ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
 
พฤศจิกายน 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
22 พฤศจิกายน 2562
 
 
Strawberry Kiss บทที่ 3 (YURI)

 

จุรีนั่งรับประทานอาหารเช้า พอได้รับรู้บางเรื่องจากป้าทอง ก็อดแปลกใจไม่ได้ ปกติจันจิราไม่ค่อยจะรับคนเข้ามาทำงานแบบส่งเดช แต่นี่กลับให้แม่บ้านเก่าแก่โทรไปเจาะจงตัวลูกสาวของพรรัตน์

...จึงรู้สึกยังไงๆ อยู่

เธอรู้จักครอบครัวพรรัตน์มานาน แต่หลายปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก หลังอีกฝ่ายค่อนข้างเก็บตัว และมีสุขภาพอ่อนแอหลังเสียสามีไป แต่สองบ้านยังคงส่งของให้กันเสมอ รวมถึงรู้ด้วยว่า หลังจันจิราเรียนจบกลับมา มักจะแวะไปบ้านนี้บ่อยๆ แต่จุรีแกล้งทำเป็นไม่รู้

เจ้าของเรือนเทวัญรู้อีกว่า ลูกสาวคนเล็กของบ้านนั้น ทำงานเป็นพนักงานโรงแรมลูกชายตน ส่วนลูกสาวคนโตได้ข่าวว่าไปเรียนต่อ และทำงานที่ชานเมืองกรุงเทพฯ แต่ไม่รู้ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่

ทำไมจันถึงรู้เรื่องลูกสาวบ้านนั้นดีเกิน?

แม่ของหล่อนถอนใจ

“ทำไมยายจันถึงเจาะจง อยากได้เด็กคนนั้นมาทำงาน เธอพอจะรู้ไหมทอง?” จุรีถามแม่บ้านอายุไล่เลี่ยกัน ซึ่งทำงานให้ตั้งแต่สมัยสาวๆ

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ตอนถามคุณหนูก็แค่ยิ้ม แล้วบอกว่าคนรู้จักสมัยเด็ก” ป้าทองตอบ

“มันก็ใช่ ตอนเด็กสองคนนี้เคยเล่นด้วยกันอยู่พักใหญ่” เจ้าของเรือนเทวัญย้อนนึกเรื่องสมัยก่อนขึ้นมาได้ แล้วยิ้มออก “จันคงคิดจะช่วยน้องสินะ”

“คุณจันเธอใจดีมาก” ป้าทองเห็นคล้อยตาม

หลายครั้งที่เธอเห็นจันจิราช่วยคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่บางทีก็ทำบุญกับใครไม่ขึ้น กลายเป็นทำคุณบูชาโทษก็บ่อย แต่หล่อนก็แค่ยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ช่างเขาเถอะค่ะ เราพยายามทำดีแล้วก็จบ”

ถ้าเป็นฉันคงไม่ช่วยขนาดนี้แล้ว ช่วยแล้วยังต้องโดนว่าอีก ไม่คุ้มเลยจริงๆ

ป้าทองคิดบ่น กับความกตัญญูอยู่รู้คุณคนที่แสนน้อยนิดของคนสมัยนี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สมาชิกครอบครัวนี้ลดความเมตตาลง เพียงแต่จะรอบคอบมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องเงินๆ ทองๆ

“แล้วจะให้มาทำหน้าที่อะไรล่ะ?” เจ้านายอาวุโสถามต่อ หลังทานข้าวต้มไปหนึ่งคำ

“เห็นบอกว่าเป็นผู้ช่วยค่ะ”

“นั่นมันหน้าที่ของนายทิไม่ใช่เหรอ?”

“นั่นสิคะ ฉันก็ยังงงๆ” แม่บ้านพูดอย่างไม่เข้าใจ

นายทิ หรือทิวาเป็นหลานชายของป้าทอง ที่ได้รับความอุปถัมภ์จากจุรี ส่งให้เรียนจนจบปริญญาโทพร้อมกับลูกแฝด ปัจจุบันทำงานเป็นเลขาของจันจิราที่สวนโสภาคย์

ขณะที่สองผู้อาวุโสกำลังสับสนกันอยู่นั้น ต้นเหตุของเรื่องก็เดินเข้ามา ด้วยใบหน้าสดใสกว่าทุกวัน

“อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่ ป้าทอง” เจ้าของเสียงหวานใสทักทายเหมือนทุกวัน ทรุดตัวนั่งเก้าอี้ไม้สักที่ประจำของตัวเอง เพื่อทานอาหารก่อนไปทำงาน

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณจัน” แม่บ้านอาวุโสทักตอบ “วันนี้จะรับข้าวต้มหรือขนมปัง ไข่ดาว กับกาแฟคะ?”

