จำเพื่อลืมดื่มเพื่อเมาเหล้าเพื่อโลก สุขเพื่อโศกหนาวเพื่อร้อนนอนเพื่อฝัน ชีวิตนี้มีค่านักควรรักกัน รวมความฝันกับความจริงเป็นสิ่งเดียว -รุไบยาต- โอมาร์ คัยยัม รจนา แคน สังคีต พากย์ไทย

<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 สิงหาคม 2549
 

การบอกเล่าเรื่องเพศในวรรณคดีของไทย

“มนุษย์ไม่สามารถปฏิเสธเรื่องเพศได้ แต่ก็ไม่ควรพูดหรือกระทำอย่างโจ่งแจ้ง”

จำได้ว่าเคยอ่านข้อความทำนองนี้จากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ตอนแรก ๆ ก็อ่านแบบผ่าน ๆ โดยไม่คิดอะไร เพราะเรื่องทำนองนี้ก็เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องบอกอะไรมากมาย แต่ด้วยความที่เรียนมาทางด้านภาษาไทย ขลุกอ่านวรรณคดีมาก็เยอะ ความคิดหนึ่งจึงบังเกิดขึ้นในหัวสมองอันน้อยนิดของผม และความคิดที่ว่าก็กลายมาเป็นข้อเขียนที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี่และครับ

สมัยก่อน (หมายถึงสมัยเมื่อสามสิบสี่สิบปีที่ผ่านมา) ถ้าใครพูดเรื่องเพศออกมากลางวงสนทนา โดยเฉพาะผู้พูดเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว คงต้องถูกผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ เอ็ดหรือไม่ก็โดนหยิกจนเนื้อเขียวเป็นแน่ เพราะสมัยก่อนเรื่องเพศเป็นเรื่องต้องห้าม และที่ห้ามนั้นก็หาใช่ “คน” ไม่ แต่กลับกลายเป็นนามธรรมที่เราเรียกว่า “จารีต” ในสมัยนั้นต่างหาก

สังคมไทยสมัยก่อนนั้นยังไม่ถูกกระแสวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาครอบงำจนมิดเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นการจะทำอะไร จะพูดอะไรที่เป็นสิ่งต้องห้ามก็ต้องระวังตัวกันหน่อย
คงเคยได้ยินคำพังเพยนี้นะครับ “หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง” หรือ “คนอื่นไม่รู้ ผีสางเทวดาก็รู้” เห็นไหมล่ะครับถ้าพูดหรือทำอะไรที่ไม่ดีไม่งาม ก็คงต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือไม่ก็ต้องอับอายขายหน้ากันไปข้างหนึ่งเลย อย่าลืมว่า สังคมสมัยก่อนยังไม่สลับซับซ้อนมากเท่าเดี๋ยวนี้ ดังนั้นใครทำอะไร บ้านไหนที่ผัวเมียทะเลาะกันหัวร้างข้างแตก ไม่เกินข้ามคืนก็รู้กับทั้งบางแล้ว

ที่เกริ่นมาเสียยืดยาวก็เพราะต้องการจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเพศ เรื่องที่สังคมไทยค่อนข้างจะเกิดอาการน้ำท่วมปากเวลาพูด (ไม่รู้ว่าสมัยนี้จะเป็นตรงกันข้ามหรือเปล่า)

แต่ถ้าถามว่า มีการแอบสอดแทรกหรือบรรจุเรื่องเพศไว้ในการสื่อสารของคนในสมัยก่อน โดยเฉพาะในงานวรรณคดีนั้นมีหรือไม่

คำตอบคือมีแน่นอนครับ และไอ้ที่แอบสอดแทรกแปลกปนอยู่ในวรรณคดีนั้นเราเรียกว่า “บทอัศจรรย์”

บทอัศจรรย์นับเป็น “เอกลักษณ์” อย่างหนึ่งของวรรณคดีไทย จะเห็นได้ว่ามีการใช้ดอกไม้แทนเพศหญิง และใช้แมลงภู่ผึ้งภมรแทนเพศชาย นอกจากนั้นยังมีการใช้สิ่งอื่น ๆ แทนอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการเสพสังวาส เช่น ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ปลา ดอกบัว สระน้ำ ฯลฯ ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้มักพบบ่อยในตอนที่เราเรียกว่าบทอัศจรรย์ หรือจะให้พูดภาษาชาวบ้าน ๆ ก็คือบท “เข้าพระเข้านาง” นั่นเอง

นี่ว่าด้วยทฤษฎีนะ

เรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่อยู่คู่กับมนุษย์มานานแล้ว ข้อนี้ไม่ปฏิเสธ สุนทรภู่บอกไว้ว่า

ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ ไม่จำกัดห้ามปรามตามวิไสย
นาคมนุษย์ครุฑาสุราไลย สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน ฯ

วรรณคดีเรื่องแรกที่กล่าวถึงก็คือ “กาพย์พระไชยสุริยา”

