ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
 
พฤศจิกายน 2562
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
16 พฤศจิกายน 2562
 
 

Strawberry Kiss บทที่ 1 (YURI)

 

สงสัยฉันคงไม่พ้นเป็นชาวไร่ชาวสวน

รสาคิดแบบปลงๆ ระหว่างอยู่บนรถทัวร์กับบุปผา เพื่อกลับบ้านเกิด ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงเศษ

สาวร่างเล็ก บิดาชื่อถาวรเชื้อสายแขกขาว มีฐานะพอสมควร มาพบรักกับแม่พรรัตน์ ซึ่งเป็นลูกชาวสวน เขาเลยปักหลักอยู่ที่นั่น แต่อายุไม่ยืน จากเธอไปสวรรค์สิบปีก่อน โดยทิ้งมรดกไว้ให้ก้อนหนึ่ง

หลังพ่อเสีย แม่มีสุขภาพไม่ค่อยจะแข็งแรง เป็นโรคหัวใจ

รสามีน้องสาวชื่อรมัย อายุห่างกันสองปี แต่หลายปีที่หญิงสาวไปทำงานและส่งตัวเองเรียนต่อจนจบปริญญา ทำให้ระยะหลังสองพี่น้องไม่ค่อยสนิทกันนัก ต่อมารมัยเรียนจบปวส. ได้ไปทำงานอยู่ที่โรงแรมชื่อดังในตัวเมือง

ตอนแรกพรรัตน์ไม่เห็นด้วยที่รสาจะไปไกลบ้าน แต่ลูกสาวตื้อขออยู่นาน พร้อมยกบุปผาเพื่อนสนิทมาอ้างว่าไปด้วยกัน โดยสัญญาว่าจะกลับบ้านบ่อยๆ คนเป็นแม่จึงใจอ่อนในที่สุด

บ้านของเธอเป็นเรือนไม้สักสองชั้นขนาดกลาง ตั้งอยู่บนพื้นที่ห้าไร่สองงานเศษ ปลูกพืชผักสวนครัวหลายอย่าง เหลือจากกินใช้ก็ส่งขายตลาด โดยมีกล้วยเป็นรายได้หลัก เพราะสามารถขายได้ทุกส่วน ปลูกง่ายดูแลไม่ยุ่งยาก เว้นแต่ตอนน้ำท่วม

นอกจากนั้นก็มีไม้ยืนต้น เช่น มะม่วง มะละกอ ชะอม และอื่นๆ อีกหลายชนิด

ในบ้านหลังนี้ยังมี น้องแท้ๆ ของแม่ที่ชื่อพรรณอร กับปองคุณลูกชายมาอาศัยอยู่ด้วย และครอบครัวคนงานสามพ่อแม่ลูก อาศัยอยู่ที่เรือนเล็กคอยช่วยงานในสวน

บ้านนี้มีรายได้แบบพออยู่พอใช้ ประกอบกับมีดอกเบี้ยจากมรดก จึงไม่ถึงกับลำบาก เมื่อเทียบกับหลายครอบครัวในละแวกเดียวกัน ที่มีหนี้สินเพิ่มขึ้นทุกวัน

รสานั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วผล็อยหลับไป สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของเพื่อนรัก

“แย่ชะมัด ฝนมาตกอะไรตอนนี้ ร่มก็ดันอยู่ในกระเป๋าใหญ่ เปียกเป็นลูกหมาแน่เลย” บุปผาบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง ขณะที่รถบัสกำลังจะเข้าถึงจุดหมายในอีกไม่ถึงชั่วโมง

ขี้บ่นเหลือเกิน กว่าจะอายุสามสิบคงเหนียงยาน

รสาคิดประชดติดตลก กับอุปนิสัยของเพื่อนที่โวยวายได้ทุกเรื่อง

“บ้านแกใกล้กว่าฉันเดินตากฝนนิดเดียวก็ถึง ฉันต้องไปผจญภัยบนสองแถวอีกตั้งเกือบสิบกิโล ยังไม่บ่นเลย”

