเป้าจุด
ที่บ้านพี่มีร้านหนังสือเก่าน่ารัก ๆ อยู่ที่
ตลาดมะจำโรง พี่ไปรื้อค้นกันเสมอ

ร้านหนังสือเก่าดูเป็นมิตรดีค่ะ

 

โดย: แพรจารุ 25 กันยายน 2550 16:45:57 น.  

 

แวะมาเยี่ยมอ้ายหนอม กับปี้ยายเนาะเจ้า
ช่วงนี้หมูแอมตัวปุ๊กลุกเดินทางบ่อยๆ
ไม่ค่อยได้แวะมาเลย คิดถึง เน้อ


ชอบ โฉน ไพรำ หนุ่มวัยกระเตาะ
ที่ริหลงรักสาวใหญ่ด้วยคน
ยังจำได้ถึงรสชาติงานเขียนของป๋า

แทงทะลุร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า


พูดแล้วก็คิดถึง สนิมสร้อย

 

โดย: sugarhut 26 กันยายน 2550 11:03:05 น.  

 

คิดถึงน้อง และฝากคิดถึงพี่หนอมด้วยครับ / เข้าไปชมบล็อกพี่หน่อยสิ
//www.oknation.net/blog/kaveethas

 

โดย: เสรี ทัศนศิลป์ IP: 58.9.230.227 26 กันยายน 2550 12:23:06 น.  

 



..เข้ามาอ่านเงียบๆ ค่ะ พี่ยาย..

 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 26 กันยายน 2550 22:01:42 น.  

 

คุณเสรีครับ

ติดตามเข้าไปอ่านในบล็อกของคุณแล้ว
ดีมากครับ จะค่อย ๆ อ่านกันไป
พักนี้ผมไม่ค่อยได้เขียนทั้งกวีและเรื่องสั้น เพราะหันมาเขียนบทความและนวนิยาย

ขึ้นมาเชียงใหม่ มาแวะนอนบ้านผมได้
ตอนนี้ผมหยุดพเนจรร่อนเร่ มาปลูกกระท่อมอยู่ี่บ้านเกิด หวังว่าคุณเสรีคงสบาดีนะครับ



 

โดย: แพรจารุ 27 กันยายน 2550 8:06:20 น.  

 

มาขอโทษพี่ยาย

เอาเบอร์โทรหายไปไหนแล้วไม่รู้ เมื่อวานก็เพิ่งคุยกับพี่กุล

วันอังคารที่ผ่านมาก็ออกรายการคนค้นคน

ตามหาพี่กุลได้ที่ มูลนิธิไทยรักป่า อยู่แถวถนนนิมมานเหมินทร์ซอย 3 หรือไงนี่แหละครับ

 

โดย: เสือจุ่น 27 กันยายน 2550 13:10:03 น.  

 

ไม่เป็นไรจุ่น เอาใหม่ไปก็ได้ เบอร์โทร.เราไม่ีปกปิดเป็นความลับ
086 9216065

มูลนิธิไทยรักป่า ไม่เคยได้ยินเลย อย่างไรก็จะลองตามหาดู

คิดถึงจ๊ะ

 

โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.14 27 กันยายน 2550 20:07:48 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่เสรี
ดีใจจังที่พี่คิดถึง

ไม่ได้เจอกันนานมาก ๆ นานจริง ๆ แต่ยังจำได้ และระลึกถึงเสมอค่ะ

 

โดย: แพร จารุ IP: 203.113.50.14 27 กันยายน 2550 20:11:45 น.  

 

พี่แพร และพี่ถนอมคะ
อาทิตย์นี้ที่ภาควิชาจัดงาน Conference สองงานซ้อน เรื่องความหลากหลายทางภาษาและสิทธิทางภาษาของชาวอะบอริจิน เป็นงานประชุมระดับนานาชาติ และมีบุคคลระดับแนวหน้าของโลกด้านภาษามากันเยอะมาก บรรยากาศคึกคักมาก
ที่น่าสนใจคือ มีชาวอะบอริจินออกมาพูดและเสนอแนะอะไรหลายๆอย่างเยอะมาก และเมื่อคืนเป็นรายการยกร่างข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล เรื่องภาษาและสิทธิทางภาษาของชาวอะบอริจิน มันเป็นอะไรที่เรานั่งมองแล้วแบบว่าน้ำตาซึมด้วยความประทับใจว่า วันนี้ชาวอะบอริจินเขาเรียกร้องสิทธิทางภาษาของเขาที่หายไป และที่สำคัญเขามีคนยืนเคียงข้างเยอะมาก งานประชุมยังไม่เสร็จค่ะเหลือวันนี้อีกหนึ่งวัน และกว่าจะร่างข้อเสนอและยกร่างทั้งหมดเสร็จก็คงอีกเป็นเดือน ได้ข่าวคราวคืบหน้าอย่างไร จะอีเมล์มาบอกกล่าว เล่าสู่กันฟังนะ ขออีกนิด เมื่อคืนตอนถกเรื่อง ทำไมรัฐต้องให้ความสำคัญของภาษาอะบอริจิน มีลุงคนหนึ่งขอพูดและสิ่งที่ลุงพูดงดงามมาก ทุกคนนิ่งไปพักหนึ่งเลย ลุงกล่าวว่า (เท่าที่จำได้)

We live in two worlds and both the worlds are important to us. One world gives us the life and identity of who we are and this world nurture us. This world should also be recognised and we are asking for our rights to live in this world with our languages and our worldviews.

