Strawberry Kiss บทที่ 5 (YURI)
๕ “โห ต้นไม้เยอะมาก ดอกไม้สวยจัง” รสากวาดตามองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจไปกับความยิ่งใหญ่ของสถานที่ มีต้นไม้ใหญ่ประดับประดาโดยรอบบริเวณ แซมด้วยไม้ดอกนานาพันธุ์ สมกับชื่อที่มีความหมายสวนสวรรค์ ...สวนโสภาคย์ “เข้าไปในออฟฟิศก่อนค่ะ เซ็นสัญญาสมัครงานเรียบร้อย แล้วพี่จะพาน้องสาชมรอบๆ” จันจิราบอก “ดีค่ะ” เธอรับคำอย่างว่าง่าย ตื่นเต้นที่จะได้ดูรอบที่ทำงานใหม่ คนงามจอดรถหน้าอาคารสีขาว ที่มีป้ายชื่อบอกว่าสำนักงาน พอลงจากรถ ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หลายคนตรงรี่มา เป็นคนงานของที่นี่ “เอาไปเก็บที่คลังนะ” “ครับ” หนึ่งในนั้นรับคำ จากนั้นช่วยกันขนของท้ายรถไปจนหมด “ทางนี้ค่ะน้องสา” หล่อนหันบอกกับรสา ทั้งสองเข้าไปในตัวอาคารสมัยใหม่สีขาวสองชั้น เป็นเรือนกระจกเกือบค่อนหลัง มีแสงแดดสาดส่องต้นไม้ที่ตั้งอยู่ภายใน การตบแต่งดูสวยสะอาดเป็นระเบียบ พื้นปูด้วยหินขัดสีเข้มสลับกับแผ่นกระเบื้องลายไขว้ ทำให้ไม่ลื่นยามพื้นเปียกน้ำ “ที่นี่สวยมาก” สาวหน้าคมชมขึ้นลอยๆ “ดีใจที่ชอบนะคะ” เจ้านายสาวหันมองคนข้างกาย “ต่อไปน้องสาต้องหลงรัก เชื่อพี่สิ” “ขนาดนั้นเชียวหรือคะ?” เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ “พี่มั่นใจมาก ไม่เชื่อก็คอยดูกันต่อไป” จันจิรายกยิ้มท้าทาย รสาไม่คิดจะตอบ กลัวที่จะตกหลุมพรางจึงปิดปากสนิท เดินตามเข้าไปในห้องผู้จัดการเงียบๆ “นายทิ นี่ผู้ช่วยคนใหม่ของฉันน้องรสา” หล่อนแนะนำตัว เหลียวหน้ามายังเธอ “นี่ทิวาเป็นเลขาของพี่ค่ะ มีอะไรสงสัยเรื่องงานก็ถามนายทิได้” “สวัสดีค่ะ” “มะ เหมือนมาก” ทิวาจ้องหน้าสาวหน้าคมเขม็ง ขยับแว่นสายตามองเพื่อให้แน่ใจ ก่อนเอ่ยทักทาย “สะ สวัสดีครับน้องรสา” เจ้านายสาวยกมือป้องปากกระแอม “อะฮึ่ม!” หืม? เลขาหนุ่มจึงหันไปมองหน้าสวยอย่างสงสัย ส่วนรสาก็ทำหน้างง “คุณรสาเฉยๆ” สาวงามไม่ชอบให้ใครเรียกเธออย่างสนิทสนม “ครับ คุณรสาเฉยๆ” เขารีบพูดตามอย่างว่าง่าย แต่ในใจนึกบ่น ขี้หวงชะมัด หวงกระทั่งชื่อ “เอาใบสมัครงานให้น้องรสาอ่าน และเซ็นด้วย” “ได้ครับ” ทิวานึกแปลกใจที่จันจิรารับคนเข้าทำงาน แบบไม่บอกล่วงหน้า แต่ก็ไม่คิดถาม เพราะอำนาจนี้เป็นของหล่อน มีคนมาช่วยเพิ่มก็ดี จะได้ไม่หัวปั่นมากนัก หลังมีงานสุมเต็มโต๊ะ เพราะมีพนักงานคนหนึ่งลาคลอด ชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเจ้านายสาว ลุกไปหยิบแฟ้มเอกสารจากตู้เหล็ก แล้วยื่นให้ผู้ช่วยคนใหม่สองชุดพร้อมปากกา “นี่ครับ” “ขอบคุณค่ะ” เธอรับเอกสารจากเขา “นั่งก่อนค่ะ” หล่อนบอก ผายมือไปยังโซฟารับแขกชุดใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ “สงสัยตรงไหนก็ถามนะคะ ถ้าตกลงทำงานก็เซ็นชื่อทั้งสองชุด คืนให้พี่หนึ่งชุด น้องสาเก็บไว้หนึ่งชุด” “ค่ะ” ร่างเล็กทรุดนั่ง พลิกอ่านเอกสารอย่างละเอียด สาวสวยเดินไปคุยกับทิวา ยื่นใบเสร็จสินค้าที่เพิ่งซื้อให้เขา “ฉันแวะไปรับของมาแล้วนะ ขาดไปอย่างหนึ่ง สงสัยต้องสั่งจากที่อื่นใช้ไปก่อน” “งั้นผมจัดการเลยนะครับ” “อือ” เจ้านายสาวอนุญาต “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” หยิบแฟ้มเอกสารที่แสดงข้อมูลความชื้น แสงแดด ปริมาณน้ำ ฯลฯ ของแต่ละโรงเรือนมาพลิกอ่าน “ไม่มีปัญหาครับ” ทิวามักจะมาถึงสวนตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเช็คทุกอย่างให้เรียบร้อย โรงเรือนของสวนโสภาคย์ใช้การเกษตรสมัยใหม่ ใช้ควบคุมผ่านระบบคอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมด เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด สวนแห่งนี้มีโรงเพาะ โรงอนุบาลอย่างละสองโรง และมีโรงเรือนใหญ่เจ็ดโรง เน้นปลูกดอกไม้ต่างประเทศราคาแพงเป็นหลัก มีคนงานกว่าร้อยคน ช่วยกันดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มีรปภ.รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ก่อนหน้านี้มีคนพยายามบุกรุกเข้ามา คาดว่าจะมาเอาความลับเรื่องเทคโนโลยีของที่นี่ แต่โชคดีที่สัญญาณเตือนภัยดังก่อน คนร้ายจึงไม่ทันได้อะไรก็รีบเผ่นไป จันจิราจึงสั่งให้ติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม และเพิ่มการดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม รสาอ่านอย่างละเอียด ก่อนลงชื่อ แล้วยื่นเอกสารให้เจ้านายสาว “เรียบร้อยค่ะ” จันจิราเห็นลายเซ็นเธอ ก็ลงชื่อตนกำกับทั้งสองชุด ก่อนส่งชุดหนึ่งคืนให้ผู้ช่วยสาว อีกชุดส่งให้ทิวา “ทำป้ายชื่อหน้าห้องให้น้องสา แล้วก็สั่งโต๊ะทำงานให้ด้วยนะ” “ได้ครับ” เลขาหนุ่มตอบรับ “ไปค่ะ พี่พาชมรอบๆ” หล่อนบอกยิ้ม ยื่นมือเรียวให้ร่างเล็ก เธอมองมือเรียวของอีกฝ่าย ก่อนยื่นมือไปแตะแบบมึนๆ รู้ตัวอีกทีก็โดนจูงออกไปจากห้องนั้นแล้ว มือสวยแข็งแรง ไม่นิ่ม...แต่อุ่นชะมัด ทิวาถอนใจเบาๆ มองตามหลังสองสาวที่ออกพ้นประตู แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ ผู้หญิงคนนี้คือเด็กในรูปนั้นสินะ คุณจันเอาจริงหรือนี่ ไม่อยากจะเชื่อเลย ในสายตาของหนุ่มแว่น จันจิราเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ทั้งรูปโฉม ความรู้ และฐานะ เป็นคนรักในฝันของผู้คนมากมาย แต่คิดไม่ถึงว่า หล่อนจะฝังใจกับเรื่องราวในสมัยเด็กมาก ถึงขนาดรอมาสิบกว่าปี รักแรกมันฝังใจขนาดนั้นเชียว? ทิวานึกคลางแคลงใจ ตอบคำถามนี้ไม่ได้ ก่อนสะบัดความว้าวุ่นทิ้งไป เพื่อจัดการกับงานตรงหน้าต่อ จันจิราคลี่ยิ้มอ่อนโยน มีความสุขที่ได้สอดประสานมือกับรสา จูงมือเดินชมตัวอาคาร และอธิบายคร่าวๆ ไปด้วย “ตึกนี้เป็นอาคารสำนักงานค่ะ นอกจากทิวาก็มีอีกสามคนทำงานอยู่ที่ห้องนั้นดูแลเรื่องบัญชี ฝ่ายขาย และพัสดุ” เสียงหวานใสอธิบายยิ้ม “ส่วนน้องสามีตำแหน่งผู้ช่วย มีหน้าที่ช่วยพี่กับนายทิ ส่วนรายละเอียดของงาน พี่จะอธิบายอีกที” “ค่ะ” สาวหน้าแขกรับคำ พอเห็นคนเดินสวนมาก็พยายามชักมือออกจากการเกาะกุมของหล่อน ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด “ปล่อยมือฉันได้แล้ว” แม้จะไม่อยากปล่อย แต่คนสวยก็ยอมทำตาม เอ่ยแนะนำเธอกับแม่บ้านของที่นี่ที่เดินตรงมาหา “นี่คุณรสาเป็นผู้ช่วยของฉัน ฝากดูแลด้วยนะ” “ค่ะคุณจัน” แม่บ้านวัยสามสิบปลาย ส่งยิ้มให้กับคนใหม่อย่างเป็นมิตร เธอรีบยกมือไหว้ก่อน ด้วยอีกฝ่ายอาวุโสกว่าเป็นสิบปี แม่สอนเรื่องมารยาทไว้ “สวัสดีค่ะ รสาค่ะ” “น้าชื่อทับทิมค่ะ มีตรงไหนไม่สะอาดหรืออยากให้ช่วยอะไร บอกน้าได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ” “ค่ะ” “ไปดูโรงเรือนกัน” เจ้านายสาวชวนผู้ช่วยคนใหม่ แม่บ้านมองตามหลังสองสาวที่เดินออกไป แล้วอมยิ้มในหน้า นึกแปลกใจที่จันจิราดูอารมณ์ดีกว่าทุกวัน หมุนตัวเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้น “คุณจันมากับใครคะน้า?” กุ้งสาวเท่ในชุดยีนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าสอดใต้กางเกง สวมรองเท้าผ้าใบถามอย่างสนใจ เธอเป็นผู้หญิงที่คล้ายผู้ชาย และชมชอบเพศเดียวกัน “ผู้ช่วยคนใหม่ ชื่อรสาค่ะ” ทับทิมตอบ สาวฝ่ายขายทำหน้างง “ผู้ช่วยเหรอ คุณจันไม่เห็นบอกว่าจะรับคนใหม่” “เรื่องนั้นไม่ทราบค่ะ” แม่บ้านส่ายหัวไปมา “คุณผู้ช่วยน่ารักน่าเอ็นดูมาก สวยคมเหมือนสาวแขก” “เหรอ พูดซะเสียดายเลยนะน้า เมื่อกี้ฉันเห็นแต่หลังไวๆ” สาวฝ่ายขายบ่นอุบอิบ “แล้วนี่ออกไปไหนกัน?” “คุณจันเธอพาไปชมโรงเรือน” “แปลก! ปกติเจ้านายเคยพาใครไปชมโรงเรือนเองซะที่ไหน” กุ้งพูดเปรยขึ้น “ไม่ทราบค่ะ อยากทราบก็ไปถามคุณจันเอง” “มะ ไม่ดีกว่า” สาวฝ่ายขายปฏิเสธ กลัวสายตาคู่สวยตอนจิก ทำให้เสียวสันหลังไม่น้อย เธอรู้ว่าจันจิราเป็นคนใจดีมาก แต่บทจะโหดขึ้นมา ก็น่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไร จึงไม่กล้าล้อเล่นด้วยมาก ส่วนหนึ่งก็เพื่อจะได้มีงานทำ มีเงินใช้ต่อไป “น้าไปทำงานก่อนนะคะ” แม่บ้านขอตัว สาวฝ่ายขายยืนกลอกตาไปมา นึกอยากรู้จักคนใหม่ขึ้นมาสุดๆ ถ้าสวยนิสัยดีก็น่าจีบมาก เผื่อคนนี้จะใช่เนื้อคู่ที่รอมานาน แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว กุ้งทำท่าระริกระรี้ ดีใจที่จะมีผู้หญิงสวยมาร่วมงาน เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้อยก็มีอาหารตาอาหารใจ จันจิรากับรสาขึ้นรถไฟฟ้าสี่ที่นั่ง ที่นิยมใช้ในสนามกอล์ฟ ที่จอดอยู่สองคันด้านข้างตึก ซึ่งใช้เพื่อขับตรวจงานรอบพื้นที่สวน ส่วนหนึ่งคือประหยัดน้ำมัน แต่ที่สำคัญกว่าคือไม่สร้างมลภาวะในสวนแห่งนี้ รวมถึงออกกฏให้ใช้จักรยานแทนมอเตอร์ไซค์อีกด้วย “ตรงนั้นเป็นโรงอาหารเปิดให้บริการเช้า กลางวัน รายการอาหารมีไม่เยอะ แต่รับรองเรื่องความอร่อยกับความสะอาดค่ะ” สาวสวยซึ่งทำหน้าที่เป็นไกด์บอก “ชมโรงเรือนเสร็จแล้ว ค่อยแวะมาทานข้าว...