“ขอเป็นขนมปังไข่ดาวดีกว่าค่ะ” หล่อนบอก ติดนิสัยทานอาหารเช้าของฝรั่งมากกว่าแบบไทย ส่วนหนึ่งคือให้พลังงานมากกว่า

“ได้ค่ะ”

ป้าทองเดินออกไปบอกสาวใช้ให้จัดการอีกทอด

“ที่สวนต้องการคนงานเพิ่มหรือ?” มารดาถามขึ้น

“ค่ะ จันอยากหาคนแบ่งเบานายทิ ตอนนี้ออเดอร์เยอะมาก จนเราปลูกดอกไม้ไม่พอขาย กำลังคิดว่าเร็วๆ นี้ คงต้องขยายโรงเรือนเพิ่มอีก” ลูกสาวให้เหตุผล

“งั้นเหรอ” คนเป็นแม่พึมพำ ก่อนถามต่อ “แล้วทำไมต้องเป็นลูกสาวของพรรัตน์ล่ะ?”

“คือบังเอิญจันเจอน้องเมื่อวาน เห็นบอกว่าโรงงานปิดกิจการ ก็เลยสงสารน่ะค่ะ”

“แค่สงสาร?”

“ค่ะ ไหนๆ ก็รู้จักกันมาตั้งนาน ช่วยได้ก็ควรช่วย”

“ก็จริง” จุรีถอนใจเบาๆ “แล้วเรื่องนทีจะว่าอย่างไร?

นทีเป็นเพื่อนชายของจันจิรา ที่สนิทกันตอนเรียนอยู่ต่างประเทศ รู้จักกันเพราะพ่อแม่เขาเป็นเพื่อนกับจุรี ชายหนุ่มชอบหล่อนมาก อยากให้สาวเจ้าย้ายไปกรุงเทพฯ มากกว่าอยู่ต่างจังหวัดที่ล้าหลัง

แต่หล่อนปฏิเสธ รวมถึงบอกว่า ‘เขาเป็นแค่เพื่อน’

ระยะหลังความสัมพันธ์ของทั้งสองดูห่างกันไป เขาค่อนข้างจะแง่งอนกับหล่อน ซึ่งจุรีมองออกว่า ที่ผ่านมาลูกสาวไม่ได้มีเยื่อใยกับฝ่ายนั้นเป็นพิเศษจริงๆ พร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้น

ในฐานะที่ผ่านโลกมามาก เธอรู้ว่าความรักสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้จะผิดหวังเสียใจ แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไป แล้ววันหนึ่งที่หันกลับมามองอดีต อาจจะหัวเราะขำตัวเองที่ทำอะไรงี่เง่าไว้ก็ได้

“ลูกสาวคนโตของพรรัตน์ชื่ออะไรนะ?”

“รสาค่ะ”

“น่ารักไหม?”

มากค่ะ ยิ่งโตยิ่งน่ารัก

สาวสวยซ่อนยิ้ม คิดตอบในใจ

“เดี๋ยวก็เห็นค่ะ น่าจะใกล้มาถึงแล้ว” หล่อนกะเวลา

แปลว่าน่ารักสินะ

เจ้าของเรือนเทวัญคิดเดา นึกอยากเจอรสาขึ้นมาทันที หลังไม่ได้เจอเด็กน้อยหน้าแขกมานานหลายปี

“ขนมปังกับกาแฟร้อนๆ ค่ะ” ป้าทองค่อยๆ วางถาดอาหารเช้าตรงหน้าหล่อน

“ขอบคุณค่ะป้าทอง” สาวสวยยิ้ม หยิบส้อมกับมีดขึ้นตัดขนมปัง เพื่อรับประทานทันที

จุรีจึงหันไปสนใจอาหารเช้าของตัวเองต่อ

ไม่กี่นาทีต่อมา สาวใช้ก็เข้ามาบอกว่า

“คุณท่านคะ มีแขกมาหาค่ะ บอกว่าชื่อรสา”

“ให้เข้ามาเลย” เจ้าของบ้านเอ่ยอนุญาต ชำเลืองมองลูกสาวที่คลี่ยิ้มสวยออกมา นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ แบบที่เธอเองก็เห็นไม่บ่อยนัก เหมือนได้เห็นสิ่งที่ถูกใจมากๆ

อยากรู้จริงว่า เด็กรสานี่มีดีอะไร จันถึงสนใจเป็นพิเศษ?