กาพย์พระไชยสุริยาที่เมื่อก่อนจะมีเด็ก ๆ ไปนั่งสวดที่กำแพงวัดพระแก้ว ทำนอง “สังขารา” หรือที่เราเรียกว่า “สวดโอ้เอ้วิหารราย” นั่นเอง (ถ้าไม่มีเรื่องใดให้ตั้งกระทู้ คราวหน้าผมจะมาว่าด้วยเรื่องการสวดโอ้เอ้วิหารราย เพราะเดี๋ยวนี้ชักจะค่อย ๆ ห่างหายไปแล้ว ดีนะที่ตอนนี้ “ครูมืด” อาจารย์ประสาท ทองอร่าม แห่งกรมศิลปากรกำลังจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีก-เป็นที่น่ายินดีเหลือเกิน)
กาพย์เรื่องนี้นับเป็นอีกผลงานหนึ่งที่แสดงให้เห็นอัจฉริยภาพทางกวีของครูสุนทรภู่ เพราะท่านสามารถเลือกใช้คำที่ลงเสียงตัวสะกดได้ตรงตามมาตราที่ท่านตั้งใจจะใส่ เช่น แม่ ก กา ที่ท้ายคำไม่มีเสียงตัวสะกด ท่านก็เนรมิตได้ว่า

แม่ ก กา
(ยานี 11)
สะธุสะ จะขอไหว้ พระศรีไตรสะระณา
พ่อแม่แลครูบา เทวะดาในราษี
ข้าเจ้าเอา ก ข เข้า มาต่อ ก กา มี
แก้ไขในเท่านี้ ดีมิดีอย่าตรีชา
จะร่ำคำต่อไป พอล่อใจกุมารา
ธรณีมีราชา เจ้าภาราสาวะถี
ชื่อพระไชยสุริยา มีสุดามะเหษี
ชื่อว่าสุมาลี อยู่บูรีไม่มีภัย ฯ

มาถึงตอนนี้ คนที่อายุเกิน 30 น่าจะได้ท่องกันมั่ง แต่ผมโชคดีที่ตอนเรียนปริญญาตรีอาจารย์บังคับให้ท่อง ทั้งที่เป็นการอ่านร้อยกรองธรรมดา ระเรื่อยไปจนถึงสวดทำนองสังขาราเลยแหละ

บทอัศจรรย์ในเรื่องพระไชยสุริยาอยู่ในแม่ กด ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเอาไปใส่ไว้ในแม่ กด อนุมานได้ว่าบทอัศจรรย์มันเกี่ยวข้องกับการ “กด” ก็เลยต้องเอาไปไว้ที่นั่น หรือเปล่า ไม่รู้เหมือนกัน เนื้อความมีอยู่ว่า

แม่ กด
(ยานี 11)
ขึ้นกดบทอัศจรรย์ เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง
นกหกตกรังรวง สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง
แดนดินถิ่นมนุษย์ เสียงดังดุจเพลิงโพลง
ตึกกว้านบ้านเรือนโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน
บ้านช่องคลองเล็กใหญ่ บ้างตื่นไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน ลุกโลดโผนโดนกันเอง
พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
ระฆังดังวังเวง โหง่หง่างเหง่งเก่งก่างดัง
ขุนนางต่างลุกวิ่ง ท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง
พันละวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน
พระสงฆ์ลงจากกุฎิ วิ่งอุดตลุดฉุดมือเณร
หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน
พวกวัดพลัดเข้าบ้าน ล้านต่อล้านซานเซโดน
ต้นไม้ไกวเอนโอน ลิงค่างโจนโผนหกหัน
พวกผีที่ปั้นลูก ติดจมูกลูกตาพลัน
ขิกขิกระริกกัน ปั้นไม่ทันมันเดือดใจ
สององค์ทรงสังวาส โลกธาตุหวาดหวั่นไหว
ตื่นนอนอ่อนนอกใจ เดินไม่ได้ให้อาดูรฯ

นี่คือบทสังวาสระหว่างพระไชยสุริยากับพระนางสุมาลี เป็นบทอัศจรรย์ที่เรียกได้ว่าลั่นเลื่อนสะเทือนฟ้าดินเฉกเช่นเดียวกับบทอัศจรรย์ของอิเหนา พระอภัย ขุนแผนหรือแม้กระทั่งคู่สังวาสในวรรณคดีอื่น ๆ แต่ของพระไชยสุริยานี้คงจะเลื่อนลั่นไปหน่อย ตอนท้ายจึงออกมาในรูป “ตื่นนอนอ่อนนอกใจ เดินไม่ได้ให้อาดูร”

ผู้อ่านลองจินตนาการเอาเองว่า มันถึงลูกถึงคนแค่ไหน ถึงขนาดเดินไม่ได้เลย (ฮา)

