Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
28 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 

ลูกไม้ลายดอกรัก กฤษณา อโศกสิน


ลูกไม้ลายดอกรัก :กฤษณา อโศกสิน

พิมพ์ครั้งที่๑,กันยายน ๒๕๕๖ / จำนวน๘๒๓ หน้า / สนพ.ศรีสารา / ราคาปก ๕๙๐ บาท


เรื่องราวจากปกหลัง

“ เรื่องราวความรักที่เริ่มงอกงาม  ตามกล้าไม้ลำเล็ก                               

ครั้นแล้วจึงเติบใหญ่ขึ้นตามวัยอันยาวนาน                                           

บุรษหนี่งพร้อมด้วยความอดทนตรึงใจ                                                 

เฝ้าถากถางป่าแห่งอุปสรรค                                                               

นำดอกรักแรกผลิมามอบให้นางในฝัน               

ผู้ต่อมากลายเป็นนางในความจริง                                                      

คือสตรีผู้เป็นยอดหญิงหนึ่งเดียวของเขา                                                

ผู้ร่วมกันสร้างอุทยานแห่งความสมปรารถนาไว้ด้วยกัน                             

บนลูกไม้ผืนใหญ่ที่ผู้เขียนถักทอด้วยความสุขล้ำจากหัวใจ...”


เรื่องราวเพิ่มเติม...(สปอยล์เนื้อหาเต็มที่....เกือบละเอียด)

เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัยปลายรัชกาลที่๖ - ๗ ราวพุทธศักราช ๒๔๕๗ - ๒๔๗๖ แม่หุ่นและนายสงัดหอบลูกๆกว่า ๗ ชีวิต  เข้าไปพึ่งใบบุญผู้เป็นพี่สาวนามว่าป้าห้องผู้มีฐานะร่ำรวยกว่า  โดยหวังว่าผู้เป็นพี่สาวจะรับเอาบุตรไปอุปการะเพื่อแบ่งเบาภาระเรื่องการเลี้ยงดูและส่งเสริมให้ได้ร่ำเรียนเพราะนางเองฐานะขัดสนเหลือเกินแค่อาชีพทำกับข้าวไปขายรายได้ก็แทบไม่พอเลี้ยงครอบครัว เพราะมีลูกจำนวนมาก “หาด” เด็กชายอายุ ๘ ขวบ มีพี่น้อง ๖ คนคือ หุงเหม หงส์ หัสถ์ และน้องชายสินและสันต์

หาดเองก็อยากเรียนเขาแอบหวังอยู่ลึกๆว่าผู้เป็นป้าจะเลือกตัวเขาด้วย  นางห้องผู้เป็นใหญ่ในบ้าน  และมีอำนาจตัดสินใจกว่าผู้เป็นสามีอย่างนายขันนางตัดสินใจเลือกหัสถ์พี่ชายของหาด  ถึงแม้ว่านางเองจะมีลูก ๒ คนอย่างแหลมและขิงอยู่แล้วแต่เพื่อช่วยน้องสาวนางจึงต้องรับหลานมาอุปการะเลี้ยงดู

นายไสวและลูกสาว“ชมพู่”ได้มาเยี่ยมสงัดผู้เป็นน้องชาย  และเอ่ยปากชวนกลับไปเยี่ยมบ้านสักคราพร้อมทั้งยอกยอปอปั้นญาติทางฝ่ายภรรยาว่าร่ำรวยเงินทองเป็นเศรษฐีในย่านนั้น  และกำลังจะรับชมพูลูกสาวตนไปอุปการะ นายสงัดเองไม่เคยกลับไปเลยตั้งแต่ออกมามีครอบครัวถึง๑๖ ปีเต็ม  จึงเดินทางกลับมหาชัยบ้านเกิดพร้อมกับนายไสว

