Strawberry Kiss บทที่ 7 (YURI)
๗ ทิวามองผ่านกระจกเข้าไปในห้องผู้จัดการ เห็นสาวสวยนั่งโซฟาอยู่กับรสา ส่ายหน้าที่เห็นเจ้านายสาวดูจะติดลูกน้องคนใหม่เหลือเกิน ถ้าเข้าไปตอนนี้จะขัดจังหวะหรือเปล่า? เขายืนลังเลอยู่หน้าประตูเกือบนาที แต่แล้วก็มีลูกน้องคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมา “คุณทิ คุณทิครับ แย่แล้วครับ!” ชายหนุ่มหมุนตัวไปมองต้นเสียง อย่างสงสัย “มีอะไรเหรอ?” คนงานหยุดยืนตรงหน้า พร้อมหายใจหอบแรง “ซะ โซล่าเซลล์ครับ ของโรงห้าไม่ทำงานครับ” “กี่แผง?” “หกครับ” “อะไรนะ!” เลขาแว่นเบิกตาโต หากระบบไฟฟ้าไม่ทำงานเพียงไม่กี่ชั่วโมง ดอกไม้ในเรือนนั้นอาจจะหยุดเติบโต หรือแย่กว่านั้นก็คือ ดอกที่กำลังจะเบ่งบานอาจเหี่ยวทั้งโรงเรือน โรงเรือนห้าปลูกกล้วยไม้ ที่จะต้องส่งตามออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่ในอีกไม่กี่วันนี้ด้วย หากผิดสัญญาสวนโสภาคย์ต้องจ่ายค่าเสียหายก้อนโตเลยทีเดียว ...นี่นับเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ทิวาเปิดประตูห้องผู้จัดการอย่างเร็ว ลืมที่จะเคาะประตูเสียสนิท “คุณจันครับ แย่แล้วครับ...” เจ้าของชื่อเผยเปลือกตาขึ้นทันที “เรื่องอะไร?” ชายหนุ่มรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสั้นกระชับ โดยมีคนงานยืนรอฟังคำบัญชาอยู่ข้างๆ “โซล่าเซลล์โรงห้า หกแผงมีปัญหาครับ” “ไปดูกัน” ร่างบางทำหน้าเครียด ขยับลุกยืนเต็มความสูง หายง่วงเป็นปลิดทิ้งหลังฟังจบ เดินไปคว้ามือถือและกุญแจรถบนโต๊ะ หันมองไปยังผู้ช่วยสาว “ไปค่ะน้องสา” “ค่ะ” เธอพยักหน้า ปิดแฟ้มวางบนโต๊ะทันที จันจิรา รสา ทิวา และคนงานที่มาบอกขึ้นรถไฟฟ้าไปถึงโรงเรือนห้าในไม่กี่นาที ช่างสี่คนมาถึงก่อน กำลังช่วยกันค้นหาสาเหตุที่แผงโซล่าเซลล์ไม่ทำงาน เพื่อหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน “ซ่อมได้ไหม?” สาวสวยถามช่างอาวุโส “พอได้ครับ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไหล่สำรอง ผมให้คนงานออกไปหาแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่” จอมหัวหน้าช่างบอกตามตรง “กล้วยไม้ทั้งโรงก็แย่สิ” เจ้านายสาวทำหน้ากังวล อุณหภูมิที่นี่ตั้งไว้ประมาณ ๒๕ องศาเซลเซียส หากร้อนกว่านั้นย่อมกระทบกับดอกไม้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “นั่นแหละครับปัญหาใหญ่” ช่างใหญ่ถอนใจ เอาไงดี? คนสวยกลอกตาไปมา คิดหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถึงจะต้องเสียสละบางอย่าง...