จำเพื่อลืมดื่มเพื่อเมาเหล้าเพื่อโลก สุขเพื่อโศกหนาวเพื่อร้อนนอนเพื่อฝัน ชีวิตนี้มีค่านักควรรักกัน รวมความฝันกับความจริงเป็นสิ่งเดียว -รุไบยาต- โอมาร์ คัยยัม รจนา แคน สังคีต พากย์ไทย

<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
14 กรกฏาคม 2549
 

บทพากย์ช้างเอราวัณ : อะไรจะขนาดนั้น


อินทรชิตบิดเบือนกายิน.............เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ

ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน.........เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์

สามสิบสามเศียรโสภา............เศียรหนึ่งเจ็ดงา
ดั่งเพชรรัตน์รูจี

งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี.............. สระหนึ่งย่อมมี
เจ็ดกออุบลบันดาล

กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์............ดอกหนึ่งแบ่งบาน
มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา

กลีบหนึ่งมีเทพธิดา............... เจ็ดองค์โสภา
แน่งน้อยลำเพานงพาล

นางหนึ่งย่อมมีบริวาร............อีกเจ็ดเยาวมาลย์
ล้วนรูปนิรมิตมายา

จับระบำรำร่ายส่ายหา..............ชำเลืองหางตา
ทำทีดังเทพอัปสร

มีวิมานแก้วงามบวร..............ทุกเกศกุญชร
ดังเวไชยันต์อมรินทร์



ลองนับดูสิครับว่ามีเทวดา-นางฟ้าอยู่บนช้างเอราวัณกี่องค์

ตอบได้ให้หอมแก้มอี่วอกหน้อยสามฟอด


อิอิ


Create Date : 14 กรกฎาคม 2549
Last Update : 14 กรกฎาคม 2549 13:34:26 น. 85 comments
Counter : 5184 Pageviews.  
 
 
 
 
ปะหล่องครับ...เมื่อคืนที่ผ่านมา(คืนวันที่ 13 ก.ค.49) เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า เด็กหนีออกจากสถานที่ควบคุมจำนวน 3 คน โชคดีที่ผมออกเวรแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้น ผมคงโดนเล่นงาน โดนสอบอย่างหนักแน่ (งานนี้เจ้าหน้าที่ประจำหอนอนซวยที่สุด)

ออกเวรแล้วผมกลับไปนั่งเขียนจดหมายถึงท่านอาจารย์สิงห์ สนามหลวง เขียนไม่ทันจบ หัวหน้าโทรศัพท์ไปบอกว่า เด็กปีนเพดานห้องน้ำหลบหนีไป 3 คน เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต้องไปที่เกิดเหตุโดยด่วน!

หลังจากนั้นท่านผู้อำนวยการฯ ก็แบ่งกำลังออกเป็น 6 จุด เพื่อไปสกัดจับตัวเด็กที่หลบหนี จับได้ 1 คนครับ

เหลืออีก 2 คน วันนี้เจ้าหน้าที่ออกติดตามกันทั้งวัน ยังไม่ได้ตัว ภายใน 3 วัน ถ้ายังไม่ได้ตัว ท่านผู้อำนวยการฯ คงขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป

พูดไปแล้วเรื่องเด็กหลบหนี ไม่น่าจะเกี่ยวกับตำแหน่งนักวิชาการอย่างผม แต่ก็ต้องเกี่ยว
ปะหล่อง, คิดแล้วผมอยากจะเขียนเรื่องสั้นจังเลย แต่ผมไม่เก่งเหมือนปะหล่อง

เมื่อคืนผมไปประจำจุดอยู่ที่สถานีรถขนส่งตั้งแต่ 4 ทุ่มครึ่งจนถึงตี 3 ง่วงนอนมากครับ พอได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงานว่าได้ตัวแล้ว 1 คน ท่านหัวหน้าจึงบอกให้ถอนจุดได้

ผมโดนยุงกัดจนขาลาย เจ็บหัวเข่าก็เจ็บ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ หิวก็หิว (ใคร่หุย)

พอกลับถึงสถานที่ทำงาน หัวหน้าเลี้ยงข้าวต้มคนละอิ่ม แต่ผมจดไป 2 อิ่ม น้ำเต้าหู้อีก 2 ถุง ปาท่องโก๋อีก 3 คู่ หายเหนื่อยเลยทีนี้ กลับไปบ้านพักนั่งเขียนบทกวีด่าไอ้หน้าเหลี่ยมอีก 10 บท

จริง ๆ วันนี้ (14 ก.ค.49) เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของผม แต่ผมยังต้องมาทำงานตามปกติ เพราะเจ้าหน้าที่ออกติดตามเด็กกันหลายคน

ในยามขาดกำลังใจทำให้คิดถึงพี่สาวคนสวย(ในฝัน) แต่ดูเหมือนว่า พี่สาวจะลืมผมแล้ว ฮือ ฮือ อยากร้องไห้--ให้น้ำตาไหลขึ้นหน้าผาก

ขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรครับ

 
 

โดย: อ.อโรคยา IP: 58.136.130.125 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:13:47 น.  

 
 
 
คุณตากล้องครับผมไม่ใช่เหงาธรรมดานะ
แต่มันเหงาแบบว่ายากจะอธิบาย! คือมันเหงาจนอยากนั่งอ่าน "ลิลิตพระลอ" หรือ "จันดารา" ทั้งคืน มันน่าอัศจรรย์ไหม!?

ปะหล่องครับ--คำถามข้างบนนั้น ผมขอตอบได้ไหมครับ--ได้ไหมครับ?
 
 

โดย: อ.อโรคยา IP: 58.136.130.125 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:30:02 น.  

 
 
 
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:40:59 น.  

 
 
 
ทั่นอรุณครับ

เด็กหนีออกจากสถานพินิจนี่เรื่องใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยเนาะ

จับได้ต้องตัดขาออกสักข้างสองข้าง

แต่ถ้าใจอ่อนก็ให้หักขาก็พอแล้ว

อิอิ ล้อเล่นเน้อ อย่าทำจริงล่ะ

เสาร์-อาทิตย์นี้ผมไม่ว่างเลยครับ ต้องเป็นวิทยากรอบรมเรื่องการเขียนเรื่องสั้นให้กับเด็ก ๆ

วิทยากรคู่กับกระผมมีสองคน ท่านหนึ่งคืออาจารย์อโศก ศรีสุวรรณ (องชายแห่งเมืองยอง) และอีกท่านหนึ่งก็คือ เจ้าชายโรแมนติค พิบูลศักดิ์ ละครพล (อ้ายปอน)

และก็คาดว่าเย็นนี้วิทยากรอบรมเรื่องสั้นคงจะไปหาที่ไหนสักแห่ง "วางแก้ว" เอ้ย ไม่ใช่ วางแผ่นเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้

สักสองขวดคงจะพอ ท่านอรุณและท่านพ่วงว่างไหมครับ ถ้าว่างยังไงต่อสายผักแคบ (ผักตำลึง) ถึงผมได้นะครับ แล้วจะได้บอกลายแทง

อิอิ
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:45:47 น.  

 
 
 
ท่านอาจารย์รุ่งที่เคารพครับ เรื่องที่ท่านอาจารย์ขอให้ช่วยติดต่อท่านอาจารย์ ว. นั้น ผมขอเรียนให้ทราบดังนี้นะครับ
1)ผมได้โทรศัพท์ติดต่อท่านอาจารย์ ว.ไปตามเบอร์โทรที่อาจารย์ ว.ให้ไว้เมื่อปี 2546 แต่ไม่มีคนรับสายเลย
2)ท่านอาจารย์ ว. มีเพื่อนสนิทอยู่ที่วัดพระสิงห์(เชียงราย) ซึ่งท่านก็เป็นนักเขียนด้วย เคยเขียนบทความลงในศิลปวัฒนธรรมหลายครั้งด้วยกัน และก็สนิทกับผมด้วย ผมได้โทรศัพท์ไปหาท่านที่วัดพระสิงห์ ท่านรับปากว่าจะติดต่อท่านอาจารย์ ว.ให้
3)ท่านอาจารย์ที่วัดพระสิงห์ให้เบอร์โทรท่านอาจารย์ ว. มา 2 เบอร์ ผมโทรไปก็ยังไม่มีคนรับสาย ผมเองก็แปลกใจมาก ๆ ทำไมไม่มีคนรับสายเลย
4)วันนี้ผมโทรไปอีกท่านอาจารย์ที่วัดพระสิงห์ บอกว่าได้ติดต่อท่านอาจารย์ ว.ไปแล้ว และท่านอาจารย์ ว.รับปากว่าจะเขียนให้ (แต่บัดนี้ก็ยังไม่ได้รับบทความตามประสงค์)
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบครับ

 
 

โดย: อ. อโรคยา IP: 203.170.226.18 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:44:08 น.  

 
 
 
จริง ๆ แล้ววันนี้
เป็นวันหยุดงานประจำสัปดาห์ของผม--
ตอนเช้าผมวางแผนไว้ว่าจะไปที่วัดพระสิงห์(เชียงราย) เพื่อไปกราบพระขอศีล ขอพรสักหน่อย และจะคุยกับท่านอาจารย์ที่วัดพระสิงห์เรื่องบทความของท่านอาจารย์ ว. ด้วย
แต่ผมไปไม่ได้ เพราะเมื่อกลางคืนที่ผ่านมามันเกิดเหตุการณ์อย่างที่ได้เล่าให้ฟังครับ วันนี้ผมจึงต้องไปทำงานที่สำนักงานตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน
 
 

โดย: อ. อโรคยา IP: 203.170.226.18 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:52:03 น.  

 
 
 
**ข่าวประชุม-อบรม-สัมมนา
ปะหล่องครับ แต่เดิมคิดว่าจะเป็นระหว่างวันที่ 19-21 กรกฎาคม 2549 แต่ไม่ใช่ครับ วันนี้ผมได้รับเอกสารจากฝ่ายบริหารแล้ว ซึ่งกำหนดการที่แน่นอนแล้วว่า ระหว่างวันที่ 24-30 กรกฎาคม 2549 ผมได้รับคัดเลือกจากผู้บังคับบัญชาให้ไปเข้าร่วม "โครงการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในการพิทักษ์คุ้มครองสิทธิ และสวัสดิภาพเด็กและผู้เยาว์ในกระบวนการยุติธรรม : หลักสูตรวิทยากรพัฒนาศักยภาพทางบวกเด็กและเยาวชนที่มีปัญหา" จัด ณ ศรีปทุมลองสเตย์รีสอร์ท จังหวัดปทุมธานี

สถานที่แห่งนี้ผมเคยไปเข้าร่วมโครงการฯ มาหนึ่งครั้งแล้ว เมื่อวันที่ 6-9 มีนาคม 2549

วิทยากรของหลักสูตรระหว่างวันที่ 24-30 ก.ค.49 คือ Mr.Gil Alon ซึ่งเป็นวิทยากรมืออาชีพระดับโลกเลยทีเดียว ก็ถือเป็นความโชคดีของผม ที่ได้รับความเมตตาจากผู้บังคับบัญชาในครั้งนี้

การได้เป็นตัวแทนของหน่วยงานไปเข้าร่วมโครงการฯ ในครั้งนี้ผมภูมิใจมาครับ 24-30 รวมแล้ว 7 วันเต็ม ๆ ที่ผมจะอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ท่านอาจารย์พ่วง, ปะหล่อง, อาจารย์เขมรัฐ หรือ "ออ วอ นอ" อย่าลืมโทรศัพท์หาผมบ้างนะครับ ปะหล่องที่สำคัญเวลานั่งเขียนบทกวีอย่าลืมคิดถึงผมนะ เขียนเผื่อบ้างก็ได้

ผมจะเดินทางในวันที่ 23 ไปถึงกรุงเทพฯ เช้าตรู่ของวันที่ 24 เวลา 08.00 น.ไปขึ้นรถที่หน้ากระทรวงยุติธรรมครับ

ในระหว่าง 7 วันดังกล่าวผมจะเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ให้เต็มเปี่ยม จะเก็บให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วจะมานั่งเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังในบ้านหลังนี้ของปะหล่อง(เพื่อนอันเป็นที่รักของผม)

คราวนี้คุณตากล้อง จะว่าอย่างไร--เราพอจะมีเวลาได้พบเจอกันไหม? ในช่วงวัน-เวลาดังกล่าว

พี่สาวของผม ถ้าผมไปกรุงเทพฯ คราวนี้แล้วได้เจอพี่สาวนะ ผมคงจะมีความสุขมาก คงจะมีพลังและแรงบันดาลใจในการเขียนบทกวีอย่างไม่รู้จักจบสิ้นแน่นอน ในชีวิตนี้, ถ้าผมได้เจอพี่สาว ผมคงมีความปีติอันอบอุ่นละมุนละไมในทรงจำตราบชั่วฟ้าดินสิ้นสลาย...อย่างแน่นอน

 
 

โดย: อ. อโรคยา IP: 203.170.226.18 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:33:03 น.  