หลังจากพากันข้ามฟากไปส่งชมพู่ที่บ้านเถ้าแก่ทันและแม่บุญปลูก  ผู้ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นเศรษฐีร่ำรวยในย่านนั้น  บ้านที่หาดได้มีโอกาสเห็นทองปรางและทองปริกสองศรีพี่น้องลูกสาวเศรษฐีที่ทำเอาหาดตะลึงงึงงันไปเลย  เมือได้เจอครั้งแรก เพราะเป็นเด็กสาวกำลังน่ารักหน้าตาคมคายผิวขาวนวลเปล่งปลั่งแบบคนจีนทั้งสองคนพี่น้องทองปรางอายุ ๗ ขวบ ส่วนทองปริกอายุ ๔ ขวบ  นายสงัดก็ได้ดื่มฉลองกับพี่ชายหลังจากไปส่งชมพู่พอเช้ามานายสงัดเสียชีวิตเนื่องด้วยทานเหล้าและกินหอยแครงลวก  ซึ่งเดิมทีนายสงัดก็มักชอบดื่มเหล้าเป็นประจำอยู่แล้ว...

นางหุ่นหอบลูกๆทั้ง๖ มาร่วงานศพ  ทางญาติๆได้ปรึกษาหารือกันว่านางหุ่นจะอยู่อย่างไรเพราะมีแต่ลูกสาวลูกชายก็ยังเล็กนัก  นางห้องผู้เป็นพี่สาวจึงติดต่อให้ความช่วยเหลือโดยหาที่ทางบ้านเช่าพร้อมทำเลที่อยู่ใหม่ให้โดยย้ายครอบครัวเข้าไปอยู่ในตัวอำเภอเมืองและอยู่ใกล้ตลาดและสามารถค้าขายได้สะดวกขึ้นหาดเคยเอ่ยปากขอแม่เรียนแต่แม่บอกว่าไม่มีเงินมากพอที่จะส่งเสียถ้าหาดเรียนแล้วก็จะไม่มีใครเลี้ยงสินกับสันต์ซึ่งยังเล็กอยู่

หาดยังคร่ำครวญอยู่กับหงส์พี่สาวที่เขาสนิทที่สุดว่าตัวเขาอยากเรียนหนังสือ  ด้วยความสงสารน้อง  หงส์จึงรับปากและบอกว่าจะแอบขโมยเงินแม่ให้จำนวน๕ บาทเพื่อที่เขาจะได้มีเงินติดตัวไปบางกอก  โดยหาดสัญญาว่าจะกลับมารับน้องชายไปอยู่ด้วย

หาดนั่งเรือมาลงที่ท่าเตียนจากนั้นจึงถามทางไป(วัดสำเพ็ง)หรือวัดปทุมคงคาเนื่องด้วยเขาเคยได้รับคำแนะนำจากหลวงลุงรวย  ซึ่งเป็นเพื่อนพ่อว่าจะฝากฝังให้เขาได้เรียนหนังสือเมื่อครั้งที่หลวงลุงรวยกลับไปเยี่ยมบ้าน  หาดได้พบกับหลวงลุงรวย  หลวงลุงลี้และหลวงพี่จุ้ยหลวงลุงรับปากว่าจะให้เขาได้เรียนหนังสือที่วัดนี้ หาดเป็นเด็กที่ขยันขันแข็งและใฝ่รู้แม้จะเพิ่งมาอยู่ใหม่ไม่ทันไรก็สามารถอ่านก – ฮ ผสมพยัญชนะ สระ ได้อย่างรวดเร็ว  แต่การที่หาดเป็นเด็กขยันและเรียนรู้ได้เร็วย่อมเป็นที่อิจฉาของนายเอี้ยวซึ่งเป็นเด็กเกเรไม่ชอบเรียนหนังสือ หาทางกลั่นแกล้งตลอด  หาดสามารถเรียนผ่านแบบเรียน ๓ เล่มเร็วได้  และสามารถขึ้นเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๑ ได้ และต่อมาได้พาสส์ ๒ ชั้นไปอยู่ ม.๔ได้เพราะขยันและใฝ่รู้ หาดจึงเรียนภาษาอังกฤษและภาษาจีนเพิ่มเติม

