หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
7 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
หนีนรก ตอนที่ ๑๑ - เปิดประตูให้พบทางสวรรค์ พรหมและพระนิพพาน







ตอนที่ ๑๑
เปิดประตูให้พบทางสวรรค์ พรหมและพระนิพพาน



............... ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย ประตูไปสวรรค์ พรหม นิพพาน สำหรับตอนนี้เป็น ตอนที่ ๑๑ เป็นเรื่องของการปฏิบัติตน เพื่อทำตนให้พ้นนรก หรือว่า "หนีนรก" การปฏิบัติตนเพื่อหนีนรก ก็ขอพูดย่อ ๆ ว่า

............... ๑. อย่าลืมความตาย อย่าประมาท จงอย่าคิดว่าความตายจะถึงเราในวันพรุ่งนี้ให้คิดว่าเราอาจจะตายวันนี้ไว้เสมอ

............... ๒. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ให้แน่นอน

............... ถ้ามีอารมณ์ทั้ง ๒ ประการนี้ อาจจะหนีนรกได้เพียงแค่ชาติเดียว ในชาติต่อไปยังไม่แน่นอนนัก ถ้าหวังความแน่นอนในการหนีนรกก็ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทให้ปฏิบัติใน "ธัมมานุสสติกรรมฐาน" ให้ครบถ้วน แต่ว่าการยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าก็ดี ยอมรับนับถือพระธรรมก็ดี ยอมรับนับถือพระอริยสงฆ์ก็ดี ถ้าเรานับถือเฉย ๆ แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำของท่าน พระธรรมก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้ก็พระธรรมนี่พระสงฆ์นำมาแนะนำแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้ายอมรับนับถือเป็นส่วนตัวก็สามารถพ้นนรกได้แน่นอนชาตินี้ แต่ชาติต่อไปเราก็ไม่แน่ แล้วการที่จะคิดว่าชาติต่อไปเราอาจจะเกิดเป็นคน เราจะยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า หรือพระอริยสงฆ์ต่อไปนี่ไม่แน่นอนนักเพราะการเกิดแต่ละชาติเราไม่ได้รับแต่ผลของความดีฝ่ายเดียว เป็นการรับผลทั้งความดีและความชั่ว จะเห็นว่าคนที่เกิดมาแล้วนี่ไม่ใช่มีความสุขฝ่ายเดียว อารมณ์ที่ทำให้เกิดเป็นทุกข์ก็มีอยู่ หรือไม่ได้มีแต่ความทุกข์อย่างเดียว อารมณ์ที่เป็นสุขก็มีอยู่ ขณะใดที่อารมณ์ความเป็นสุขเกิดขึ้น ขณะนั้นถือว่ารับผลของกุศลเก่า คือบุญเก่าที่เราทำไว้แล้วในชาติก่อน ๆ มาสนองเรา เราก็มีความสุข

............... ผลของทานเป็นปัจจัยให้ได้ลาภสักการะ

............... ผลของการรักษาศีลให้เกิดความสุขหลาย ๆ ประการ

............... ผลของการเจริญภาวนาและศึกษาธรรม เป็นเหตุให้เกิดปัญญามีความฉลาด

............... ถ้าผลของความทุกข์ ผลของปาณาติบาต ทำให้คนมีอายุสั้นพลันตาย

............... ผลของอทินนาทาน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย

............... ผลของกาเมสุมิจฉาจาร ทำให้ลูกหรือบุคคลในปกครองว่ายากสอนยาก ไม่อยู่ในโอวาท แนะนำอย่างไรก็ไม่เชื่อฟัง

............... ผลของมุสาวาท เกิดมาชาตินี้ในระหว่างนั้นให้ผล พูดดีเท่าไรก็ไม่มีคนอยากรับฟัง

............... ผลของการดื่มสุราเมรัย ทำให้เป็นโรคปวดศีรษะไม่หาย หรือเป็นโรคเส้นประสาทหรือว่าเป็นโรคบ้า

............... ทั้งหมดตามที่กล่าวมาแล้วนี้เป็นผลจากความดี หรือความชั่วในชาติก่อน ที่ยังตามมาสนองเรา ถ้าบังเอิญเกิดในชาตินั้นยามจะตาย ผลของอกุศลก็ครอบงำจิตพอดี เราก็ลืมพระพุทธเจ้า ลืมพระอริยสงฆ์ ทั้งนี้เพราะความมั่นคงของจิตไม่มี ถ้าความมั่นคงของจิตมีต้องปฏิบัติในธรรม ให้ธรรมทรงตัวทรงใจ หมายความว่า การจะพูดก็ดี การจะทำก็ดี การจะคิดก็ดี อยู่ในขอบเขตของพระธรรม เพราะว่า พระธรรมนั้นพระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราปฏิบัติในด้านของความดี และก็พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สอนให้เราปฏิบัติในด้านของความดี และก็พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สอนก็ทรงสอนไว้ถึง ๘๔,๐๐๐ หัวข้อ เราจะปฏิบัติกันอย่างไรได้หมด อันนี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท อาจจะเป็นเครื่องอัดอั้นตันใจสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เพราะว่าถ้าพูดถึงพระธรรมแล้วไม่รู้จะเอาตรงไหนดี ก็เอากันอย่างนี้ก็แล้วกัน

............... พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระธรรมวินัยที่พระองค์ตรัสไว้แล้วหลายหมื่นหัวข้อ ถึง ๘๔,๐๐๐ หัวข้อ ท่านบอกว่าให้เลือกปฏิบัติตามที่เราเห็นสมควรที่พอจะปฏิบัติได้ เพราะการที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มาก ๆ ก็ทราบว่า อัธยาศัยของคนไม่เสมอกัน กำลังใจของคนไม่เสมอกัน อัธยาศัยต่างกันอย่างหนึ่ง กำลังใจต่างกันอย่างหนึ่ง ก็มีความจำเป็นต้องตรัสไว้มาก เพื่อความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

............... เวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายกำลังฟังเรื่องการปฏิบัติตนเพื่อให้พ้นนรก คำว่า "นรก" ก็หมายถึงเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ต้องการจะหนีนรกกันแล้ว เราก็ปฏิบัติกันอยู่ในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการ ในเมื่อปฏิบัติอยู่ในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการ ก็เอาพระธรรมวินัยที่อยู่ในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการมาปฏิบัติไม่ใช่ว่ากันดะไปทั้งหมด

............... พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการ ก็คือ "ศีลห้า และกรรมบถ ๑๐" ถ้าการปฏิบัติศีลห้าครบถ้วน ก็ถือว่าได้ความดี หนีนรกได้แบบหยาบ ๆ ชาตินี้มีความสุขน้อยไปหน่อย ชาติหน้ามีความสุขแน่แต่ด้อยไปนิดหนึ่ง กาลเวลาที่จะถึงนิพพานยังไกลอยู่

............... ฉะนั้น องค์สมเด็จพระบรมครูจึงได้ตรัสกรรมบถ ๑๐ ประการให้ปฏิบัติอีกจุดหนึ่งถ้าปฏิบัติได้ในกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการด้วย ในศีลห้าด้วยปฏิบัติครบถ้วนตั้งแต่วันนี้ไปจนกว่าจะตาย ความเป็นอยู่ในความเป็นมนุษย์นี่ก็มีทุกข์ยาก ส่วนใหญ่จะมีแต่ความสุขความทุกข์มีบ้างแต่ไม่หนัก ไม่ถึงกับเกิดความเร่าร้อนจุ้นจ้าน แต่ในด้านความสุขนี่มีมาก ถ้าตายจากชาตินี้ไปแล้ว หากว่าไม่พบพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ในสมัยที่เป็นเทวดาหรือพรหม กลับมาเกิดเป็นคนอีกครั้งเดียวก็ไปนิพพาน

............... การที่จะปฏิบัติในศีลห้าก็ดี กรรมบถทั้ง ๑๐ ประการก็ดี บรรดาท่านพุทธบริษัทก็ต้องมีหัวข้อขึ้นต้น เพราะกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการนี้มีทั้งศีลและธรรม ศีลห้า นี่ก็มีทั้งศีลและธรรมเหมือนกัน แต่ฝ่ายธรรมะนี่คด ๆ อยู่ข้างในมองไม่ค่อยเห็น ถ้าไม่ใช่ปัญญาแล้วก็มองไม่เห็น ถ้าใช้ปัญญาก็จะมองเห็น แต่ว่าปัญญาจะใช้ต้องใช้ให้ถูกต้อง ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง ก็ไม่เห็นเหมือนกัน

............... เป็นอันว่าเห็นหรือไม่เห็นก็ยังไม่ต้องพูดกัน มาว่ากันถึงว่า หัวข้อคือบทต้น เรียกว่า "หน้าปก" ถือเอาหน้าปกก็แล้วกัน ก่อนที่จะเข้าถึงศีล ก่อนที่จะเข้าถึงกรรมบถ ทั้ง ๑๐ ประการ นี่ว่ากันเฉพาะฆราวาสนะ ถ้าพระหรือเณรมีศีลแค่ ๕ หรือมีกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการครบถ้วนก็ไม่แคล้วอบายภูมิ เพราะว่าสิกขาบทที่จะต้องปฏิบัติมากกว่านี้สำหรับพระหรือเณรให้ปฏิบัติในสิขาบทของท่านด้วย แล้วก็ต้องมีกรรมบถทั้ง ๑๐ ประการครบถ้วนด้วย เท่าที่เคยเห็นมาบางทีท่านก็เผลอ ๆ เหมือนกัน บางท่านก็เผลอในศีล ๕ บางท่านก็เผลอในกรรมบถ ๑๐ หากว่าท่านผู้ใดเผลอในศีลห้าก็ดี เผลอในกรรมบถ ๑๐ ก็ดี พระหรือเณรท่านนั้นโอกาสที่จะขึ้นสู่สวรรค์ไม่มีเลย ทางที่จะไปก็มีทางเดียว คืออบายภูมิ มีนรกเป็นต้น

............... ขอประทานอภัยเถอะครับ ผมพูดเรื่องนรกอยู่เรื่อย ๆ ก็มีข่าวเข้ามาว่า พระสงฆ์ซึ่งเป็น ศากยบุตรพุทธชิโนรส เป็นลูกของพระพุทธเจ้าหรือว่าสาวกของพระพุทธเจ้านั้นเองในปัจจุบัน

............... บางท่าน ๆ โกรธ ท่านบอกว่า "อะไรก็นรก ๆ คนที่เกิดมาก็เลยไม่ต้องไปสวรรค์กัน"

............... ก็ขอตอบเสียในที่นี้ว่า "คนที่เขาไปสวรรค์นะมีมากนะครับ คนที่ไปพรหมก็มีมากและปัจจุบันคนที่จะไปนิพพานก็มีมาก ที่ว่าจะต้องตกนรกกัน เพราะว่าท่านลืมทางไปสวรรค์ลืมทางไปพรหมโลก ลืมทางไปนิพพาน"

............... ตอนนี้ก็จะขอเปิดประตูให้พบทางไปสวรรค์ ทางไปพรหมโลก พบทางไปนิพพานซะก่อน เรื่องพระไม่อธิบาย สำหรับพระสำหรับเณรนี่ปฏิบัติอย่างไรไม่อธิบายให้ฟังเพราะท่านเป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคคลที่ชาวบ้านต้องไหว้ต้องบูชาอยู่แล้ว ก็ต้องยอมรับนับถือว่า ทุกท่านคงปฏิบัติความดีครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่ต้องอธิบายกัน ก็มาพูดกับฆราวาส เพราะฆราวาสมีเวลาน้อยในการที่จะปฏิบัติความดี เพราะต้องทำมาหากิน ไม่เหมือนกับพระกับเณรต้องอาศัยชาวบ้านเลี้ยงชีวิต จิตที่คิดในด้านของความดีมีมาก มาพูดถึงชาวบ้านชาวเมืองกันดีกว่า