 
 
 
ท่านอรุณ เก็ล "ค่าเบี้ยเลี้ยง" ไว้ด้วยเน้อ

กลับมาจะได้มาจอยกัน อิอิ
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:06:14 น.  

 
 
 
ว่าแต่ว่า

จะไม่มีใครพูดถึงบทพากย์ช้างเอราวัณที่ผมจั่วหัวไว้มั่งเหรอครับ

น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกันนา
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:07:31 น.  

 
 
 
ท่านอรุณฯเจ้า
ความเหงาทำให้บทกวีผุดพราย
อย่าเหงาซะมากมาย เดี๋ยวไม่มีที่เก็บบทกวี




ไม่มีใครสนใจช้างเอราวัณของท่านปะหล่องเลย
สงสัยของรางวัลไม่ดึงดูดใจ

อ.ย.เอาเพลงสุดสะแนนก่อ วันพูกจะเอามาแปะหื้อ เพลงหยังบอกมา???
 
 

โดย: ออ วอ นอ IP: 202.5.87.149 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:57:45 น.  

 
 
 
ยอมแพ้ครับน้าหล่อง...หนึ่งดอกมีเจ็ดกลีบ..แต่ละกลีบมีเทพธิดาอยู่หนึ่ง....โอ๊ย!..คิดแล้วปวดหัว...แล้วของรางวัลก็ไม่เร้าใจเลยอ่ะครับ....เปลี่ยนเป็นหอมแก้มน้าหล่องดีกว่ามั้ยอ่ะ...จะได้มีแรงฮึด

น้าอรุณครับ...เรื่อง จันดารา ผมว่าเปลี่ยนจากอ่านเป็นดูจากแผ่นดีกว่ามั้ยครับ....เร้าใจหายเหงาดีกว่านะผมว่า............เหอๆๆ แล้วน้าอรุณมาอบรม...จะอยู่แต่ที่ปทุมฯตลอดเลยเหรอครับ....จะได้เข้ามากลางเมืองบางกอกมั่งป่าวครับ....
 
 

โดย: ตากล้อง IP: 61.47.115.114 วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:34:05 น.  

 
 
 

อินทรชิตบิดเบือนกายิน.............เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ

ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน.........เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์

สามสิบสามเศียรโสภา............เศียรหนึ่งเจ็ดงา
ดั่งเพชรรัตน์รูจี

งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี.............. สระหนึ่งย่อมมี
เจ็ดกออุบลบันดาล

กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์............ดอกหนึ่งแบ่งบาน
มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา

กลีบหนึ่งมีเทพธิดา............... เจ็ดองค์โสภา
แน่งน้อยลำเพานงพาล

นางหนึ่งย่อมมีบริวาร............อีกเจ็ดเยาวมาลย์
ล้วนรูปนิรมิตมายา

จับระบำรำร่ายส่ายหา..............ชำเลืองหางตา
ทำทีดังเทพอัปสร

มีวิมานแก้วงามบวร..............ทุกเกศกุญชร
ดังเวไชยันต์อมรินทร์

-บทพากย์ช้างเอราวัณ : ปัญญาทางภาษาที่น่าทึ่งของมนุษย์ (อ.อโรคยา)

-ผมเห็นด้วยกับคำกล่าวของนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง ที่ว่า "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"

-บทพากย์ช้างเอราวัณ ที่ปะหล่องยกมากล่าวนี้ ผมชอบมากครับ จำได้ว่าปะหล่องเคยท่องให้ผมฟังครั้งหนึ่งแล้ว ผมทึ่งที่ปะหล่องท่องได้อย่างคล่องแคล่ว แสดงว่าปะหล่องมีความจำดีเป็นเลิศ
 
 

โดย: อ. อโรคยา IP: 58.136.140.174 วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:40:23 น.  

 
 
 
คุณตาฯ ครับ...เรื่อง จันดารา ผมชอบอ่านมากกว่า "ดู" สำหรับผมการอ่านทำให้เกิดจินตนาการที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง...

เพราะผมชอบอ่านนี้เองในห้องผมจึงไม่มีโทรทัศน์ โปรดอย่าถามผมเรื่อง "ดารา-ดาร่าน" แต่-จงถามเรื่องหนังสือ

ในช่วงที่ไปอบรม ผมจะเข้ามากลางเมืองบางกอกด้วยอย่างแน่นอน เวลาเข้ามากรุงเทพฯ ผมมักจะไปพักที่วัดมหาธาตุฯ (ท่าพระจันทร์) ผมชอบไปหาซื้อหนังสือที่ร้านมหาจุฬาบรรณาคาร(ในวัดมหาธาตุฯ)
 
 

โดย: อ. อโรคยา IP: 58.136.140.174 วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:56:46 น.  

 
 
 
กราบเรียนอ.ปะหล่องที่เคารพ

เนื่องด้วย หนูก็ตกวิขาคำนวน มาเนิ่นนาน
จนสมองด้านคำนวนหายไปไหนก็มิรู้แล้ว
อ่านได้อย่างเดียวแต่คงคำนวนให้ไม่ได้
อิอิ

ปล. ที่เค้าไม่กล้าตอบกัน เค้ากลัวได้หอมอ้ายประหล่องเปล่า ฮ่าๆๆๆ


 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:05:19 น.  

 
 
 
เบื่อแล้วเรื่องช้าง สมัยเรียนก็มีแต่บทนี้
หาเรื่องอิโรติกใหม่ๆ มาดีกว่านะ
ที่ไม่ค่อยมีใครเอาพูดถึงน่ะ
 
 

โดย: มหาเสเพล IP: 203.113.51.7 วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:8:37:20 น.  

 
 
 
กราบเรียน อ.ปะหล่องที่เคารพ

จะมาเรียนเชิญไปดูคำตอบของ เดือนต่ำดาวตกนะคะ อิอิ ว่ามีที่มาที่ไปจากแห่งหนตำบลใดบ้างเอย...

 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:57:27 น.  

 
 
 
กราบเรียน ท่านอรุณ

หากว่าวันใดได้ไปบางกอกอีก หนูฝากดูหนังสือ ขลุ่ยหญ้า ของ ท่านพิบูลย์ศักดิ์ ด้วยนะคะ เนื่องด้วยหามานานมาก ยังไม่ได้สักที
ไม่รู้ไป รื้อ งม ค้น ได้จากไหนแล้ว

เคยไปหาซื้อแถวร้านหนังเก่าท่าช้าง เจ้าของร้านก็สัญญาว่าจะหาให้ ล่วงมาสองปีก็ยังบ่ได้เลย ค้างคาใจอยู่เช่นนี้ เพราะไม่เคยอ่านเสีที อย่างไรถ้าท่านอรุณ ได้เห็นช่วยกรุณา ซื้อไว้ก่อน (เดี๋ยวท่านปะหล่องค้ำประกันให้)
หนูจะชำระค่าหนังสือให้ภายหลังนะคะ
(ไม่หนีค่ะ )

 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:03:44 น.  

 
 
 
ถึงจะตกเลข

แต่ก็หาคำตอบได้ไม่ยาก

แต่..กลัวของรางวัลนิ

ยอมโง่ คิดไม่ออกดีกว่าฮับ
 
 

โดย: madamepi วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:01:19 น.  

 
 
 
ใครว่ากวีเจ้าชู้!

ผมเคยได้ยินมาว่า
มีคนว่ากวีเจ้าชู้
ทำไมต้องว่ากวีเจ้าชู้

ทำไม?


 
 

โดย: อ.อโรคยา IP: 58.136.144.147 วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:53:47 น.  

 
 
 
-ก่อนอื่นต้องขอถามว่า น้องกวิสรา รู้จัก อรุณ อโรคยาได้อย่างไร

-คราวต่อไปไม่ต้องถึงกับ กราบเรียน ก็ได้นะครับ

-จำได้ว่าพี่เคยมีหนังสือ ขลุ่ยหญ้า ของ ท่านพิบูลย์ศักดิ์ แต่ตอนนี้หนังสือเล่มนั้นได้พลัดพรากจากพี่

-พี่เคยไปอยู่ที่ดอยอ่างขาง 4 ปี(2542-2545)
หอบหนังสือจากวัดพระนอน ไปไว้ที่ดอยอ่างขาง 3,000 กว่าเล่ม(เป็นหนังสือส่วนตัวทั้งหมด) หนังสือ ขลุ่ยหญ้า รวมอยู่ในจำนวนหนังสือที่อยู่บนดอยอ่างขาง ลงจากดอยอ่างขางเมื่อเดือนมิถุนายน 2546 ตอนนั้นไม่มีเงินจ้างรถขนหนังสือ(ตอนนี้มีเงินจ้างรถ-แต่ไม่มีเวลาไป) พูดถึงแล้วน้ำตาไหลที่ปล่อยให้สมบัติล้ำค่ากลายเป็นเหยื่อปลวก (ฝากลูกศิษย์เอาไว้ แต่ได้ข่าวว่าลูกศิษย์ไปอยู่ที่วัดเปียงหลวง-เวียงแหง เสียนานแล้ว)

-อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่พี่จะไปราชการที่ปทุมธานี 24-30 ก.ค. 2549 พี่จะหาซื้อมาฝากนะครับ

-


 
 

โดย: อ. อโรคยา IP: 58.136.144.147 วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:31:33 น.  

 
 
 
น้องกวิสรา กวีที่ดีงาม

..อรุณฉายชื่นเช้า..................ชวนเชย
ฟังแว่วลมรำเพย...................ผ่านพร้อง
เพรียกเสียงส่งตามเคย......... คำรุ่ง
เราตื่นสดับก้อง....................ไก่แก้วคีตกวี

โคลงบทนี้พี่อ่านแล้วชอบมากครับ

ด้วยรักและศรัทธา
อรุณ อโรคยา
16 กรกฎาคม 2549
 
 

โดย: อ. อโรคยา IP: 58.136.144.147 วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:28:44 น.  

 
 
 
จอก 22 ละค่ะ..มึนละ...ขอบายค่ะ นับไม่ได้แว้วววว

ขอจอกต่อไปเลยละกานนนน...
 
 

โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:54:08 น.  

 
 
 
ไม่นับหละ

อิ๊บหอมแก้ม ออ วอ นอ เลยแล้วกัน

 
 

โดย: นางสาวอาร์ต วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:12:50 น.  