“ย่ะ” เพื่อนรักค้อนที่โดนค่อนแคะ “ฉันมันพวกเจ้าสาวที่กลัวฝน ไหนจะทนแดดทนฝนเหมือนแกล่ะ”

“เหรอ ไหนล่ะเจ้าบ่าวแก?” สาวหน้าแขกลอยหน้าลอยตาถาม

เพื่อนรักเบ้ปาก ค้อนปะหลับปะเหลือก

“ยังไม่เกิดย่ะ ไว้หาได้แล้วจะบอก”

สาวร่างเล็กหัวเราะร่วน ที่อีกคนพูดตะแบงไปเรื่อย

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวป๋าแกก็จัดให้ เชื่อสิ”

“ไม่ต้องเลย ไม่เอาด้วยหรอก” บุปผาเบะปากหนักกว่าเดิม เมื่อคิดถึงสเปคหนุ่มของป๊าที่เลือกมาแต่ละราย ล้วนเป็นรุ่นใหญ่ทั้งนั้น

...รวยแต่อายุแก่กว่าเป็นยี่สิบปี จะเอามาเป็นผัวหรือเป็นพ่อ?

...รูปหล่อแต่ขอโทษมีเมียเก็บเพียบ รับรองได้ตบตีกันทุกวันแน่

...ส่วนอีกคนขี้โรคเหลือเกิน ไม่รู้จะอยู่ได้สักกี่เดือนกี่วัน เธอคงได้เป็นม่ายหลังแต่งไม่ทันข้ามปี

ฯลฯ

เลือกมาแต่ละคน รับไม่ได้จริงๆ

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ก็ปวดขมับเสียทุกที ถ้าไม่ติดว่าตกงาน คงไม่กลับบ้านแบบนี้หรอก ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะหาคนรักเป็นตัวเป็นตนก่อนค่อยกลับมา

...แต่โชคชะตาชอบเล่นตลกกับมนุษย์เสมอ

บุปผาทอดถอนใจ ก่อนเปลี่ยนไปคุยเรื่องของอีกฝ่ายบ้าง

“แกคิดจะทำงานอะไรที่บ้าน...อย่าบอกนะว่าจะปลูกผักขาย?”

คำถามยากอีกแล้ว

รสานิ่งคิดไปอึดใจ

“มีอะไรทำได้ก็ทำไปก่อน ให้นั่งๆ นอนๆ เดี๋ยวเป็นง่อยตายกันพอดี”

เพื่อนสนิทหัวเราะกับคำตอบที่ตรงกับตัวตนของอีกฝ่าย แอคทีฟระดับซุปเปอร์วูแมน

“ย่ะ แม่คนขยัน”

“คนขยันอยู่ที่ไหนก็ไม่อดตาย” เธอยกพูดคำสอนของมารดาที่จำได้ขึ้นใจ

“เออรู้แล้ว แม่สอนมาดี” บุปผาส่ายหน้าให้อย่างหมั่นไส้ ความขยันของเธอเทียบรสาไม่ได้

สาวหน้าคมยิ้มอ่อนเคยชินกับความกวนประสาทของเพื่อน จึงไม่พูดอะไรต่อ เถียงไปก็ไม่ชนะง่ายๆ แต่หากอีกคนแพ้ก็จะงอนตุ๊บป่อง เดือดร้อนเธอต้องง้ออีก สุดท้ายก็ไม่ต่างจากแพ้

...สู้อยู่เฉยๆ ดีกว่าไม่ต้องเหนื่อยมาก

“แกไม่คิดจะโทรบอกนายพลหน่อยเหรอ ว่าแกกลับบ้าน” บุปผาพูดขึ้น หลังหยุดปากไปไม่ถึงสองนาที

เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่อเพื่อนร่วมงาน

“ทำไมฉันต้องบอกด้วย?”