(จะแปลก็กล้วความรู้สึกไม่งามก็เลยเอามาแปะไว้ก่อน ว่างแล้วมาแปลอีกทีนะคะ)
นี่แวะมาส่งข่าวก่อนไปประชุมนะเนี่ย ทำไมยาวงี้อ่ะ จริงๆแล้วมีอะไรอยากเล่าให้ฟังอีกเยอะค่ะ แต่เอาแค่นี้ก่อนค่ะ
ไปล่ะค่ะ ไปทำหน้าที่ด้วยความรักก่อน
ซิมมี่

 

โดย: หมี่เกี๊ยวแห้ง IP: 198.142.231.232 28 กันยายน 2550 3:17:26 น.  

 

ขอบคุณมาก ๆ หมี่เกี๊ยวแห้ง

น่าจะเขียนมาลงที่ประชาไทนะคะ จะเขียนแบบ บทความ สารคดี เรื่องเล่า อะไรก็ได้ น่าสนใจทั้งนั้น

อย่าลืมเขียนนะ หรือถ้าไม่มีเวลาเขียนจริง ๆ ที่ว่า ให้เขียนมาแบบว่า เขียนจดหมายถึงพี่ก็ได้ แล้วเล่าเรื่องให้พี่ฟังและส่งรูปมาด้วย พี่จะเอามาเผยแพร่ต่อ

เรื่องแบบนี้เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นกำลังใจให้กับหลาย ๆ คน หลาย ๆ กลุ่ม
ทีเดียว

นับว่าเป็นโอกาสดีของหมี่เกี๊ยวแห้งมาก ๆ เลยค่ะที่ได้ไปร่วมงาน

พี่มีเรื่องจะถามนิดหนึ่งว่า ตอนนี้อยูที่ส่วนไหนของประเทศนั้นค่ะ

 

โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.140 28 กันยายน 2550 10:33:01 น.  

 

เรียกว่ามีขนบทางภาษาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณรงค์ ที่อ่านเมื่อไหร่ก็รู้เลยว่า นี่คือ ภาษาของคุณรงค์

ขอบคุณที่นำมาเผยแพร่ให้อ่านที่นี่ค่ะ

 

โดย: ดวงลดา 28 กันยายน 2550 11:36:02 น.  

 

ในตู้หนังสือของพ่อมีหนังสือของคุณรงค์อยู่หลายเล่มเลยค่ะ ส่วนตัวเองก็ซื้ออ่านบางเล่มตอนเป็นวัยรุ่นกระหายตัวอักษร แต่ปกเก่าของพ่อดูจะคลาสสิคชวนอ่านกว่ากันเยอะเลยล่ะค่ะ เสียแต่แพ้ฝุ่นในหนังสือ อ่านไปจามไป เจ้ากุนลูกสาววัยขวบเก้าเดือน เวลาไปบ้านคุณตาก็ชอบให้คุณตาอุ้มขึ้นไปยืนบนตู้หนังสือ แล้วก็รื้อเล่มโน้นเล่มนี้ดู(แบบไม่รู้เรื่อง) แต่คุณตาเปิดหนังสือให้ดูตั้งแต่สามสี่เดือนแล้วค่ะ เลยกลายเป็นหนอนหนังสือตัวจิ๋วที่สุดไปแล้ว ไม่รู้ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้หรือเปล่านะคะ รู้แต่ว่าเป็นหนอนหนังสือกันทั้งตระกูลเลยค่ะ พี่ๆน้องๆเวลามารวมๆกันก็จะมีหนังสือมาอ่านคนละเล่มคนละมุม ได้บรรยากาศแบบห้องสมุดเลยค่ะ แต่ดีกว่าตรงที่เราคุยกันหัวเราะกัน แล้วก็กินโน่นนี่ไปด้วยได้น่ะค่ะ

ป.ล. ได้รับตู้จดหมายต้นมะละกอแล้วนะคะ แหม..ถ้ามีเขียนเรื่องเล่าของตูมาให้ซักเล็กน้อยก็คงดีนะคะ จะได้เอาไปเก็บไว้ในคอลัมน์ตู้จดหมายอีกตู้นึง แต่ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ

อีกป.ล. มาคราวนี้คุณแพร จารุ แต่งบ้านน่ารักสดใสเชียวค่ะ มีเด็กตากลมมานั่งต้อนรับด้วย

 

โดย: เกด (mrs.postman ) 28 กันยายน 2550 15:30:24 น.  