 
 
 
ปะหล่องครับ เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ.. นอนไม่ค่อยหลับเพราะคิดถึงหนังสือของผมที่อยู่บนดอยอ่างขาง ผมอยากจะไปนำขุมทรัพย์ทางปัญญาเหล่านั้นมาไว้ที่เชียงราย แต่ผมยังไม่มีเวลา และไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออยู่สักกี่เล่ม ภาวนาว่าอย่าให้หนังสือวรรณคดีเก่า ๆ และหนังสือบทกวีเสียหายไป

หนังสือหลายเล่มที่อ้ายแสงดาว มอบให้ก็อยู่ที่ดอยอ่างขางด้วย

หนังสือที่อ้ายแสงดาวมอบให้ผมเมื่อปี
พ.ศ. 2542 นั้น มีหลายเล่ม แต่เล่มที่ผมรักมากที่สุดก็คือ หนังสือที่ชื่อ สยามสังโยค ไม่รู้ว่าปะหล่องเคยอ่านหนังสือเล่มนี้หรือยัง เป็นหนังสือรวมบทกวีครับ

ส่วนหนังสือรวมบทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ ที่ผมชอบมากที่สุดคือ เล่มที่ชื่อ "พระเจ้ากำเนิดข้ามาเสรี" ตอนนี้อยู่ที่ดอยอ่างขางเช่นเดียวกัน

มันเป็นเวรกรรมอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมต้องพลัดพรากจากหนังสืออันเป็นที่รักทั้งหลายเหล่านั้น

ปะหล่องครับ หนังสือนั้นเป็นดั่งชีวิตจิตใจผมเลยทีเดียว

วันนี้ผมมีบทกวีมาฝากปะหล่องด้วยครับ ผมแต่งขึ้นเมื่อคืนนี้เอง เห็นปะหล่องพูดเรื่องช้าง ผมเลยแต่งบทกวีด้วยลีลาฉันทลักษณ์ของ "โคลงดั้นบาทกุญชร" เชิญอ่านครับ

(๑)งามวิถีพร่างแพร้ว...............พราวแสง
หอมกรุ่นคุณธรรมเติม..............แต่งสร้าง
แสนผุดผ่องงามแจรง...............เรืองรุ่ง
เหมือนประทีปส่องพื้นกว้าง.......ก่อชัย

(๒)ฉันทะนักปราชญ์นั้น............ฉมังขลัง
เผยแผ่ธรรมนำสมัย.................มุ่งแผ้ว
ขีดเขียนแก่นสารหวัง..............วันสว่าง
เพียงเพื่อหมายสร้างแก้ว.........ก่ำชน

(๓)

 
 

โดย: อ.อโรคยา IP: 58.136.142.71 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:46:38 น.  

 
 
 

(๑)งามวิถีพร่างแพร้ว...............พราวแสง
หอมกรุ่นคุณธรรมเติม..............แต่งสร้าง
แสนผุดผ่องงามแจรง...............เรืองรุ่ง
เหมือนประทีปส่องพื้นกว้าง.......ก่อชัย

(๒)ฉันทะนักปราชญ์นั้น............ฉมังขลัง
เผยแผ่ธรรมนำสมัย.................มุ่งแผ้ว
ขีดเขียนแก่นสารหวัง..............วันสว่าง
เพียงเพื่อหมายสร้างแก้ว.........ก่ำชน

โคลงบทนี้ แต่งยากสักหน่อย เพราะมันเป็น โคลงดั้นบาทกุญชร ไม่ใช่โคลงสี่สุภาพธรรมดา

ผมคิดว่าจะแต่งสัก ๑๐ บท แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก หรือที่เหลืออีก ๘ บทใครก็ได้ช่วยแต่งต่อให้ผมที มีรางวัลอย่างงามมอบให้นะครับ




 
 

โดย: อ.อโรคยา IP: 58.136.142.71 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:59:36 น.  

 
 
 


รูปลุงหล่อง เท่มากเลยครับ



ว่างๆเชิญลุงหล่องไปนั่งร่ำสุรา .. ชายทะเลที่บล๊อกผมบ้างนะครับ

บรรยากาศ ...



 
 

โดย: เทียมฟ้า (benjarong9 ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:34:41 น.  

 
 
 
เรียนอ้าย อรุณ ที่เคารพ

ข้าพเจ้ามิได้รู้จักคุณอรุณเป็นการส่วนตัวแต่อย่างไร เพียงแต่เข้าบล๊อกของอ้ายปะหล่อง
แล้วได้อ่านเรื่องราวที่อ้าย อรุณเขียน

เรื่องเด็กหนี และเรื่องจะไป กทม
ปกติแล้ว ข้าพเจ้ามักมีความคิดเสมอว่า
ผู้แต่เขียนบทกวีและรักบทกวีจากแก่นใจแล้ว
ย่อมน่าจะเป็นผู้อารี และส่งเสริมสนับสนุน
ด้านวรรณกรรมไทย ซึ่งความเอื้ออารีจาก
เหล่าบรรดาผู้เขียนบทกวีนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า
เป็นสิ่งจริงแท้ แม้แต่อ้ายปะหล่องเอง
ก็เป็นเช่นนั้น อ้ายปะหล่องก็เคยให้หนังสือทำมือ เป็นเรื่องสั้น "เรื่องสั้นอันเป็นที่รัก"
ซึ่งยังเก็บรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้
พร้อมลายมือ อ้าย อิอิ

ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องราว
เรื่องที่อ้ายอรุณได้คิดถึงหนังสือ ซึ่งคิดว่าเป็น
สิ่งล้ำค่ายิ่ง ซึ่งทิ้งไว้ที่อ่างขาง
ถ้าอ้ายอรุณว่างๆ มาที่เชียงใหม่ ข้าพเจ้ายินดี
ไปช่วยเก็บกลับมา อิอิ (ฟังแล้วเสียดาย)

ขนาดหนังสือข้าพเจ้าที่มีลายมือท่านเนาว์
เขียนว่า "ขอให้รักการอ่าน รักการเขียน
รักการเรียนรู้" เพื่อนร้ากกกกยืมไป
ตอนนั้นสมัยเรียน เรียนๆยุ่งๆลืมๆ
ตอนหล้งเรียนจบมาหลายุปี เพิ่งมาระลึกอยากอ่าน แต่นึกได้ว่าอยู่ที่เพื่อน แงๆๆเลย
อ้อๆ มีขาตั้งกล้องอีกอัน ฮ่าๆๆ เขียนไปมานึกได้
ตอนนี้เพื่อนก็ไปเรียนต่อยังไม่กลับมาเลยเจ้า
บอกว่าอีกสามปี คิดแล้วเศร้า

แต่ฟังเรื่องอ้ายอรุณ เนี้ยเศร้ากว่าเลย
3000 เล่ม อ้ายเอาไว้กับอกปลวก เอ้ย
อกลูกศิษย์ที่ย้ายไปแล้วอีกต่างหาก
ข้าพเจ้าภาวนาว่า ขอให้หนังสือของอ้าย
ยังปลอดภัย จากลม ฝน แดด ปลวก ด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับคำชมเสมือนแรงไฟต่อใจให้ฝันที่จะเขียนต่อไปค่ะ


 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:56:29 น.  

 
 
 
"เงาไผ่หลุบลู่แหงนดูเดือนต่ำน้ำค้างร่วงกราว "

อ้ายประหล่องที่เคารพ เมื่อเช้าอ่านเพลง
ที่อ้ายแปะไว้แล้ว เยี่ยมยอดมากเลย
งดงามจริงๆ

ขอบคุณอ้ายปะหล่องมากๆค่ะ
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:26:17 น.  

 
 
 
คุณเทียมครับ ผมว่าไอ้อ้วนนั่นหน้าตามันกวนบาทาดีนะครับ อิอิ

หนูกวิสราเจ้า (ฮ้องซะเต๋มยศเลยเนาะ)

เพลงของครูไพบูลย์น่ะ เนื้อหางดงามทุกเพลงแหละครับ

ว่าง ๆ เดี๋ยวจะนำบทความที่เขียนถึงเพลงครูไพบูลย์มาให้อ่านกัน

 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:33:15 น.  

 
 
 

โคลงดั้นบาทกุญชร

(๑)งามวิถีพร่างแพร้ว...............พราวแสง
หอมกรุ่นคุณธรรมเติม..............แต่งสร้าง
แสนผุดผ่องงามแจรง...............เรืองรุ่ง
เหมือนประทีปส่องพื้นกว้าง.......ก่อชัย

(๒)ฉันทะนักปราชญ์นั้น............ฉมังขลัง
เผยแผ่ธรรมนำสมัย.................มุ่งแผ้ว
ขีดเขียนแก่นสารหวัง..............วันสว่าง
เพียงเพื่อหมายสร้างแก้ว.........ก่ำชน

(๓)ดวงจิตนักปราชญ์เพี้ยง......เพ็ญจันทร์
ทางแห่งนักปราชญ์ยล............ยิ่งฟ้า
หอมหวานกลิ่นสุคันธ์.............เคียงคู่
คือคู่ของผู้ท้า.......................ถ่อยมาร

(๔)คือจอมยุทธต่อสู้.............สานธรรม
เพียรแต่งบทกวีธาร...............ทิพย์แพร้ว
หวังเพียงเพื่อสื่อนำ..............แนวพุทธ
จอมยุทธพบแก้วแล้ว............โล่งใจ

บ้านปะหล่องเป็นชุมชนคนกวี ช่วยกันที ช่วยกันแต่งต่อให้ครบ ๑๐ บทครับ
 
 

โดย: อ. อโรคยา IP: 58.136.142.71 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:11:20 น.  

 
 
 
อิอิอิ

เพิ่งไปเขียนต่ออันเมื่อเช้าได้บทเดียว
อ้ายอรุณมาต่อเสียแล้วสองบท
แงๆๆๆๆๆ

ไม่เขียนแล้วยากอะค่ะ

ยามขาดปราชญ์ต่างแล้ง…...........รสหวาน
กวินย่อมสูญจิตคน.........................ค่าสิ้น
มธุรพจน์หมดซึ่งคำขาน.................คงขม
โพยมแจ่มยังเปลื้องชิ้น....................ชิงดับดวงเฮย


 
 

โดย: กวิสรา (กวิสรา ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:09:03 น.  

 
 
 
ยามขาดปราชญ์ต่างแล้ง…...........รสหวาน
กวินย่อมสูญจิตคน.........................ค่าสิ้น
มธุรพจน์หมดซึ่งคำขาน.................คงขื่น
โพยมแจ่มยังเปลื้องชิ้น....................ชิ่งดับดวงเฮย

แก้ไขนิดหน่อย แบบว่ามือใหม่นะคะ
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:12:04 น.  

 
 
 


จะรออ่านบทความของพี่ปะหล่องนะคะ อยากอ่านๆๆ
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:18:15 น.  

 
 
 
เข็ดคน
มาแปลกใจใคร่รู้ครรลองคน
จะสับสนมิสับสนยังครวญใคร่
ทอดไมตรีด้วยหวังดีต่อใครใคร
ทุ่มทั้งใจเผื่อแผ่แม้ขาดทุน

แต่ประหลาดเหลือล้ำสำคัญผิด
ไยมิ่งมิตรเหยียบบ่าคว้ามือหมุน
เพื่อให้ได้เกียรติยศไร้สมดุล
เพราะยังลืมค่าคุณที่เคยรับ

จึงอ่อนอกวิตกสิ่งที่เคยให้
หรือหัวใจมิใช่เนื้อเหลือจะขับ
เป็นแท่งทั่งดังศิลาเพื่อบดทับ
ใครจะยับใครจะย่นไม่สนคิด

จะมองเห็นคุณค่าที่เคยสร้าง
จะยกย่องเปิดทาง.. กลับเบือนบิด
หรือครรลองยุคใหม่ไม่มีมิตร
ถ้าเช่นนั้นชีวิตก็แค่สัตว์

ไม่ประเสริฐสั่งสมบ่มวิญญู
ไม่รับรู้ในข้อปรมัตถ์
มีแต่อวดอ้างตนพ้นพิกัด
ใจยังขัดยังข้องยังหมองเมิน

ให้เข็ดคดในข้องอในกระดูก
ผิดหรือถูกสวรรค์จักสรรเสริญ
ถ้าคิดแคบไม่แผ่เผื่อก็.. เหลือเกิน
หากยังเห็นค่าเงินมากกว่าคน
************
 
 

โดย: เขมฯ IP: 202.129.1.132 วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:02:30 น.  

 
 
 
กลอนคุณ เขมฯ เฉียบขาดจริงๆ
ด้วยความนับถือ..
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:04:53 น.  

 
 
 
ช่วงนี้บ่อค่อยได้เมาเท่าใดนัก
งานเยอะฉิบหาย ฉิบหายในที่นี้แปลว่ามากกกก.
 
 

โดย: มหาเสเพล IP: 203.113.51.6 วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:50:00 น.  

 
 
 
เห็นบทพากย์ช้างเอราวัณ แล้วดันไปนึกถึงช้างเอราวัณฉบับน้าหมู พงษ์เทพ อ่ะครับ
(จำไม่ได้แล้วว่า มีชื่อว่าอะไร)
 
 

โดย: อายส์ IP: 58.10.12.136 วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:09:04 น.  