 

มาทีไรก็ตื่นเต้นทุกที เรือนหลังนี้น่าจะใหญ่กว่าบ้านฉัน สักสามหรือสี่เท่าได้

รสากวาดตามองเรือนเทวัญ ซึ่งทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง แม้จะปลูกมานานมาก แต่ก็ยังคงสวยงามอลังการไม่ต่างจากที่เคยเห็นในอดีต คาดว่าเจ้าของคงดูแลเอาใจใส่เรือนนี้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการดูแลคงสูงลิบลิ่ว

...ไม่รวยจริงอยู่แบบนี้ไม่ได้แน่

เธอจำได้ว่าสมัยเด็กเคยมาที่นี่หลายครั้ง โดยตามบิดาซึ่งทำงานที่นี่ จึงได้มีโอกาสนั่งเล่นกินลมชมวิวอยู่ใต้ถุนเรือนไม้แห่งนี้ แล้วได้พบกับใครคนหนึ่ง...แต่รสากลับจำไม่ได้

เด็กคนนั้น...ใครนะ?

ขณะที่สาวหน้าคมกำลังอยู่ในภวังค์ของอดีต ก็ต้องสะดุ้งขึ้น หลังได้ยินเสียงสาวใช้คนเดิม

“คุณท่านเชิญให้ขึ้นไปพบค่ะ”

“ขอบคุณนะ” ร่างเล็กส่งยิ้มให้ แล้วรวบรวมความกล้า ก่อนก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของเรือนแห่งนั้น

 

“เข้ามาสิหนู” จุรีบอกหญิงสาวรุ่นลูกที่ทำท่าเกร็งๆ

“สวัสดีค่ะท่าน” เธอยกมือทำความเคารพ แล้วเรียกเจ้าของเรือนแบบเดียวกับคนแถวนี้

“นั่งสิ คุยกันก่อน” หญิงอาวุโสบอก พร้อมผายมือไปยังเก้าอี้ว่างข้างๆ ลูกสาวที่กำลังทานอาหารเช้า

“ขอบคุณค่ะ” รสาก้าวไปนั่งตัวเล็กลีบไม่ต่างจากมด ไม่กล้ามองหน้าผู้หญิงที่นั่งอยู่ก่อน ด้วยเกรงจะเสียมารยาท

“ทานด้วยกันนะ” จุรีชวนอย่างเป็นกันเอง

“ขอบคุณค่ะ หนูเรียบร้อยแล้วค่ะ”

“ลูกสาวพรรัตน์ ชื่ออะไรนะ?” หญิงอาวุโสถามเป็นพิธี อยากให้อีกคนแนะนำตัว

“รสาค่ะ เรียกสาก็ได้ค่ะ”

“อืม” จุรีเพ่งมองใบหน้าคม เหมือนลูกแขกอย่างละเอียด พบว่าหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูกว่าน้องที่ชื่อรมัย กิริยามารยาทเรียบร้อย มีส่วนคล้ายพรรัตน์ แต่สวยคมกว่ามารดา

เด็กคนนี้สวยทีเดียว

“ไม่ได้เจอหลายปีได้ ฉันแทบจำหนูไม่ได้เลย โตขึ้นเยอะนะเรา” จุรีพูดยิ้มอย่างใจดี

“ค่ะ”

“เรียนจบอะไรล่ะ?” การสัมภาษณ์เริ่มต้นขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว

“ปริญญาตรีบริหารธุรกิจค่ะ”

“ใช้ได้นี่” เจ้าของเรือนเทวัญเอ่ยชมขึ้น ระดับการศึกษาบอกถึงความขยันหมั่นเพียร และการใฝ่หาความรู้

“เคยทำงานที่ไหน ด้านไหนมาก่อน?”

“ที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแถวปริมณฑลค่ะ หนูทำฝ่ายธุรการ”

“ทำบัญชีเป็นไหม?”

“เป็นค่ะ”

“ดีจัง” จุรียิ้มอย่างพอใจ หันไปทางลูกสาวที่นั่งทานเงียบๆ “แบบนี้ก็ช่วยงานนายทิได้มาก”

“ค่ะ” จันทร์จิรารับคำเบาๆ หลังจิบกาแฟไปหนึ่งอึก

เสียงนี้คุ้นหูมาก

รสากลอกตา เอียงหน้าไปมองผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ในชุดเสื้อผ้ายีน แล้วก็จำได้ทันที

“คุณ...” เธอพึมพำเรียกอีกฝ่ายอย่างงุนงง

“สวัสดีค่ะน้องสา คิดว่าจะไม่ทักทายกันแล้วซะอีก” สาวสวยเอ่ยทักแบบกวนๆ

“คะ คุณเป็นลูกท่าน?” สาวหน้าคมโพล่งถามออกมาอย่างลืมตัว

“ถูกต้องค่ะ น้องสาจำพี่ไม่ได้ พี่เสียใจนะคะ” หล่อนแกล้งทำหน้าเศร้า ยกกาแฟขึ้นซดจนหมด แล้ววางแก้วลง

เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ?