แม่หุ่นป้าห้องและหัสถ์นำสินมาส่งให้เล่าเรียนและฝากให้หาดดูแลน้องด้วย  ป้าห้องเล่าว่าหัสถ์เรียนเก่งและก้าวหน้ามากและตอนนี้เข้าเรียนนายร้อยและได้รับประทานนามสกุลจากเสด็จในกรมว่า “ วิชชาสินธ์ ”และมาแจ้งข่าวให้หาดและครอบครัวได้ทราบเพื่อที่จะได้ไปแจ้งที่อำเภอ

หาดรับสันต์มาอยู่ด้วยอีกคนเพื่อแบ่งเบาภาระแม่ถึงแม้ว่าบรรดาพี่สาวทั้งหุงและเหมจะออกเหย้าออกเรือนไปเกือบหมดแล้ว  เหลือเพียงแต่หงส์เท่านั้นที่อยู่ช่วยนางหุ่นขายกับข้าว   เมื่อรับน้องมาอยู่ด้วยภาระค่าใช้จ่ายก็ต้องพิ่มขึ้นทั้งค่าเรียนค่าอาหารทั้งสามมื้อแม้ว่าหาดจะช่วยทางวัดทำงานทั้งรับจ้างรดน้ำต้นไม้และทำความสะอาดวัดหรือทำงานทุกอย่างที่สามารถแลกเป็นเงินได้แต่ก็ยังไม่พอ หาดจึงตัดสินใจบวชเรียนเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร  ซึ่งหลวงลุงก็เห็นชอบด้วย

ครอบครัวเถ้าแก่ทันหรือคุณป๋าที่บรรดาลูกๆเรียยกกันเป็นครอบครัวใหญ่เขามีลูกชาย ๓ ลูกสาว ๔ อันได้แก่บุญพยอม  บุญเจิด เทิด ทิว ทศทองปรางและทองปริก ทองปริกเสียชิวิตเมื่อมีอายุได้ ๙ ขวบ  ด้วยสาเหตุใดไม่แน่ชัด เถ้าแก่ทันสงสัยว่าลูกสาวตนถูกคุณไสย  เพราะเจอก้อนเนื้อมีเส้นขนแปลกๆที่ไหม้ไม่หมด บนเชิงตะกอน  สร้างความคับแค้นใจให้เขาเป็นอย่างมากเพราะเขารักและเอ็นดูลูกสาวคนสุดท้องอย่างมาก

บุญพยอมลูกสาวคนโตแต่งงานกับสุมิตรลูกชายเจ้าสัวใหญ่ฐานะมั่งคั่งจึงทำตัวหรูหราฟุ่มเฟือย  มีลูกชายคือบุญมนูส่วนบุญเจิดนั้นตั้งแต่ออกเรือนไปก็หายเงียบไปเนื่องด้วยเป็นคนมัธยัสถ์อดออมเทิดนั้นเรียนนายร้อยตำรวจ  ส่วนทิวและทศหลังจากจบมัธยมก็กลับมาช่วยพ่อทำงานที่บ้านเนื่องด้วยไม่อยากเข้าไปเรียนที่บางกอก

ทองปรางโตเป็นสาวแรกรุ่นหน้าตาสวยหมดจดกว่าบรรดาเพื่อนๆอย่าง  อิ่มเอม มานีและจรุง  จึงมีนายตำรวจอย่างขุนรามรณฤทธิ์มาเลียบเคียงเมื่อวันหนึ่งเกิดไฟไหม้บ้านเสียหายนายทันจึงสร้างบ้านไม้สักทองหลังใหญ่และได้รับคำแนะนำจากขุนรามรณฤทธิ์  หาช่างจากบางกอกมาช่วยปลูกบ้านจนเสร็จสมใจ  เถ้าแก่ทันรู้สึกพอใจนายตำรวจคนนี้อยู่บ้างอยากได้เป็นเขย แต่ด้วยลูกสาวไม่ชอบจึงนึกเสียดายอยู่ไม่น้อย

นายไสวย้ายเข้ามาหาที่ทำกินใหม่เนื่องจากที่อยู่เดิมเริ่มคับแคบเพราะทองดำและแก้วลูกชายทั้งสองต่างก็มีครอบครัวกันหมดแล้ว  ที่ทางเริ่มคับแคบจึงย้ายมาค้าขายอาหารทะเลที่นายทองดำจะนำขึ้นรถไฟมาให้พ่อขายที่ตลาดนางเลิ้งและไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของพี่วรงค์พี่ชายของวราห์ซึ่งเป็นญาติทางพ่อของนายไสวนั่นเอง

เมื่อหาดสึกแล้วอายุ ๑๙ ปีหลังจากเรียนจบ ม.๘ ในระหว่างที่เขารอเข้าเป็นทหารแกณฑ์ ๒ ปีอยู่นั้นลุงไสวชวนหาดกลับไปเยี่ยมชมพู่ที่บ้านเกิด  เป็นครั้งแรกที่หาดได้กลับมาเจอทองปรางเมื่อเขาและเธอได้พบกันทองปรางและหาดต่างก็รู้สึกแปลกๆ  เพราะในแววตาที่เห็นนั้นไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนราวกับเป็นรักแรกพบนางบุญปลูกให้การต้อนรับขับสู้เขาและลุงเป็นอย่างดี  เนื่องด้วยเห็นว่าหาดเองเรียนจบสูงเป็นผู้มีความรู้อยู่บ้าง

หลังจากที่กลับไปเข้ารับประจำการทหารเกณฑ์  หาดขออนุญาตเขียนจดหมายถึงพี่ชมพู่  โดยส่งผ่านนายทองดำลูกชายลุงไสวนั่นเอง  ชมพู่นำไปให้ทองปรางเป็นคนอ่านให้ฟังทองปรางแม้จะเรียนจบแค่ม.๒ เพราะหลังจากที่ครูพุดตายไป และไม่ชอบใจครูคนใหม่จึงไม่ไปเรียนอีกแต่ก็สามารถอ่านออกเขียนคล่องได้เป็นอย่างดี  ด้วยเนื้อความในจดหมายไต่ถามถึงข่าวคราวพี่ชมพู่และกล่าวพร่ำเพ้อพรรณาถึงความน่ารักความงามและฝากความคิดถึงแก่ทองปราง   เมื่อทองปรางเป็นผู้อ่านจึงข้ามข้อความนั้นเสียไม่ให้ชมพู่ทราบและได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกดีใจเอาไว้  พร้อมกับตอบจดหมายโต้ตอบแทนชมพู่ด้วย

เถ้าแก่ทันกับแม่ทองปลูกเริ่มแปลกใจ  เนื่องด้วยอาการของทองปรางเก็บตัวเงียบไม่ร่าเริงคล้ายกับเมื่อตอนทองปริกสิ้น  บัดนี้อาการซึมเศร้าของลูกสาวทองปรางเริ่มกลับขึ้นมาอีกนายทันจึงเป็นห่วงกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมที่จะต้องเสียลูกสาวไปอีก  จึงเริ่มสงสัยและต้องหาสาเหตุและที่มาที่ไปให้ได้  ถามเพื่อนๆของลูกสาวก็ไม่มีใครรู้  เมื่อวันหนึ่งนางปลูกสงสัยอาการมีพิรุธของชมพู่จนกระทั่งเจอจดหมายของหาด  ทองปรางแก้ตัวให้แทนว่าเพราะพี่ชมพู่ไม่รู้หนังสือจึงเป็นฝ่ายอ่านให้ฟังและโต้ตอบจดหมายแทน   แต่นายทันและนางบุญปลูกไม่เชื่อจึงได้คาดคั้นเอาความจริงกับชมพู่ว่าเป็นแม่สื่อแม่ชักโดยเฆี่ยนจนชมพู่ยอมสารภาพมาทั้งหมด  ทองปรางสงสารชมพู่จึงออกมาสารภาพว่าชอบพอรักใคร่อยู่กับหาด นางบุญปลูกไม่อาจยอมรับได้ที่ลูกสาวคิดใฝ่ต่ำ  เลือกชายไร้ทรัพย์สมบัติมาเป็นคู่ครองสถานการณ์จึงตกอยู่ในสภาพอึมครึม