 
 
 
มีบ่กี่ตั๋ว... แค่กลีบบัวกลีบเดียวนับปอเมาหัว
ซาวล้านป๋ายบ่ดาย
ถ้าถูกของรางวัลหอมแก้มก้นยกหื้อเจ้าบ้าน
เต๊อะนายเฮย
มหาเสเพลที่คิดฮอด
ท่านเขมรัฐสีท่าจะเอาแต้เน้อปี๋นี้
ปี๋แล้วเข้าได้เจ็ดวันพรรษาขาด
ฝนตกอย่างนี้นั่งอ่านธรรมอยู่บ้านดูจะเข้าท่าดี
ยินดีรับต้อนอี่ปี้กวิสราด้วยความระทึกใจ
หึ หึ เข้ามาแล้วบ่เมาบ่หื้อปิ๊กเด้อ
แบบว่าเจ้าของบ้านมักเหล้า หึ หึ หึ
เดครับ ป้ารุ่ง หายแส่บไปไหนหา
 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.99.204 วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:14:39 น.  

 
 
 

ยามขาดปราชญ์ต่างแล้ง…...............รสหวาน
กวินย่อมสูญจิตคน.........................ค่าสิ้น
มธุรพจน์หมดซึ่งคำขาน.................คงขื่น
โพยมแจ่มยังเปลื้องชิ้น....................ชิ่งดับดวงเฮย

(ยามขาดปราชญ์ : กวิสรา)

ขอบคุณมากครับที่น้องแต่งต่อคำโคลงที่พี่แต่งค้างไว้ แม้ว่าน้องแต่งได้เพียงบทเดียว แต่เป็นบทเดียวที่หาค่ามิได้ เป็นบทเดียวที่ดีงาม เป็นบทเดียวที่โดดเด่น ทุกเวลานาที พี่สามารถเรียกน้องว่า "กวิณี" ได้อย่างไม่ต้องอายใคร

ชาติก่อนน้องคงได้อธิษฐานไว้ว่าให้เกิดมาเป็นกวิณีอย่างแน่แท้ ชาตินี้จึงได้เป็นกวิณีที่ดีงาม

เมื่อนิ่งดูโคลงบทเดียวที่น้องแต่งต่อพี่ ในรูปฉันทลักษณ์นั้นได้ล้านคะแนนเต็ม การใช้สำนวนถ้อยคำ ทั้งสารสาระที่สื่อถึงผู้อ่านก็ได้ล้านคะแนนเต็ม

หากดูด้านการเข้าถึง "วิญญาณโคลง" นั้นตัดคะแนนไม่ได้เลย

ใครก็ตามที่คิดจะแต่งโคลงทุกประเภท กิจเบื้องต้นจะต้องจับวิญญาณโคลงให้ได้เสียก่อน ถ้าไม่เช่นนั้น โคลงที่แต่ง จะ "เชย" และด้อยคุณค่า พี่อ่านโคลงของคนรุ่นใหม่หลายคน อย่างอื่นดีหมด แต่มาด้อยคุณค่าตรงที่มิสามารถจับวิญญาณโคลงได้

อะไรคือสิ่งที่พี่เรียกว่า "วิญญาณโคลง"
วิญญาณโคลงคือ การสัมผัสอักษร และการสัมผัสเสียงที่คล้ายคลึงกันของคำ(เรียกตามความเข้าใจของพี่) ตัวอย่าง

แล้ง…....รส
คน.........ค่า
คำขาน......คงขื่น
ชิ้น............ชิ่ง

หรือโคลงสี่สุภาพที่น้องแต่งว่า
..อรุณฉายชื่นเช้า..................ชวนเชย
ฟังแว่วลมรำเพย...................ผ่านพร้อง
เพรียกเสียงส่งตามเคย......... คำรุ่ง
เราตื่นสดับก้อง....................ไก่แก้วคีตกวี

โคลงบทนี้แต่งได้ดีมากไม่มีที่จะแก้ไขตรงไหนเลย เป็นโคลงที่เปี่ยมด้วยวิญญาณโคลง คือ

ชื่นเช้า..................ชวนเชย
รำเพย...................ผ่านพร้อง
ตามเคย................คำรุ่ง
ก้อง.....................ไก่แก้วคีตกวี

พี่ไม่รู้ว่าน้องเรียนจบเอกอะไร สาขาอะไร จากที่ไหน

แต่พี่รู้ว่าน้องต้องได้อ่านวรรณคดีมามาก และวรรณคดีหรือบทกวีคงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับชีวิตจิตใจน้อง

พี่ขอชื่นชมและศรัทธาในสิ่งที่น้องพากเพียรกระทำอยู่ ขอให้กระทำในสิ่งที่ตนรักต่อไป เพราะสิ่งที่น้องรักนั้นมันเป็นสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่พี่รัก และสิ่งที่ "เรา" รักมันเป็นความจริง ความงาม ความดี

และแน่นอนสิ่งที่เราทำมันต้องมีผลเกื้อกูลโลกและสังคมบ้างไม่มากก็น้อย พี่เชื่อมั่นอย่างนี้จริง ๆ

แม้ว่าพี่จะให้น้องได้ล้านคะแนนเต็ม ให้เพราะ
(๑)แต่งสัมผัสระหว่างบทกับโคลงของพี่ได้
(๒)ใช้ถ้อยคำสำนวนเหมาะสมกับครรลองโคลง
(๓)มีฉันทะแต่งได้ตามแบบอย่างของครู
(๔)เป็นโคลงที่จรรโลงใจผู้อ่าน

ถึงกระนั้นพี่ก็ต้องขออนุญาตน้อง แก้ไขคำในวรรคสุดท้าย เพื่อเป็นแนวทางให้น้องสร้างสรรค์ผลงานชิ้นต่อไปครับ พี่ขออนุญาตแก้ไขดังนี้

ยามขาดปราชญ์ต่างแล้ง…..............รสหวาน
กวินย่อมสูญจิตคน.........................ค่าสิ้น
มธุรพจน์หมดซึ่งคำขาน.................คงขื่น
โพยมแจ่มยังต้องดิ้น.....................ดับดวง

(ยามขาดปราชญ์ : กวิสรา)

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงจะมีโคลงบทอื่น ๆ ให้พี่ได้อ่านอีกนะครับ (กลอนที่น้องแต่งพี่ก็ได้อ่านแล้ว ดีงามมากเช่นเดียวกันครับ)

ด้วยรักและศรัทธา

ทัส ธราธิคุณ
(อรุณ อโรคยา)

 
 

โดย: ทัส ธราธิคุณ IP: 58.136.134.43 วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:19:47:45 น.  

 
 
 
วิถีกวี-วิถีปราชญ์

(โคลงดั้นบาทกุญชร)

(๑)งามวิถีพร่างแพร้ว...............พราวแสง
หอมกรุ่นคุณธรรมเติม..............แต่งสร้าง
แสนผุดผ่องงามแจรง...............เรืองรุ่ง
เหมือนประทีปส่องพื้นกว้าง.......ก่อชัย

(๒)ฉันทะนักปราชญ์นั้น............ฉมังขลัง
เผยแผ่ธรรมนำสมัย.................มุ่งแผ้ว
ขีดเขียนแก่นสารหวัง..............วันสว่าง
เพียงเพื่อหมายสร้างแก้ว.........ก่ำชน

(๓)ดวงจิตนักปราชญ์เพี้ยง......เพ็ญจันทร์
ทางแห่งนักปราชญ์ยล............ยิ่งฟ้า
หอมหวานกลิ่นสุคันธ์.............เคียงคู่
คือคู่ของผู้ท้า.......................ถ่อยมาร

(๔)คือจอมยุทธต่อสู้.............สานธรรม
เพียรแต่งบทกวีธาร...............ทิพย์แพร้ว
หวังเพียงเพื่อสื่อนำ..............แนวพุทธ
จอมยุทธพบแก้วแล้ว............โล่งใจ

(๕)คือจอมยุทธจิตเอื้อ.........อารี
ชีพรุ่งเรืองอำไพ..................ผ่องล้น
สานใจก่อเจดีย์...................ดูเด่น
โดยมั่นโดยเฝ้าค้น...............ค่างาม

(๖)โดยปลุกโดยก่อเกื้อ.......โลกา
จึงเปล่งประกายวาม.............วาดพื้น
ยิ่งนานยิ่งโสภา...................พรเพิ่ม
อาบแต่งโลกให้ชื้น..............โชติแจรง

(๗)คือกวีหนุ่มหนึ่งนี้............นามอรุณฯ
เนาอยู่ในพราวแสง..............สว่างด้าว
พลีชีพสั่งสมบุญ.................บริสุทธิ์
ยืนหยัดโดยพร้อมก้าว.........กัดอธรรม

(๘)ผ่องอรุณนั้นผ่องพ้น.......รำพัน
แสงแห่งอรุณส่องนำ............แน่วเน้น
คือเน้นเทิดทูนธรรม์.............ทางถูก
จึงหมู่มารสะดุ้งเต้น..............ต่างกลัว

ผมตั้งใจจะแต่งโคลงบทนี้ให้ครบ ๑๐ บท เพื่อสร้างวรรณคดีไว้ในยุคสมัย

เหลืออีก ๒ บท พี่อยากให้น้องกวิสราช่วยแต่งต่อให้จบ เพื่อสร้างกุศลร่วมกัน

สำหรับผมแล้ว "การแต่งบทกวีหรือการแต่งโคลงทั้งปวงคือการปฏิบัติธรรม"

แน่นอน, ทุกครั้งที่ผมแต่งบทกวีจบ ผมรู้สึกว่าผมได้บรรลุธรรม

"ธรรม" ในที่นี้ ผมหมายถึงความจริง ความดี ความงามทั้งปวงนั่นเอง






 
 

โดย: อรุณ อโรคยา IP: 58.136.134.43 วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:19:15 น.  

 
 
 
โอ๊ะโอ...รูปน้าหล่องหรือนั่น...ทำไมต้องยืนพิงกำแพงด้วยอ่ะ...หรือว่าเมาจนยืนไม่ไหว...ต้องหาที่ค้ำ....เหอๆๆ
 
 

โดย: ตากล้อง (ตากล้อง ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:36:32 น.  

 
 
 
ขอบคุณอ้าย อรุณมากนะคะที่ช่วยแก้ไข
โคลงบทนั้น เพราะสมควรแก้ไขตามนั้น
โดยแท้

ซึ่งจริงๆแล้วตอนหนูเขียน ก็ได้ใช้
ดิ้น ดับดวง เหมือนที่อ้ายแก้ไขให้
แต่ด้วยความไม่แน่ใจว่า คำตายจะใช้แทน
เสียงเอกได้ จึงละเว้นไปเสียก่อน
เพราะจำได้เลือนๆลางๆเหลือเกิน
ว่าใช้ได้หรือใช้ไม่ได้

อันความเป็นจริง กวิสรา นั้นแต่งโคลง
มาน้อยมากๆ ในชีวิต แต่งไม่ถึง 10 บท

(อ้ายจินตนาการไปไกลมากๆ ว่าหนูอ่านวรรณคดีไทย อิอิ รู้สึกละอายใจเล็กๆ ถ้าจะ
บอกกับอ้ายว่าไม่เคยอ่านเลยค่ะ
แค่สมัยเรียน มัธยมก็ต้องอ่านทำนองเสนาะ
ก็สยองแล้วยังไงไม่รู้ แล้วก็มาในรูป
ของโคลงเสียด้วยสิ ทำให้กลายเป็นมนุษย์
กลัวโคลงยาวๆ ยิ่งถ้าดำเนินยาวเป็นเรื่องๆ
รับรอง เก็บไวบูชาอย่างเดียวเลย แต่ถ้าอ่าน
โคลงจากหนังสือบทกวี ต่างๆ นั้นก็อีกเรื่อง
ส่วนใหญ่จะไปอ่านวรรณกรรมเยาวชนเสีย
มากกว่างานวรรณคดีไทยนะคะ เอ..สงสัยจะต้องอ่านจริงจังเสียแล้วกระมัง )


เคยหัดแต่งโคลงตอนมหาลัยพร้อมๆกับหัดแต่งกลอน
(หนูมะได้จบภาษาไทยมาอย่างท่านพี่ปะหล่องที่เคารพหรอกเจ้าค่ะ)อิอิ
จำได้ว่าแต่งไว้แค่สองบท แต่ไม่ไพเราะเอามากๆ แข็งทื่อไม่มีชีวิต
เพราะเคยได้ย้อนกลับไปอ่าน