สาวผมยาวขมวดคิ้วครุ่นคิดหนัก จ้องหน้าสวยหวานไม่วางตา

“ไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นก็ได้ พี่แค่ล้อเล่น น้องสาพร้อมไปทำงานแล้วหรือยังคะ?” สาวสวยแจกยิ้มหวานให้คนมองใจละลาย

ฉันไม่ได้เครียด แค่ตกใจเฉยๆ ไม่คิดว่าคุณจะเป็นเจ้านายของฉันต่างหาก

“พร้อมค่ะ” รสากลั้นใจตอบ

“ดีค่ะ” คนงามหันไปยกมือไหว้มารดาและป้าทอง “ไปก่อนนะคะ วันนี้อาจจะกลับเย็นหน่อย”

“โชคดีลูก” จุรีอวยพร “ดูแลน้องดีๆ ล่ะ”

“ค่ะ ไม่ต้องห่วง” จันจิราตอบ ลุกยืนแล้วแตะไหล่ของสาวร่างเล็ก “ไปได้แล้ว เข้างานสายโดนหักเงินเดือนนะ”

ชิส์ ตัวเองนั่นแหละที่ช้า จะมาหักเงินเดือนฉันได้ไง

รสาเถียงในใจ รีบยกมือไหว้สองหญิงอาวุโสอย่างอ่อนน้อม

“ขอตัวนะคะ”

“โชคดีนะรสา” เจ้าของเรือนเทวัญอวยพร

“ขอบคุณค่ะ”

“ท่าทางยายจันร่าเริงกว่าทุกวันนะ” จุรีพูดกับคนเก่าแก่ หลังสองสาวลงบันไดไปแล้ว

“นั่นสิคะ” ป้าทองเห็นด้วย “คงดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า”

“ก็คงงั้น” เจ้าของเรือนเทวัญผงกหัว แต่ในใจอดกังวลบางอย่างไม่ได้

หวังว่าจะเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ

“นี่คุณ” รสาเรียกจันจิรา หลังยืนอยู่ที่หน้าเรือนไม้หลังใหญ่

คนสวยเอียงคอมองคนเรียก

“มีอะไรคะ?

“ทำไมเมื่อวานคุณถึงไม่บอกฉัน ว่าคุณคือคุณจันจิรา”

หล่อนผุดยิ้มสวย

“ก็เมื่อวานน้องสาไม่ได้ถามพี่นี่คะ”

“น้องสา ฟังแล้วขนลุกมาก เรียกอย่างอื่นเถอะ” สาวหน้าแขกเบ้ปาก กับคำเรียกขานที่ไม่ชินเอาเสียเลย

“ตอนเด็กๆ พี่ก็เรียกเราแบบนี้ จำไม่ได้เอง” อีกฝ่ายพูดเหมือนตัดพ้อน้อยใจ

เธอทำหน้ายุ่งเมื่อได้ยินหล่อนพูดถึงอดีต

“เราเคยรู้จักกันจริงๆ เหรอคะ?”

“ขึ้นรถแล้วค่อยคุยกันดีไหมคะ?” อีกคนเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน

เธอกลอกตา

“ก็ได้ค่ะคุณจัน”

“ต่อไปเรียกพี่ว่าพี่จันด้วยค่ะ” สาวสวยบอกกึ่งสั่ง

เผด็จการจริง

สาวร่างเล็กบ่นกระปอดกระแปดในใจ

“ค่ะคุณจัน” รสากล่าวเน้นเสียงดัง เหมือนไม่ยอมรับ ก่อนเปิดประตูปิคอัพสีดำคันเมื่อวาน นั่งเบาะคู่คนขับ

จันจิราโคลงศีรษะกับความหัวดื้อของเธอ คลี่ยิ้มสวยบางๆ ก่อนสตาร์ทรถ

ดื้อจริงๆ นะเรา คอยดูเถอะพี่จะปราบพยศเธอ

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตาม ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกหัวใจ และขอบคุณที่คิดถึงกันนะคะ (เขียนเองเขินเอง) 5555

สาวสวยที่รสาเจอกลายเป็นเจ้านายตัวเอง การปะทะคารมน่าจะเริ่มต้นขึ้นจากตรงนี้ ต้องมาดูกันสิว่า จันจิราจะปราบพยศอีกสาวอย่างไร? เรื่องราวจะง่ายเป็นปลอกกล้วยจริงรึ? ...ต้องติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^

อากาศแถวบ้านไรท์ชักเย็นๆ จามไปหลายรอบแล้วค่ะ นักอ่านก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

พบกันตอนหน้าค่ะ จุ๊บๆ

นาง ^^ 

ฝากติดตามด้วยน้าขอบคุณน้าเจอกันน้า

OoXoO




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2562 21:28:33 น. 0 comments
Counter : 566 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com