............... "ฆราวาส" ประตูที่จะเปิดเข้าสู่ทางสวรรค์ หรือทางพรหมโลก ทางนิพพาน หรือว่าประตู ที่จะเข้าถึงศีลและธรรม มีศีลห้า และกรรมบถ ๑๐ เป็นต้น และเขาก็ใช้ประตู ๒ บาน

............... บานที่ ๑ เรียกว่า "หิริ" คือความละอายต่อความชั่ว

............... บานที่ ๒ เรียกว่า "โอตตัปปะ" คือเกรงกลัวผลของความชั่ว

............... นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทโปรดทราบว่า ประตูจริง ๆ น่ะมี ๒ บาน ที่จะเข้าถึงศีลกับธรรม บานที่ ๑ เรียกว่า "หิริ" คือความละอายต่อความชั่ว หรือความละอายต่อบาปอกุศล คือบาปอกุศลนี่ถ้าเราไม่อายมันก็โผล่หน้าเข้ามาถึงเรา ในเมื่ออายแล้วก็พยายามหลบบาป หลบอกุศล "อกุศล" นี่แปลว่า ไม่ฉลาด "บาป" นั่นแปลว่าความชั่ว คือหลบความชั่ว หลบความโง่ ไม่ฉลาดก็คือโง่ "โอตตัปปะ" เกรงกลัวผลของความโง่ หรือเกรงกลัวผลของความชั่วจะให้ผลเป็นทุกข์ เพราะความโง่ก็ดี ความชั่วก็ดีนำเราไปสู่อบายภูมิแน่นอน นั่นคือว่า นำไปไหน นำไปนรกบ้าง เบามาหน่อยก็นำไปเป็นเปรต เบามาหน่อยก็นำไปอสุรกาย เบามาอีกนิดก็นำไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเบากว่านั้นหน่อยก็เกิดเป็นคนที่หาความสมบูรณ์แบบไม่ได้

............... ก็เป็นอันว่าท่านทั้งหลาย ทุกท่านอันดับแรกตั้งกำลังใจไว้ว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเราจะเป็นคนขี้อาย เราจะเป็นคนกลับอายความชั่ว กลัวความชั่ว แล้วก็ความชั่วที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระพุทธศาสนานี่มีมาก อายหมวดไหนกันก่อน

............... อันดับแรก อายการละเมิดศีลห้า

............... อันดับที่ ๒ อายการละเมิดกรรมบถ ๑๐

............... และอันดับต่อไปก็กลัวผลของการละเมิดศีลห้า กลัวผลของการละเมิดกรรมบถ ๑๐ จะให้ผลสนองเรา เพราะการละเมิดศีลก็ดี การละเมิดกรรมบถ ๑๐ ก็ดีมีผลในชาติปัจจุบัน นั่นหมายความว่าจะสร้างความทุกข์ให้เกิดแก่เราอย่างหนัก แต่ว่าถ้าเราอายได้ เรากลัวได้ เราก็สามารถจะดึงเอาศีลห้าก็ดี กรรมบถ ๑๐ ก็ดี มาไว้กับเรา ตอนนี้เราจะพบกับความสุขอย่างมหันต์ อย่างที่ท่านทั้งหลายจะไม่เคยมาในกาลก่อน ชาตินี้มีความสุขหนักและชาติหน้าก็มีความสุขอย่างหนัก และทุก ๆ ชาติเราจะมีความทุกข์เล็กน้อยแต่มีความสุขมาก ชื่อว่าทุกข์ไปเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกายสัตว์เดรัจฉานไม่มีต่อไปอีก

............... ศีลห้า มีอะไรบ้าง?

............... ข้อ ๑ ปาณาติบาต พระพุทธเจ้าบอกว่า ทรงให้เว้นจากการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต ทางที่ก็เว้นจากการทรมานสัตว์เสียด้วย

............... ข้อ ๒ อทินนาทาน ไม่ถือเอาทรัพย์สินที่บุคคลอื่นไม่ให้มาเป็นของตนโดยไม่ชอบธรรม

............... ข้อ ๓ กาเมสุมิจฉาจาร ให้เว้นจากการละเมิดความรัก คือเป็นสามีและภรรยาของบุคคลอื่น ยินดีเฉพาะสามีและภรรยาของตนเอง

............... ข้อ ๔ เว้นจาการมุสาวาท คือการไม่พูดให้ตรงตามความเป็นจริง เป็นการทำลายประโยชน์ของบุคคลผู้รับฟัง

............... ข้อ ๕ เว้นจากการดื่มสุราและเมรัย เพราะข้อนี้หนักมาก ถ้าเมาเมื่อไหร่แย่เมื่อนั้นจำอะไรไม่ได้ ดีไม่ดีเห็นว่าพ่อเป็นเพื่อนไปอีก แต่บางคนเห็นว่าพ่อเป็นฟุตบอลไปก็มีเตะพ่อตีแม่ อย่างนี้ก็มี

............... เป็นอันว่าศีลทั้ง ๕ ประการมีตามนี้ ทีนี้ต่อไปก็มาพูดกันถึงกรรมบถ ๑๐

............... กรรมบถ ๑๐ นี่จริง ๆ ก็เหมือนกับศีลห้า อยู่มาก แตกต่างกันอยู่นิดหน่อยเท่านั้นเอง กรรมบถ ๑๐ ก็คือ

............... ข้อที่ ๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์

............... ข้อที่ ๒. เว้นจาการลักทรัพย์ (เหมือนศีลห้า)

............... ข้อที่ ๓. เว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร คือเป็นชู้กับสามีภรรยาเขา (นี่สำหรับทางกาย ทางกายคือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม)

