Strawberry Kiss บทที่ 12 (YURI)
๑๒ กริ๊ง! กริ๊ง! ทิวามองชื่อที่กระพริบหน้าจอ ‘คุณเจตน์’ ที่โทรมาในตอนหัวค่ำ น้อยครั้งมากที่อีกฝ่ายจะติดต่อมา เว้นแต่มีธุระสำคัญ มีอะไรรึเปล่า? เขาจึงรีบกดรับสาย แล้วพูดทักทาย “สวัสดีครับคุณเจตน์” “ได้ข่าวว่าพี่จันรับผู้ช่วยใหม่รึ?” เจตน์ถามเสียงเรียบ แต่หนุ่มแว่นฟังออกว่า อีกฝ่ายกำลังจริงจังมาก “ใช่ครับ” “เป็นใคร? บ้านอยู่ที่ไหน?” ผู้จัดการโรงแรมซักละเอียดยิบ ตามประสาคนที่หวงและห่วงพี่สาวมาก ประกอบกับตำแหน่งผู้ช่วยที่สวนแห่งนั้นไม่เคยมีมาก่อน จึงชวนคลางแคลงสงสัยเป็นอย่างมาก ...อยากรู้ว่าพี่สาวฝาแฝดคิดจะทำอะไร? มาอีกคนแล้ว ทิวานึกขำกับอุปนิสัยของเจตน์ที่หวงพี่สาวมาก ไม่ต่างจากสมัยเด็กอย่างไรอย่างนั้น “ชื่อคุณรสาครับ เป็นลูกสาวคนโตของน้าพรรัตน์” “หืม ชื่อคุ้นๆ นะ” เจตน์พึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง “อ๋อ! เด็กในรูปพี่จัน” “ใช่ครับ คนนั้นแหละ” พี่จันคิดจะทำอะไรกันแน่ อย่าบอกนะว่า จะเอาคนที่เพิ่งเจอมาเป็นแฟนจริงๆ ...ยุ่งตาย น้องชายฝาแฝดคิดเดาใจพี่สาว แต่เขาไม่คิดจะยอมรับรสาง่ายๆ จนกว่าจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง “นี่ทิวา” เขาเรียกชื่อเลขาหนุ่ม ที่คุ้นเคยไม่ต่างจากพี่น้อง เพราะโตมาด้วยกัน “ครับ” “ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ” คนฟังขมวดคิ้ว น้อยครั้งที่อีกฝ่ายจะขอร้องเขา “อะไรครับ?” “พรุ่งนี้ฉันจะไปสวนโสภาคย์ ฉันจะเข้าไปในฐานะ...” เจตน์เล่าแผนการที่คิดในหัวให้ทิวาฟังคร่าวๆ กินเวลาหลายนาที ต้องทำขนาดนั้นเชียวเหรอ! ขณะฟังหนุ่มแว่นกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นแรง จึงอยากทราบจุดประสงค์ก่อนรับปาก เขาไม่แน่ใจว่า เจ้านายสาวจะชอบความคิดนี้สักเท่าไหร่ "คุณเจตน์จะทำแบบนี้ เพื่ออะไรครับ?” “ฉันอยากรู้จักรสา อยากรู้ว่าเป็นคนอย่างไร” ผู้จัดการหนุ่มตอบตามตรง เขารู้จักนิสัยพี่สาวดีว่า เป็นคนใจดีและใจอ่อน จึงคิดตัดไฟแต่ต้นลม ไม่อยากให้จันจิราเสียใจทีหลัง แล้วเอ่ยต่อด้วยเสียงเย็น “ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนไม่ดี ก็ไม่ควรจะอยู่ใกล้พี่จัน” ชายหนุ่มทำหน้าที่เป็นทศกัณฐ์ คอยสกัดพวกมาจีบมาจับพี่สาวของตนเพื่อผลประโยชน์มาแต่ไหนแต่ไร ฉันรู้ว่าพี่จันจะต้องโกรธแน่ แต่ฉันก็จะทำอยู่ดี ทิวาถอนใจเบาๆ รู้ดีว่า เจตน์มีนิสัยดื้อรั้นไม่น้อยกว่าจันจิรานัก ถึงเขาห้าม