 

งานประชุมสามงานพี่ ลืม...ลืม..ลืมนับไปอันหนึ่ง งานเยอะมากวิ่งกันหัวหมุนเลย มันส์มากทั้งจัดงานในฐานะมหาวิทยาลัยเจ้าภาพ และเข้าร่วมประชุมกับเขาด้วย งานเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ เหนื่อยมาก แต่มันส์อย่างแรง ถกกันซะไปแลบ บรรยากาศร้อนแรงมาก อิอิ สร้างคอนเน็คชั่นไว้เยอะแยะกับนักภาษาศาสตร์ทั้งหลาย เดี๋ยวเราจัดประชุมด้านภาษาเมื่อไหร่จะเกณฑ์กันมา เพราะพวกนี้ประเภทนอกคอกเหมือนกันเขาจะมาให้ด้วยใจค่ะ

ตอนนี้เรียนอยู่ที่ Adelaide University รัฐ South Australia ค่ะ เรื่องที่ทำและศึกษาอยู่ตอนนี้ก็เรื่องของระบบนิเวศของภาษาและการวางแผนภาษาในจังหวัดเชียงรายค่ะ เอาเป็นว่ามันเกี่ยวกับความหลากหลายของภาษาและสิทธิทางภาษาค่ะ
ไปละค่ะ ไว้เจอกันใหม่ จะแวะมาส่งข่าวเรื่อยๆนะคะ

 

โดย: หมี่เกี๊ยวแห้ง IP: 198.142.231.22 28 กันยายน 2550 16:23:40 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่ยาย และพี่ถนอม

ชอบอ่านงานของคุณ'รงษ์ วงษ์สวรรค์มาก เริ่มอ่านตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เป็นหนึ่งในนักเขียนที่เป็นแรงบันดาลใจให้อยากเขียนหนังสือ ชอบสำนวนภาษา และความคิดที่แฝงอยู่ในเนื้อหา เวลาอ่าน จะอ่านตั้งแต่คำนำนักเขียนไปจนจบ อ่านคำนำแล้วก็รู้ว่า เป็นนักเขียนที่พิถีพิถันมาก ขนาดคำนำยังเขียนได้น่าอ่าน อ่านแล้วรู้สึกว่าเขาเขียนแบบตั้งใจคุยกับคนอ่านจริงๆ

สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือการตั้งใจชื่อเรื่อง แต่ละเล่มนี่ เท่มากๆ

ขอบคุณที่นำบทความมาลงให้อ่านที่นี่ค่ะ

 

โดย: ปอมปอมเกิร์ล 28 กันยายน 2550 17:33:12 น.  

 

สวัสดีค่ะ

หนูเริ่มอ่านหนังสือนิยายเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ
ก็เริ่มจากการอ่านหนังสือนอกเวลาที่รายวิชาภาษาไทยเขาบังคับให้ต้องอ่านเทอมละ 1 เล่ม แล้วก็มีการสอบดูว่าใครอ่านจริงหรือเปล่า
อาจารย์ชอบถามว่าผู้แต่งคือใคร ใช้นามปากกาว่าอะไร นี้คือคำถามที่จะต้องมีทุกครั้ง
และแน่นอนว่าเราก็จะต้องท่องก่อนเข้าห้องสอบทุกครั้ง
จำได้ว่าหนังสือที่อ่านเล่มแรกจริงๆจังๆคือ ฉันอยู่นี้ศรัตรูที่รัก จากนั้นก็ตามมาหลายๆเล่ม อย่างตามล่า สวนสัตว์ ขอหมอนในนั้นที่เธอฝันยามหนุ่น แมงมุมเพื่อนรัก แผ่นหลังพ่อ คู่กรรม แวววัน เกิดมาเป็นหมอ เขาชื่อกานต์ วัยฝันวันเยาว์ อีกหลายๆเล่มที่นึกไม่ออกค่ะ และก็กลายเป็นว่าชอบอ่านหนังสือเวลาว่างๆขึ้นมา
สิ่งที่ได้รับจากการอ่านอย่างแรกคือความสนุก ได้ดูมุมมองที่หลายหลาย ได้รู้ในบางเรื่องที่ไม่เคยรู้

อย่างมีเล่มหนึ่งที่เคยอ่าน เขากล่าวถึงตัวที่เป็นสีคล้ายกับรุ้ง ที่จะใหลมาตามลำคลอง ในวันสงการต์ แล้วแม่เขาไม่ให้ตัก แต่เขาแอบตักไว้ พอเขามาดูอีกทีมันกลายเป็นน้ำโคลน เขาไม่รู้ว่าโดนแกล้งหรือเปล่าแต่ก็ไม่กล้าถามใครกลัวโดนดุ

หนูก็เอามาอ่านตรงที่เขาอธิบายลักษณะมัมมาถามแม่กับยายว่าเจ้าตัวที่เขาพูดถึงมันมีไหม มันคือตัวอะไร อยากเห็น
แม่กับยายไม่รู้จักไม่เคยเห็น แล้วตอนนี้หนูก็ยังสงสัยอยู่ว่ามันมีจริงหรือเปล่า


และผลที่พวงมาจากการอ่านคือการเกิดสมาธิเพราะเราจดจ่อกับสิ่งที่เราอ่าน จึงทำให้จิตใจมันนิ่ง
ฝากความคิดถึงให้น้ายายด้วยค่ะ

 

โดย: เบญจวรรณ IP: 61.7.231.130 28 กันยายน 2550 18:56:51 น.  