............... ทางวาจา ท่านจัดไว้ ๔ ศีลห้าจัดไว้แค่ ๑ ทางกายเหมือนศีลห้าเปี๊ยบ ไม่ต่างกันเลย แต่ทางวาจาท่านจัดไว้ ๔

............... ๑. "ไม่พูดปด" นี่คือศีลห้า ห้ามแค่นี้ กรรมบถ ๑๐ ห้ามต่อไป "ไม่พูดคำหยาบ" และก็ "ไม่พูดวาจาส่อเสียดยุยงเส่งเสริมให้เขาแตกร้าวกัน" และก็ "ไม่พูดวาจาที่ไร้ประโยชน์" มี ๔ ด้านจิตใจนี่ศีลห้า ไม่ได้บอกไว้ แต่ว่ากรรมบถ ๑๐ บอกไว้ว่าจิตใจ คือ

............... ๑. จงอย่าอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นใดมาเป็นของตน คือไม่ขโมยด้วย และก็ไม่นึกด้วย ศีลห้านี่ไม่ได้ขโมยแต่นึกอยากได้นี่ไม่ผิด กรรมบถ ๑๐ ไม่ขโมยแต่นึกอยากได้ผิด

............... ต่อไปข้อที่ ๒ ของจิตใจความรู้สึกนึกคิด นั่นก็คือไม่พยาบาทจองล้างจองผลาญใคร คือไม่จองเวรจองกรรมใคร โกรธน่ะโกรธ แต่ทว่าโกรธแล้วก็หายไป ต่อไปก็ไม่จองล้างจองผลาญใคร

............... แล้วข้อที่ ๓ ด้านจิตใจ มีความเห็นตรงตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือไม่ขัดคอพระพุทธเจ้า พูดกันง่าย ๆ ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าตายแล้วเกิดเราก็เชื่อว่าตายแล้วเกิด ไม่ใช่ตายแล้วสูญ อย่างนี้เป็นต้น และสวรรค์มีจริง พรหมโลกมีจริง นิพพานมีจริง เราก็ไม่เถียง เรายอมรับนับถือด้วยปัญญา ถ้าทำบาปอกุศลก็ไปเกิดเป็นสัตว์นรกบ้าง เปรตบ้าง อสุรกายบ้าง สัตว์เดรัจฉานบ้าง อันนี้เราก็ไม่เถียง ยอมรับและการปฏิบัติอย่างไรจะให้พ้นจากความทุกข์เสวยแต่ความสุข อันนี้เราก็ปฏิบัติตามอย่างนี้เรียกว่า "สัมมาทิฏฐิ" มีความเห็นชอบ เป็นข้อที่ ๓ ของกรรมบถ ๑๐ ก็จะไม่พูดย้ำมาก

............... ต่อมาก็หันมาดูศีลข้อที่ ๑ ศีลก็คือ กรรมบถ ๑๐ ก็ดี จะอธิบายควบกันไป ถ้าแยกกันนี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มันจะยึดยาดมากเกินไป คือว่าอันนี้เวลานี้เราเข้ามาปฏิบัติในข้อที่ว่า "วิจิกิจฉา" ข้อที่ ๒ ของสังโยชน์ (ขอนำเอาข้อที่ ๓ มาพูดรวมกัน) ข้อที่ ๒ บอกว่า ไม่สงสัยในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยอมปฏิบัติตาม ทีนี้พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้า ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน "คำสั่ง" ก็คือวินัย "คำสอน" ก็ได้แก่สาธารณะ

............... "คำสั่ง" หมายถึงห้ามหรือเตือนว่าจงอย่าทำ จงเว้น

............... "คำสอน" หมายความว่าจงทำตามนี้ จงปฏิบัติตามนี้ จะมีความสุข (ขอนำมารวมกันกับข้อวิจิกิจฉา) คือความสงสัยในสังโยชน์ข้อที่ ๒ เอาสีลัพพตปรามาสมารวมกันเลยถ้าไม่รวมกันแล้วยุ่ง ท่านก็ฟังกันยืดยาด ดีไม่ดีฟังกันเดือนก็ไม่จบ)

............... ก็รวมความว่า เวลานี้เรายอมรับนับถือในพระธรรม ได้แก่ "หิริ" และ "โอตตัปปะ" นี่เป็นอันว่าไม่ฝืน อาย อายความชั่ว เกรงกลัวผลของความชั่ว ไม่สงสัยในพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราอายเรากลัวไม่มีจุดปฏิบัติเราก็ท้อใจมาเริ่มปฏิบัติเริ่มแรก เอากันในเรื่องของศีล สำหรับศีลนี่ข้อไหนเหมือนกับกรรมบถจะบอกว่าเหมือนกัน ข้อไหนที่แยกกันเป็นกรรมบถโดยเฉพาะจะบอกว่านี่แยกกัน เพื่อสะดวกแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท

............... สำหรับศีลข้อที่ ๑ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงอย่าฆ่าสัตว์ ทำลายชีวิตสัตว์" ที่เป็นให้ถึงกับตาย" แต่ว่าถ้านักปฏิบัติจริง ๆ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ควรจะตั้งใจเสริมไว้สักนิดหนึ่ง พระพุทธเจ้าคงไม่ว่า คือเราไม่ฆ่าสัตว์ด้วย ไม่ทำร้ายร่างกายของสัตว์ด้วย จะดีมาก จะเรียกว่าจะทำร้ายหนักหรือเบาก็ตามที ถ้าไม่มีความจำเป็นจงอย่าทำที่คำว่า "จำเป็น" เพราะว่าเรายังเป็นปุถุชนคนที่ยังหนาแน่นไปด้วยกิเลส ฉะนั้นญาติโยมพุทธบริษัทจงอย่าคิดว่า อาตมาพูดถึงเฉพาะพวกท่านที่รับฟังนะ เนื้อแท้จริง ๆ อาตมาพาดพิงถึงอาตมาด้วย เราต่างคนต่างก็ยังมีกิเลสด้วยกัน ของใครจะมากกว่ากัน ของใครจะน้อยกว่ากันอันนั้นไม่ต้องวัด ใครจะหนักด้านไหน ใครจะเบาด้านไหนก็ไม่ต้องวัด

