Strawberry Kiss บทที่ 6 (YURI)
๖ เฮ้อ รสายกมือนวดขมับตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติที่กระจัดกระจายให้กลับคืนมา หายใจเข้าออกลึกๆ แล้วก้าวเดินตามเจ้านายคนสวยไป ก็แค่คนช่างยั่วไปถือสาทุกคำพูดไม่ได้หรอกนะ...อย่าฟุ้งซ่าน โรงอาหารของที่นี่มีขนาดเล็กจุคนพร้อมกันได้ไม่เกินห้าสิบคน มีร้านอาหารแค่สองร้าน ร้านแรกเป็นอาหารไทยจำพวกข้าวราดแกง ร้านที่สองขายอาหารตามสั่ง ส่วนบู้ทข้างๆ ขายน้ำ ขนมหวาน และไอศกรีมกะทิ “ทานอะไรดีคะ?” เจ้ามือถามลูกน้องสาว เธอกวาดตามองอาหาร ดูน่าอร่อยไปหมด จึงเลือกไม่ถูก “คุณทานอะไรคะ? “ข้าวผัดปูค่ะ” “งั้นฉันเอาด้วยค่ะ” “ข้าวผัดปูสองจานค่ะ” สาวสวยจึงสั่งอาหารกับแม่ค้า ที่ยิ้มหวาน จากนั้นไปสั่งโอเลี้ยงคนละแก้ว ไปนั่งรอที่โต๊ะไม้ ช่วงนี้เป็นเวลาก่อนเที่ยง พนักงานจากส่วนต่างๆ เริ่มทยอยเข้ามาบ้างแล้ว สวนแห่งนี้มีคนงานชายกับหญิงในสัดส่วนพอกัน ส่วนใหญ่เป็นคู่สามีภรรยาที่มาพบรักกันที่นี่ สัดส่วนคนโสดเหลือจำนวนไม่มาก “คุณจัน” “สวัสดีค่ะคุณจัน” “สวัสดีครับคุณจัน” ฯลฯ สุ้มเสียงทักทายอย่างคุ้นเคยดังเป็นระยะ พร้อมก้มหัวให้เจ้านายสาวอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะทุกคน ตามสบายนะ” คนงามทักทายตอบโดยไม่ถือตัว “นั่นใครคะ ไม่คุ้นหน้าเลย” หนึ่งในผู้หญิงที่เป็นโสดถามขึ้นอย่างคลางแคลง เธอเป็นหนึ่งในผู้ชื่นชมจันจิรา แต่หล่อนไม่เคยสนใจ คงไม่ใช่คนรักคุณจันหรอกนะ “อ๋อ! ผู้ช่วยคนใหม่ของฉันน่ะ เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรก ฝากทุกคนช่วยดูแลคุณรสาด้วยนะ” เจ้านายสาวแนะนำเธอกับทุกคน “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” สาวหน้าคมแนะนำตัวกับทุกคน “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” “สวัสดีครับคุณรสา” “คุณผู้ช่วยน่ารักอ่ะ” ฯลฯ พวกผู้ชายแย่งกันทักทายเธอ ในขณะที่พวกเมียๆ พากันหมั่นไส้สามีตัวเองมาก และอีกพวกที่อิจฉาตาลุกร้อน คือเหล่าสาวโสด ซึ่งเป็นแฟนคลับของเจ้านายคนสวย ที่มองผู้ช่วยสาวเป็นคู่แข่งคนสำคัญ “มามุงกันแบบนี้ เดี๋ยวคุณรสาก็ตกใจหมดหรอก ไปกินข้าวกันได้แล้ว” ทิวาแกล้งหยอกพวกหนุ่มๆ แล้วยกจานข้าวตัวเองมานั่งเก้าอี้ข้างเจ้านาย ทำให้คนงานอื่นๆ รีบสลายตัวไป เจอผู้หญิงไม่ได้ อะไรกันนักหนา เลขาหนุ่มส่ายหน้ากับพวกเจ้าชู้ประตูดิน จันจิราคลี่ยิ้มบางๆ ให้เขา “มีอะไรหรือเปล่า?” “เมื่อกี้มีออเดอร์มานะครับ แต่ผมยังไม่ได้ตอบ กลัวไม่มีดอกไม้ส่ง” เลขาหนุ่มรายงาน “ก็ไม่น่าพอหรอก สงสัยต้องสร้างโรงเรือนเพิ่มอีก” สาวงามเปรยขึ้นมาอย่างหนักใจ การสร้างโรงเรือนแต่ละหลังใช้เงินจำนวนมาก กว่าจะใช้เวลาคืนทุนปีหรือสองปี ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน ทำให้จันจิราลังเลที่จะขยายธุรกิจ...