 

กราบแต่หัวขบวนเลยนะคะ.. มาขอนอกเรื่องกระทู้สักนิด

พี่ยาย.. พี่หนอม

ไม่ต้องแล้วนะ มีคนโทรไปถามอาจารย์มาลาเรียบร้อยแล้ว

ไปติดตามที่กระทู้นี้นะ

//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5865134/A5865134.html#75


 

โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.150.131 28 กันยายน 2550 22:48:51 น.  

 

สีน้ำฟ้า

เรื่องของสีนำฟ้าก่อน เล่าให้เพื่อน ๆ ฟังด้วยว่ามีประเด็นทางสังคม เรื่อง หุบเขากินคน งานเขียนวรรณกรรมของ "มาลา คำจันทร์ ถูกนำไปสร้างเป็นละครตอนเย็น

ผู้อ่านหนังสือทนไม่ได้ เพราะเอางานวรรณกรรมมายำ เป็นเดอะลอร์ดออฟ
เดอะริง ไปลอกเรื่องของเขามาเป้นฉาก ๆ

ผู้อ่านของ "มาล" ทนไม่ได้ ออกมาโต้กันใหญ่ สีนำฟ้า ฝากให้ถามผู้เขียนว่าคิดอย่างไร

พี่อยู่บ้านใกล้อ้ายมาลา ยังไม่ได้ไปถาม แต่พรุ้งนี้ถามแน่ ๆ แม้ว่าอ้ายจะตอบคำถามคนอื่นแล้ว

แต่พี่จะไปถามแบบคนใกล้ชิดมาบอก
อย่าลืมมาอ่านนะจ๊ะ

และช่วงนี้คอมฯดี กว่าเดิมแล้ว กลับมาม่วนกันได้เหมือมเดิม หลังจากห่างกันไประยะหนึ่ง

แรกว่าจะเข้ามอัพบล็อกแต่ผู้อ่านของอ้ายหนอม เพิ่งจะเข้ามาม่วน ยืดเวลาออกไปอีกสองวันให้ อ้ายถนอมมาคุยกับมิตรแก้วสหายคำก่อน

(ม่วนคือสนุก ส่วนมิตรแก้วสหายคำ น่าจะเพื่อน ๆ ญาติมิตร) ใช่ก่อสีนำฟ้า

 

โดย: แพรจารุ 29 กันยายน 2550 0:21:00 น.  

 

มาสวัสดีพี่หนอมและพี่ยายตอนดึก ๆค่ะ

ภาษาของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ บาด แปลก ฉีกแนว แต่สื่อออกมาแล้ว ใช่เลย
ตามอ่านงานของพญาอินทรีท่านนี้เสมอค่ะ แต่ก็ตะหงิด ตะหงิดใจยังไงไม่รู้ ในความเป็นหญิงของเรากับการปอกเปลือยอาชีพโสเภณีในงานเงียนของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์

 

โดย: นกแสงตะวัน 29 กันยายน 2550 0:43:35 น.  

 

นับถือพญาอินทรีแห่งวงการหนังสือคนนี้เหมือนกันครับ

เพิ่งอ่าน วานปีศาจตอบ จบไปเอง

 

โดย: ฟ้าดิน 29 กันยายน 2550 2:58:33 น.  

 

ชอบที่พี่ถนอมบอกไว้ในความเห็นข้างบนนู้นที่ว่า "คนมีชื่อเสียงที่โชคดีที่สุดก็คือคนที่ได้รับการยกย่องอย่างจริงใจ...และตามความเป็นจริงเท่าที่เขาเป็น"

ทำให้กลับไปคิดต่อว่า..
1.แล้วเท่าที่เขาเป็นนั้นจริงๆแล้วอยู่ตรงไหน อยู่ที่เขามองตัวเองหรืออยู่ที่คนอื่นมอง เพราะมีสองประเด็นคือ "เท่าที่เขาเป็น" และ"การยกย่อง"อยู่จึงต้องมองทั้งสองทางคือทั้งตัวเองมองตัวเอง และคนอื่นมองตัวเรา

2. ตัวเองยกย่องตัวเองได้ไหม...เพราะรู้จักตัวเองดีที่สุด...แต่เราก็ยังเอาไปเปรียบเทียบและเปรียบต่างกับคนอื่นอยู่ดี ถ้ามองตัวเองล้วนๆก็ว่าเราประกาศสรรพคุณตัวเองและอหังการ์เป็นที่สุด

3. คิดไปว่า แล้วการยกย่องอย่างจริงใจตามแบบที่เขาเป็นนั้น มันแปรไปกับประสพการณ์และตัวตนของผู้ที่มองและยกย่องเขาหรือไม่ หากฉนั้นแล้ว ถ้ามีคนสามคนก็ยกย่องเขาสามแบบซึ่งอาจจะมีความเหมือนและความต่างในความเห็นของสามคนนั้น แล้วสามคนนั้นก็เห็นเขากันคนละมุมเนื่องจากประสบการณ์ของสามคนเขาเอง ดังนั้นแล้วความเป็นจริงนั้นอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแต่แปรผันไปตามประสบการณ์ของผู้ที่ยกย่องเขา
โดยสรุปแม้แต่ "ความเป็นจริงเท่าที่เขาเป็น" ยังเป็นความสัมพัทธ์กับสิ่งมีชีวิตอื่น
ดังนั้นความเป็นจริงเท่าที่เขาเป็นจึงไม่มี หากเขาไม่ได้รับอนุญาตจากสังคมให้มองตัวเอง

ใช่หรือไม่หนอ น่าคิดตามอีกแล้วล่ะ

อ่านงานพี่ๆคราใดทำให้เกิดความคิดต่อเนื่อง(ฟุ้งซ่าน อิอิ)ทุกทีค่ะ ดีใจค่ะที่เป็นอย่างนี้ ขอบคุณมากๆค่ะ กับประโยชน์ต่อสังคมด้านคิดสะท้อนย้อนกลับ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

 

โดย: หมี่เกี๊ยวแห้ง IP: 198.142.231.199 29 กันยายน 2550 6:22:30 น.  