“อ้าว! ก็เขาชอบแกมาก อย่าบอกนะว่าไม่รู้”

เธอทำหน้างุนงงหนักกว่าเดิม

“แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรด้วย”

“เหรอ แต่แกกินข้าวกลางวันกับเขาบ่อยมาก”

แสนรู้ไปนะ

รสาประชดในใจ

“กะ ก็ฉันไม่มีเพื่อนกินข้าวนี่ กว่าจะลงมาก็เที่ยงครึ่งเข้าไปแล้ว”

“โหย! ได้เป็นแค่เพื่อนกินข้าว ทั้งที่อุตส่าห์ตามตื๊อแกอยู่ตั้งหลายเดือน น่าสงสารจริง”

“ตื้ออะไรกัน ก็แค่เพื่อน อย่าไปพูดแบบนี้ให้แม่ฉันได้ยินล่ะ ฉันโดยซักฟอกเละแน่”

บุปผาหัวเราะ รู้นิสัยของแม่เพื่อนเป็นอย่างดี

“เออ รู้แล้ว”

ทั้งคู่เงียบมองหยาดฝนที่เทกระหน่ำไม่หยุด ราวกับฟ้ารั่ว ขณะที่รถบัสผ่านเข้าไปในเขตเมืองที่คุ้นตามาตั้งแต่เด็ก

“จะถึงบ้านแล้ว ไปก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน” สาวร่างเล็กโบกมือให้เพื่อนรัก เตรียมตัวลงป้ายหน้าที่ถนนปากซอยเข้าบ้าน

“โชคดีนะ” เพื่อนรักเอ่ยอวยพร

บุปผามองตามเธอที่ลงจากรถ ไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบโต และเป้สะพายหลังที่อยู่ใต้ท้องรถท่ามกลางสายฝน

รสาลากกระเป๋าใบโต ตั้งใจที่จะเข้าไปหลบฝนที่ศาลาริมทาง อันเป็นป้ายรถสองแถวที่ผ่านหน้าบ้าน ซึ่งลึกเข้าไปเกือบสิบกิโลเมตร แต่โชคร้ายที่ขณะเดินมีรถปิคอัพสีดำคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามา สองล้อตกหลุมทำให้น้ำโคลนกระเด็นโดนเธอกับสมบัติเปียกปอนไปทั้งตัว

“บ้าจัง! ขับรถประสาอะไร” รสาหลุดสบถออกมาอย่างหัวเสีย ที่เสื้อผ้าและข้าวของต้องเสียหาย

...เลอะน้ำโคลนล้างง่ายเสียที่ไหนกัน

เอี๊ยด!

รถปิคอัพต้นเหตุเบรคเสียงดัง แล้วถอยหลังกลับมาหาผู้เสียหายอย่างช้าๆ

อะไรอีก?

เธอขมวดคิ้วแทบเป็นปม หลังกระบะสองตอนถอยมาอยู่ตรงหน้า แล้วกระจกไฟฟ้าข้างคนนั่งก็เลื่อนลง

“ขอโทษนะคะที่ทำน้ำกระเด็นใส่” เสียงใสหวานของคนขับชะโงกหน้ามาพูดด้วย

“ไม่เป็นไร” รสาตอบเสียงขุ่น ไม่สนใจจะมองหน้าอีกคนด้วยซ้ำ

ไม่เป็นไร แต่หน้างอเป็นม้าหมากรุกเชียว

จันทร์จิรายิ้มในหน้า นัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ สังเกตเห็นความไม่พอใจของอีกฝ่ายชัดเจน