ทีนี้มาดูอีกเรื่องหนึ่ง เป็นวรรณคดีเอกอีกเรื่องของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ยอดกวีอีกท่านหนึ่งของไทยเรา เรื่องนี้คือ “สมบัติอมรินทร์คำกลอน”

เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงความยิ่งใหญ่อลังการของทิพยสมบัติของผู้มีตำแหน่งพระอินทร์ว่ามีอะไรบ้าง (ถ้าใครอยากรู้ว่าพระอินทร์มีทรัพย์สินเท่าไหร่ก็ลองไปอ่านดูนะครับ แต่คงไม่มากเท่าท่านนายกทักษิณของเราเป็นแน่ – ฮ่า ฮ่า) จากนั้นก็เล่าเรื่องที่พระอินทร์ตามนางสุชาดา เรื่องนี้มีอยู่ในอรรถกถานะครับ ท่านเล่าว่านางสุชาดาเคยเป็นชายาเอกของพระอินทร์ (ซึ่งมีอีก 3 คือนางสุจิตรา นางสุธรรมาและนางสุนันทา) แต่ด้วยที่นางสุชาดาตอนเป็นมนุษย์นั้นมัวแต่ทำนิสัยรักสวยรักงาม ไม่ทำบุญสุนทานเหมือนคนอื่น ๆ ครั้นทั้งหมดดับชีพสิ้นชนม์แล้ว ก็พากันไปอุบัติบนสวรรค์ชั้นที่มีนามว่าดาวดึงษ์ เว้นแต่นางสุชาดา ที่กลับไปเกิดเป็นธิดาของอสูรชื่อเวปจิตตา
เมื่อโตขึ้นก็ถึงแก่กาลวิวาห์ ท้าวเวปจิตตาผู้เป็นบิดาก็จัดให้มีพิธีเลือกคู่ ก็มีทั้งอสูรหนุ่มแก่มาให้เลือกมากมาย พระอินทร์ของเราก็รู้ข่าว และคิดจะได้นางสุชาดามาเป็นภรรยาดังเดิม ก็เลยแปลงตัวเป็นอสูรแก่ไปให้นางเลือก สุชาดาก็เลือก

รบกันสิครับท่านผู้อ่าน แต่สุดท้ายพระอินทร์ก็ชนะไปตามระเบียบ พอมาถึงวิมานแล้ว บทอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ดังนี้

พลางจุมพิตพักตร์อัคเรศ เสพสมรมเยศเกษมศรี
กระแหม่วแนวนวลทิพนาภี ดวงฤดีดัดฤดีประลองคะนอง
กรลอดสอดเลี้ยวเกี้ยวกระหวัด สะพัดแอบแนบชิดสนิทสอง
ดังแท่งแก้วอันทำเป็นลำยอง สะดุ้งหลังแท่งทองที่ไพชยนต์
วลาหกเทพบุตรเมื่อคิมหันต์ ก็อัดอั้นดั่งจะปรายซึ่งสายฝน
พายุพัดกลัดเมฆที่มัวมน มิให้หล่นลั่นฟ้าลงมาดิน
นันทโบกขรณีสี่สถาน บันดาลแห้งแล้วระหว่างสินทธุ์
ส่วนพระยาคชเรศเทวินทร์ กระหายวารีดิ้นวิมานทอง
หนึ่งดอกดวงพวงพุ่มผกามาศ ครั้งอากาศมืดคลุ้มชอุ่มหมอง
ก็คลี่คลายขจายกลีบเรณูรอง ละอองสร้อยเสาวรสรำเพยพาน
แล้วเชยดวงพวงทิพสังวาส ปรามาสมณฑาทองสองสมาน
ค่อยชื่นเริงเชิงเล่ห์ระเริงลาน เป็นสุขสุดสำราญในเทวัญ
พระลืมชมอุทยานสนานสินธุ์ โฉมยุพินลืมสิ่งเกษมสันต์
สุเรนทร์ลืมออกมุขวิไชยันต์ นางลืมพงศ์กุมภัณฑ์แลธานีฯ

นี่คือความงามในกระบวนกลอนของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ที่เยาวชนคนรุ่นหลังควรศึกษาไว้เป็นที่สุด

อีกเรื่องหนึ่งที่มีบทอัศจรรย์ (ที่ผมไม่ยกพระอภัยมณีและลิลิตพระลอมาบรรจุไว้ในนี้ ก็เพราะว่า เรื่องทั้งสองได้มีผู้เขียนถึงมากแล้ว) อันวิจิตรบรรเจิดก็คือ เรื่องจันทโครพ ในตอนที่พระจันทร์โครพได้กับนางโมรา