เอาเงินฝากกินดอกเบี้ยเฉยๆ จะดีกว่า ไม่ต้องเหนื่อย “อาหารที่สั่งค่ะคุณจัน” สาวรุ่นยกข้าวผัดวางตรงหน้าหล่อน ส่วนอีกจานตรงหน้าผู้ช่วยคนใหม่ เจ้านายสาวส่งธนบัตรสีแดงให้แม่สาวคนนั้น “ขอบคุณนะ” สาวเสิร์ฟทอนแบงค์ยี่สิบบาทให้ “ขอบคุณค่ะ” เธอคนนั้นโค้งให้เจ้าของสวน แล้วกลับไปทำงานต่อ “ทานค่ะน้องสา รับรองว่าอร่อยไม่แพ้ภัตตาคาร” “หน้าตาน่าทานมากค่ะ” รสาเอ่ยชมขึ้น หยิบช้อนโรยพริกน้ำปลา แล้วตักเข้าปาก “อร่อยค่ะ “อร่อยก็ทานเยอะๆ ค่ะ” จันจิรายิ้มอย่างเอ็นดู แล้วทานข้าวของตนบ้าง “ขืนอร่อยทุกวัน ฉันต้องน้ำหนักขึ้นแน่” สาวหน้าคมกล่าวทีเล่นทีจริงตามประสาคนรักสวยรักงาม “อวบอีกนิด คุณรสาก็ยังน่ารักนะครับ” ทิวาหนุ่มคนเดียวของโต๊ะพูดขึ้นบ้าง เฮ้ย! นายทิมาเกี้ยวผู้หญิงของฉันได้ไง สาวสวยนึกหวง จึงกระแอมเบาๆ “อะฮึ่ม!” เพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสองจึงหันไปมองต้นเสียง ซึ่งส่งสายตาขวางๆ ให้หนุ่มแว่นเป็นการเตือน ทิวายิ้มแหยๆ เข้าใจทันที รีบก้มหน้าทานข้าวของตน คุณจันชอบคุณรสาแบบนั้นจริงๆ สินะ... แม่เจ้า! เลขาหนุ่มมั่นใจเกือบเต็มร้อย ว่าสาวสวยคิดเป็นสมภารกินไก่วัด เพราะรู้จักเจ้านายสาวมาเกินสิบปี ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายแสดงความพิเศษกับใคร ...รสาเป็นคนแรก ทำไมต้องทำตาดุใส่คุณทิวาด้วย? สาวร่างเล็กนึกอย่างไม่เข้าใจ ก่อนทานข้าวต่อไป “ขนมหวานไหมคะ?” ร่างบางถามไถ่อย่างเอาใจ ซ่อนยิ้มที่เห็นอีกคนเอร็ดอร่อยกับอาหาร ซึ่งได้สูตรมาจากโรงแรมห้าดาวของน้องชาย เธอส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ไหวแล้วค่ะ อิ่มเกินเดี๋ยวง่วง” หล่อนหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ทันพูดอะไร ก็มีคนขัดจังหวะเสียก่อน “ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ?” เสียงกุ้งที่เพิ่งมาเอ่ยขึ้น วางจานอาหารบนโต๊ะ โดยไม่ทันที่ใครจะอนุญาต หรี่ตามองใบหน้าผู้ช่วยคนใหม่อย่างพินิจพิจารณา สะ สวยคมมาก...