อีกคนก็คงไม่ฟังอยู่ดี “เข้าใจแล้วครับ ผมจะช่วยก็แล้วกัน” เลขาหนุ่มเอ่ยในที่สุด “แต่ถ้าคุณจันโกรธ ผมไม่รู้ด้วยนะครับ” “ฉันรับผิดชอบเรื่องนั้นเอง ไม่ต้องบอกพี่จันก่อนนะ” เจตน์ย้ำ “เข้าใจแล้วครับ” “ขอบใจนะ พรุ่งนี้เจอกัน” “สวัสดีครับ” ทิวากดวางสาย เอนหลังถอนใจยาวเหยียด อยากจะยกเท้าก่ายหน้าผาก ไม่อยากจะคิดว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ...แต่ไม่น่าเป็นข่าวดี ถ้าเกิดคุณรสาลาออกจริงๆ สวนโสภาคย์ระเบิดลงแน่ กรรมเป็นของไอ้ทิ...เฮ้อ! สายวันรุ่งขึ้น ทิวามาถึงสวนโสภาคย์เช้าเหมือนทุกวัน เพิ่มเติมคือขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า ในใจแอบลุ้นระทึกกับอนาคตอันใกล้ที่แสนจะริบหรี่ของตน พอจันจิรากับรสามาถึงห้องทำงาน เลขาหนุ่มก็บอกตามที่เจตน์บอกไว้ “วันนี้จะมีลูกค้ามาขอชมสวนของเรา ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อดอกไม้นะครับ” ชายหนุ่มรายงาน “อือ” หล่อนรับรู้ “นายก็จัดการได้เลย” ปกติผู้นำเที่ยวชมสถานที่เป็นของทิวา หรือไม่ก็กุ้ง “ผมขอยืมตัวคุณรสาหน่อยนะครับ ให้ผู้หญิงไปด้วย น่าจะคุยกับลูกค้าผู้ชายง่ายกว่า ถือโอกาสให้คุณผู้ช่วยแสดงผลงานด้วย” จันจิราเอียงคอมองรสา “น้องสาว่าไงคะ?” “ได้สิคะ ฉันจำข้อมูลสวนโสภาคย์ได้เกือบหมดแล้วล่ะ” สาวร่างเล็กตอบรับอย่างมั่นใจ อยากทำตัวเองให้เป็นประโยชน์บ้าง ไม่อยากถูกมองว่า ทำงานไม่เป็น วันๆ เอาแต่เกาะเจ้านายสาว “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะคอยช่วย” เลขาหนุ่มรับรอง เพื่อไม่ให้คนสวยกังวล “งั้นก็ได้” จันจิราพยักหน้าตามใจ คิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะให้รสาได้ลองทำอะไรที่แปลกๆ ใหม่ๆ บ้าง จะได้ไม่เบื่องานที่นี่ “ฉันต้องทำอะไรบ้างคะคุณทิ?” รสาถามชายหนุ่ม เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนพบลูกค้า ยิ้มร่าเริงแสดงออกการดีใจแบบปิดไม่มิด “หลังทักทาย ก็พูดคุยทำความคุ้นเคย และหาความต้องการของลูกค้าว่า อยากได้ดอกไม้ชนิดไหน จำนวนเท่าไหร่...” ทิวาอธิบายจากประสบการณ์ของตน ผู้ช่วยสาวตั้งใจฟัง พร้อมผงกศีรษะเป็นระยะ ตรงไหนที่สงสัยก็จะถามเขาทันที ซึ่งชายหนุ่มก็พยายามตอบอย่างละเอียด เจออะไรที่น่าสนใจ จะลืมทุกอย่าง...