“บ้านอยู่ถนนนี้เหรอคะ?” คนขับรถถาม

“ใช่” เธอตอบเสียงเย็น ไม่เข้าใจว่าอีกคนจะถามไปทำไม

“ฉันไปส่งที่บ้านให้นะคะแทนการขอโทษ” เจ้าของรถยื่นข้อเสนอเสียงอ่อนหวาน

“ฉันรอสองแถวได้” สาวร่างเล็กปฏิเสธเสียงเย็น ขยับตัวจะก้าวเข้าไปในศาลาเพื่อนั่งรอรถ

“คงอีกเป็นชั่วโมงกว่ารถจะมา ตอนนี้สองแถวเหลือคันเดียว อีกคันไปซ่อมยังไม่เสร็จ” เจ้าของรถสีดำบอก

เฮ้อ! กว่าจะถึงบ้าน จะปอดบวมก่อนไหมเนี่ย

สาวร่างเล็กทำหน้าเบื่อโลก ลังเลที่จะตอบตกลง สาเหตุเพราะไม่คุ้นหน้าของอีกฝ่าย

ผู้หญิงคนนี้ใคร ไม่คุ้นหน้าเลย?

“ขึ้นมาเถอะ เปียกโชกแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่สบายนะ รับรองฉันไม่เอาเธอไปขายหรอก บ้านฉันก็อยู่แถวนี้เหมือนกัน” เจ้าของรถชวนเสียงนุ่ม แต่ยิ้มยียวน

ปากเหรอนั่น

สาวหน้าคมเม้มเรียวปาก นึกอยากจะพูดสวน แต่อดใจไว้

“ฉันเปียกโคลนทั้งตัว รถคุณจะเลอะนะคะ”

“เลอะก็ล้างได้ เดี๋ยวเธอนั่นแหละจะไม่สบาย รีบขึ้นมาเร็ว เอากระเป๋าไว้เบาะหลังเลย ฉันไม่ชวนซ้ำแล้วนะ จะไปหรือไม่ไป?” จันจิราแกล้งขู่

ไม่มีทางเลือกสินะ

รสาคิดในใจ ก่อนตัดสินใจขึ้นรถของสาวแปลกหน้า

“งั้นก็ขอบคุณแล้วกันค่ะ”

“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ” หล่อนยิ้ม หันมองสาวหน้าแขกเปิดประตูหลังเพื่อวางกระเป๋า แล้วเดินมานั่งเบาะหน้า เมื่ออีกคนคาดเข็มขัดเรียบร้อย คนขับก็เคลื่อนรถ

“...มองได้แต่อย่าชอบ เพราะมันจะทำให้ใจฉันบอบช้ำ...” (เพลงมองได้แต่อย่าชอบ ของ ลุลา)

รสานึกขำที่ได้ยินอีกคนฮัมบทเพลงอย่างสบายอารมณ์

หลงตัวเองไปหรือเปล่า

สาวร่างเล็กอดที่จะคิดแบบนั้นไม่ได้ จึงลอบมองใบหน้าด้านข้างของเจ้าของรถชัดๆ แล้วต้องหายใจสะดุดไปหลายวินาที

สะ สวยมากๆ

ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว แม้จะเคยเห็นผู้หญิงหน้าตาดีมาบ้าง แต่หล่อนในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงยีน พับแขนเสื้อขึ้นแบบลวกๆ กลับดูเท่อย่างไม่น่าเชื่อ ประกอบกับผิวขาวผ่อง จมูกโด่ง นัยน์ตาสวยหวาน ริมฝีปากบางเฉียบ แต่งหน้าบ้างเล็กน้อย แต่ผู้หญิงคนนี้ดูดีเกินกว่าจะเป็นชาวสวนชาวไร่ธรรมดา

คุณคนนี้เป็นใคร?

ขณะที่รสากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดนั้น จันจิราก็ชวนคุยขึ้น

“กลับมาชั่วคราว หรือกลับมาอยู่เลยคะ?”

ตอบไงดี?

สาวหน้าคมฝืนยิ้ม แล้วตอบไปตรงๆ

“ก็คงต้องกลับมาอยู่ จนกว่าจะหางานใหม่ได้ค่ะ”

“ทำไมล่ะคะ?”