สเปคฉันเลย “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณรสา” รู้ชื่อฉันได้ไง? สาวหน้าแขกทำหน้างุนงง “ยินดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณ...” “กุ้งค่ะอยู่ฝ่ายขาย” สาวเท่แนะนำตัวอย่างเร็ว พร้อมทรุดนั่งเก้าอี้ว่าง “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” รสาส่งยิ้มทักทายบ้าง เจ้านายสาวขมวดคิ้วเรียวอย่างไม่สบอารมณ์ ที่เห็นรสาโดนจีบต่อหน้าต่อตา ดูดโอเลี้ยงแบบนิ่งๆ นัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายแวววาว วอนจริงๆ นะแก ฉันไม่รู้ด้วยแล้ว ทิวานึกเสียวไส้แทนสาวเท่ ที่จีบสาวแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ก่อนก้มหน้ากินข้าวแบบเงียบๆ “คุณรสาเพิ่งเรียนจบหรือคะ?” สาวฝ่ายขายชวนคุย “จบมาปีกว่าแล้วค่ะ” “ไม่น่าเชื่อ คุณรสาหน้าเด็กมากเลย นึกว่ายังเรียนไม่จบซะอีก” กุ้งแจกคำหวาน เพิ่งเจอหน้าก็หยอดแบบนี้...ไว้ใจได้หรือเปล่า? เธอฝืนยิ้มมองออกว่า อีกฝ่ายคิดไม่ซื่อเท่าไหร่ “ขอบคุณค่ะ” กล้ามากนะกุ้ง ที่มายุ่งกับเด็กฉัน จันจิรารู้สึกหงุดหงิดจนควันเริ่มออกหู วางแก้วโอเลี้ยง หันไปหาทิวา “นายทิรีบหาโต๊ะให้น้องสาด้วย เอาไว้ในห้องทำงานเดียวกับเรานะ ฉันอยากให้น้องสาเริ่มงานเลย” “ดะ ได้ครับ” เลขาหนุ่มรีบตอบจนเกือบสำลัก “ไปค่ะน้องสา ไปคุยเรื่องงานที่ห้องกันต่อ” หล่อนชวนแบบไม่ให้เธอปฏิเสธ รีบไปก่อนที่จะขัดหูขัดตากุ้งมากกว่านี้ “ค่ะ” รสาพยักหน้ารับคำ หันไปเอ่ยกับกุ้ง “ขอตัวก่อนนะคะ” “ค่ะ” กุ้งรับคำ มองตามสาวหน้าคมจนลับสายตา แล้วพูดออกมาแบบเพ้อๆ “ผู้หญิงอะไรน่ารักเหลือเกิน ดีใจจังที่ได้เจอกัน” ขี้หลีแบบนี้ ระวังเถอะแกอาจจะเสียใจทีหลัง ทิวาส่ายหัวกับความบ้าบอของกุ้ง ที่ไปยุ่งกับผู้หญิงของจันจิรา แต่ไม่คิดจะพูดออกไป ถึงเตือนอีกฝ่ายก็คงไม่ฟัง “ห้องน้ำไปทางไหนคะ?” รสาถามเจ้าของสถานที่ ขณะเดินมาถึงหน้าอาคารสำนักงาน “เดี๋ยวพี่พาไป” หล่อนอาสา “แค่บอกก็ได้ค่ะ ฉันไปเอง” สาวหน้าคมบอกอย่างเกรงใจ “เข้าประตูไปแล้วเลี้ยวขวาเป็นห้องน้ำพนักงาน ถ้าไปใช้ห้องน้ำของห้องผู้จัดการน่าจะสะดวกกว่า” “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอก้าวยาวๆ ไปตามทาง เห็นป้ายห้องน้ำหญิงอยู่ขวามือก็ผลักประตูเข้าไป แต่แล้วรสาต้องยืนตัวแข็ง เมื่อเห็นภาพผู้หญิงสองคนกำลังเมคเลิฟอย่างเร่าร้อน สาวหนึ่งนั่งอ้าขาอ้าซ่าบนอ่างล้างหน้า บิดตัวครวญคราง ขณะที่อีกคนก้มหน้าก้มตาดูดเลียอย่างเอร็ดอร่อย บัดสีบัดเถลิงที่สุด! กรีดร้องในใจ ทันทีที่สติกลับเข้าร่าง ก็ผลุนผลันออกจากห้องน้ำ ไม่เคยคิดเลยว่า