 

แวะมาทักทายคู่ดูโอบล๊อคแก๊งส์ก่อนเดินทางค่ะ....

จริงๆแล้วเครื่องใช้งานไม่เต็มร้อยของพี่ยายก็เข้าท่าเหมือนกันนะ...เข้ามาเลยรู้สึกกำไร...ได้อ่านทีเดียวสองคน

ก็กำไรสำหรับปลายแปรงไง....ได้มานั่งอ่านเรื่องราว อ่านความคิด ของผู้มากประสบการณ์.....คนเดินผ่านทางใช่เพียงทางผ่าน แม้เดินเลยยังได้เกสรดอกหญ้าติดขากางเกงไปแพร่พันธุ์.....

เดี๋ยวจะเดินทางกลับบ้านที่พะเยาค่ะ....จะค่อยๆขับรถขึ้นไป พี่นุเป็นคนขับ....มีงานค้างต้องทำก็เลยต้องขนเครื่องคอมไปด้วยไม่อยากไปแย่งกับทางบ้านใช้...เพราะต้องไปลงโปรแกรมกราฟฟิคให้เขาใหม่ เลยยกไปดีกว่า

ก็ตั้งใจว่าจะไปช้าๆ...แวะพักไปเรื่อยๆ พักบ้าน เพื่อนบ้านญาติรายทาง ก็ไม่ได้รีบร้อนไปไหน....ชีวิตร้อนๆก็ให้มันเป็นเรื่องของอดีตไปเถิด

สิ่งที่ดีใจที่สุดที่ได้กลับบ้านไม่เพียงแต่ได้ไปอยู่กับแม่อย่างเดียวแต่ได้กลับไปหาหนังสือดีๆอ่านให้สมกับความอดอยากของคนอยู่ป่าอยู่เขา.....นั่งอ่านหนังสือหน้าธรรมชาติ..

 

โดย: ปลายแปรง 29 กันยายน 2550 12:08:22 น.  

 

มิตรแก้วสหายคำ..

เป็นคำที่ไพเราะเหมาะ ใช่เลยเจ้า ปี้ยาย..



---พี่ปลายแปรง แจมก็จะไปเชียงราย คงไปราวๆ หลังวันที่ 15 ตุลาแล้ว รอเคลียร์งานอยู่ ว่าจะลากโน้ตบุ้คไปด้วยเช่นกัน งานนี้คงจะอยู่ยาวด้วย

---พี่ยาย แจมอาจจะรอนะคะ ยังติดตามอยู่นะคะ สำหรับเรื่องอาจารย์มาลา

กระทู้นี้ขอแนะนำค่ะ.. ใครที่ชื่นชอบงานเขียน เป็นนักเขียน หรือนักอยากเขียน ต้องหลงรักคนตั้งกระทู้นี่มั่งล่ะ

ได้ใจจริงๆ นะ

^
^
^
(ลิ้งค์อยู่คอมเม้นท์ 26)

 

โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.150.131 29 กันยายน 2550 12:50:19 น.  

 

สวัสดีครับ คุณยาย

ยายเคยขอภาพคลองกลายจากผม ผมไม่มีให้ แต่ไปขอจากช่างภาพคนอื่นๆ ก้ได้ หมอฝนแสนห่า ให้มาครับ และก็หากต้องการชมมากกว่านั้น ก็ขอเชิญไปที่เว็บของเขาได้เลยครับ ยายครับ


คลองกลาย



 

โดย: เขาพนม 29 กันยายน 2550 14:27:50 น.  

 

 

โดย: dddfvb IP: 221.206.44.56 29 กันยายน 2550 19:44:52 น.  

 

น้อมคารวะพญาอินทรี
ทุกท่วงถ้อยวลีช่างเฉียบคม
สยายปีกอักษรสง่าสม
บรมครูแห่งสวนอักษร

 

โดย: ตาพรานบุญ 30 กันยายน 2550 2:13:13 น.  

 

คุณดวงลดาครับ
ใช่ครับ เขามีเอกลักษณ์ในการใช้ภาษา ที่อ่านเพียงแค่สองสามประโยค ก็รู้ทันทีว่า สำนวนภาษานี้มิใช่มีใครอื่น

คุณเกดครับ
คุณโชคดีจังเลยที่เติบโตมาจากครอบครัวของนักอ่าน

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.14 30 กันยายน 2550 9:58:08 น.  