แล้วปีที่แล้วลองแต่งอีกบทสั้นๆ อีกสองบท
เพราะปีที่แล้วนี้เอง จึงจับได้ว่า ทำไมโคลง
ของตัวเองที่แต่ง ไม่เคยไพเราะเสียที

เพราะขาดวิญญาณโคลงดังอ้ายได้กล่าวไว้
ตอนนั้น ได้นำโคลงของท่านเนาว์ มาเทียบ
กับโคลงของตัวเองดู จึงเห็นว่า เราขาดสัมผัสอักษร นี่เอง

แต่ก็ยังคงไม่ค่อยได้แต่งโคลงสักเท่าไหร่
พอต้องมาแต่งต่อโคลงอ้าย
บทสุดท้ายพอไม่แน่ใจคำว่า ดับดวง
เลยต้องเลี่ยง หาคำอื่นให้ได้เหมือนใจ รู้สึกยากมากๆ

เมื่อวานมาอ่านทีตอนดึกๆ เห็นุอ้ายแก้ไขให้
วันนี้เช้าจึงไปอ่าน หลักการใช้คำในโคลง
ที่เวป //www.siampoetry.com/

จึงได้เรียนรู้เพิ่มเติม ถึงเรื่องการใช้เสียง
ถ้าอ้ายไม่แก้ให้ หนูเองก็ไม่ไปศึกษาเพิ่มเติม
แน่ๆ นี่ถือว่า อ้ายได้ช่วยให้หนูได้เข้าใจ
โคลงขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

แล้วเดี๋ยวจะพยายามแต่งต่อโคลงดั้นบาทกุญชร
ของอ้ายนะคะ

ด้วยความนับถือและศรัทธา
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:16:01 น.  

 
 
 
แต่งกลอนไม่เป็นเลบครับ...ถ่ายรูปเป็นอย่างเดียว.....อ้อ!...กินเหล้าเป็นอีกอย่างด้วยครับ...แต่นอนหน้าร้านไม่เป็นนะ...ไว้ให้น้าหล่องสอนมั่งดีก่า...เหอๆๆ
 
 

โดย: ตากล้อง วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:22:30 น.  

 
 
 
ปล.วันนี้ได้เรียนเรื่อง คำสร้อยท้ายบทด้วยค่ะ
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:23:38 น.  

 
 
 
ปณิธานของกวี


๑.ฉันเอาฟ้าห่มให้ หายหนาว
ดึกดื่นกินแสงดาว ต่างข้าว
น้ำค้างพร่างกลางหาว หาดื่ม
ไหลหลั่งกวีไว้เช้า ชั่วฟ้าดินสมัยฯ
๒.พลีใจเป็นป่าช้า อาถรรพณ์
ขวัญลิ่วไปเมืองฝัน ฟากฟ้า
เสาะทิพย์ที่สวรรค์ มาโลก
โลมแผ่นทรายเส้นหญ้า เพื่อหล้าเกษมศานต์ฯ
๓.นิพนธ์กวีไว้เพื่อกู้ วิญญาณ
กลางคลื่นกระแสกาล เชี่ยวกล้า
ชีวีนี่มินาน เปลืองเปล่า
ใจเปล่งแววทิพย์ท้า ตราบฟ้าดินสลายฯ
๔.จิตกาธารกรุ่นไหม้ โฉมไป ก็ดี
กาพย์ร่ำหอมแรงใจ ไป่แล้ว
จุติที่ภพไหน ภพนั่น
ขวัญท่วมทิพย์รุ้งแก้ว ร่วงน้ำมณีสมัยฯ
๕.ลายสือไหววิเวกให้ หฤหรรษ์
ฝนห่าแก้วจากสวรรค์ ดับร้อน
ใจปลิวลิ่วไปฝัน โลกอื่น
หอมภพนี้สะท้อน ภพหน้ามาหอมฯ
๖.ข้ายอมสละทอดทิ้ง ชีวิต
หวังสิ่งสินนฤมิต ใหม่แพร้ว
วิชากวีจุ่งศักดิ์สิทธฺ์ สูงสุด
ขลังดั่งบุหงาป่าแก้ว ร่วงฟ้ามาหอมฯ

อังคาร กัลยาณพงศ์

สังเกตโคลงเรื่องนี้นะครับ สองบทแรกมีการ "ร้อยโคลง" คือเสียงของคำสุดท้ายในบทที่หนึ่งจะมาสัมผัสกับเสียงของคำที่สามในวรรคแรกของบทที่สอง

แต่บทต่อ ๆ มาไม่มีการร้อยโคลงเลยจนจบเรื่อง


 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:09:06 น.  

 
 
 
เห็นหนูกวิสราพูดเรื่องสร้อยโคลง

เลยนำมาฝาก นี่เป็นผลงานของคุณหมอวฤก

แห่งอาศรมชาวโคลงที่โต๊ะห้องสมุดครับ

+++ สร้อยคำ สร้อยโคลง +++
วฤก
๏ สร้อยโคลงคือเศษพ้น.......ผังความ.....เขียนแล
พากย์ต่อเต็มพจน์ตาม...........แต่งไซร้
เสียงขานขับโคลงยาม..........เยื้อนอ่อน-...ช้อยฮา
หากประดิดประดอยได้........ประดับสร้อยผสานสม ฯ

๏ เฉก พ่อ แม่ พี่ ใช้.............ชี้บุค-.......คลพ่อ
พึงพากย์เพียงประยุกต์.........อย่างแล้
เขียนตามท่านตามอุค-.........หะแต่ง.....ตามพี่
พจน์พิสิฐพิเศษแท้...............ที่สร้างเสร็จสลวย ฯ

๏ นา นอ เนอ นั่นพร้อม........เพียงดัง-....นี้นอ
แล ร่วม แฮ ฮา ยัง................อย่างนั้น
ก็ดี กับ บารนี ฟัง.................ดังดั่ง-.....นั้นนา
เป็นอัฏฐะอรรถชั้น...............เช่นนี้พจีผล ฯ

๏ อีก อา เอย เอ่ยโอ้..............อกอัด.....อั้นอา
ฤๅ ฤฤๅร้องขัด.....................ขุ่นข้อง
เทอญ รา กถาชัด..................ใช้เพื่อ ขอพ่อ
เลย ต่าง เฮย ให้ร้อง.............สลับข้างความหมาย ๚ะ๛


 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:12:51 น.  

 
 
 
นี่ก็เป็นข้อมูลขงพี่ชายผมอีกคน "นายทิวา" ท่านพูดถึงสร้อยโคลงว่า


****สร้อยโคลง*******
คำสร้อยที่นิยมใช้กันมาแต่โบราณนั้น มีทั้งหมด ๑๘ คำ ดังนี้
๑. 'พ่อ' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล เช่น ฤทธิ์พ่อ, นี้พ่อ, นาพ่อ ฯลฯ
ศัตรูหมู่พาลา ...................................... พาลพ่าย ฤทธิ์พ่อ
๒. 'แม่' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล หรือเป็นคำร้องเรียก เช่น แม่แม่, มาแม่ ฯลฯ
แสนศึกแสนศาสตร์ซ้อง ..................... แสนพัน มาแม่
๓. 'พี่' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล อาจทำหน้าที่เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑ หรือบุรุษที่ ๒ ก็ได้ เช่น เรือพี่, ฤๅพี่ ฯลฯ
สองเขือพี่หลับไหล ............................. ลืมตื่น ฤๅพี่
๔. 'เลย' ใช้ในความหมายเชิงปฏิเสธ เช่น เรียมเลย, ถึงเลย ฯลฯ
ประมาณกึ่งเกศา ............................... ฤๅห่าง เรียมเลย
๕. 'เทอญ' มีความหมายในเชิงขอให้มี หรือขอให้เป็น เช่น ตนเทอญ ฯลฯ
สารพัดเขตจักรพาล ........................... ฟังด่ำ บลเทอญ
๖. 'นา' ดังนั้น เช่นนั้น
จำบำราศบุญเรือง ............................ รองบาท พระนา
๗. 'นอ' มีความหมายเช่นเดียวกับคำอุทานว่า 'หนอ' หรือ 'นั่นเอง'
ยอกไหล่ยอกตะโพกปาน .................. ปืนปัก อยู่นอ
๘. 'บารนี' สร้อยคำนี้ นิยมใช้มากในลิลิตพระลอ มีความหมายว่า 'ดังนี้' 'เช่นนี้'
กินบัวอร่อยโอ้ .................................. เอาใจ บารนี
๙. 'รา' มีความหมายละเอียดว่า 'เถอะ' 'เถิด'
วานจวนชำระใจ ............................... ความทุกข์ พี่รา
๑๐. 'ฤๅ' มีความหมายเชิงถาม เหมือนกับคำว่า หรือ
มกุฏพิมานมณ ................................. ฑิรทิพย์ เทียมฤๅ
๑๑. 'เนอ' มีความหมายว่า ดังนั้น 'เช่นนั้น'
วันรุ่งแม่กองทวิ ................................ ทศพวก นายเนอ
๑๒. 'ฮา' มีความหมายเช่นเดียวกับ คำสร้อย นา
กวัดเท้าท่ามวยเตะ .......................... ตึงเมื่อย หายฮา
๑๓. 'แล' มีความหมายว่า อย่างนั้น เป็นเช่นนั้น
กัลยาเคยเชื่อไว้ ............................... วางใจ มาแล
๑๔. 'ก็ดี' มีความหมายทำนองเดียวกับ ฉันใดก็ฉันนั้น
นิทานนิเทศท้าว ............................... องค์ใด ก็ดี
๑๕. 'แฮ' มีความหมายว่า เป็นอย่างนั้นนั่นเอง ทำนองเดียวกับคำสร้อย แล
อัชฌาสัยแห่งสามัญ ........................ บุญแต่ง มาแฮ
๑๖. 'อา' สร้อยคำนี้ไม่มีความหมายแน่ชัด แต่จะวางไว้หลังคำร้องเรียกให้ครบพยางค์ เช่น พ่ออา แม่อา พี่อา หรือเป็นคำออกเสียงพูด ในเชิง รำพึง แสดงความวิตกกังวล
เป็นไฉนจึงด่วนทิ้ง .......................... น้องไป พี่อา
๑๗. 'เอย' ใช้เมื่ออยู่หลังคำร้องเรียก เหมือนคำว่า เอ๋ย หรือวางไว้ให้คำครบตามบังคับ
จำปาจำเปรียบเนื้อ .......................... นางสวรรค์ กุเอย
๑๘. 'เฮย' ใช้ในลักษณะที่ต้องการเน้น ให้มีความเห็นคล้อยตามข้อความที่กล่าวมาข้างหน้า
สร้อยคำนี้มาจากคำเขมรว่า "เหย" แปลว่า "แล้ว" ดังนั้นเมื่อใช้ในคำสร้อย จึงน่าจะมีความหมายว่า เป็นเช่นนั้นแล้ว ได้เช่นกัน
ขึ้นดั่งชัยพฤกษ์พร้อม ....................... มุรธา ภิเษกเฮย
+++++++++++
๑) สร้อย ๑ คำ ที่เป็นคำเสียงสามัญ เช่น นา, เฮย, แฮ ฯลฯ สร้อยประเภทนี้ใส่แล้วเสียงโคลงจะทอดช้าลง
๒) สร้อย ๑ คำ ที่มีรูปวรรณยุกต์ ทั้งหมดมีอยู่แค่ ๓ คำ ได้แก่ พี่, พ่อ, แม่ สร้อยประเภทนี้ใส่แล้วเสียงโคลงจะกระชับขึ้น
๓) สร้อย ๒ คำ ตามแบบโบราณมีอยู่ ๒ คำ ได้แก่ แลนา, บารนี สร้อยประเภทนี้ใส่เข้ามาเรื่องเสียงอย่างเดียว
+++++++++++++

หมายเหตุ : ข้อมูลนี้ จากการรวบรวม และแลกเปลี่ยนใน ถนนนักเขียน มี "หนอนสุรา" ซึ่งเป็นเสมือนครู คอยกรุณาแนะนำให้ ขอรับ
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:17:16 น.  

 
 
 
ครูปะหล่องขรา...........

หนูตกเลขค่ะ

คูณไม่ถูกง่ะ มันหลายหลักเกิน


 
 

โดย: ปิ่นเดือน ครูดอย วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:48:29 น.  

 
 
 
ในที่สุดข้าพเจ้าก็เขียนสองบทสุดท้ายจบจนได้ โดยพยามให้สอดคล้องกับเนื้อหาของ
อ้ายอรุณให้มากที่สุด


กวีงามปลูกไม้.......................มวลกวี
สะพรั่งบานกลบสลัว...........โลกหล้า
วรรณศิลป์ทิพย์รวี...............เรืองรุ่ง
ธรรมจึ่งเจิมแจ้งจ้า...............จรดแดน

เพชรอรุณผดุงรุ้ง.................รวงฉาย
ประกาศิตสุดหวงแหน......... หักสู้
จะผลีหนึ่งชีพมลาย..................ลงเพื่อ โลกเอย
แสนหมื่นจะรู้กู้......................เกริกธรรมฯ


ด้วยรักในบทกวี..
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:38:09 น.  

 
 
 
ลืมตอบคุณน้อง ชอลิ้วเฮียง แหะๆๆ ข้ามมาหลายกล่องเลยนะ คิคิ
จริงๆ แล้วไม่ต้องดื่มก็ไม่กลับอยู่แล้วอะคะ
ปักหลักแถวนี้แหละ ฮ่าๆๆ
ยังไงๆ มาเป็นเพื่อนกันนะคะ น้องชอลิ้วเฮียง
ว่างๆเชิญไปแอ่วบ้านกวิสราได้ ร้างๆชอบกล คิคิ มัวแต่เที่ยวบ้านคนอื่นเพลิน
แต่น้องชอลิ้วเฮียงอย่าเมาเพลินเดินไปบ้าน
พี่ไม่ถูกเน้อน้องเน้อ
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:12:21 น.  

 
 
 
ขอบคุณอ้ายปะหล่องมากค่ะ กับการ
ให้สังเกตุการร้อยโคลง ของท่านอังคาร

และสร้อยโคลงหนูจะเซฟไว้เพื่อเตือนความจำนะคะ แบบว่า เดี๋ยวลืมๆเลือนๆอีก ใช้ผิดๆ
เพราะทุกสร้อยล้วนมีความหมายทั้งนั้นเลย

เมื่อก่อนเข้าใจว่า สงสัยเอาไว้เอื้อนๆ เฉยๆ อิอิ (ติ๊งต๊องจังเลยฉันนน)


 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:26:42 น.  

 
 
 
กวีงามปลูกไม้.......................ในฤดี
สะพรั่งบานกลบสลัว...........โลกหล้า
วรรณศิลป์ทิพย์รวี...............เรืองรุ่ง
ธรรมจึ่งเจิมแจ้งจ้า...............จรดแดน

เพชรอรุณผดุงรุ้ง.................รวงฉาย
ประกาศิตสุดหวงแหน......... หักสู้
จะผลีหนึ่งชีพมลาย..................ลงเพื่อ โลกเอย
แสนหมื่นจะรู้กู้......................เกริกธรรมฯ

ขอแก้ไขนิดนึงค่ะ อ่านไปอ่านมาตาสว่าง คิคิ

 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:54:05 น.  

 
 
 
ถึงแม้น้องกวิสราได้บอกว่าไม่เคยอ่านวรรณคดีไทยเลย แต่จากที่อ่านกลอนและโคลงที่น้องแต่งขึ้นแล้ว พี่รู้สึกว่า ความสามารถระดับน้อง เป็นความสามารถที่เกิดจากพื้นฐานของการอ่านวรรณคดีนั่นเอง พี่คิดว่าน้องเคยอ่านวรรณคดี หรือไม่ก็งานของท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์มาบ้างไม่มากก็น้อย น้องจึงมีความสามารถที่ดีงามอย่างนี้

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าคนไม่เคยอ่านวรรณคดีจะแต่งโคลงได้ดี และดูเหมือนว่าจะแต่งได้ดีกว่าคนที่เคยอ่านวรรณคดีบางคนด้วยซ้ำ ที่พูดอย่างนี้ ก็เพราะพี่เคยเห็นครูภาษาไทยเป็นจำนวนมากที่แต่งโคลง-กลอนไม่เป็นเอาเลย ทั้งที่เคยเรียนและเคยอ่านวรรณคดีมาเป็นจำนวนมาก แต่เป็นการอ่านก่อนเวลาจะเข้าห้องสอบประมาณ 10-20 นาที เรียนเอกไทยจบออกมาเป็นครูภาษาไทย แต่สอนได้เพียงทฤษฎี เด็กนักเรียนสมัยนี้จึงเกลียดภาษาไทย และใช้ภาษาไทยอย่างผิดพลาดกันมาก

การที่พี่กล่าวชื่นชมน้องกวิสรา เป็นการชื่นชมด้วยใจจริง ชื่นชมในความเป็นกวิณีศรีโสภา ชื่นชมในฉันทะที่น้องรักบทกวี ชื่นชมในการใช้ภาษาได้อย่างชาญฉลาด ชื่นชมในปรีชาหยั่งรู้รสโคลงและรสคำกวี

น้องเป็นกวิณีจริง ๆ พี่รู้ได้จากการได้อ่านคำประพันธ์ที่น้องแต่งขึ้น นักปราชญ์ท่านกล่าวว่า

ดาวคือดวงประทีปรู้..............ระหว่างดาว
สาวย่อมรู้เชิงสาว.................จากชู้
ชีวิตใช่ยืนยาว......................มัวงั่ง โง่ฤา
กวีอ่านงานกวีรู้.....................แค่นั้นงานกวีฯ

ยิ่งพี่มาได้อ่านโคลงดั้นที่น้องแต่งต่อพี่เมื่อวันนี้(19 กรกฎาคม 2549) แล้ว ทำให้พี่รักและศรัทธาเชื่อมั่นน้องมากขึ้น พี่ได้เตรียมของรางวัลไว้ให้แล้ว รางวัลที่จะให้มันเป็นหนังสือ และน้องอยากจะได้หนังสืออะไรก็สามารถขอพี่มาได้ พี่จะเพิ่มให้อีกหนึ่งเล่มตามที่น้องขอมา ที่มอบรางวัลให้น้องก็เพราะว่าน้องมีความสามารถอย่างยอดเยี่ยม การแต่งโคลงดั้นบาทกุญชรให้สละสลวย ให้ไพเราะ ให้งดงาม ไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ ก็แต่งได้ ถ้าไม่เช่นนั้นคนในโลกนี้ก็เป็นกวีกันหมดแล้ว

แต่น้องกวิสราทำได้ และทำได้อย่างดีงามทีเดียว แล้วจะไม่ให้พี่เรียกน้องว่า กวิณี ได้อย่างไร

การได้รู้จักน้องพี่ถือว่าเป็นรางวัลจากเทพยดา เป็นรางวัลจากฟากฟ้า พี่ทั้งดีใจและภูมิใจที่ได้รู้จักน้องสาวคนนี้ คนที่ชื่อกวิสรา ซึ่งเป็นกวิณีศรีโสภาสง่าครัน
 
 

โดย: ทัส ธราธิคุณ IP: 58.136.130.240 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:06:20 น.  

 
 
 
น้องกวิสรา ครับ

เพราะอะไรพี่จึงรัก นับถือและศรัทธาน้อง คำตอบก็คือ

นานาประเทศล้วน..............นับถือ
คนที่รู้หนังสือ....................แต่งได้
คนเกลียดอักษรคือ............คนป่า
คนเยาะกวีไซร้...................แน่แท้คนดง

(พระนลคำหลวง : ร.๖)

หวังว่าพี่คงจะได้อ่านโคลงบทต่อไปของน้องอีกนะครับ อย่าหยุดยั้งความเพียรเสียก่อนล่ะ ทำต่อไปเถิดครับ สิ่งที่เราทำพี่เรียกมันว่าการปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงคุณงามความดี อันเป็นคุณงามความดีที่จะเกื้อหนุนให้โลกมีแสงแห่งสันติภาพอย่างถาวร
 
 

โดย: ทัส ธราธิคุณ IP: 58.136.130.240 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:19:39 น.  

 
 
 
น้องกวิสรา ครับ

อย่างไรก็ตาม พี่ต้องขออนุญาตแก้ไขโคลงดั้นที่น้องแต่งต่อจากพี่ ที่จริงมันก็ดีงามอยู่แล้ว แต่พี่จะขออนุญาตแก้ไขเพื่อให้ดีงามมากยิ่งขึ้น และเพื่อน้องจะได้ดูเป็นแนวทางของการแต่งโคลงต่อไป พี่จะขออนุญาตแก้ไขดังนี้นะครับ

กวีงามเพียรปลูกไม้............มาลี
สะพรั่งบานกลบสลัว...........โลกหล้า
วรรณศิลป์ทิพย์รวี...............เรืองรุ่ง
ธรรมจึ่งเจิมแจ้งจ้า...............จรดแดน

เพชรอรุณพราวพร่างรุ้ง........รัตน์ฉาย
ประกาศิตสุดหวงแหน......... หักสู้
จะพลีหนึ่งชีพมลาย.............ลงเพื่อ โลกเอย
โดยหมั่นเพียรเฝ้ากู้.............แก่นธรรมฯ

(กวิสรา : 19 กรกฎาคม 2549)

คำว่า "ปลูกไม้.......มาลี" หมายความว่า ปลูกต้นไม้ที่มีดอกหอมหวาน หรือปลูกดอกไม้กลิ่นหอมนั่นเอง เป็นการสัมผัสอักษรด้วย คือ ไม้-มา

วรรคที่พี่ชอบมากเป็นพิเศษ คือ
"ธรรมจึ่งเจิมแจ้งจ้า...............จรดแดน"
นี้คือวิญญาณโคลงที่มีอยู่ในตัวน้อง

เพชร/อรุณ/พราว/พร่าง/รุ้ง........รัตน์/ฉาย
ที่พี่ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะแยกคำให้ดู และ พร่าง-รุ้งก็เป็นเสียงเอก-โท ถูกต้องตามฉันทลักษณ์

น้องลองนั่งพินิจดู พินิจอ่าน วรรคนี้อีกทีซิ
"เพชรอรุณผดุงรุ้ง................รวงฉาย"
แล้วจะเห็น จะรู้ว่า "ผดุง" ไม่ใช่เสียงเอก

แล้วจะเห็น จะรู้ว่า "รวงฉาย" ตีความยาก เข้าใจยาก

แล้วจะเห็น จะรู้ว่า
เพชร/อรุณ/ผดุง/รุ้ง ถ้าจะนับกันจริงจะได้ 4 คำ โบราณเรียกว่า เป็น "คำขาด" อ่านไม่เพราะ โคลงไม่สวย เพราะขาดจังหวะของการใช้ถ้อยคำ

ในที่ตรงนี้เราจะไม่นับ
เพชร/อรุณ/ผ/ดุง/รุ้ง
หรือ เพชร/อ/รุณ/ผดุง/รุ้ง
หรือ เพชร/อรุณ/ผดุง/รุ้ง

และอย่าลืมว่า คำว่า "รุ้งรัตน์" นั้น สวยงามมาก เช่น ไพลิน รุ้งรัตน์ น้องคงเคยได้ยินแล้ว

ดังนั้นพี่จึงเลือกใช้

เพชรอรุณพราวพร่างรุ้ง........รัตน์ฉาย

ผู้อ่านสามารถตีความได้ง่าย เพราะ "รัตน์" ย่อมหมายความว่า แก้วหรือสิ่งอันประเสริฐล้ำค่าที่มนุษย์ต่างแสวงหา

ด้วยรักและศรัทธา
ทัส ธราธิคุณ
(อรุณ อโรคยา)








 
 

โดย: อ.อโรคยา IP: 58.136.130.240 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:08:08 น.  