บทอัศจรรย์นี้ค่อนข้างจะอึกทึกคึกโครมสักหน่อย ลองมาดูกัน

หิมวันต์เลื่อนลั่นสะท้านสะเทือน สาครเคลื่อนลูกละลอกกระฉอกฉาน
มัจฉาโดดโลดเล่นในลำธาร เสียงสะท้านเขากระทบกระทั่งกัง
ทั้งปู่เจ้าเขาเขินเนินพนม ถลาล้มลุกแล่นไม่เหลียวหลัง
พระฤๅษีอยู่ในถ้ำร่ำระฆัง ทุกรวงรังนกร้องคะนองไพร
ทั้งพฤกษาก็ระย้าระยาบโยก ลมกระโชกกิ่งก้านเขยื้อนไหว
พิลึกลั่นชั้นฟ้าสุราลัย ราหูไล่คว้ารถพระสุริยา
อ้าโอษฐ์อมอับพะยับแสง ทุกหล้าแหล่งมืดมิดทุกทิศา
พิรุณสาดฟาดฟองคะนองฟ้า เมขลาล่อแก้วอยู่แวววาว
ตลอดแลบแปลบปลาบเป็นเปลวช่วง อสูรหน่วงขวานขว้างไปกลางหาว
เปรี้ยงกระเดื่องเปรื่องกระดอนทุกแดนดาว ก็เกรียวกราวนกกาถลาบิน
ในท่อน้ำลำธารฉานกระฉอก คลื่นละลอกล้นลบกระทบหิน
กระแทกผึงกระทุ่มผางลงกลางดิน ก็เสร็จสิ้นสุขเกษมทั้งสองราฯ

ที่ว่าอึกทึกครึกโครมก็เพราะ กวีเลือกใช้คำที่ให้ทั้งภาพและเสียงมาวางเรียงใกล้ ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น การสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นของหิมวันต์ภูผา ความปั่นป่วนของคลื่นในทะเล ซึ่งบทสังวาสของทั้งสองถึงกับทำความเดือดร้อนไปทั่วหล้า ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าป่าเจ้าเขาหรือฤษีชีไพร
บทที่ยกมานี้มีวรรคที่งดงามอยู่หลายแห่ง ที่ว่างามก็เพราะมีการเล่นคำเล่นอักษรในท่วงทำนองของกลบทที่พราวแพรวไปด้วยจังหวะของถ้อยคำ เช่น อ้าโอษฐ์อมอับพะยับแสง ,ตลอดแลบแปลบปลาบเป็นเปลวช่วง, เปรี้ยงกระเดื่องเปรื่องกระดอนทุกแดนดาว, กระแทกผึงกระทุ่มผางลงกลางดิน

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะนำเสนอในส่วนของการเล่าเรื่องเพศผ่านบทอัศจรรย์ เรื่องนี้คือ ระเด่นลันได” รจนาโดยพระมหามนตรี (ทรัพย์) นักวิชาการทางวรรณคดีแสดงความเห็นว่า เรื่องระเด่นลันไดนั้นจัดเป็นงานเขียนแนวยั่วล้อ (Parody) วรรณกรรมต้นแบบ ซึ่งก็คือเรื่องอิเหนา
ในเรื่องระเด่นลนไดมีฉากเข้าพระเข้านางเพียงฉากเดียว คือระหว่างระเด่นลันไดกับนางประแดะ ซึ่งเป็นเมียของท้าวประดู่ หากอยากทราบเรื่องราวว่าเป็นไงมาไงเมียท้าวประดูถึงได้มาร่วมเตียงกับระเด่นลันได ก็เรียนเชิญให้ไปหาอ่านกันเอาเอง เพราะจะนำมากล่าวในนี้ก็คงจะยืดยาวและไม่เข้ากับหัวข้อเรื่อง แต่ก่อนจะกล่าวถึงบทอัศจรรย์ เราลองมาดูกวีท่านบรรยายลักษณะของนางประแดะกันก่อนนะครับ

สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด งามละม้ายคล้ายอูฐกะกลาป๋า
พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ
คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ ลำคอโตตันสั้นกลม
สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม
เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม มันน่าเชยน่าชมนางเทวีฯ

ที่ว่าเป็นวรรณกรรมล้อเลียนก็เพราะแบบนี้แหละครับ แน่นอน การบรรยายลักษณะของนางประแดะก็เพื่อจะล้อเลียน “นางบุษบา” ในเรื่องอิเหนานั่นเอง
ทีนี้ลองมาดูบทอัศจรรย์ของระเด่นลันไดกันนะครับ

สุดเอยสุดลิ่ม เชิญผินหน้ามายิ้มกับพี่บ้าง
เฝ้าถือโทษโกรธเกรี้ยวไปเจียวนาง ไม่เห็นอกพี่บ้างที่อย่างนั้น
เหมือนน้ำอ้อยใกล้มดใครอดได้ พี่ก็ไม่มีคู่ตุนาหงัน
ตั้งแต่นวดปวดท้องมาสองวัน ใครจะกลั้นอดทนพ้นกำลัง
ทำไมกับลูกผัวกลัวมันไย ผิดก็เสียสินไหมให้ห้าชั่ง
จูบเชื่อเสียก็ได้แล้วไม่ฟัง ลูบหน้าลูบหลังนั่งแอบอิง
น้อยฤๅนมแต่ละข้างช่างครัดเคร่ง ปลั่งเปล่งใจหายคล้ายกล้วยปิ้ง
อุ้มขึ้นใส่ตักรักจริงจริง อย่าสะบิ้งสะบัดตัดไมตรี
ยิ่งดิ้นยิ่งกอดสอดสัมผัส อุยหน่าอ่ากัดพระหัตถ์พี่
ปัดป้องว่องไวอยู่ในที จนล้มกลิ้งลงบนที่บรรทมใน
อัศจรรย์ลั่นพิลึกกึกก้อง ฟ้าร้องครั่นครื้นดังปืนใหญ่
เกิดพายุโยนยวบสวบสาบไป หลังคาพาไลแทบเปิดเปิง
ฝนตกห่าใหญ่ใส่ซู่ซู่ ท่วมคูท่วมหนองออกนองเจิ่ง
คางคกขึ้นกระโดดโลดลองเชิง อึ่งอ่างเริงร่าร้องแล้วพองคอ
นกกระจอกออกจากวิมานมะพร้าว ต้องฝนทนหนาวอยู่งอนหง่อ
ขนคางหางปีกเปียกจนมอซอ ฝนก็พอขาดเม็ดเสร็จบันดาลฯ

นี่ยกมาทั้งกะบิเลยนะครับ เพื่อจะได้ให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพ ภาษา ลีลาและอารมณ์ของวรรณคดีเรื่องนี้ ว่าน่าอ่านเพียงใด

ก่อนจะจบบทความนี้ ผมเพิ่งได้อ่านเสภาสังวาส สำนวนครูจ้า คล้ายสีทอง ศิลปินแห่งชาติ เลยขอนำมาเป็นบรรณาการแด่ท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยจิตคารวะ
เสภาสังวาส ตอน ขุนแผนเข้าหานางบัวคลี่มีดังนี้

สำเภาจีนเจียนจมด้วยลมซัด สลุบลัดเลียบบังเข้าฝั่งแฝง
ไหหลำแล่นตัดแหลมแคมตะแคง ตลบตะแลงเลาะเลียมมาตามเลา
ถึงปากน้ำแล่นส่งเข้าตรงร่อง ให้ขัดข้องแข็งขืนไม่ใคร่เข้า
ด้วยร่องน้อยน้ำอับคับสำเภา ขึ้นติดตั้งหลังเต่าอยู่โตงเตง
พอกำลังลมจัดพัดกระโชก กระแทกโคกกระท้องโขดเรือโดดเหยง
เข้าครึ่งลำหายแคลงไม่โคลงเคลง จุ้นจู๊เกรงเรือหักค่อยยักย้าย
ด้วยคลองน้อยเรือถนัดจึงขัดขึ้ง เข้าติดตรึงครึ่งลำระส่ำระสาย
พอชักใบขึ้นกลรอกลมตอกท้าย ก็มิดหายไปทั้งลำพอน้ำมา
พอฝนลงลมถอยเรือลอยลำ ก็ตามน้ำแล่นล่องออกจากท่า
ทั้งสองเสร็จสมชมชื่นดังจินดา ก็แนบหน้าผาสุขมาทุกวันฯ

อ่านแล้วช่างภูมิใจแทนคนไทยทุกคน ที่มีบรรพบุรุษมากความสามารถเยี่ยงนี้ ถ้าเยาวชนคนรุ่นใหม่ไม่ช่วยกันรักษาวรรณคดีเก่า ๆ เอาไว้ อีกร้อยปีก็คงไม่มีอะไรเหลือไว้ให้เราได้ภาคภูมิใจ ลำพังเฉพาะทุกวันนี้ วัฒนธรรมของต่างชาติก็เกือบจะกลืนกินความเป็นไทยแท้ไปจนหมดสิ้นแล้ว...




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2549
46 comments
Last Update : 1 สิงหาคม 2549 21:56:10 น.
Counter : 5664 Pageviews.

 
 
 
 
ขอปรบมือใหด้วยความคารวะ

สำหรับผู้ที่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ

ขนาดผมเองยังแทบอ้วกเลย

อิอิ
 
 

โดย: ปะหล่อง (ปะหล่อง ) วันที่: 1 สิงหาคม 2549 เวลา:22:17:46 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับ

เยี่ยมมากๆ

 
 

โดย: ar-moo วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:7:04:13 น.  

 
 
 
เข้าท่า เข้าท่า ขนาด้เมาค้างมาอ่านยังมิอ้วก
เด็ดขาด เด็ดขาดจริงๆ
[ไอ้ขวดข้างๆนั่นนะที่เด็ดขาดน่าไปเยี่ยมที่บ้านจริงๆ]

 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.66.5 วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:11:48:20 น.  