 

คุณเบญจวรรณ
ผมยินดีต้อนรับคุณเบญจวรรณเข้าสู่โลกของการอ่านและการเขียนครับ

คุณแสงตะวัน
ความจริงบางอย่างก็ยากที่จะยอมรับได้ผมเข้าใจครับ


คุณฟ้าดิน
อยากให้อ่านรักคืนรังของเขาด้วยครับ

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.14 30 กันยายน 2550 10:01:30 น.  

 

คุณฟ้าดินครับ
ขอภัยครับชื่อหนังสือผิดครับ
ไม่ใช่รักคืนรังครับ "คืนรัก"ครับ

คุณปลายแปลงครับ
เพิ่งรู้ว่าคุณอยู่พะเยา โดยส่วนตัวผมแล้วไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปอย่างไร กว๊านพะเยายังมีเสน่ห์อยู่เสมอ ชอบเพลงกว๊านพะเยา และพะเยารอเธอด้วยครับ

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.14 30 กันยายน 2550 10:20:19 น.  

 

สวัสดีครับ คุณหมี่เกี๊ยว
การตั้งคำถามของคุณน่าสนใจมากครับ

ผมแสดงความคิดเห็นเป็นข้อ ๆ นะครับ
ที่คุณว่า
...ชอบที่พี่ถนอมบอกไว้ในความเห็นข้างบนนู้นที่ว่า "คนมีชื่อเสียงที่โชคดีที่สุดก็คือคนที่ได้รับการยกย่องอย่างจริงใจ...และตามความเป็นจริงเท่าที่เขาเป็น"

ทำให้กลับไปคิดต่อว่า..
1.แล้วเท่าที่เขาเป็นนั้นจริงๆแล้วอยู่ตรงไหน อยู่ที่เขามองตัวเองหรืออยู่ที่คนอื่นมอง เพราะมีสองประเด็นคือ "เท่าที่เขาเป็น" และ"การยกย่อง"อยู่จึงต้องมองทั้งสองทางคือทั้งตัวเองมองตัวเอง และคนอื่นมองตัวเรา

ตอบ1.ผมคิดว่าคุณค่า"ความมีอยู่และความเป็นอยู่"ของคนคนหนึ่งที่ได้รับการยกย่องจากสังคม อยู่ที่ผลงานและบทบาทที่ดีงามของเขาที่เกี่ยวข้องกับสังคม และมีคนส่วนใหญ่มองเห็นคุณค่าความดีงามของเขาเหมือนกันนั่นเอง เขาจึงได้รับการยกย่อง รวมทั้งตัวเขาเองย่อมมองเห็นและตระหนักว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีงามด้วย

2. ตัวเองยกย่องตัวเองได้ไหม...เพราะรู้จักตัวเองดีที่สุด...แต่เราก็ยังเอาไปเปรียบเทียบและเปรียบต่างกับคนอื่นอยู่ดี ถ้ามองตัวเองล้วนๆก็ว่าเราประกาศสรรพคุณตัวเองและอหังการ์เป็นที่สุด

ตอบ2 รู้จักตัวเองดีที่สุด ยกย่องตัวเองได้ไหม ผมว่าได้ครับ...ทำไมจะไม่ได้ ถ้าคุณจะกล่าวยกย่องตัวเองให้ตัวเองฟังคนเดียวโดยไม่ให้คนอื่นได้ยิน แต่ถ้าคุณต้องการยกย่องตัวเองให้คนอื่นได้ยิน เพื่อหวังจะให้คนอื่นยกย่องคุณอีกชั้นหนึ่ง หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่... ซึ่งก็หมายความว่า คุณกำลังจะเอาคุณค่าความรู้ (รู้จักตัวเอง) ไปเกี่ยวกับเรื่องควรหรือไม่ควรในสังคม...

พูดตามภาษาของคุณก็คือ คุณกำลังจะเอาคุณค่าความรู้ ( รู้จักตัวเอง ) ของคุณไปสัมพัทธ์กับคุณค่าทางจริยธรรมของสังคมนั่นเอง และถ้าหากคุณต้องการบรรลุผลจากสังคมในเชิงบวก คุณจะต้องแน่ใจเสียก่อนว่า ผู้คนและสังคมนั้น ๆ เขายอมรับนับถือ การยกย่องตัวเองเป็นความประพฤติที่ดีงาม และควรแสดงออกผู้คนรับรู้ – หรือไม่...

ส่วนเรื่องตัวตนของคนเรานั้น ผมเชื่อมั่นว่า...ถ้าหากเราเป็นคนที่มีความพึงพอใจในตัวของเรา ไม่ว่าใครจะดูดีหรือย่ำแย่กว่าตัวเราสักเท่าไหร่ ย่อมไม่อาจทำให้เรามองตัวเองด้อยค่าลงได้ เพราะคนเราทุกคนย่อมมีอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร...และไม่อาจมีใครเหมือน ยกเว้น....เราจะเป็นคนที่เกลียดตัวเองเท่านั้น