............... คำว่า "กิเลส" เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ถ้าพูดกันตามภาษาไทยชัด ๆ คือความสกปรกของจิต จิตที่ชอบรู้สึกหรือนึกคิดในด้านของความสกปรกโสมม ในด้านของความชั่ว ไอ้ความชั่วนี่ก็สกปกรก อย่างนี้เราเรียกว่า "มีกิเลส" ท่านพุทธบริษัททั้งหลายก็ต้องยอมรับความจริงกัน อาตมาก็ยอมรับความจริง ว่าจิตของอาตมาอาจจะสกปรกกว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทก็ได้ อันนี้รู้ไม่ได้ ญาติโยมที่นั่งฟังนี่ก็ไม่แน่ใจ ดีไม่ดีฟังอย่างนี้กลายเป็นเอามะพร้าวไปขายสวนก็ได้

............... ศีลข้อที่ ๑ ที่เราจะเว้นคือ

............... ๑. ไม่ฆ่าสัตว์ และขอได้โปรดแถม ไม่ทำร้ายร่างกายของสัตว์ด้วยนี่ด้านศีลข้อที่ ๑ เพราะว่าการทำร้ายร่างกายของสัตว์ สัตว์ไม่ตาย แต่สัตว์ก็มีทุกข์ เราก็มาวัดถึงกำลังใจของเราก็แล้วกัน คนใดถ้าเขาจะฆ่าเราก็ไม่ชอบ ถ้าเขาไม่ฆ่าเราเขาขอทำร้ายร่างกายเราก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ทำร้ายหนักหรือเบาเราก็เป็นทุกข์ ถ้าเราทำร้ายร่างกายเขา หนักหรือเบาเขาก็เป็นทุกข์ เป็นทุกข์ที่เจ็บกายและเป็นทุกข์ที่เจ็บใจ มันทุกข์ ๒ ชั้น บรรดาท่านพุทธบริษัท ความสุขจะไม่มี (มาว่ากันอีกทีก็เปรยไปได้ตอนต้นคือ ข้อที่ ๑ นี่เป็นทั้งกรรมบถ ๑๐ และศีลห้า) ที่บอกว่ากรรมบถ ๑๐ มีธรรมะแทรกชัดบ่งชัดออกมาเลย แต่ว่าศีลห้า มีธรรมเหมือนกันแต่คุดอยู่ข้างใน คนที่ไร้ปัญญามองไม่เห็นหรือว่าคนที่ปัญญาดื้อนิด ๆ ก็มองไม่เห็น ดื้อแล้วก็สอนไปเท่าไร ๆ ก็ตาม ขยับไปนิด ๆ ขยับไปหาความขยันหรือขยับเข้าไปหาความฉลาดจริง ๆ ไม่ค่อยจะไป อันนี้มองไม่เห็นเหมือนกัน ศีลข้อที่ ๑ นี่ถ้าจะมีได้บรรดาท่านพุทธบริษัทต้องมีธรรมะที่คุดอยู่ภายในเข้ามากระตุ้นเตือน

............... ธรรมะที่คุดอยู่ภายในก็คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร ธรรมะ ๒ ประการนี้อยู่ใน "พรหมวิหาร ๔" คือพรหมวิหาร ๔ น่ะมี

............... ๑. เมตตา ความรัก

............... ๒. กรุณา ความสงสาร

............... ๓. มุทิตา มีจิตอ่อนโยน ไม่อิจฉาริษยาใคร เห็นคนอื่นได้ดีพลอยยินดีด้วย

............... ๔. อุเบกขา วางเฉย เห็นใครเพลี่ยงพล้ำ ไม่ซ้ำเติม

............... ตอนนี้เอากันอย่างย่อ ๆ อย่างง่าย ๆ เอาตามสิ่งที่มีความจำเป็นเพราะเรายังเป็นปุถุชนอยู่ ถ้ามากนักแล้วก็จะไปไม่ไหว ก็เอากันว่าต้องมีธรรมะ ๒ ประการ เข้าควบคุมใจ คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร แต่ความรักในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความรักในด้านกามารมณ์ อย่างผู้ชายรักผู้หญิง ผู้หญิงรักผู้ชาย อยากจะแต่งงานกัน นั่นคนละเรื่องกับความรักแบบนี้ เป็นความรักด้านเมตตาปรานี เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มีความรู้สึกว่าเรารักร้างกายของเราเพียงใด คนอื่น หรือสัตว์อื่นก็รักร่างกายเพียงนั้น เราสงสารร่างกายของเราเพียงใด เราก็สงสารร่างการของคนอื่นเพียงนั้น

............... คำว่า "สงสาร" สงสารร่างกายของเรา คือไม่อยากให้ใครมาฆ่าเรา ไม่อยากให้ใครมาทรมานเรา การรักร่างกายของเรา เราก็ต้องการให้ร่างกายของเรามีความสุขมีความสมบูรณ์แบบทุกอย่าง นั่นก็หมายความว่าใครจะมาทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ เราไม่ต้องการ ขึ้นชื่อว่าความบกพร่องในร่างกาย ความบกพร่องในจิตใจไม่ต้องการให้มีเพราะการกระทำของบุคคลอื่น อย่างนี้เรียกว่า เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร ถ้าอารมณ์ทั้ง ๒ ประการนี้มีประจำใจของบรรดาท่านพุทธบริษัท ศีลข้อที่ ๑ ทรงตัวได้แน่นอน ทั้งนี้เพราะอะไร? เพราะว่าคนที่รักกัน ฆ่ากันก็ไม่ได้ ทำร้ายร่างกายก็ไม่ได้ คือไม่มีใครฆ่ากันเพราะเขารักกัน ทำร้ายร่างกายก็ไม่มี คนที่มีความสงสารกัน จะหยิกก็สงสาร จะเอามีดฟันก็สงสาร จะเอาปืนยิงก็สงสาร ในเมื่อความสงสารปรากฏแล้ว บรรดาท่านพุทธบริษัทก็ทำร้ายร่างกายกันไม่ได้ ฆ่ากันไม่ได้เช่นเดียวกัน

............... รวมความว่า ศีลข้อที่ ๑ มีธรรมะสิงอยู่ภายใน ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็จะปฏิบัติกันได้เฉย ๆ โดยไม่มีธรรมะเข้าเป็นเครื่องค้ำจุน

............... เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตอนที่ ๑๑ นี้ก็ต้องหยุดแต่เพียงแค่นี้เพราะเวลาหมดแล้ว ก็ต้องขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแต่บรรดาท่านพุทธศาสนิชนทุกท่าน สวัสดี...



**********************
ปล. หนีนรก มีทั้งหมด ๒๔ ตอนจบครับ โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
ที่มา เวปพุทธภมิ
ทำนองเพลง ลาวม่านแก้ว





Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2552 9:20:50 น. 58 comments
Counter : 659 Pageviews.

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ พี่ไผ่

มาอ่านหนีนรกตอนที่ 11

ผลของทานเป็นปัจจัยให้ได้ลาภสักการะ

ผลของการรักษาศีลให้เกิดความสุขหลาย ๆ ประการ

ผลของการเจริญภาวนาและศึกษาธรรม เป็นเหตุให้เกิดปัญญามีความฉลาด

โมทนาค่ะ พี่ไผ่

ได้รับธรรมะดีๆ แต่เช้า ดีจัง
มีความสุขมากๆ นะคะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:24:00 น.  

 
ขอบคุณครับที่รับเป็นเพื่อนบ้าน

ชื่ออะไรหรอครับ ผมยังไม่ค่อยรู้จักใครเลยอ่า

แล้วเล่นblogกันนานแล้วหรอครับ?

ผมอ่ะไม่ค่อยรู้เรื่องเลย

แล้วสวรรค์เนี่ยมันอยู่ที่ใจจริงๆเนอะ ว่าป่าวพี่ชาย....อิอิ


โดย: puppy_art วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:34:14 น.  

 
อ่าน"หนีนรก"ทุกตอน ศรัทธาค่ะ


โดย: nathanon วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:42:44 น.  

 
เห็นด้วยเลยครับพี่
มีหิริโอตัปปะสองตัวนี้
ก็ครอบคลุมเกือบจะทุกศีลเลยครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:44:53 น.  

 
สวัสดีค่ะ...พี่ไผ่
เข้ามาอ่านจนจบเลย เก่งป่ะ

อนุโมทนาด้วยค่ะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:39:05 น.  

 
พี่ไผ่อธิบายได้ชัดเจนดีจังเลยครับ
ขอบคุณครับพี่




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:51:31 น.  

 

เผื่อบ่ายๆจะง่วง
ก้เลยยกส้มตำมาทานด้วยกันค่ะ



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:54:12 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไผ่ขา

วันนี้ธัญมาซะบ่ายเกือบเย็นเลยค่ะ
ธัญมากับหัวใจเลยค่ะวันนี้..
ไม่มีอะไรติดมือมาฝากค่ะ
คุณไผ่ไม่ว่ากันนะคะ...

วันนี้คุณไผ่มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: tanjira วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:05:01 น.  

 
หวัดีค๊า พี่ไผ่!!!!!!!!!

สบายดีน๊ะค๊ะ
หมวยเล้กมารายงานตัวแย้ววว
ไม่ได้เข้ามาคุยด้วยตั้งหลายวัน
เนื่องจากงานเข้า หุหุหุ
คิ๊ถึง น๊ะค๊ะ ขอบคุงน่ะค่ะ ที่แวะเข้าไปที่ blog บ่อยๆๆ

อากาศเปลี่ยนแปลงรักษาสุขภาพด้วยน๊ะค๊ะ
(แก่แย้วว เด๋วไม่สบาย อ๊ะล่อเล่ง...)



โดย: หมวยเล็ก_รักไม่ช่วยอะไร วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:31:37 น.  

 

ม่าม๊าแวะมาแล้วนะคะ

คนเราจะไปสวรร่ค์ม่าม๊าว่าไม่ยากนะ

ถ้าเราจะทำ แต่ไม่ทำก็ไม่มี่ใครช่วยได้ค่ะ




โดย: mamamodern วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:38:23 น.  

 
จ๋ม...พี่ไผ่ทานส้มตำไม่แบ่่ง

ก็เป็นแบบนี้แหละ

วันหลังต้องเรียกมาช่วย

รู้ป่าวค่ะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:01:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ไผ่

ขอบคุณไอสครีมนะคะ น่าทานจัง เห็นแล้ว

ขอให้พี่ไผ่มีความสุขเยอะๆ ค่ะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:39:41 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณไผ่
มินทานกลางวันกับเย็น รวมกันไปเลยค่ะวันนี้อ่ะ อิอิ
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:48:17 น.  

 
มาส่งความคิดถึง เหนื่อยจังเยยพี่ไผ่...


โดย: ตัวp_box วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:06:58 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไผ่ แวะมาทักทาย และอ่านธรรมะของหลวงพ่อเหมือนเคยค่ะ ^_^


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (http://beee.bloggang.com) IP: 58.9.206.175 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:40:28 น.  

 
ตามมาอ่านแล้วคะพี่ไผ่


ตุ๊กตาเริ่มสอนแล้วคะ กลับไปรบกะนักเรียนคะ


โดย: tukta (tukta510 ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:11:30 น.  

 



♥ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ จ๊ะ...♥


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:35:41 น.  