ก็ต้องทำ “เอาแผงที่โรงเพาะมาเปลี่ยนก่อน ให้เสร็จภายในห้าชั่วโมงนะ” “เข้าใจแล้วครับ” หัวหน้าช่างพยักหน้าเข้าใจ “ฉันจะโทรไปสั่งแผงใหม่ก่อน ถ้าได้วันนี้ ก็เปลี่ยนอันใหม่ใส่โรงเพาะ แล้วค่อยซ่อมแผงที่เสียทีหลัง” “ครับ” จอมเดินไปหาลูกน้อง พร้อมบอกความประสงค์ของจันจิรา ซึ่งต้องเปลี่ยนแผงอุปกรณ์ทั้งหมดแข่งกับเวลา ก่อนดอกกล้วยไม้ที่ใกล้บานในโรงเรือนนี้จะเหี่ยวแห้ง คนสวยหยิบมือถือกดโทรหาร้านเครื่องไฟฟ้าในเมือง เพื่อสั่งซื้ออุปกรณ์มาเปลี่ยน “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้ที่ร้านมีแผงโซล่าเซลล์ขนาด...” คนสวยถามคนขายอย่างเร็ว ทำไมต้องซีเรียสด้วย? “ถ้าเอาแผงที่โรงเพาะมาเปลี่ยน พวกต้นอ่อนจะเป็นยังไงคะ คุณทิ?” รสาหันไปถามเลขาหนุ่มที่ยืนใกล้ๆ เธอยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์นักว่า ทำไมทุกคนดูเครียดเหลือเกิน “ก็อาจจะตาย หรือไม่ก็แคระแกร็นไปเลย ต้นไม้ฝรั่งพวกนี้ไม่ทนความร้อนเท่าไหร่ครับ” ทิวากระซิบตอบ “แย่จัง” เธอพึมพำ “ต้นอ่อนตาย แต่ก็ดีกว่าดอกไม้โรงนี้เหี่ยวนะครับ เราต้องชดใช้เยอะมาก กระเป๋าฉีกได้เลยล่ะ” “ขนาดนั้น?” “สองหมื่นกว่าเหรียญ” ชายหนุ่มกระซิบบอกผู้ช่วยสาวเบาๆ ราวกับเป็นความลับสุดยอด สองหมื่น...ก็ประมาณ? สาวหน้าคมหยุดคิดมูลค่าเป็นเงินไทย ด้วยการเอาสามสิบบาทคูณ แล้วก็ต้องตาโต “หะ หกแสน!” “ชู่ว เบาๆ สิครับ” เลขาหนุ่มเตือน ทิวาไม่อยากให้พวกลูกน้องทราบมูลราคาของดอกไม้ เพราะมันอาจจะสร้างความวุ่นวายขึ้นได้ ความโลภไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่ญาติพี่น้องที่มีข่าวโกงเงินกันเกือบทุกวัน เป็นข่าวร้อนมากพอกับเรื่องชู้สาว จนไม่รู้จะไว้ใจใครได้บ้าง ... ช่างน่าเศร้าใจสุดๆ รสาไม่เคยรู้เลยว่า ดอกไม้พวกนี้จะแพงหูฉี่ สมควรแล้วที่จะต้องทำนุบำรุงอย่างดี แม่เจ้า! กล้วยไม้แค่โรงเดียวเกินครึ่งล้าน ขืนฉันทำอะไรพลาดคงต้องใช้หนี้หัวโตแน่ สาวผมยาวหายใจไม่ค่อยทั่วท้องขึ้นมาทันที หันไปมองเจ้านายสาวที่ปกติจะมีรอยยิ้มเสมอ ยามนี้มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ...เครียดจนเธอรู้สึกเป็นห่วง จันจิราติดต่อเสร็จก็กดวางสาย หันมาหาเลขาของตน “นายทิฉันรบกวนหน่อยสิ” หล่อนปรายตาไปยังรสา ก่อนมองชายหนุ่ม “ช่วยพาน้องสาไปส่งที่เรือนเทวัญที แล้วก็ไปรับแผงโซล่าเซลล์ด้วย ฉันสั่งไปเจ็ดแผง ฉันจะอยู่ที่นี่เอง” “ให้ผมอยู่ที่นี่ดีกว่าครับ” ทิวาค้านขึ้น “ผมช่วยเปลี่ยนแผงได้ มีอีกคนจะได้เร็วขึ้นอีกหน่อย” “เอางั้นก็ได้” สาวงามรับข้อเสนอของเขาหลังคิดตาม เหลียวหน้าไปยังผู้ช่วยสาว “พี่ไปส่งน้องสาที่บ้านก่อน วันนี้เลิกงานแค่นี้” นี่คุณดูถูกฉันไปรึเปล่า? “ไม่ค่ะ” รสาปฏิเสธข้อเสนอ “ฉันจะอยู่กับคุณ จนกว่าจะเปลี่ยนแผงเสร็จทั้งหมด” “แต่อาจจะดึกมากเลยนะคะ ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง” เจ้านายสาวไม่อยากให้เธอต้องมาอยู่ดึกๆ ดื่นๆ ด้วย ไม่อยากใช้งานหนักเกินไป และนี่ก็เป็นแค่การทำงานวันแรก “ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณ เป็นพนักงานของที่นี่ ฉันอาจจะเปลี่ยนแผงพวกนั้นไม่เป็น