เยี่ยม! จันจิราส่ายหน้ากับอุปนิสัยของเธอ ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากเดิมนัก จึงไม่ขัดจังหวะ ปล่อยให้สองคนติวงานกันไป เดินไปโต๊ะทำงานของตน หยิบแฟ้มดำล่าสุดที่วางอยู่มาอ่าน เก้าโมงตรง เบนซ์สปอร์ตสีแดงสดมาจอดหน้าอาคารสำนักงาน ลูกค้าหนุ่มผิวขาว รูปร่างสูง ใบหน้าดูคมคาย ไว้หนวดเฟิ้ม สวมแว่นตาดำ บนศีรษะสวมหมวกฟางสไตค์ปานามา สวมกางเกงสแลคเสื้อเชิ้ตสีเข้ม ดูหล่อเหลาไม่เบา ก้าวลงมาจากรถคันนั้น ท่ามกลางสายตาแปลกใจของคนงานแถวนั้น “ผมนัดกับคุณทิวาไว้ ผมจะพบเขาได้ที่ไหน?” เจตน์ที่ปลอมตัวมา ก้าวเข้าตึกสีขาวเจอกับทับทิมที่กำลังทำความสะอาดอยู่ “เชิญนั่งรอทางนี้ก่อนนะคะ ฉันจะไปเชิญคุณทิวามาพบ” แม่บ้านรีบกุลีกุจอต้อนรับเขา ไปยังโซฟาที่เตรียมไว้สำหรับแขก “ขอบคุณครับ” ทับทิมเดินไปยังห้องผู้จัดการ แล้วแจ้งกับเลขาหนุ่ม “ขอบคุณครับน้า” ทิวายิ้มให้แม่บ้าน ก่อนหันมาชวนผู้ช่วยสาว “ไปกันเถอะครับคุณรสา” “ค่ะ” สาวหน้าคมรับคำ ในใจรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย หล่อนที่นั่งอยู่อีกด้านของห้องส่งเสียงเชียร์ “สู้ๆ นะคะน้องสา” “เจ้าค่ะ คุณเจ้านาย” เธอพูดทีเล่นทีจริงกับจันจิรา แล้วก้าวตามทิวาออกไป ร่างบางผุดยิ้มสวยออกมา น่าเอ็นดูจริงๆ เด็กคนนี้ “สวัสดีครับคุณ...” ทิวาลากเสียง ไม่รู้ว่าจะเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่ออะไร เพราะตอนคุยไม่ได้เตี๊ยมชื่อไว้ก่อน “สวัสดีครับผมจรัญ ที่โทรมาเมื่อวานครับ” เจตน์แนะนำชื่อปลอม “คุณคงเป็นคุณทิวา” “ใช่ครับ” เลขาหนุ่มตอบรับ ผายมือไปยังสาวหน้าคม “นี่คุณรสาเป็นผู้ช่วยของคุณจันจิราครับ” ไหนขอดูหน้าหน่อยสิ เจตน์มองผ่านแว่นสีชา แล้วยิ้มบางๆ ให้ จ้องหน้าอีกคนแบบไม่กระพริบตา คล้ายๆ กับตอนเด็ก แต่สวยคม มีเสน่ห์ไม่เบาทีเดียว “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณรสา” “ยินดีเช่นกันค่ะ” ร่างเล็กยิ้มตอบ รู้สึกคุ้นหน้าแขกหนุ่มคนนี้มาก แต่ยามกะทันหันนึกไม่ออกว่า เคยเจอที่ไหน ทำไมรู้สึกหน้าคุ้นๆ เหมือนใครนะ แต่ก่อนที่ใครจะพูดอะไร ทิวาก็พูดชวนขึ้น “เราไปดูดอกไม้ที่โรงเรือนกันดีไหมครับ?” “ดีครับ” เจตน์ตอบรับ ไม่อยากเจอกับจันจิราตอนนี้ เพราะหล่อนต้องจำเขาได้ทันที ทั้งสามคนจึงออกไปขึ้นรถไฟฟ้า ที่จอดอยู่ด้านข้างตึก โดยทิวาทำหน้าที่เป็นสารถี ส่วนเจตน์นั่งคู่กับคนขับ รสานั่งเบาะหลัง “ไม่ทราบว่าคุณรสาทำงานที่นี่ นานหรือยังครับ?” แขกเอียงหน้าไปถามเธอ “ยังไม่ถึงเดือนค่ะ” “อ๋อ!” เจตน์แกล้งเลิกคิ้วหนา แล้วพูดต่อ “หน้าตาน่ารักแบบคุณไม่เหมาะจะทำงานแบบนี้เลยนะครับ” หญิงสาวทำหน้าไม่เข้าใจ “ทำไมคะ?” “แบบคุณผมว่า ควรทำงานที่เงินเดือนดีกว่านี้น่ะสิ ถ้าคุณสนใจผมแนะนำงานใหม่ให้ ดีไหมครับ?” เปิดฉากก็พูดแบบนี้ เลยเหรอครับ ทิวาชักหนาวๆ ร้อนๆ พูดแบบนี้ คิดจะหาเรื่องกันใช่ไหม? รสาคิดตะขิดตะขวงใจกับคำพูดของแขกหนุ่ม ที่ฟังแล้วขัดหูพิกล แต่จำเป็นที่ต้องรักษามารยาท จึงอดกลั้นเอาไว้ “เหรอคะ” เธอทำเป็นเออออ ก่อนหยั่งเชิง “แล้วงานแบบไหนที่คุณจรัญคิดว่าเหมาะกับฉันคะ?” “ก็แบบที่เงินเดือนสูงๆ ทำงานสบายๆ อยู่ห้องแอร์ แต่งตัวสวยๆ ไม่ต้องเหนื่อยยาก ตากแดดตากลมให้ผิวเสียน่ะครับ” เจตน์ในร่างปลอมสาธยายงานในฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่ คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมรู้จักกับเจ้าของโรงแรมดังๆ หลายแห่ง ผมฝากงานให้ได้ หรือถ้าคุณรสาอยากสบายกว่านั้น นั่งๆ นอนๆ ก็มีเงินใช้ทุกวัน ผมก็แนะนำให้ได้ คุณรสาสนใจแบบไหนล่ะครับ?” เจตน์ปรายหางตามองลอดแว่นแบบดูแคลน แสดงท่าทางไม่ต่างจากพวกนายหน้าหาสาวๆ ไปให้เสี่ย จะดูถูกกันมากไปแล้ว ผู้ช่วยสาวหรี่ตากดคิ้วเรียวต่ำ กำมือที่วางบนตักแน่น ไม่ค่อยสบอารมณ์กับถ้อยคำสบประมาทของผู้ชายคนนี้สักเท่าใด จึงเอ่ยโพล่งสวนออกไปตรงๆ “ถ้าคุณจรัญคิดว่า ฉันเป็นพวกรักสบาย โลภมาก เห็นแก่เงิน อยากใช้วิธีลัดแบบเต้าไต่ล่ะก็ ฉันขอบอกว่าคุณคิดผิดอย่างมาก ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” “จริงเหรอครับ?” น้องชายของหล่อนทำเสียงสูง พูดลอยหน้าลอยตาแบบกวนประสาท “แต่ที่ผมได้ยินมา คือ คุณยั่วยวนเจ้านายของคุณคุณจันจิรามากต่างหาก คุณหวังจะจับเธอ ใช่ไหมครับ?” ทิวาได้แต่ฟังเงียบๆ ขณะจอดรถอยู่หน้าโรงเรือนกล้วยไม้ ไม่ไกลจากอาคารสำนักงาน เขารับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างทั้งคู่ บรรยากาศชวนอึดอัด จนหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย ...เดาว่าการสนทนาคงใกล้จบลงในอีกไม่นานนี้ ไปได้ยินมาจากไหน มั่วมาก รสาทำหน้ายุ่ง แล้วหัวเราะเบาๆ “ฉันเนี่ยนะยั่วยวนคุณจัน ฉันว่าคุณคงถูกใครหลอกแล้วล่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด” ...ฉันต่างหากที่ถูกคุณจันยั่วยวนทุกวี่ทุกวัน “งั้นหรอกเหรอ?” เจนต์ยกยิ้มกว้าง จนหนวดปลอมกระดก “คุณพูดแบบนี้ แสดงว่าคุณไม่ได้ชอบคุณจันจิรา?” ถามซอกแซกมาก! “เรื่องของฉันกับคุณจันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะคะคุณจรัญ” น้ำเสียงผู้ช่วยสาวเย็บเฉียบ เจตน์หัวเราะกลบเกลื่อน เผลอยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเอง ตามความเคยชิน ลืมไปสนิทว่าติดหนวดเอาไว้ “อา...