 
 
 
ท่านชอ ตอนนี้ท่านมหาเสเพลมาก่อกวนที่ที่ทำงานผมนะ จะจัดการยังไงดี มาตั้งหลายวันด้วย


ถ้ามีเวลาช่วยมารวมหัวจัดการท่านมหาด้วยนะครับ

 
 

โดย: ปะหล่อง (ปะหล่อง ) วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:12:19:07 น.  

 
 
 



โอ
ท่านปะหล่อง...

หวังว่า ท่านมิได้เพียงสะสมโคลงกลอนที่อันแน่นไปด้วยกามสาระ หรอกนะ?

มีอะไรอีก เอามาเผยโดยด่วน..อิอิ



ดื่มๆ


 
 

โดย: อะไรดี IP: 125.25.1.101 วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:12:40:45 น.  

 
 
 
โห...ชีวิตเป็นสีชมพูหมดเลยน่อ
 
 

โดย: pu_chiangdao วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:15:00:29 น.  

 
 
 
คนแถวนี้มีความรักหรอค่ะ ถึงมีสีชมพูน่ะ
 
 

โดย: Kontonnum วันที่: 2 สิงหาคม 2549 เวลา:20:17:26 น.  

 
 
 
ด้วยคลองน้อยเรือถนัดจึงขัดขึ้ง เข้าติดตรึงครึ่งลำระส่ำระสาย
พอชักใบขึ้นกลรอกลมตอกท้าย ก็มิดหายไปทั้งลำพอน้ำมา

...เปรียบเปรยได้ใจดีแท้

 
 

โดย: นางสาวอาร์ต IP: 58.10.128.139 วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:9:16:57 น.  

 
 
 
เหอๆๆ...ผมไม่อ๊วกอ่ะน้า...แค่หลับไปแป๊บเดียวเอง... แต่ก็ดีนะครับ...ได้ของดีมาใส่กบาลของผมมั่ง...ขอบคุณครับ
 
 

โดย: ตากล้อง วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:10:18:44 น.  

 
 
 
นี่คุณ...ชั้นไม่ได้โม้นะ

เชื่อไหมว่า ตอนอยู่มัธยมน่ะ ฉันถูกจับไปแสดงการสวดโอ้เอ้วิหารรายเรื่องพระไชยสุริยานี่แหล่ะ!!!


ทุกวันนี้ยังเอื้อนและกระแทกเสียงถูกจังหวะอยู่เลย



ปล. เอ๊ะ หรือเราแก่วะนี่
 
 

โดย: ปิ่นเดือน ครูดอย วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:10:24:51 น.  

 
 
 
โอ้!!! พระเจ้า ขอคารวะ 1 จอก ฮ่า ๆ ๆ

 
 

โดย: มารฟ้าพญาหงส์ IP: 203.148.195.194 วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:12:13:07 น.  

 
 
 
ท่านมหาเสเพล
ตบะแตกแล้วเหรอถึงได้ออกมาอาระวาดชาวบ้านชาวช่องเขา
ปะหล่อง
จัดมัดไว้ทีเอาไอ้ขวดข้างๆนี่แหละมัดท่านมหาไว้เย็นนี้ท่านชอจะไปปล่อย
เองว่าแต่ปะหล่องจักยินยอมหรือไม่
บรรยากาศเยี่ยงนี้นั่งสวดโอ้เอ้วิหารรายดูจะเข้าท่าดีเอามันข้างๆวิหารนั่นแหละ
สักสองสามกลมเอ้ย!สองสามบทก็พอ
กรุณาแจ้งคำตอบมาพลันจะรอด้วยหัวใจระทึก
 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.82.113 วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:12:30:29 น.  

 
 
 
ท่านชอฯ ทราบหรือยังว่าป๋าวีออกพรรษาแล้ว

เมื่อเช้าเจอ เลยถาม

"กูออกเมื่อคืนแล้ว" ฮ่า ๆ ๆ ๆ

คราวหน้าชวนได้แล้ว

ส่วนท่านมหา ตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้

สงสัยติดอะไรสักอย่าง

แล้วจะรายงานเป็นระยะ ๆ
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:13:04:57 น.  

 
 
 
ที่ตัวเองแต่งก่อมีบ่ใจ้ก๋า
เอามาแปะๆไว้ตวยแล่


ที่แปะไว้ห้องลูกทุ่งฮั่นน่ะ
 
 

โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:13:37:35 น.  

 
 
 
กำลังนึกถึงหน้าคุณครูผู้สอน ตอนที่เด็ก อ่านกาพย์พระไชยสุริยาบท "ขึ้นกดบทอัศจรรย์" แล้วไม่เข้าใจว่าทำไม "เดินไม่ได้ให้อาทร"

อยากรู้จังคุณครูจะทำหน้ายังไง เวลาตอบเด็ก ฮี่ๆๆ


 
 

โดย: มรกตนาคสวาท วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:14:07:08 น.  