 
สาธุ สาธุ สาธุอนุโมทนาสาธุค่ะพี่ไผ่ บุษอ่านไปเกิดกระแสปิติ ขนลุกไม่ใช่หนาวเพราะในบ้านอุ่น บุษจะจำไว้ค่ะ "ให้คิดว่าเราอาจจะตายวันนี้ไว้เสมอ,เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ให้แน่นอน ,"ศีลห้า และกรรมบถ ๑๐" ,มี"หิริ" คือความละอายต่อความชั่ว "โอตตัปปะ" คือเกรงกลัวผลของความชั่ว และถึงพร้อมด้วย "พรหมวิหาร ๔"

สาธุ ขอให้พี่ไผ่จงมีแต่ความสุข สมปราถนาเป็นหนึ่งในการขนศิษย์ไปนิพพาน ในอนาคตอันใกล้ และวันนี้ขอให้พี่ไผ่จงนอนหลับฝันดี และรับตำแหน่งใหม่(กำนัน)สมปราถนาค่ะ คริ คริ

ด้วยความเคารพ


โดย: Budratsa วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:2:51:39 น.  

 
ดีค่ะ เหมือนคอยเตือน ๆ กันให้หนีนรก เพราะว่าขาลงดูเหมือนง่ายกว่าขาขึ้น หรือระดับเดิม คือมนุษย์

ผลของการรักษาศีลให้เกิดความสุขหลาย ๆ ประการ จริงค่ะ

มีเพื่อนคนหนึ่งที่แต่ละปีเขาจะไปเข้าคอร์สปฎิบัติธรรมหลาย ๆ วันค่ะ เขาเล่าให้ฟังว่าเวลาทำงานปกติ สมมติคิดจะทำอะไรไม่ดี หรือพูดไม่ดีเนี่ย จะมีเรื่องเดือดร้อนเข้าตัวทุกทีค่ะ เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมาบอกว่าอย่าทำผิด

มันก็แปลกดีนะคะ


โดย: รัชชึ่ (รัชชี่ ) วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:36:37 น.  

 
ดีค่ะ เหมือนคอยเตือน ๆ กันให้หนีนรก เพราะว่าขาลงดูเหมือนง่ายกว่าขาขึ้น หรือระดับเดิม คือมนุษย์

ผลของการรักษาศีลให้เกิดความสุขหลาย ๆ ประการ จริงค่ะ

มีเพื่อนคนหนึ่งที่แต่ละปีเขาจะไปเข้าคอร์สปฎิบัติธรรมหลาย ๆ วันค่ะ เขาเล่าให้ฟังว่าเวลาทำงานปกติ สมมติคิดจะทำอะไรไม่ดี หรือพูดไม่ดีเนี่ย จะมีเรื่องเดือดร้อนเข้าตัวทุกทีค่ะ เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมาบอกว่าอย่าทำผิด

มันก็แปลกดีนะคะ


โดย: รัชชึ่ (รัชชี่ ) วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:36:37 น.  

 


โดย: nathanon วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:20:14 น.  

 


ขอขอบคุณ คำอวยพร ในวันเกิด

พรประเสริฐ ทรงคุณค่า กว่าสิ่งไหน

ทั้งอีการ์ด บทกลอน ซาบซึ้งใจ

ขอคุณพระรัตนตรัย คุ้มครองท่าน เช่นกันเอย



โดย: หน่อยอิง วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:38:22 น.  

 
สวัสดีตอนเย็นๆครับคุณไผ่


โดย: JohnV วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:11:47 น.  

 
อนุโมทนาค่ะ..การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง

ขอบคุณภาพวาดที่นำมาฝากกัน กุหลาบสวยมากค่ะ




โดย: นางฟ้าในโลกไซเบอร์ วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:47:08 น.  

 
แวะมาหวัดดีหลังอาหารเย็นค่ะ



สัญญลักษณ์บนภูชี้ฟ้า


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:18:05 น.  

 
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณไผ่


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นางฟ้าในโลกไซเบอร์ วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:49:53 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไผ่
มาสดับธรรมเพิ่มเติมค่ะ
สุขสันต์วันหยุดเช่นกันค่ะ


โดย: ชีวิตมีลีลา วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:50:42 น.  

 
มาอ่านทบทวนธรรมะของหลวงพ่ออีกรอบค่ะ รอตอนต่อไปด้วยค่ะ ^_^


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (http://beee.bloggang.com) IP: 125.24.152.229 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:00:46 น.  

 
ฝันดีนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: redclick วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:12:02 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ
อนุโมทนา สาธุ.....ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: กัดหมอน วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:20:20 น.  

 
มาราตรี ก่อนหรี่ตาค่ะ อิอิ

ฝันดี นะคะ พี่ไผ่


โดย: พ่อระนาด วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:13:28 น.  

 
แก้ไขรูปแล้วค่ะพี่ไผ่ มีหลานบอกว่าให้ทานบล็อกโคลี่และหน่อไม้ฝรั่งต้านหวัด 2009 ค่ะหนูเลยบอกต่อพี่ไผ่เผื่อคนอื่นได้รู้ด้วยค่ะและหนูมาแวะส่งพี่ไผ่เข้านอนค่ะ นอนหลับฝันดีน่ะค่ะพี่ไผ่


โดย: Budratsa วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:26:46 น.  

 
สวัสดีตอนค่ำๆ ของเยอรมันค่ะ
กว่าจะได้เข้ามาอ่าน ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรค่ะ
มีแต่เรื่องมาให้ทำอยู่เรื่อยๆ

ผลของการรักษาศีลให้เกิดความสุขหลาย ๆ ประการ ก็จริงนะคะ

คุณไผ่ไปเยี่ยมบ่อยๆ เกรงใจจังเลยค่ะ

หลับฝันดีนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ



โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:57:24 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


เช้าวันจันทร์สวัสดี
เริ่มสัปดาห์ใหม่ด้วยความสุขตลอดวันนะค่ะคุณไผ่


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:28:33 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณไผ่
เริ่มต้นวันจันทร์ด้วยความสุข สดชื่น นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:47:55 น.  

 
อัพบล็อกแล้วครับ

กลอนเหมือนเดิม วันนี้ว่าด้วยเรื่อง "ชีวิตคู่" ครับ...