แต่ฉันช่วยทำงานอย่างอื่นได้นะคะ เช่น หาเสบียงให้ทาน ทุกคนจะได้มีแรงทำงาน มีเหตุผลดีพอไหม?” เป็นคนที่มีน้ำใจดีทีเดียว สาวงามคิดชมในใจ “ตกลงตามนี้ ตอนพี่ไปรับอุปกรณ์ น้องสาไปซื้อข้าวกล่องก็แล้วกัน” “ไม่มีปัญหา งานถนัดอยู่แล้ว” สาวหน้าแขกยิ้มมุมปาก “เราเป็นทีมเดียวกันแล้วใช่ไหมคะ?” “ค่ะ” คนสวยพยักหน้า เธอชูกำปั้นขึ้นตรงหน้า จันจิรามองแล้วเลิกคิ้ว ก่อนยกหมัดขึ้นสัมผัสเบาๆ “ลุยกันเลย” รสาพูดน้ำเสียงฮึกเหิม เดินนำออกไปจากโรงเรือน เจ้านายสาวส่ายหัวกับท่าทางของเธอ แล้วก้าวตามไป ทิวาหัวเราะกับผู้ช่วยคนใหม่ที่ดูน่าสนใจไม่น้อย ไม่บ่อยนักที่จะเห็นจันจิราแคร์ใครขนาดนี้ ท่าทางจะเข้ากันได้ดีเกินคาด ชายหนุ่มอมยิ้มในหน้า แล้วเดินไปช่วยกลุ่มช่าง โดยไม่ถือตัวว่าตนมีตำแหน่งสูงกว่าคนพวกนั้น ในยามนี้สามัคคีคือพลัง ...และแล้วภารกิจ ‘Save Flower’ ก็เริ่มต้นขึ้น จันจิราขับรถปิคอัพสีดำโดยมีรสานั่งคู่ไปด้วย “ที่นี่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยเหรอคะ?” เธอถามอย่างสนใจ “ไม่หรอกค่ะ สงสัยวันนี้เจ้าที่คงจะอยากรับน้องใหม่” คนสวยพูดติดตลก สาวหน้าคมกลอกตาไปมา แล้วต่อว่าออกมา “คุณนี่ชอบพูดเล่นไปหมด จนฉันไม่รู้ว่าจะเชื่อคำไหนดี” “อยู่ไปนานๆ น้องสาก็จะรู้เองค่ะว่า เมื่อไหร่พี่พูดเล่น หรือพูดจริง” เธอแค่นหัวเราะในลำคอ “ถ้าคุณใช้งานฉันหนักมากๆ กวนประสาทเยอะเกิน ฉันคงอยากลาออกก่อนจะรู้” “อะไรกัน! แค่ทำงานวันแรกก็พูดว่าจะลาออกแล้วเหรอ พี่เสียใจนะคะ เหมือนพี่ดูแลน้องสาไม่ดี” เสียงใสหวานแกล้งเอ่ยแบบเศร้า แต่ใบหน้าสวยยังเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม เชอะ! ก็เป็นซะอย่างนี้ จะให้เชื่อได้อย่างไร ผู้ช่วยสาวค้อนอย่างหมั่นไส้ “ไม่ต้องมาทำนางเอกเลยค่ะ ฉันไม่เชื่อคุณหรอก” จันจิราหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “พี่มีความสุขมากเลยนะคะ ที่มีน้องสาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ พี่อยากให้เราเป็นแบบนี้ตลอดไปจัง” คนขับปรายตามองคนข้างๆ คลี่ยิ้มอ่อนให้ ก่อนหันไปสนใจถนนตรงหน้า อย่าเต้นแรงสิ บ้าจริง! หญิงสาวสบถในใจ เฉสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก ใบหน้าร้อนวูบ หัวใจเต้นแรงผิดแผกไปจากเดิม เธอไม่อยากจะเชื่อคำหวานของหล่อนแม้แต่น้อย ...แต่หัวใจเจ้ากรรมดันไม่เชื่อฟังสมองเสียแล้ว ฉันไม่ยอมเป็นหนึ่งในสาวกของคุณหรอกนะ...