“โรงงานปิดกิจการน่ะค่ะ”

“อ๋อ!” หล่อนขานเสียงเบาอย่างเข้าใจ “แล้วคิดจะทำอะไรต่อ?”

“คงปลูกผักขายกล้วยตามประสา” เธอตอบทีเล่นทีจริง ไม่อยากให้บรรยากาศในการสนทนากับเพื่อนใหม่เคร่งเครียดจนเกินไป

คนขับรถหัวเราะ

“แบบนั้นก็ไม่อดตายแล้วล่ะค่ะ”

สาวหน้าแขกยิ้มบางๆ

“บ้านหลังไหนคะ?” สาวสวยถาม หลังอีกคนยังไม่บอกจุดหมาย

“เกือบแล้วค่ะ ใกล้กับร้านสะดวกซื้อ รั้วสีส้มค่ะ” ผู้โดยสารชี้นิ้ว

“รั้วสีส้ม ก็บ้านน้ารัตน์สิ” คนขับเปรยชื่อเจ้าของบ้านขึ้น

หืม?

รสาทำหน้าแปลกใจ ที่อีกฝ่ายเอ่ยชื่อมารดาออกมา

“คุณรู้จักแม่ด้วยหรือคะ?”

“ก็เคยเจอท่านไม่กี่ครั้ง” จันทร์จิราตอบยิ้ม เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ก่อนชิดซ้าย หยุดรถอย่างนุ่มนวลที่หน้ารั้วบ้าน เหมือนพระพิรุณท่านจะเห็นใจ หยาดฝนจึงโปรยปรายน้อยลง

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ทำให้คุณเลอะเทอะไปทั้งตัว” หล่อนกล่าวอย่างสุภาพ

“ถือว่าเจ๊ากันนะคะ อย่าคิดมาก”

“ก็ได้ค่ะ ขอให้โชคดีเรื่องงานใหม่” สาวสวยอวยพรทิ้งท้าย

“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มแล้วลงจากรถ ขนกระเป๋าใบโตและสมบัติลงจากปิคอัพ เดินไปกดกริ่งหน้าประตูบ้าน ไม่นานก็มีคนมาเปิดให้

จันทร์จิรามองตามหลังจนกระทั่งรสาเข้าบ้าน จึงออกรถ แล้วบทเพลงจากวิทยุก็ดังแว่วออกมา

“คำว่าฮักเกิดขึ้นที่ใด เกิดกับไผมันบ่สำคัญ มันจะอยู่ตรงนั้น บ่หายตามกาลเวลา...” (เพลงคู่คอง ของ ก้อง ห้วยไร่)

พี่จะไม่ให้เธอไปไหนไกลๆ อีกแล้วรสา

 

รอ

เธอสวยคมบาดใจกระแทกหน้า

รู้ไหมหนาว่าพี่รอเจ้าเสมอ

รอมานานจนเราได้มาเจอ

จะไม่เผลอปล่อยเจ้าให้ไกลตา.

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตาม ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และทุกๆ หัวใจนะคะ นักอ่านชอบ ไรท์ก็มีความสุขค่ะ ^^

ตอนนี้สองนางเอกของเราได้เจอกันแล้ว เป็นความประทับใจแบบไม่โรแมนติกเอาเสียเลย 5555 ส่วนจะเกิดอะไรต่อไป ต้องติดตามตอนต่อไปค่ะ

สนใจหนังสือของไรท์ ตอนนี้เหลือไม่กี่เรื่อง เช็คได้ที่นี่ค่ะ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nuinang&group=6

พบกันตอนหน้าค่ะ

นาง ^^

ฝากติดตามด้วยน้าขอบคุณน้าเจอกันน้า

OoXoO




 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2562
0 comments
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2562 14:52:06 น.
Counter : 498 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com