ใครมีคู่อยู่แล้ว หรือกำลังคิดจะมีคู่ ลองอ่านดูน่าจะเหมาะ...


"...เพราะความรัก ใช่ความรู้ ไร้ครูสอน

ทุกขั้นตอน ล้ำลึก ยากฝึกฝน

คือการหลอม รวมใจ ใครสองคน

ร้อนต้องลน จนทั่วเบ้า จึงเข้ากัน"




โดย: ลุงแว่น วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:27:40 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ไผ่









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:06:10 น.  

 
มาส่งความคิดถึงให้พี่ชายจ้า..สบายดีนะคะ งานยุ่งอ่ะพี่ไผ่ เหนื่อยโพ่ดดด....



More Graphics Comment click here.


โดย: ตัวp_box วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:56:15 น.  

 
พี่ไผ่....

มาทานไอศครีมกันค่ะ



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:09:44 น.  

 




แวะมาสวัสดีวันจันทร์จ๊ะพี่ไผ่...


มีความสุข...รักษาสุขภาพนะคะ...


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:16:04 น.  

 




สวัสดีค่ะคุณไผ่
มาเยี่ยมด้วยความคิดถึงค่ะ


ระยะนี้ป้าเข้าบล็อกไม่สม่ำเสมอ ผลุบๆโผล่ๆอยู่เป็นประจำ
อายุมากแล้วต้องระวังสุขภาพ
แต่ก็ยังระลึกถึงกันอยู่เสมอค่ะ

ขอบพระคุณคุณไผ่ที่แวะไปเยี่ยมป้าเป็นประจำ

เรื่องการเดินทางไกลนี่ไม่ประมาทเลยค่ะ ก่อนนอนจะระลึกถึงทุกครั้ง
อาจจะเป็นการหลับคืนสุดท้าย
หรือจะได้ตื่นขึ้นมาสะสมเสบียงกันต่อก็แล้วแต่มือที่มองไม่เห็นกำหนด


รักษาสุขภาพ และอยู่กับใจที่อิ่มเย็นนะคะคุณไผ่


คมคำ : หยุดเดินเมื่อไหร่ ทางที่ใกล้ก็ไกลออกไปเมื่อนั้น




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:21:24 น.  

 
title=

ฝันดีนะคะ พี่ไผ่
ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:24:23 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

หนูดำสบายดีจ้า.. ตอนนี้อยู่ที่สิงคโปร์ อิอิ..ค่าแต่อินเตอร์เน็ตแพงมั๊กมาก เลยไม่ค่อยได้เข้ามาทักทายเลย

แต่คิ๊ดถึ๊ง คิดถึง...ทู๊กๆคน


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:41:04 น.  

 
...แวะมาส่งเข้านอนค่ะ...




โดย: กระป๋องแป้งฝุ่น วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:13:23 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไผ่ แวะมาทักทายและส่งความคิดถึงให้กันเหมือนเดิมค่ะ

วันนี้วันพระ มีธรรมะดี ๆ มาฝากให้อ่านกันด้วยค่ะ ^_^


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:32:26 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ.....พี่ไผ่

มีความสุขเยอะๆนะค่า



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:39:12 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ไผ่









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:43:09 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:30:27 น.  

 
หวัดดีตอนเช้าจ้าพี่ไผ่..งานเยอะเปล่า เดี๋ยวสายๆแพทต้องออกไปข้างนอกแระ มาทักทายจ้า อย่าลืมกินข้าวด้วยนะเดี๋ยวไม่มีแรงสวดมนต์ปฎิบัติธรรมแล้วน้องๆแถวนี้ จะพลอยไม่ได้รับส่วนบุณ เอ้ยยย..ผลบุญไปด้วย กร๊ากกกก....ไปก่า..





Hello Comments Hi5



โดย: ตัวp_box วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:02:10 น.  

 
วันพระสวัสดีค่ะ พี่ไผ่

เจริญธรรมนะคะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:16:20 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:17:15 น.  

 
สวัสดีวันพระค่ะคุณไผ่....
เช้านี้เริ่มต้นด้วยการใส่บาตรค่ะ
เจริญในธรรมค่ะ


โดย: ชีวิตมีลีลา วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:56:33 น.  

 
ธรรมะสวัสดีวันพระค่ะ คุณไผ่ คิดถึงอยู่เสมอค่ะ




โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:21:34 น.  

 
สวัสดีค่า

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบ่อยๆนะคะ

ตอนนี้อาการป่วยของต่ายดีขึ้นแล้วค่ะ


โดย: Moon~JulY วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:53:39 น.  

 

Photobucket

เมื่อช่วงเดือนที่แล้วพี่โรสมีเรื่อง ยุ่งมากมาย ขอบคุณกำลังใจค่ะ ที่มาเยี่ยมกัน

แวะมาอนุโมทนาค่ะคุณไผ่











โดย: นายกุหลาบ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:20:40 น.  

 

ม่าม๊าแวะมาสวัสดีวันพระ่ค่ะ

ขอให้หนูมีความสุขกาย สุขใจนะคะ



โดย: mamamodern วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:30:38 น.  

 
อ้อ..เหรอคะ
เราก็ศิษย์ อจ.มั่น เหมือนกันนนนนนนนนน


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:53:26 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จักกันนะคะ แวะเข้ามาทักทายค่ะ ชอบจังบล๊อกนี้มีอะไรดีให้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกแล้ว มีเรื่องดีๆให้อ่าน ขอบคุณมากนะคะ เรื่องธรรมมะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวแต่หลายๆคนกลับมองไม่ค่อยเห็น ณัฐว่าใช้ชีวิตคู่กับธรรมะดีออกนะคะ ทำให้เรานิ่งและคิดอะไรได้เยอะมาก แล้วก็ธรรมะทำให้คนเย้นลงได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว แล้วจะแวะมาทักใหม่นะคะ อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ


โดย: หนึ่งลมหายใจ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:58:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.