 
 
 
ง่ะ จำผิด ต้อง "เดินไม่ได้ให้อาดูร" ตะหาก ฮี่ๆๆ


 
 

โดย: มรกตนาคสวาท วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:14:08:19 น.  

 
 
 

เอ๊ย!!! เข้าผิดบ้านเปล่าเนี่ย

ทำไมมันหวานเจี๊ยบไปหมด

เห็นเนื้อหาแล้วยังไม่กล้าอ่าน

กลัวอ้วกน่ะ

กำลังอิ่มด้วย เสียดายของ

อิอิ

แล้วจากลับมาอ่านนะ กลัวอ่านแล้วนอนไม่หลับ
 
 

โดย: sunny-low (sunny-low ) วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:20:33:31 น.  

 
 
 
โหกะไม่จัดหน้าให้เลยนะ คนอ่านตาลายตายเลย อิอิ ติดกันพรืดๆๆ

พยายามอ่านแล้วไม่ไหวอะคะตาลายมากๆไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ค่อยอ่านใหม่ คิคิ
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 4 สิงหาคม 2549 เวลา:3:00:11 น.  

 
 
 
ปะหล่อง
เมื่อคืนฝันว่านอนไม่หลับพอตื่นมาตอนเช้า...ง่วงนอนฉิบ...หึ หึ หึ
 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.85.161 วันที่: 4 สิงหาคม 2549 เวลา:14:06:30 น.  

 
 
 
ท่านชอ วันนี้เจอกันที่ร้านตายายนะท่าน

อยาลืม เพราะต้องจัดการส่งท่านมหาเสเพลกลับวัด

เริ่มสักสามสี่โมงก็แล้วกันเนาะ
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 4 สิงหาคม 2549 เวลา:14:10:25 น.  

 
 
 
ขอบใจที่ส่งมาให้อ่านเน้อ
 
 

โดย: aLisHa-----> IP: 202.29.78.2 วันที่: 4 สิงหาคม 2549 เวลา:14:15:18 น.  

 
 
 
จะให้ส่งกลับแบบสภาพไหนดี หล่ะ!
แบบโชคเลือดหรือโชคเหล้าหรือแบบมึนๆพอประมาณ หึ หึ หึ หึ
จะปิ๊กเมืองแฟร้งค์.......................
 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.85.161 วันที่: 4 สิงหาคม 2549 เวลา:14:24:36 น.  

 
 
 
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาสวัสดีอ้ายปะหล่องเลย เนตไม่ดีมากๆ ใช้ไม่ได้เป็นวันๆๆ จนขี้ค้านนจะต่อ เลยไปเตร่ๆ ที่อื่น อิอิ
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 6 สิงหาคม 2549 เวลา:2:03:42 น.  

 
 
 
ขะใจ๋โวยๆ เรื่องบทความนี่หนะ
 
 

โดย: pu_chiangdao วันที่: 6 สิงหาคม 2549 เวลา:19:04:45 น.  

 
 
 


ดีครับ

พึงทราบเหมื่อนกันครับ

ความรู่ไหม่ เลยจากครูหล่อง

..ดีจังงง

อิอิ เห้น ขวดกะน้ำสี่อัมพันแล้ว

ก็สบายใจครับ
 
 

โดย: เทียม ..ฟ้า (benjarong9 ) วันที่: 7 สิงหาคม 2549 เวลา:17:11:27 น.  

 
 
 
กว่าชั้นจะทำได้ สักครึ่งของแก จะอีกนานแค่ไหนนะเนี่ย.......
 
 

โดย: ดาริ IP: 125.24.95.77 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:17:25:31 น.  

 
 
 
แต่ถ้าจะให้ผมไปเขียนเรื่องสั้นสวย ๆ อย่างเจ้ ก็คงยากเหมียนกัลลลล์

คุณเทียฯ ครับ ว่าง ๆ ก็แวะมานะครับ

ในนี้นอกจากขี้เมาแล้ว

บางทีก็มีไอ้ที่คุณเทียมฯ เรียกว่าความรู้นั่นแหละ


อิอิ
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:19:33:29 น.  

 
 
 

ดีครับ ครูหล่อง

...พูดถึงเรื่องเพศ เคยอ่านเจอ

ว่าการที่จะออกแบบพระพุทธรูป สักองค์ เค้าจะไม่ให้รู้เลยว่าพระพุทธรูปองค์นั่น เป็นเพศใด .....จริงหรอป่าวครับครูหล่องขอรายละเอียด ด้วยครับ
 
 

โดย: เทียมฟ้า IP: 58.8.152.213 วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:8:46:47 น.  

 
 
 
เอ ผมไม่แน่ใจนะครับคุณเทียม

เพราะเท่าที่รู้ ๆ มา พระพุธทเจ้าของเราก็เป็นเพศชายอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาสร้างจึงไม่ต้องบอกเพศก็ได้

ส่วน "สมณเพศ" นั้นจัดเป็นอีกเพศหนึ่งครับ ไม่ปะปนกับเพศอื่น เป็นเพศที่สูง หนัก และบริสุทธิ์

ที่กล่าวมานี่คือความเข้าใจส่วนตัวนะครับ เพราะก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:10:12:16 น.  