คุณจันจิรา สาวหน้าแขกพยายามย้ำกับตัวเอง ครึ่งชั่วโมงต่อมา สาวสวยจอดรถใกล้กับร้านอุปกรณ์ไฟฟ้าที่โทรสั่งของไว้ “เสร็จแล้วมาเจอกันที่รถนะคะ ข้าวกับน้ำสักสิบห้ากล่องเผื่อบางคนไม่อิ่ม” หล่อนแนะ พร้อมยื่นธนบัตรสีเทาให้ “โอเคค่ะ” รสาเดินไปสั่งข้าวผัดพร้อมน้ำดื่มจากร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ รออยู่พักหนึ่งก็ได้มาครบจำนวน จากนั้นจึงหอบเสบียงพะรุงพะรัง กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่รถ “เรียบร้อยไหมคะ?” สาวหน้าคมถาม “ค่ะ” คนสวยเปิดประตูให้เธอวางถุงอาหารก่อน “หนักไหมคะ?” “นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบเสียงหอบๆ เหงื่อแตกพลั่กเชียว จันจิราสังเกตุเห็นเหงื่อเม็ดโตบนหน้าผากมน จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา หมายจะซับหน้าเธอ “จะทำอะไร?” เธอถาม “พี่แค่จะเช็ดหน้าให้ เหงี่อท่วมเชียว” รสารีบขยับหน้าหนี กลัวคนอื่นมาเห็นเข้าจะเข้าใจผิดได้ “ไม่ต้องเลย ฉันเช็ดเอง ส่งผ้ามาสิ” ทำไมต้องดุด้วย... “ก็ได้ค่ะ” คนสวยทำหน้ามุ่ยที่โดนเอ็ด ยื่นผ้าให้เธอ จากนั้นเดินไปขึ้นประจำตำแหน่งคนขับ ผู้ช่วยสาวก้าวขึ้นนั่งเบาะหน้า จากนั้นจึงใช้ผ้านั้นซับเหงื่อ หอมจัง...กลิ่นอะไร? แม้อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ดุหล่อนเมื่อครู่ ทั้งที่อีกฝ่ายเจตนาดี “ไว้ฉันจะซักแล้วเอามาคืนนะ ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเสียงอ่อน “ยังไงก็ได้ค่ะ” ร่างบางบอกเสียงเรียบ ใบหน้าสวยไร้ซึ่งรอยยิ้มแบบปกติ อย่าบอกนะว่าน้อยใจ ฉันยิ่งง้อคนไม่เก่งอยู่ด้วย ทำไงล่ะเนี่ย? รสาขมวดคิ้ว ไม่รู้จะง้อหล่อนอย่างไรดี รถปิคอัพไปถึงสวนโสภาคย์เกือบหกโมงเย็น ปกติเวลานี้คนงานกะกลางวันจะกลับไปแล้ว จะอยู่เฉพาะพวกอยู่กะดึก กับยามรักษาความปลอดภัยจำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่วันนี้มีคนงานกลุ่มหนึ่งสมัครใจอยู่ช่วยขนแผงโซล่าเซลล์ หลังรู้ว่าโรงเรือนห้ามีปัญหาก็รีบมาช่วย โดยที่ไม่ได้สนใจค่าจ้างล่วงเวลา ทำให้การขนย้ายดำเนินไปอย่างรวดเร็ว “วางไว้ที่หน้าโรงเพาะเลยนะ พอช่างซ่อมโรงห้าเสร็จ จะได้มาติดตั้งทางนี้ต่อ” เจ้านายสาวบอกกับพวกคนงาน “ครับคุณจัน” หนึ่งในคนงานรับคำ หันไปพยักหน้ากับพรรคพวก แล้วช่วยกันขนอุปกรณ์ไปอย่างรวดเร็ว “แล้วพวกต้นเล็กๆ จะรอดไหมคะ?” รสากระซิบถาม สาวร่างเล็กมองต้นไม้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรค่าแก่การดูแล นอกจากความสวยงาม ยังช่วยผลิตออกซิเจนให้ทุกคนหายใจ ยิ่งพอรู้มูลค่าของมันก็ยิ่งต้องทะนุถนอมมากขึ้นกว่าเดิม เธอไม่อยากให้ธุรกิจต้องเสียหาย ถึงแม้นี่จะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม “ไม่แน่ใจค่ะ แต่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว” หล่อนตอบเสียงแผ่ว ทำใจกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน โลกนี้ไม่มีธุรกิจใดไม่มีความเสี่ยง แค่เสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย “เราไปดูที่โรงห้ากันดีกว่า จะได้เอาเสบียงไปให้พวกช่างทานด้วย” “ก็ดีค่ะ” สองสาวช่วยกันหิวข้าวกับน้ำคนละไม้ละมือ ไปยังโรงเรือนห้า “คืนนี้อาจจะดึกมากนะคะ ไม่เปลี่ยนใจกลับก่อนแน่นะ” คนสวยถามผู้ช่วยสาวขณะเดินเคียงกัน หากอีกฝ่ายอยากกลับบ้านก็พร้อมจะไปส่ง แล้วค่อยกลับมาดูงานต่อ “ไม่เปลี่ยนใจค่ะ ถ้าดึกเดี๋ยวฉันโทรไปบอกแม่ก็ได้” ร่างเล็กตอบเสียงจริงจัง “ตอนอยู่โรงงาน ฉันต้องอยู่กะดึกบ่อยๆ แค่นี้สบายมาก” “เหรอคะ” ร่างบางเลิกคิ้วน้อยๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นพวกขยันเกินคาด “แล้วได้โอทีไหมคะ?” “ได้สิคะ เก็บตังค์ได้พอสมควรเลยล่ะค่ะ แต่ช่วงหลังงานน้อยลงก็เลยไม่ค่อยมีโอที” รสาเล่าไปยิ้มไปกับเรื่องที่ทำงานเก่า ก่อนจ้องหน้าอีกคนเขม็ง “อย่าบอกนะว่าคุณจะไม่ให้โอทีฉัน เพราะฉันอยู่ช่วงทดลองงาน...จะงกไปนะ” มองพี่แง่ร้ายตลอดรึไงเนี่ย เจ้านายสาวทำหน้างง ที่โดนต่อว่าทั้งที่ยังไม่ได้คิดอะไรเลย จึงเล่นตามน้ำไป “แหม รู้ทันอีก จริงๆ พี่ก็ไม่ได้งกขนาดนั้นซะหน่อย” “ถ้าไม่ถามก็ไม่ให้ใช่ไหม” สาวหน้าคมพูดดักคอ พร้อมค้อนปะหลับปะเหลือก หล่อนหัวเราะเสียงใสกังวาน ไม่เคยเลยที่จะสนุกกับการโต้เถียงกับใครแบบนี้มานานมากแล้ว...นานจริงๆ โดนว่ายังขำอีก เพี้ยนหรือเปล่า…แต่หัวเราะแบบนี้ดีแล้ว ดีกว่าขรึมแบบเมื่อกี้ คิดในใจ กับอุปนิสัยแปลกไม่ซ้ำใครของหล่อน แต่ก็ทำให้เธอมีความประทับใจหลายอย่าง และสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้หลังร่วมงานกับผู้หญิงสวยคนนี้ แม้แค่เพียงวันเดียวก็คือ จันจิราเป็นคนที่ไม่ถือตัว ไม่วางก้ามอวดเบ่ง หรือทำตนเป็นเจ้าคนนายคน เหมือนหลายคนที่เธอเคยทำงานด้วย บางทีคุณอาจจะเป็นคนดีมากกว่าที่ฉันคิด ถึงจะกวนประสาทไปบ้างก็เถอะ เธอเผลอยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว หลังได้ยินเสียงใสๆ ของเจ้านายสาวตะโกนเรียกพวกช่างมากินข้าว “ใครหิวมาทานข้าวก่อน ปล่อยให้นายทิทำแทน” รสายิ้มบางๆ ขณะที่พวกช่างหัวเราะร่วน ที่เลขาหนุ่มโดนจันจิราแกล้งหยอกยั่วเป็นประจำ “ได้ไงอ่ะคุณจัน?” ทิวาโวยวายขึ้นแบบไม่จริงจัง หล่อนหัวเราะเบาๆ บรรยากาศที่แสนเคร่งเครียด กลายเป็นผ่อนคลายลงกว่าเดิมมาก OoXoO ขอบคุณที่กรุณาติดตาม ขอบคุณทุกหัวใจ และทุกคอมเม้นท์นะคะ...แวะมาทักทายไรท์ได้ค่ะ ไรท์ชอบอ่านมากๆ ^^ น้องสาเริ่มมองเห็นความดีของพี่จันขึ้นมานิดนึงแล้ว ตอนหน้าก็จะเห็นความดีมากขึ้น ความสัมพันธ์ก็อาจจะก้าวหน้า เอ หรือถอยหลังกัน?...ต้องรอติดตามนะคะ ภายในวันสองวันนี้จะส่งต้นฉบับให้คุณพี่บอกอ ครบทั้งเรื่องค่ะ...เป็นอันว่ามีลุ้น คลอดอีบุ๊คเดือนนี้แน่นอนแล้ว ส่วนเมื่อไหร่ก็ต้องลุ้นกันต่อไปค่ะ 5555 ช่วงนี้อากาศเย็นมากๆ โดยเฉพาะทางภาคเหนือ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ...เจอกันตอนหน้าค่ะ นาง ^^ OoXoO
Create Date : 09 ธันวาคม 2562 |
|
0 comments |
Last Update : 9 ธันวาคม 2562 22:22:04 น. |
Counter : 708 Pageviews. |
|
|
|