3. คิดไปว่า แล้วการยกย่องอย่างจริงใจตามแบบที่เขาเป็นนั้น มันแปรไปกับประสบการณ์และตัวตนของผู้ที่มองและยกย่องเขาหรือไม่ หากฉะนั้นแล้ว ถ้ามีคนสามคนก็ยกย่องเขาสามแบบซึ่งอาจจะมีความเหมือนและความต่างในความเห็นของสามคนนั้น แล้วสามคนนั้นก็เห็นเขากันคนละมุมเนื่องจากประสบการณ์ของสามคนเขาเอง ดังนั้นแล้วความเป็นจริงนั้นอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแต่แปรผันไปตามประสบการณ์ของผู้ที่ยกย่องเขา โดยสรุปแม้แต่ " ความเป็นจริงเท่าที่เขาเป็น " ยังเป็นความสัมพัทธ์กับสิ่งมีชีวิตอื่น
ดังนั้นความเป็นจริงเท่าที่เขาเป็นจึงไม่มี หากเขาไม่ได้รับอนุญาตจากสังคมให้มองตัวเอง

ตอบ 3 ใช่ครับ การมองเห็นบางสิ่งบางอย่างของคน ที่มองดูสิ่งเดียวกัน ย่อมเหมือนกันบ้างต่างกันบ้าง เป็นธรรมดา ตามอัตวิสัยและมุมมองของคนที่ต่างกัน หรืออาจจะเหมือนกันเป็นธรรมดา

แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่ถูกมองไม่ว่ามันจะถูกมองอย่างไร มันย่อมมีอยู่เป็นอยู่อย่างที่มันเป็น ไม่ว่ามันจะถูกมองและให้คุณค่าเป็นอื่นอย่างไร มันก็ยังคงเป็นอย่างที่มันเป็น เหมือนอย่างที่เช็คสเปียร์ มองความมีอยู่เป็นอยู่ของดอกกุหลาบเอาไว้ว่า

นามนั้นสำคัญไฉน
ที่เรียกว่ากุหลาบนั้น
แม้เรียกอย่างอื่นก็ยังหอมรื่นอยู่เหมือนกัน
นั่นเอง.

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.140 30 กันยายน 2550 11:04:34 น.  

 

ปอมปอมเกริ์ล

ครับ คุณ ’รงค์ วงษ์สวรรค์
เขาเป็นคนพิถีพิถันในการทำงานมาก
แม้แต่คำนำก็น่าอ่านอย่างที่คุณว่า

 

โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.140 30 กันยายน 2550 11:23:50 น.  

 

คุณเขาพนม

ขอบคุณมากค่ะที่ยังไม่ลืม เรื่องรูปคลองกลาย เข้าไปดู กรุงชิงดอดคอมแล้วค่ะ

คุณ ตาพรานบุญ เข้าไปที่บ้านคุณแล้ว เห็นภาพงานศิลปะงาม ๆ น่าสนใจทีเดียวค่ะ

dddfvb
ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไรค่ะ เขียนภาษาอะไรก็ได้ตามแต่ถนัดค่ะ จะพยายามอ่าน
ไม่เข้าใจก็จะถามเพื่อนคะ

 

โดย: แพรจารุ 30 กันยายน 2550 11:41:10 น.  

 

คำตอบของพี่หนอม (ขออนุญาติเรียกแบบนี้เน้อเจ้า) ลึกซึ้ง งดงาม และถึงแก่นยิ่งนัก ยินดีจ้าดนักเจ้า

แว็บเอาต้นฉบับ(ก๊อปชาวบ้านมา)มาฝากเจ้า ให้ทั้งภาษาไทยและปะกิดมันอยู่คู่กันเลย อิอิ
"What's in a name? That which we call a rose By any other name would smell as sweet."

จากโรมิโอและจูเลียต (II, ii, 1-2)

 

โดย: หมี่เกี๊ยว IP: 198.142.231.21 30 กันยายน 2550 19:45:52 น.  

 

บรรยากาศดีมากเลยพี่แพร รูปนี้เขียนนานแล้ว แต่เมื่อคืนลมแรงมากเล่นเอาต่อมกวีพุ่งพล่านเลย หลังคาแทบพังแน่ะ จู่ก็มา จู่ๆก็ไปอยู่ๆก็หยุดเสียเฉยๆทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น นี่แหละหนาเขาว่า "สาวพังงา ฟ้าภูเก็ต"เอาแน่เอานอนไม่ได้

 

โดย: ตาพรานบุญ 30 กันยายน 2550 20:37:56 น.  

 

พี่แพรและอ้ายหนอมครับ

วันอาทิตย์ที่ 23 กย. จะไปหาพี่และอ้ายที่ทุ่งเสี้ยว

แต่รถผมดันไปดับที่ทางแยกแม่วาง

กว่าจะติดเครื่องได้ก็ใช้เวลานานเนิ่น

พอเครื่องติด ก็รีบเอารถไปไว้บ้าน

กลัวมันจะดับอีก

เลยไม่ได้เจอกัน

ไว้รถดีแล้วจะไปเยื่ยมครับ

คิดถึงจ้าดนัก

 

โดย: ปะหล่อง IP: 58.137.30.254 30 กันยายน 2550 23:04:02 น.  

 

สวัสดีปะหล่อง

อยู่ในสภาพคล้าย ๆ กัน เราสองคนก็ไปไหนไม่ได้ เพราะรถเสียเหมือนกัน และไม่สะดวกที่จะส่งซ่อม ดังนั้นจึงอยู่บ้านกันอย่างสงบ

แค่รู้ว่าคิดถึงก็ซึ่งใจแล้วและยิ่งรู้ว่าได้พยายามเดินทางมาก็ยินดีนักแล้ว

แล้วพบกันเจ้า

 

โดย: แพรจารุ 1 ตุลาคม 2550 10:50:50 น.  

 

ตาพรานบุญ
"สาวพังงา ฟ้าภูเก็ต"เอาแน่เอานอนไม่ได้

ช่างเป็นสโกแกนที่น่ารักจริง ๆ แบบว่า ผู้หญิงเป็นใหญ่น่ะ ไม่ธรรมดา สาวพังงาต้องได้ใจ

พี่ว่าบรรดาสโกแกนต่าง ๆ ของเมืองสมัยเก่า มันน่ารักและมีอารมณ์ขัน อีกทั้งบอกได้ถึงความอารมณ์ของผู้คนในเมืองนั้น
เช่นสุราษฎร์ธานี เขาว่า หอยใหญ่ ไข่แดง...และอะไรต่อไม่รู้ เป็นความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ก็ไข่เค็มที่ไหนจะไข่แดงจะแดงเท่าที่ไชยาไม่มีอีกแล้วว่าไหม

ตอนที่พี่มาเรียนประจวบวิทยาลัย จังหวัดประจวบฯ อยู่กับอาม่าที่ร้านอาม่าขายไข่ ต้องสั่งมาจากไชยา เพื่อมาทำไข่เค็มที่ประจวบ
(อ่านเพิ่มเติมได้จากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง อาม่าที่รัก สยามอินเตอร์บุค จัดพิมพ์ แพรจารุเขียน -โฆษณา)

ขอบอกว่ามีวิธีทำไข่เค็มสูตรอาม่า และวิธีเคาะไข่ หาไข่ร้าว ไข่ร้าวคัดออก ทำไข่เค็มไม่ได้ จะกลายเป็นไข่เน่า

แล้วพบกันใหม่ ตาพรานบุญและมิตรแก้วสหายคำ ฮะฮา

 

โดย: แพรจารุ 1 ตุลาคม 2550 10:55:27 น.  

 

เอามาฝากสำหรับคนที่ใช้โทรศัพท์นานๆอาจารย์กนกวรณส่งมาให้



ภาพที่สองนะคะ


บรรยายว่าอย่างนี้ค่ะ

เราต้องการ ไข่หนึ่งใบ และโทรศัพท์ 2 เครื่อง เวลา 65 นาที สำหรับการโทรจากเครื่องหนึ่ง ไปอีกเครื่องหนึ่ง

เราจะเริ่มด้วยการโทรระหว่างโทรศัพท์ 2 เครื่อง หากันประมาณ 65 นาที
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้เห็นใน 15 นาทีแรก

หลังจาก 25 นาที ไข่เริ่มอุ่นขึ้น
หลังจาก 45 นาทีผ่านไป ไข่ร้อนขึ้น และ

หลังจาก 65 นาที ไข่ก็สุก

สรุป
ถ้ารังสีไมโครเวพที่ปล่อยออกมาจากโทรศัพท์มือถือ สามารถเปลี่ยนแปลงโปรตีนในไข่ ลองจินตนาการว่า ถ้าจะเปลี่ยนโปรตีนในสมองของเราได้อย่างไร เมื่อเราพูดโทรศัพท์ผ่านโทรศัพท์มือถือ

ขอบคุณ บทความดี ๆ จาก
พี่เอก ศุภมิตร แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ครับ

 

โดย: แพรจารุ 1 ตุลาคม 2550 16:25:10 น.  

 

เป็นอีกคนนึงที่ผมรักและเคารพในตัวหนังสือและแนวทางชีวิต,

สบายดีน่ออ้ายหนอม...เพิ่งกลับจากเชียงดาวครับ

 

โดย: pu_chiangdao 1 ตุลาคม 2550 18:20:23 น.  

 

จากเรื่องไข่
มีข้อมูลมากมายที่เทคโนโลยีทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของเรา
หากสนใจมากเราก็ไม่กล้าอยู่กับโลกยุคใหม่ ว่ามั้ยคะพี่ยาย หลับตามองข้ามมันไป

 

โดย: นกแสงตะวัน 2 ตุลาคม 2550 5:44:32 น.  

 

อยากเห็นภาพบ้านสวนทูนอิน อัพเดทล่าสุดจังครับ
ใครมีและโพสต์ได้บ้างเอ่ย
ไม่มีโอกาสไปครับ แต่อยากเห็น

 

โดย: ธาร ยุทธชัยบดินทร์ IP: 202.91.19.204 1 กุมภาพันธ์ 2551 2:34:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แพรจารุ
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..
۞ บทกวีและเรื่องสั้น ถนอมไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท

..
۞ จากกระท่อมทุ่งเสี้ยว โดยถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท 17 ต.ค.51
http://www.youtube.com/watch?v=L21lhWsu8QQ&feature=related object width="315" height="80">
หา โค้ดเพลงhi5 : hi5 song code search
Friends' blogs
[Add แพรจารุ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.