จะเห็นอะไรแบบนี้กลางวันแสกๆ ในที่สาธารณะ น่าไม่อายเลยจริงๆ ทะลึ่ง! ลามกที่สุด นึกต่อว่าในใจเป็นชุด หายใจลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ “มีอะไรเหรอคะ?” จันจิราถามอย่างสงสัย ที่อีกคนออกมาเร็วเกินแถมทำหน้าตื่นเหมือนเจอผีหลอกกลางวันแสกๆ “มะ ไม่มีอะไรค่ะ ฉันขอไปใช้ห้องน้ำทางโน้นดีกว่า” สาวร่างเล็กบอก แล้วก้าวยาวๆ ไปอีกทาง มีอะไร? สาวสวยทำหน้าสงสัย มองไปทางห้องน้ำฝั่งขวามือ แล้วก้าวไปค้นหาคำตอบว่า...มีอะไรในนั้น? ไม่กี่วินาทีต่อมา หล่อนอมยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเดินออกมา ไม่คิดจะขัดจังหวะคู่รัก สองคนงานสาวของโรงเพาะที่แอบมาพลอดรักในตึกนี้ ไว้ค่อยบอกทับทิบให้ล็อคประตูหลังช่วงพักเที่ยง และเรียกมาตักเตือน ว่าไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ คงตกใจมากสินะที่เห็นอะไรแบบนี้... แอบหื่นหรือเปล่าเนี่ย? สาวสวยคิดขำๆ เดินเข้าไปห้องผู้จัดการ หยิบแฟ้มจากตู้เหล็กเตรียมไว้ให้ผู้ช่วยคนใหม่อ่าน เพื่อจะได้รู้จักสวนแห่งนี้มากขึ้น ไม่กี่นาทีต่อมา รสาก็เข้ามา “คุณจะให้ฉันทำอะไรก่อนคะ?” “อ่านแฟ้มพวกนี้ค่ะ เป็นข้อมูลคร่าวๆ ของสวนโสภาคย์ พี่กำลังคิดจะขยายโรงเรือน เลยอยากได้ไอเดียใหม่ๆ” “ไอเดียฉัน?” “ใช่ค่ะ” คนสวยผงกศีรษะ “นั่งอ่านที่โซฟาก่อนนะคะ” “ขอกระดาษกับปากกาหรือดินสอด้วยได้ไหมคะ?” “หยิบที่โต๊ะพี่ได้เลยค่ะ ตามสบาย” รสาหยิบกระดาษขาวมาหลายแผ่น พร้อมกับดินสอ เพื่อจดโน้ตข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้อ้างอิง จะได้ไม่เสียเวลาในการค้นหา แล้วนั่งลงที่โซฟาเริ่มต้นอ่านทันที สาวงามนั่งที่โต๊ะทำงานของตน ลอบชำเลืองมองผู้ช่วยสาวเป็นระยะ แล้วอดที่จะยกยิ้มในหน้าไม่ได้ น่ารักเกินไปนะเด็กน้อย ขนาดเจ้ากุ้งยังคิดจะจีบเลย หงุดหงิดเฟ้ย! ...ทำอย่างไรดี? เจ้านายสาวทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที ก่อนคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “เมื่อกี้น้องสาเข้าไปเจออะไรที่ห้องน้ำ บอกพี่ได้ไหมคะ?” จะถามทำไมเนี่ย? รสาทำท่าอึกอัก ไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไรดี จะให้บอกว่า เห็นคนกำลังกินกันก็ใช่ที่ แค่คิดก็ขนลุก “อยากรู้คุณก็เข้าไปดูเองสิคะ มาถามฉันทำไม” เธอบอกปัด ไม่คิดว่าหล่อนจะเข้าไปสำรวจห้องน้ำด้วยตัวเอง คนงามแกล้งเลียริมฝีปาก ทำหน้าเคลิ้ม “พี่ไปดูแล้วค่ะ...