หิวหรือยังคะ?” “ยังไม่หิวค่ะ” เธอส่ายหน้า แล้วถามกลับ “ที่นี่ปลูกดอกไม้กี่ชนิดคะ?” “มีกล้วยไม้ ลิลลี่ และก็ทิวลิป เป็นสายพันธุ์ต่างประเทศค่ะ ส่วนผลไม้ตอนนี้ก็ทดลองปลูกอยู่หนึ่งอย่าง” “คุณชอบดอกไม้เหรอคะ?” “ค่ะ พี่ว่าดอกไม้สวยสง่า ดูบอบบางน่าทะนุถนอม แต่บทจะเลี้ยงให้ออกดอก ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่” “ไม่ง่าย แต่คุณก็ทำได้นี่คะ” “คงเป็นความหลงใหลคลั่งไคล้ บวกความบ้าดีเดือด พี่เลยชอบทำอะไรไม่ค่อยเหมือนคนอื่น” คนงามพูดติดตลก รสาหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าหล่อนจะนิยามตัวเองแบบนั้น พูดได้ตรงดีจริงๆ “โรงนี้เป็นโรงกล้วยไม้ค่ะ” หล่อนบอก ขณะชมนอกเรือนกระจก เธอมองผ่านกระจกเข้าไปยังภายในโรงเรือน แล้วทำตาโต “โห! สวยจัง” “นี่ยังบานไม่เต็มที่ ต้องอีกสองหรือสามวัน ถึงจะทยอยตัดได้ค่ะ” ไกด์จำเป็นอธิบาย ภายในโรงเรือนจะควบคุมทุกอย่างให้พอเหมาะ กับดอกไม้แต่ละชนิดโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณน้ำ ปุ๋ย รวมถึงแสงแดด แบบเดียวกับโรงเรือนของต่างประเทศ ซึ่งเป็นการลงทุนที่สูงมาก ต้องเลือกพันธุ์ไม้ดอกที่จำหน่ายได้ราคาสูง จึงจะคุ้มค่ากับการลงทุน...จัดเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงไม่น้อย ดอกไม้ที่นี่สวยมากจริงๆ สาวร่างเล็กตื่นตาไปกับความงามของดอกไม้แต่ละชนิด ที่หล่อนพาชมในสวนโสภาคย์ แต่ไม่ครบทุกโรงเรือน “ไหนคุณบอกว่ามีผลไม้ด้วย” “ขออุบไว้ก่อนนะคะ แต่พี่เชื่อว่าน้องสาจะต้องชอบมาก” “คุณมั่นใจได้อย่างไรคะ ว่าฉันจะชอบ?” รสาย้อนถามอย่างสงสัย จันจิราหลิ่วตาให้ “ความลับค่ะ” หลังจากนั้นเจ้านายสาวชวนเธอขึ้นรถ ขับกลับไปยังโรงอาหารเพื่อทานมื้อกลางวัน “น้องสาชอบที่นี่ไหมคะ?” “ก็ดีนะคะ อากาศดี สงบเงียบ มีดอกไม้สวยๆ ให้ดูทุกวัน” ร่างเล็กตอบตามความรู้สึก คนละอารมณ์กับตอนทำงานอยู่โรงงาน ที่นั่นมีแต่เสียงเครื่องจักรกับเสียงคนตะโกนโหวกเหวกทั้งวัน อากาศไม่บริสุทธิ์ มีฝุ่นละอองค่อนข้างเยอะ สาวงามคลี่ยิ้มออกมา “ไปค่ะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงมื้อหนึ่ง พรุ่งนี้น้องสาค่อยจ่ายเอง” “แหม นึกว่าเจ้านายจะใจดีเลี้ยงทุกวัน” เธอแกล้งพูดติดตลกแบบไม่จริงจัง จันจิราหยุดรถหน้าโรงอาหาร บิดกุญแจดับเครื่อง “พี่เลี้ยงทุกวันได้ค่ะ แต่ไม่ใช่ฐานะลูกน้องนะคะ” หืม? สาวร่างเล็กเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แล้วฐานะไหนคะ?” “มาเป็นแฟนพี่สิ นอกจากเลี้ยงข้าว รับรองว่าพี่จะดูแลปรนนิบัติอย่างดี” หล่อนยิ้มพรายให้ แล้วลงจากรถไป เธอนั่งตัวแข็งอยู่ในรถ หลายวินาทีต่อมา สมองจึงทำงานใหม่อีกครั้ง นะ นี่พูดเล่นใช่ไหม? OoXoO ขอบคุณที่กรุณาติดตาม ขอบคุณสำหรับหัวใจ และขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ไรท์ชอบอ่านค่ะ ^^ ตอนนี้พี่จันพูดชวนมาเป็นแฟน น้องสาจะว่ายังไงนะ?...อยากรู้ต้องรอตอนหน้านะคะ ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ นาง ^^
OoXoO
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2562 |
|
0 comments |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2562 21:57:37 น. |
Counter : 743 Pageviews. |
|
|
|