 
 
 
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:11:05:14 น.  

 
 
 
โห...ท่านปะหล่อง...

แวะมาอ่านบรรทัดสุดท้ายค่ะ...เราตาลายอ่ะ... เดี่ยวแวะมาอ่านใหม่น้า...
 
 

โดย: แดดร่มลมโชย IP: 203.144.252.236 วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:11:27:22 น.  

 
 
 
ดีครับ
...ขอบคุณมากครับ ครูหล่อง

..เดี่ยววันหลังจะมารบกวนไหม่นะครับ
 
 

โดย: เทียมฟ้า (benjarong9 ) วันที่: 10 สิงหาคม 2549 เวลา:9:03:44 น.  

 
 
 
สวัสดียามสายเจ้าอ้ายปะหล่อง
ฮ้อนขนาด วันนี้ ท่าทางฝนจะตก
ฝากขอลายเซนท่านมาลา ได้หรือยังเจ้า มารอตั้งตะเจ๊าแล้วหนา อิอิ

 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 10 สิงหาคม 2549 เวลา:10:14:26 น.  

 
 
 
อ่านจบก้อฟ้าเหลืองพอดีครับ กรำ......
 
 

โดย: Crazy IP: 203.148.195.194 วันที่: 12 สิงหาคม 2549 เวลา:12:49:33 น.  

 
 
 
อยากให้แปล
 
 

โดย: พำฟส IP: 58.9.80.189 วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:15:27:41 น.  

 
 
 
งงว่ะ
 
 

โดย: ทรหฟ IP: 61.19.97.68 วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:7:16:04 น.  

 
 
 
misa
 
 

โดย: misa IP: 61.19.97.68 วันที่: 22 มิถุนายน 2550 เวลา:7:17:28 น.  

 
 
 
 
 

โดย: นิ้ง IP: 58.147.106.163 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:13:13:38 น.  

 
 
 
สวัสดียามสายเจ้าอ้ายปะหล่อง
ฮ้อนขนาด วันนี้ ท่าทางฝนจะตก
ฝากขอลายเซนท่านมาลา ได้หรือยังเจ้า มารอตั้งตะเจ๊าแล้วหนา อิอิ
 
 

โดย: ราอ IP: 202.57.165.93 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:27:33 น.  

 
 
 
เฟรมรัก ฝ้าย ม.1 มากที่สุดรักรักที่สุดครับ
 
 

โดย: เฟรม IP: 202.57.165.93 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:40:01 น.  

 
 
 
เฟรมรักฝ้ายม.1รักลาวรักทัยมากมากมากมากที่สุด
 
 

โดย: เฟรม IP: 202.57.165.93 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:50:19 น.  

 
 
 
เรียนเรื่อง กากี แล้วครูพูดถึง อยากรู้เลยเปิดอ่าน ดู เหอะๆๆ สุดยอด
 
 

โดย: ไนท์ IP: 125.24.28.193 วันที่: 8 ธันวาคม 2550 เวลา:13:34:52 น.  

 
 
 
-_-''งงอ่า
 
 

โดย: NovaMiSu IP: 118.173.250.148 วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:13:09:14 น.  

 
 
 
เดี๋ยวนี้หาต้นฉบับของวรรณคดีไทยอ่านยากเหลือเกินค่ะ
อยากอ่านเรื่อง จันทโครพ ที่เป็นบทร้อยกรองแบบเต็มเรื่องแต่หาไม่ได้สักทีมีแต่แบบถอดความหรือไม่ก็ฉบับการ์ตูน ช่วยแนะนำหนังสือทีนะค่ะจะขอบคุณมากๆเลย

 
 

โดย: ช่อม่วง IP: 58.147.85.3 วันที่: 22 มกราคม 2552 เวลา:17:14:25 น.  

 
 
 
ก้อดีอ่ะนะธรรมดา
 
 

โดย: นาจัง IP: 202.28.51.71 วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:18:30:52 น.  

 
 
 
อ่านทีไรก็ได้ความงดงามตามวรรณศิลป์เมื่อนั้น

ขอคารวะ
 
 

โดย: wok 5 IP: 114.78.197.150 วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:17:00:52 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ปะหล่อง
 
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]













"คำพากย์วากย์ห่อนเว้น
ดังจะเป็นเช่นชีวา
รากร่วมหัทยา
เป็นชีวิตเป็นจิตใจ

กรองพจน์ไม่หมดสิ้น
ตราบชีวิญจะบรรลัย
ฝากผืนแผ่นดินไว้
เป็นกำนัลขวัญแผ่นดิน"


ด้วยจิตคารวะ
"ปะหล่อง"


[Add ปะหล่อง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com