ขอโทษที ผมก็แค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ” สาวร่างเล็กจ้องใบหน้าของเขาอย่างคลางแคลงใจ สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง หนวดสีดำของเขาตกจากริมฝีปาก ดูแล้วเหมือนเป็นของปลอม หมอนี่ใคร? ความสงสัยพุ่งพรวด มือไวกว่าความคิด เธอเอื้อมมือกระชากหนวดของเขาออกทันที “โอ๊ย!” เจตน์ร้องลั่น รีบยกมือป้องปาก รสาจ้องหน้าแขกหนุ่มเขม็ง มองเห็นความคลับคล้ายของเขากับเจ้านายสาว “คุณ คุณเป็นน้องชายคุณจัน...คุณเจตน์” ซวยแล้ว! น้องชายหล่อนสบถในใจ ที่โดนจับได้เร็วกว่าที่คิด สาวหน้าแขกกลอกตาไปมา เพียงแค่แวบเดียวก็เดาเจตนาของเขาได้เกือบหมด “คุณมาวันนี้เพื่อลองใจฉันสินะ เป็นความคิดของคุณ หรือพี่คุณ? เธอถามเสียงเรียบราบ แต่นัยน์ตาคู่คมวาววับ แฝงความไม่พอใจเอาไว้เต็มเปี่ยม “คือว่า-” เจตน์พูดไม่ทันจบประโยค ก็โดนอีกคนตัดบทเสียก่อน หญิงสาวไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับเขา “ถ้าไม่มีธุระอะไรฉันขอตัวค่ะ” รสาขยับลุก เพื่อลงจากรถไฟฟ้า แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มก็รีบลงตามมา แล้วตะโกนขึ้น “เดี๋ยวสิคุณ เรายังคุยไม่จบ” แต่สาวผมยาวไม่คิดฟัง “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว” พูดจบ เธอวิ่งสุดกำลังไปยังอาคารสำนักงาน โหย! น้องชายหล่อนครางในใจ กลัวผู้ช่วยสาวจะไปฟ้องพี่สาว รับรองว่าเขาต้องโดนเฉ่งหูชาแน่นอน “เอาไงครับคุณเจตน์?” ทิวาตามลงมาถาม เจตน์นวดขมับ มองไปทางไหนก็ไม่มีดีเลยสักทาง ได้แต่ถอนใจเฮือก “ไม่มีทางเลือก ก็คงต้องไปชี้แจ้งน่ะสิ” “คุณจันคงโมโหแน่” เลขาหนุ่มบ่นเหมือนพูดกับตัวเอง “ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด” ผู้จัดการโรงแรมพึมพำ ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมโดยดี และหวังว่าพี่สาวจะไม่โกรธเขานานนัก อยู่ไม่เป็นเองอ่ะนะ วอนหาเรื่องมาก ทิวาส่ายหัวกับนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโตของชายหนุ่ม จันจิราที่ยืนคุยกับทับทิมที่ห้องโถงรับรองแขก เรื่องที่คนงานมาแอบจ้ำจี้กันในห้องน้ำหญิง พร้อมขอให้ล็อคประตูหลัง เพราะหากคนอื่นมาเห็นเข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ “ค่ะ ต่อไปน้าจะรอบคอบให้มาก” แม่บ้านรับปากอย่างดิบดี ใครจะไปคิดว่า เด็กสมัยนี้จะหน้าไม่อายถึงขนาดนี้ ดีแค่ไหนที่ไม่ถูกคุณจันไล่ออก แต่ก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อ เสียงประตูอาคารเปิด ได้ยินเสียงใครเรียกแต่ไกล สองคนจึงหันไปมอง “คุณจัน!” เสียงรสาเรียกหล่อน ขณะผ่านหน้าประตูมาในสภาพเหนื่อยหอบ ทำไมน้องสากลับมาเร็วจัง เพิ่งออกไปสิบกว่านาทีเอง? สาวสวยทำหน้างุนงง ยืนรอจนอีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้ จึงดึงอีกคนให้นั่งที่โซฟาใกล้ๆ “อย่าเพิ่งพูดค่ะ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน หายใจลึกๆ ยาวๆ ค่ะ” รสานั่งลงโดยดี เกือบนาทีจึงค่อยยังชั่ว ก็พูดขึ้น “ฉะ ฉันจะ ลาออก” หืม? เจ้านายสาวทำหน้างงไม่เข้าใจ ที่จู่ๆ ผู้ช่วยสาวพูดแบบนี้ ทั้งที่ก่อนออกไปยังอารมณ์ดีอยู่เลย “ทำไมคะ? ” รสาไม่ทันจะอ้าปากตอบ เสียงประตูอาคารก็เปิดอีกครั้ง ผู้ชายสองคนเดินเข้ามา นายเจตน์? จันจิรามองปราดเดียวก็รู้ว่า เป็นน้องชายฝาแฝดของตน มองเขาเดินตรงเข้ามาหา “ผมขอโทษครับคุณรสา เรื่องนี้ผมผิดเอง ไม่เกี่ยวกับพี่จัน” ชายหนุ่มกล่าวยอมรับผิดโดยดี สาวหน้าแขกสะบัดหน้า นั่งกอดอก “ฉันไม่รับคำขอโทษของคุณ ฉันจะลาออก” สาวงามเม้มเรียวปากแทบเป็นเส้นตรง ไม่เข้าใจว่าสองหนุ่มไปทำอะไรให้รสาโกรธ ปรายตามองไปยังเจตน์กับทิวาที่ดูลุกลี้ลุกลนเหมือนทำอะไรผิดมา ไปก่อเรื่องอะไรมาอีกล่ะเนี่ย ให้ตายสิ! ทำไง สุดแสนน้อยใจเจ้า เฉยชา ใจพี่เศร้านักหนา ร่ำร้อง หน้าหัวเราะแอบอิจฉา หวังใคร่ แม่เอย รักป่วนอยากได้น้อง พี่ต้อง ทำไงฯ OoXoO ขอบคุณนักอ่านที่อุดหนุนนิยายของไรท์นะคะ มีหลายสิบท่านที่มาเล่าว่า อุดหนุนกันทุกเรื่องเลย ไรท์ชื่นใจค่ะ ขอบคุณมากๆ ^^ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ และหัวใจที่ให้กันทุกๆ ตอนด้วยด้วยนะคะ อ่านไปก็ยิ้มไปค่ะ อิอิ ในสำหรับตอนนี้ คุณเจตน์น้องชายเข้ามากวนโมโหน้องสาจนเลือดขึ้นหน้า แล้วพี่จันจะแก้ปัญหานี้อย่างไร...ต้องติดตามกันต่อค่ะ ป.ล.เรื่องนี้จะอัพจนตอนที่ 17 นะคะ ถ้าใครไม่อยากรอ ก็โหลดซื้อ E-book ได้ที่ MEB ค่ะ ลิงค์ขวามือบนนะคะ ขอให้มีความสุขในวันหยุดยาว ใครเดินทางก็ขอให้ปลอดภัย พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ นาง ^^ OoXoO
Create Date : 27 ธันวาคม 2562 |
|
0 comments |
Last Update : 27 ธันวาคม 2562 14:56:34 น. |
Counter : 522 Pageviews. |
|
|
|