 
 
 

วิถีกวี-วิถีปราชญ์

(โคลงดั้นบาทกุญชร)

(๑)งามวิถีพร่างแพร้ว...............พราวแสง
หอมกรุ่นคุณธรรมเติม..............แต่งสร้าง
แสนผุดผ่องงามแจรง...............เรืองรุ่ง
เหมือนประทีปส่องพื้นกว้าง.......ก่อชัย

(๒)ฉันทะนักปราชญ์นั้น............ฉมังขลัง
เผยแผ่ธรรมนำสมัย.................มุ่งแผ้ว
ขีดเขียนแก่นสารหวัง..............วันสว่าง
เพียงเพื่อหมายสร้างแก้ว.........ก่ำชน

(๓)ดวงจิตนักปราชญ์เพี้ยง......เพ็ญจันทร์
ทางแห่งนักปราชญ์ยล............ยิ่งฟ้า
หอมหวานกลิ่นสุคันธ์.............เคียงคู่
คือคู่ของผู้ท้า.......................ถ่อยมาร

(๔)คือจอมยุทธต่อสู้.............สานธรรม
เพียรแต่งบทกวีธาร...............ทิพย์แพร้ว
หวังเพียงเพื่อสื่อนำ..............แนวพุทธ
จอมยุทธพบแก้วแล้ว............โล่งใจ

(๕)คือจอมยุทธจิตเอื้อ.........อารี
ชีพรุ่งเรืองอำไพ..................ผ่องล้น
สานใจก่อเจดีย์...................ดูเด่น
โดยมั่นโดยเฝ้าค้น...............ค่างาม

(๖)โดยปลุกโดยก่อเกื้อ.......โลกา
จึงเปล่งประกายวาม.............วาดพื้น
ยิ่งนานยิ่งโสภา...................พรเพิ่ม
อาบแต่งโลกให้ชื้น..............โชติแจรง

(๗)คือกวีหนุ่มหนึ่งนี้............นามอรุณฯ
เนาอยู่ในพราวแสง..............สว่างด้าว
พลีชีพสั่งสมบุญ.................บริสุทธิ์
ยืนหยัดโดยพร้อมก้าว.........กัดอธรรม

(๘)ผ่องอรุณนั้นผ่องพ้น.......รำพัน
แสงแห่งอรุณส่องนำ............แน่วเน้น
คือเน้นเทิดทูนธรรม์.............ทางถูก
จึงหมู่มารสะดุ้งเต้น..............ต่างกลัว

(๙)กวีงามเพียรปลูกไม้........มาลี
สะพรั่งบานกลบสลัว............โลกหล้า
วรรณศิลป์ทิพย์รวี................เรืองรุ่ง
ธรรมจึ่งเจิมแจ้งจ้า...............จรดแดน

(๑๐)เพชรอรุณพราวพร่างรุ้ง...รัตน์ฉาย
ประกาศิตสุดหวงแหน............หักสู้
จะพลีหนึ่งชีพมลาย.............ลงเพื่อ โลกเอย
โดยหมั่นเพียรเฝ้ากู้.............แก่นธรรมฯ

ปะหล่องครับ, ในที่สุด บทกวีที่ชื่อ
"วิถีกวี-วิถีปราชญ์" อันเป็นโคลงดั้นบาทกุญชร ก็ได้ครบจำนวน ๑๐ บท ตามความตั้งใจของผม โดย ๘ บทแรกเป็นของ อรุณ อโรคยา บทที่ ๙-๑๐ เป็นฝีปากของ กวิณี ที่ชื่อกวิสรา (กวิณีศรีโสภา)

น้องกวิสราครับ สิ่งที่พี่เชื่อมั่นว่าน้องจะต้องแต่งต่อจากพี่ได้นั้น มันเป็นความเชื่อมั่นที่ถูกต้องจริง ๆ

พี่ขอขอบคุณน้องมาก สำหรับความเพียรพยายามในครั้งนี้ และวรรณคดีชิ้นนี้ จะเป็นวรรณคดีที่โลกไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน แม้ว่า "เรา" ผู้แต่งจะตายจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ผลงานอันวิเศษของเราหาตายไปด้วยไม่ มันย่อมสถิตอยู่ในใจคนตลอดกาลนิรันดร

และตอนนี้พี่กำลังได้ยินเสียงคำสาธุจากปวงเทวดาที่สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นกวีรุจิรัตน์ ต่างพากันกล่าวคำ สาธุ สาธุ สาธุ เสียงดังก้องกังวานทีเดียว


 
 

โดย: อ.อโรคยา IP: 58.136.130.240 วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:30:12 น.  

 
 
 
มาฟังนิราศคุณปะหล่อง
 
 

โดย: สวนลอยแห่งบาบิโลน วันที่: 19 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:50:45 น.  

 
 
 
อรุณสวัสดิ์ค่า ท่านพี่ปะหล่องที่เคารพ และอ้ายอรุณที่นับถือ

อ้ายอรุณแก้ไข โคลงแล้ว ดูน่าฟังมากเลยค่ะ
ถ้อยคำและน้ำเสียงชัดเจนขึ้นกว่าเดิมมาก

“โดยหมั่นเพียรเฝ้ากู้.............แก่นธรรมฯ”

บาทนี้ยิ่งชัดเจนและเป็นการจบที่สรุปได้
หนักแน่นรวบยอดจบความแบบจบจริงๆแล้ว อิอิ(อธิบายไม่ถูก)

“เพชรอรุณพราวพร่างรุ้ง........รัตน์ฉาย”

ส่วนนี้งดงามมาก ไยน้องคิดไม่ออกนะ
อ้ายเอาไปอ่านแป๊บดียวแก้มาจนสวยงามขึ้น
เป็นเท่าตัวเลย “ รัตน์” คำๆนี้ จำไว้ก่อน
ไม่ค่อยคิดถึงเลยค่ะ อ้ายเป็นคนที่มีคลังคำ
อยู่ในใจเยอะมากเลย ชื่นชมและนับถือจริงๆ

ส่วนหนังสืออ้ายอยากให้เล่มไหนก็สุดแต่จะ
กรุณา เพราะแท้จริงแล้ว เพียงเท่านี้น้อง
ได้รับสิ่งมีค่ายิ่งจากอ้ายมาเยอะแล้วค่ะ
จากคนที่ไม่เคยคิดจะเขียนโคลงเลย
เวลาเพียงสองวันกลับมาศึกษาเรื่องโคลงอย่างเอาใจใส่

(นี่ขนาดเอาใจใส่แล้วยังพลาดเรื่องคำขาดอยู่เลย ) อิอิ

ความรู้เป็นสิ่งมีค่ายิ่ง ติดตัวเราไปไหนต่อไหนแถมยังบันทึกไว้
หรือบอกเล่าสอนกล่าวให้ลูกหลานได้เรียนรู้อีกต่อไป
ดีไม่ดีสักวันที่น้องอายุราวๆ 40 หรือ 50 อาจมีเด็กผู้หญิงช่างฝัน
หรือเด็กหนุ่มช่างใฝ่ ผ่านเข้ามาด้วยหัวใจวัยเยาว์
แล้วเขาและเธอฝันว่าอยากเป็นกวี

อย่างน้อยน้องอาจใช้ความรู้จากเรื่องนี้ช่วยเป็นแรงใจ
ไปผลักดัน เขาและเธอนั้นให้สู้ต่อไปบนบาทวิถีแห่งบทกวี

เหมือนที่อ้ายปะหล่องและอ้ายอรุณได้ส่งต่อความรู้เหล่านั้นมาให้น้อง...

ด้วยความนับถือและศรัทธา
รักบทกวี
 
 

โดย: กวิสรา วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:16:33 น.  

 
 
 
บ่าฮู้จะอู้หยังดี????


เฮามันท่าจะเป๋นคนดงอย่างท่านอรุณว่าเหียละก้า???
 
 

โดย: กากีซ่าส์ วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:10:02:51 น.  

 
 
 
เป๋นดีขอยอี่ปี้กวิสราแต้ๆ
ทั้งอ้ายอรุณอีกทั้งอ้ายปะหล่องลุ้มเข้าไปสอนทีเฮาอุตสาห์นั่งรินสุราหื้อจ๋นปอก้านได้แค่เมา หึ หึ หึ
อ้ายปะหล่องกับอ้ายอรุณว่าจังใด๋ หึ หึ หึ หึ
ขอสมาอ้ายอรุณตวยวันนั้นเป็นระบบสั่นฮู้คิงแห๋มกำตีสองเมาต๋าลายปิ๊กบ้านปิ๊กจองบ่ถูกตื่นมาผบ.ทบ.แซวว่าหน้าซีดเหมือนกระเทยจับได้ใบแดงเลยโดนสั่งงดทุกสิ่งทุกอย่าง
ต๋ายกูต๋าย..อ้ายปะหล่องกรุณาชี้ทางธรรมน้องนุ่งตวย หึ หึ หึ
ถ้าสร่างแล้วจะไปแอ่วบ้านอี่ปี้กวิสราตามคำชวน
 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.98.200 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:18:53 น.  

 
 
 
เป๋นดีขอยอี่ปี้กวิสราแต้ๆ
ทั้งอ้ายอรุณอีกทั้งอ้ายปะหล่องลุ้มเข้าไปสอนทีเฮาอุตสาห์นั่งรินสุราหื้อจ๋นปอก้านได้แค่เมา หึ หึ หึ
อ้ายปะหล่องกับอ้ายอรุณว่าจังใด๋ หึ หึ หึ หึ
ขอสมาอ้ายอรุณตวยวันนั้นเป็นระบบสั่นฮู้คิงแห๋มกำตีสองเมาต๋าลายปิ๊กบ้านปิ๊กจองบ่ถูกตื่นมาผบ.ทบ.แซวว่าหน้าซีดเหมือนกระเทยจับได้ใบแดงเลยโดนสั่งงดทุกสิ่งทุกอย่าง
ต๋ายกูต๋าย..อ้ายปะหล่องกรุณาชี้ทางธรรมน้องนุ่งตวย หึ หึ หึ
ถ้าสร่างแล้วจะไปแอ่วบ้านอี่ปี้กวิสราตามคำชวน
 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.98.200 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:19:46 น.  

 
 
 
ดาวย่อมรู้ช่องว่าง ระหว่างดาว
สาวย่อมเจนเชิงสาว จากชู้

โคลงบทนี้ น่าจะเป็นของท่านจันทร์นาครับ
หากจำไม่ผิด อยู่ในหนังสืออนุสรณ์งานศพ
ท่านท่านจ้า
 
 

โดย: มหาเสเพล IP: 203.113.51.6 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:21:24 น.  

 
 
 
ดาวย่อมรู้ช่องว่าง ระหว่างดาว
สาวย่อมเจนเชิงสาว จากชู้

โคลงบทนี้ น่าจะเป็นของท่านจันทร์นาครับ
หากจำไม่ผิด อยู่ในหนังสืออนุสรณ์งานศพ
ท่านท่านจ้า
 
 

โดย: มหาเสเพล IP: 203.113.51.6 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:22:19 น.  

 
 
 
ท่านมหาเสเพล
จะเริ่มหรือยังกลบทใหม่ของเฮาที่ว่าไว้
กลบท ".......ติดโป้ง"
ถ้าพร้อมแจ้งมาพลัน[เอาให้มันสนั่นทุ่งเลย ]
เอาให้มันเด็ดๆแข่งกับท่านศิวกานต์ไปเล้ย!
55555555555555555 หึ หึ หึ หึ
 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.98.245 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:19:49 น.  

 
 
 
มาแอบนั่งอ่านกวีเงียบๆครับ...รู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง...............ไอ้ผมมันแค่กลอนประตูอ่ะ...
 
 

โดย: ตากล้อง IP: 61.47.119.158 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:00:43 น.  

 
 
 
กลบทอะไรติดโป้งนะท่านชอ (กี)


เอาไหมล่ะ ว่ากันคนละบทเลยดีป่ะ

ถ้าสนใจ เดี๋ยวจะให้เลขาหน้าห้องเปลี่ยนบล้อคใหม่เลย



อิอิ
 
 

โดย: ปะหล่อง IP: 203.148.195.194 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:29:24 น.  