เป็นภาพที่ร้อนแรงมาก” อ๊าย! ยังจะพูดอีก รสาหน้าร้อนผ่าว ภาพที่เห็นย้อนกลับมาหลอกหลอนในสมอง “รู้แล้วจะมาถามทำไม!” เธอพูดเอ็ดลอดไรฟัน “พี่แค่อยากทราบความเห็นเฉยๆ” อีกคนบอกหน้าตาเฉย “ทะลึ่งไปนะคะ!” เจ้านายสาวลุกมาหาเธอที่โซฟา แล้วนั่งใกล้ๆ “พี่เป็นคนทะลึ่งมากค่ะ แต่แค่กับบางคน” น้ำเสียงยั่วเย้า พร้อมส่งสายตาวิบวับ “ไม่ต้องมามองฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงค่ะ” สาวร่างเล็กพูดไม่ทันขาดคำ ใบหน้าสวยหวานก็ขยับเข้ามาใกล้ จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ปะทะใบหน้า “พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิงทุกคน” คนสวยกดจมูกโด่ง หอมแก้มนุ่มหนึ่งฟอดอย่างอดใจไม่ไหว “พี่ชอบแค่น้องสาค่ะ” คะ คุณหอมแก้มฉัน! สาวหน้าแขกแตกตื่นขวัญกระเจิง ยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง “คะ คุณ...” “เรียกพี่จันสิคะ” จันจิราขอร้องเสียงอ้อนๆ “มะ ไม่มีทาง” เธอปฏิเสธแทบจะทันควัน ดื้อจริงๆ เจ้านายสาวถอนใจเบาๆ แล้วยิ้มอ่อน “ไม่เป็นไรค่ะ พี่จะตื๊อไปเรื่อยๆ จนกว่าน้องสาจะใจอ่อน” สาวผมยาวค้อนอย่างหมั่นไส้ “ฝันไปเถอะ” “ได้ค่ะ พี่จะฝันถึงน้องสาทุกคืน สักวันมันต้องเป็นจริง” สาวสวยคงไม่คิดจะยอมแพ้ รสาส่ายหน้าอย่างเบื่อๆ แล้วเอ่ยปากไล่ “อย่ามากวน ฉันจะรีบอ่านให้เสร็จค่ะ” “ก็ได้ค่ะ” หล่อนยอมถอย ไม่คิดเซ้าซี้จนเกินไป กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วอ่านนิตยสารการเกษตรต่อ สาวหน้าคมพลิกอ่านเอกสารไปหลายหน้า แล้วเกิดสงสัย จึงเงยหน้าขึ้น “นี่คุณจัน” “อะไรคะ?” หล่อนสบตาคนเรียก “นี่มันเอกสารสำคัญมาก คุณมาให้ฉันดูทำไม?” เธอถาม หลังอ่านสูตรปุ๋ยที่ใช้ในสวนแห่งนี้ หากใครได้ไปสามารถเอาไปขายทำเงินได้มหาศาล “ก็พี่ไว้ใจน้องสานี่คะ อีกอย่างถ้าพี่คิดจะปรึกษา ก็แสดงว่าพี่เชื่อใจน้องสามากๆ” อีกคนย้ำเสียงจริงจัง ไว้ใจฉัน? ผู้ช่วยสาวขมวดคิ้วอย่างสับสน “แต่เราเพิ่งรู้จักกันนะคะ มาไว้ใจฉันได้อย่างไร” “เราไม่ได้เพิ่งรู้จักกัน เรารู้จักกันมานานต่างหาก” จันจิราค้าน “นั่นมันนานมาแล้ว และฉันก็จำไม่ได้ด้วยค่ะ คุณอาจจะโมเมไปคนเดียว” เธอเถียงกลับเสียงเย็น เมื่อคิดถึงวัยเด็กที่หายไปของตัวเอง ...