 
 
 
ใจเย็ลๆท่านปะหล่อง
ไอ้กลบทที่ว่ารอท่านมหาเสเพลแจ้งกฏกติกามาก่อนจะให้มันติดมันขำอย่างไรเด๋วว่ากัลล..
กลัวอี่ปี้กวิสราสะดุ้งหนีปิ๊กบ้านหายไปแห๋มคน
"........ติดโป้ง"เกิดแน่ เกิดแน่ แหะ แหะ......
จะขอลุงใจ กับไอ่แซม มาช่วย ฮู้จักก่อท่าน
หว่างนี้ลิ้นจี่ลำใยบ่ฮู้ว่าต้องอาศัยบนเจ้าที่อยู่
ก่อบ่ฮู้แต้ ฮา ฮา
 
 

โดย: ชอลิ้วเฮียง IP: 125.24.69.27 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:20:26 น.  

 
 
 
โอ้โห... เล่นกลบทกันเลยเหรอ งานนี้ไม่เอาด้วย อะ เขียนกลบทไม่เป็น เลยยยย

ดูเฉยๆดีก่า อิอิ
 
 

โดย: กวิสรา IP: 61.19.65.226 วันที่: 20 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:46:44 น.  

 
 
 
"กลบท"....คืออะไรเหรอครับ......ตากล้องอยากจะรู้............


...น้าหล่องครับ......คืนนี้ตากล้องเมาจังเลย....จะอ๊วกตรงไหนได้มั่งขอรับ......วานบอก...เหอๆๆ
 
 

โดย: ตากล้อง...ขี้เมา IP: 221.128.103.4 วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:4:27:55 น.  

 
 
 
อ่ะอ๊าๆๆๆ หนับหนุนตวยคนเน้อ กลบทติดโป้งน่ะ
อ่านอะหยังเป็นสาระเป๋นภาษางาม ๆมานักล้ำไป ต๋าลายยาบๆ
เมาหัวใคร่ฮากใคร่อัวะ..............


ขะใจ๋เร่งมือเน้อเจ้า พร้อมแล้วบอกเน้อ ขึ้นหน้าใหม่เลยน่อ อ้ายวอกหลวงน่อ


ท่านอรุณดักแส๊บต้ะ
 
 

โดย: อ.ว.น. IP: 124.157.237.217 วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:31:16 น.  

 
 
 
กำลังอยากได้เรื่องช้างเอราวัณ ไปเขียนเรื่องพอดีเลยครับ ขอบพระคณมากครับ
 
 

โดย: จิรัติการ (karinas ) วันที่: 25 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:02:56 น.  

 
 
 

วิถีกวี-วิถีปราชญ์

(โคลงดั้นบาทกุญชร)

(๑)งามวิถีพร่างแพร้ว...............พราวแสง
หอมกรุ่นคุณธรรมเติม..............แต่งสร้าง
แสนผุดผ่องงามแจรง...............เรืองรุ่ง
เหมือนประทีปส่องพื้นกว้าง.......ก่อชัย

(๒)ฉันทะนักปราชญ์นั้น............ฉมังขลัง
เผยแผ่ธรรมนำสมัย.................มุ่งแผ้ว
ขีดเขียนแก่นสารหวัง..............วันสว่าง
เพียงเพื่อหมายสร้างแก้ว.........ก่ำชน

(๓)ดวงจิตนักปราชญ์เพี้ยง......เพ็ญจันทร์
ทางแห่งนักปราชญ์ยล............ยิ่งฟ้า
หอมหวานกลิ่นสุคันธ์.............เคียงคู่
คือคู่ของผู้ท้า.......................ถ่อยมาร

(๔)คือจอมยุทธต่อสู้.............สานธรรม
เพียรแต่งบทกวีธาร...............ทิพย์แพร้ว
หวังเพียงเพื่อสื่อนำ..............แนวพุทธ
จอมยุทธพบแก้วแล้ว............โล่งใจ

(๕)คือจอมยุทธจิตเอื้อ.........อารี
ชีพรุ่งเรืองอำไพ..................ผ่องล้น
สานใจก่อเจดีย์...................ดูเด่น
โดยมั่นโดยเฝ้าค้น...............ค่างาม

(๖)โดยปลุกโดยก่อเกื้อ.......โลกา
จึงเปล่งประกายวาม.............วาดพื้น
ยิ่งนานยิ่งโสภา...................พรเพิ่ม
อาบแต่งโลกให้ชื้น..............โชติแจรง

(๗)คือกวีหนุ่มหนึ่งนี้............นามอรุณฯ
เนาอยู่ในพราวแสง..............สว่างด้าว
พลีชีพสั่งสมบุญ.................บริสุทธิ์
ยืนหยัดโดยพร้อมก้าว.........กัดอธรรม

(๘)ผ่องอรุณนั้นผ่องพ้น.......รำพัน
แสงแห่งอรุณส่องนำ............แน่วเน้น
คือเน้นเทิดทูนธรรม์.............ทางถูก
จึงหมู่มารสะดุ้งเต้น..............ต่างกลัว

(๙)กวีงามเพียรปลูกไม้........มาลี
สะพรั่งบานกลบสลัว............โลกหล้า
วรรณศิลป์ทิพย์รวี................เรืองรุ่ง
ธรรมจึ่งเจิมแจ้งจ้า...............จรดแดน

(๑๐)เพชรอรุณพราวพร่างรุ้ง...รัตน์ฉาย
ประกาศิตสุดหวงแหน............หักสู้
จะพลีหนึ่งชีพมลาย.............ลงเพื่อ โลกเอย
โดยหมั่นเพียรเฝ้ากู้.............แก่นธรรมฯ

ปะหล่องครับ, ในที่สุด บทกวีที่ชื่อ
"วิถีกวี-วิถีปราชญ์" อันเป็นโคลงดั้นบาทกุญชร ก็ได้ครบจำนวน ๑๐ บท ตามความตั้งใจของผม โดย ๘ บทแรกเป็นของ อรุณ อโรคยา บทที่ ๙-๑๐ เป็นฝีปากของ กวิณี ที่ชื่อกวิสรา (กวิณีศรีโสภา)

น้องกวิสราครับ สิ่งที่พี่เชื่อมั่นว่าน้องจะต้องแต่งต่อจากพี่ได้นั้น มันเป็นความเชื่อมั่นที่ถูกต้องจริง ๆ

พี่ขอขอบคุณน้องมาก สำหรับความเพียรพยายามในครั้งนี้ และวรรณคดีชิ้นนี้ จะเป็นวรรณคดีที่โลกไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน แม้ว่า "เรา" ผู้แต่งจะตายจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ผลงานอันวิเศษของเราหาตายไปด้วยไม่ มันย่อมสถิตอยู่ในใจคนตลอดกาลนิรันดร

และตอนนี้พี่กำลังได้ยินเสียงคำสาธุจากปวงเทวดาที่สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นกวีรุจิรัตน์ ต่างพากันกล่าวคำ สาธุ สาธุ สาธุ เสียงดังก้องกังวานทีเดียว



 
 

โดย: ตั้มคับ IP: 124.120.248.22 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:19:23 น.  

 
 
 
ผมอย่ากดูรูปช้างเอราวัณ ใครมีช่วยเอาลงทีคับ
อยากดูอยากดุ
 
 

โดย: ตั้มคับ IP: 124.120.248.22 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:22:32 น.  

 
 
 
ขุด
 
 

โดย: ตั้ม * - * IP: 124.120.248.22 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:31:29 น.  

 
 
 
ขุด
 
 

โดย: ตั้ม IP: 124.120.248.22 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:33:22 น.  

 
 
 
คุนคงม่ายรุจักมันแต่นั่นก็เปนโชคดีของคุนแล้นถ้าคุนรุจักมันคุนจาหาข้อเลวตะเองม่ายเจอเพราะมันเลวมั่กจนคุนจะเผลอคิดว่าตะเองเปนนางฟ้าเรยไม่อ่านไม่เปนไรแต่ถ้าอ่านจาขอบคุนมากกกกกกกก ได้ระบายแล้งรุสึกดีเว่ย
 
 

โดย: แนวร่วมคนเกลียดบีท.ป.3ม.3/1 IP: 203.118.110.38 วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:18:24:31 น.  

 
 
 
มีนางฟ้าทั้งหมด3,882,417องค์^_____________________^
 
 

โดย: milkmilk IP: 117.47.190.251 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:51:09 น.  

 
 
 
อยากได้รุป ช้างเอราวัณ จัง T T


จะเอาไปทำรายงาน อ๊า
 
 

โดย: ploy"iz z IP: 58.8.163.230 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:43:28 น.  

 
 
 
สบายดีไหมอ้ายโย คิดถึงบรรยากาศสมัยเก่าๆมากq อ้ายธรรมอ้ายเอ็มสบายดี?
 
 

โดย: เทือง IP: 58.9.129.43 วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:15:16:35 น.  

 
 
 
ดีมากคะ
เป็นความรู้แก่เด็กและเยาวชน
 
 

โดย: น้องนี IP: 222.123.173.118 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:17:45:31 น.  

 
 
 
ช้างเอราวัณมี ๓๓ เศียร
เศียรหนึ่งมีงา กิ่ง รวมมี ๒๓๑ กิ่ง
แต่ละกิ่งมีสระน้ำ ๗ สระ รวมมี ๑,๖๑๗ สระ
แต่ละสระมีกอบัว กอ รวมมี ๑๑,๓๑๙ กอ
แต่ละกอมีดอกบัว ๗ ดอก รวมมี ๗๙,๒๓๓ ดอก
แต่ละดอกมีกลีบ ๗ กลีบ รวมมี ๕๕๔,๖๓๑ กลีบ
แต่ละกลีบมีนางฟ้า ๗ องค์ รวมมี ๓,๘๘๒,๔๑๗ องค์
แต่ละองค์มีบริวาร ๗ นาง รวมมี ๒๗,๑๗๖,๙๑๙ นาง
รวมนางฟ้าและบริวารทั้งหมดมี ๓๑,๐๕๙,๓๓๖
ตอบถูกไหมค่ะ
 
 

โดย: น้องอั๋น IP: 192.168.212.138, 125.26.204.77 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:51:20 น.  

 
 
 

๏ อินทรชิตสถิตเหนือเอรา_________วัณทอดทัศนา
เห็นองค์พระลักษณ์ฤทธิรงค์
๏ เคลิบเคลิ้มหฤทัยใหลหลง________จึงจับศรทรง
พรหมาสตร์อันเรืองเดชา
ช่วยแปลหน่อยน๊ะค๊ะ พอดีแปลไม่เก่ง
 
 

โดย: มุก ค๊ะ IP: 180.180.19.204 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:05:39 น.  

 
 
 
ขบคุงคร้า งามแจ่มเลยคร้า

แล้วจะมาแอบลักข้อมูลอีกน้า

คุฟุคุฟุ

แต่ตอนต้องเซย์บาย

แอนด์กู๊ดไนท์นะจ๊ะ

 
 

โดย: คนมันเหงา IP: 180.180.12.93 วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:21:59:20 น.  

 
 
 
ทรงเครื่องศัสตราแย่งยล_______ฤๅจะกลับเป็นกล
ไปเข้าด้วยราพณ์อาธรรมม์
พระผู้เรืองฤทธิแข็งขัน_________คอยดูสำคัญ
อย่าไว้พระทัยไพรี
แปลให้หน่อยค่ะ
 
 

โดย: khun IP: 125.26.124.124 วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:21:21:29 น.  

 
 
 
แต่ละอย่างที่อยู่ในช้างเอราวัณ เท่ากับ
7(33)กำลัง7 + 7(33)กำลัง6 + 7(33)กำลัง5 + 7(33)กำลัง4
+ 7(33)กำลัง3 + 7(33)กำลัง2+7(33) ครับ
(ลองคิดเป็นสูตรคณิตอ่ะนะ)
ปล. มีออกสอบด้วยนะ 55+
 
 

โดย: คนรักคณิตมายา IP: 125.27.34.242 วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:13:18 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ปะหล่อง
 
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]













"คำพากย์วากย์ห่อนเว้น
ดังจะเป็นเช่นชีวา
รากร่วมหัทยา
เป็นชีวิตเป็นจิตใจ

กรองพจน์ไม่หมดสิ้น
ตราบชีวิญจะบรรลัย
ฝากผืนแผ่นดินไว้
เป็นกำนัลขวัญแผ่นดิน"


ด้วยจิตคารวะ
"ปะหล่อง"


[Add ปะหล่อง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com