อันเนื่องมาจากความจำเสื่อม หล่อนถอนหายใจเบาๆ ลุกมาหาแล้วนั่งข้างๆ “งั้นเรามาเริ่มนับหนึ่งใหม่ ดีไหมคะ?” สาวร่างเล็กทำหน้าไม่เข้าใจ “นับหนึ่งใหม่?” “พี่ชื่อจันจิรา เรียกพี่จันก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” คนสวยแนะนำตัวขึ้น พร้อมยื่นมือออกมา “อะไรของคุณ เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้” เธอส่ายหน้า แล้วหัวเราะขำ “ตาน้องสาแล้วค่ะ” “ฉันรสาค่ะ ยินดีที่รู้จักก็ได้” ผู้ช่วยสาวตอบแบบกวนๆ ส่งมือไปสัมผัสกัน เจ้านายสาวยิ้มอ่อนยินดี นัยน์ตาคู่สวยเป็นประกาย จับมืออีกคนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย บ้าจริง! เธอรู้สึกแปลกๆ ขณะที่ยังคงสัมผัสมือกับคนสวย ที่ส่งยิ้มชวนใจสั่นระรัว “นี่คุณปล่อยมือฉันได้แล้ว” สาวหน้าคมเอ่ยเสียงดุๆ หลังจันจิราไม่ยอมปล่อยมือตนสักที “ไม่ปล่อยไม่ได้เหรอคะ?” เสียงหวานพูดออดอ้อน เพี้ยนอะไรอีกล่ะเนี่ย ร่างเล็กถอนใจเฮือก “คิดจะจับมือฉันไปตลอดชีวิตรึไงคะ?” เธอแกล้งพูดกวนประสาทด้วยความหมั่นไส้ สาวสวยยิ้มหวาน แล้วรับมุกหน้าตาเฉย “ก็ดีสิคะ น้องสาพร้อมเมื่อไหร่ พี่จะให้แม่ไปขอ” คิดไกลไปนะ ผู้ช่วยสาวเบ้ปาก ไม่คิดว่าอีกคนจะบ้าจี้ “ฉันพูดเล่น ประชดน่ะเข้าใจไหมคะ?” “แต่พี่พูดจริงค่ะ” จันจิรายกหลังมืออีกคนขึ้นจรดริมฝีปากเบาๆ เฮ้ย! สาวร่างเล็กตกใจรีบชักมือกลับทันที แล้วโวยวายออกมา “อะไรของคุณเนี่ย?” หัวใจดวงน้อยสั่นรัวเป็นจังหวะกลองรบ เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน เคยอ่านเจอว่า ‘หากอยู่ใกล้ใครแล้วใจสั่นบ่อยๆ แปลว่าเริ่มมีใจเอนเอียงให้เขาแล้ว’ รสายังไม่อยากมีคนพิเศษตอนนี้ ไม่อยากผูกมัดกับใคร อยากใช้ชีวิตแบบอิสระเสรีไปนานๆ จนกว่าตนจะพร้อมกว่านี้ จึงจะมีครอบครัวเป็นเรื่องเป็นราว หากพูดอีกนัยว่า หญิงสาวกล้าๆ กลัวๆ กับเรื่องความรักก็ไม่ผิดนัก เพราะเห็นหลายคู่ล้มเหลวมาแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้ายังพร่ำบอกว่า รักกันปานจะกลืนกินอยู่เลย แม้จะมีคนมาจีบบ้าง แต่ก็ไม่เคยเกินเลยกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ สักคน เหตุผลสำคัญคือ เธอไม่เคยให้โอกาสผู้ใดมาก่อน แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไป เหมือนไม่ใช่ตัวจริง ลึกๆ ในใจ เหมือนรสาโหยหาและรอคอยใครบางคนอยู่ ...แต่ใครนั้น เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน “พี่แค่จูบมือทักทายแบบฝรั่งเอง” คนสวยยกมืออีกข้างเคาะแก้มตัวเอง แล้วยิ้มพราย “หรือน้องสาอยากให้พี่หอมแก้มแทน?” อ๊าย! ใครจะไปยอมกัน แก้มหญิงสาวร้อนผะผ่าวขึ้นอีกรอบ ยังจำสัมผัสที่โดนไม่กี่นาทีก่อนได้อย่างดี “นี่มันเมืองไทยนะคุณ จะมาทำอะไรแบบนั้นได้อย่างไรคะ มันไม่เหมาะค่ะ” คนสวยแกล้งทำหน้าเหลอหลา “อ้าว! เหรอคะ พี่ไม่ยักรู้” “คุณนี่มันขี้แกล้งจริงๆ” สาวร่างเล็กต่อว่าอย่างเหลืออด สาวงามหัวเราะคิกคัก “ช่วยไม่ได้ค่ะ ก็น้องสาน่าแกล้งนี่คะ” เธอเบ้ปากไม่รู้จะทำอย่างไรกับเจ้านายสาวดี รู้แต่ว่ารับมือยากจริงๆ ทดลองงานตั้งเดือน ฉันจะประสาทเสียก่อนหรือเปล่า? หากไม่เกรงใจแม่กับคุณจุรี เธออยากจะขอใบสมัครคืน ไม่ก็ขอลาออกเสียเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อคิดถึงใบหน้าของแม่และเงินเดือน ก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนทำงานที่นี่ต่อไป ใครจะไปคิดว่า เจ้านายผู้สวยประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์ แต่ขอโทษทีโคตรกวนประสาทสุดๆ “สรุปคือคุณจ้างฉันมาเพื่อปั่นหัวหรือคะ?” หลุดถามโพล่งออกมา คิดได้ไง! หล่อนหัวเราะร่วนจนน้ำตาเล็ด นานเป็นนาทีจึงหยุดขำ “ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอนค่ะ” คนสวยตอบ ทว่าในใจคิดเป็นอย่างอื่น พี่จ้างน้องสา เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ ต่างหาก จะไม่ยอมให้หายไปอีกแล้ว “แล้วไป” เธอพึมพำ แล้วเอ่ยปากไล่อีกคนให้อยู่ห่างๆ “คุณไปทำงานของคุณเถอะค่ะ ฉันไม่รบกวนแล้ว” “พี่ขอพักสายตาหน่อย น้องสาอ่านไปนะคะ” หล่อนนั่งเอนหลังพิงโซฟา แล้วหลับตาพริ้มลงอยู่ข้างผู้ช่วยสาว ให้คนอื่นทำงาน แต่ตัวเองดันหลับ เชื่อเขาเลย รสาส่ายหัว ขณะแอบมองใบหน้าสวยหวานที่หายใจสม่ำเสมอ หญิงสาวรู้ว่า จันจิราสามารถกระชากหัวใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ความพยายามด้วยซ้ำ แต่เธอไม่คิดเป็นหนึ่งในพวกนั้น จึงตั้งใจจะเว้นระยะกับอีกฝ่าย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ฉันไม่มีทางหวั่นไหวกับคุณแน่ คุณจันจิรา สาวหน้าคมย้ำกับตัวเองแบบนั้น ก้มหน้าลงอ่านเอกสารในมือต่อ OoXoO ขอบคุณที่กรุณาติดตามนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกหัวใจ และขอบคุณทุกโดเนท ที่กลัวไรท์อดๆ อยากๆ ชอบก็บอกไรท์ด้วยนะคะ ...ขอบคุณค่ะ ^^ ตอนนี้มีอะไรให้ตื่นเต้นเล็กน้อย น้องสาแค่เผ่นแทบไม่ทัน กลัวเป็นตากุ้งยิง อิอิ ส่วนพี่จันก็แอบคิดไปไกลอ่ะนะ 5555 ตอนหน้าก็จะเป็นเรื่องยุ่งๆ ในที่ทำงาน จะเกิดอะไรขึ้น ต้องติดตามกันต่อค่ะ สุขสันต์วันพ่อค่ะ นาง ^^ OoXoO
Create Date : 05 ธันวาคม 2562 |
|
0 comments |
Last Update : 5 ธันวาคม 2562 20:34:37 น. |
Counter : 601 Pageviews. |
|
|
|