เทิดเรียนจบตำรวจแล้ว  ได้ประจำการที่เมืองเหนือไม่นานก็ส่งจงหมายส่งข่าวมาบอกว่าต้องการสินสอดเพื่อที่จะสู่ขอทับทิม   ลูกสาวธรรมการที่อำเภอส่วนทิวหลังจากที่กลับมาอยู่ที่บ้านก็เกิดรักใคร่ชอบพอกับทองสุกลูกสาวกำนันที่บางกอก นางบุญปลูกจึงได้เข้าไปบางกอกสู่ขอตามประเพณีให้เสร็จเรียบร้อย   และได้รับข่าวจากสุรีย์พี่สาวของสุมิตรว่าสุมิตรและบุญพร้อมได้เลิกรากันไปปีกว่าแล้ว  ข่าวนี้นำความเศร้าสลดเสียใจมาสู่ครอบครัว  เพราะยังไม่มีผู้ใดได้ข่าวบุญพยอมเลย

จดหมายฉบับล่าสุดหาดแจ้งว่าในระหว่างที่ฝึกทหารอยู่นั้นเขาเป็นผู้มีความรู้จบสูง จึงได้รับโอกาสจากกรมทหารได้เรียนนายดาบและสำเร็จแล้วกำลังรอรับประกาศนียบัตรอยู่จดหมายฉบับนี้เปรียบเหมือนประกาศิตของนางบุญปลูกเมื่อนางทราบเรื่อง  จึงได้ประกาศกร้าวว่าห้ามมิให้นายทองดำมาเหยียบบ้านนี้อีกซึ่งหาดเองก็ได้ทราบข่าวนี้ด้วยเช่นกันเนื่องจากได้ติดต่อผ่านนายดาบตะบูนผู้เป็นของสามีจรุงเพื่อนสนิทของทองปรางนั่นเอง

บัดนี้หาดซึ่งมีอายุ๒๒ ย่าง ๒๓ สอบราชการได้ในตำแหน่งราชบุรุษ(พนักงานฝึกหัด)  ในกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมได้รับเงินเดือน ๔๕ บาท  ด้วยความเป็นผู้มีความขยันและตั้งใจทำงาน  หลวงธนสารสันทัดหัวหน้าจึงได้สนับสนุนให้หาดเรียนด้านกฎหมายเพื่อส่งเสริมความรู้ในหน้าที่การงานในภายภาคหน้า

หาดกลับไปเยี่ยมแม่ทองปรางและชมพู่อีกการนัดพบกันของหาดและทองปรางโดนเถ้าแก่ทันจับได้   หาดจึงได้เอ่ยปากขออนุญาตคุยกับทองปรางโดยเปิดเผย โดยจะเข้าตามตรอกออกตามประตูและสัญญาว่าภายในสองปีจะทำตัวให้ทัดเทียมเก็บเงินมาสู่ขอและจะอดทนจนกว่าจะถึงวันที่เถ้าแก่เห็นว่าเขานั้นดีพอที่จะคุ้มครองแม่ทองปราง  การพูดจาอย่างผู้มีความรู้ของหาดจึงทำให้เถ้าแก่ทันพึงพอใจอยู่บ้างในความกล้าหาญของเขา  พลางก็คิดว่าตัวเองก็เคยผ่านในจุดเดียวที่หาดกำลังเผชิญอยู่เช่นกันเมื่อสมัยที่เขาเป็นเพียงแค่ลูกคนจีน  ที่มีเพียงแต่ตัวและได้มารักใคร่ชอบพอกับแม่บุญปลูกจนและฝ่าฟันอุปสรรคจนสามารถก่อร่างสร้างตัวมาได้ถึงปัจจุบัน  เถ้าแก่ทันได้แต่ทำเฉยเมื่อได้รับฟัง  แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอันใด  เนื่องด้วยลูกสาวก็เอ่ยปากบอกว่าจะไม่แต่งงานกับชายใดนอกจากหาดเพียงผู้เดียว

อาการป่วยของอิ่มเองสร้างความโศกเศร้าให้กับพ่อแม่และเพื่อนๆเนื่องด้วยอิ่มเอมแต่งงานกับขุนรามรณฤทธิ์ยังไม่ถึงสามปีก็ได้ข่าวว่าเขามีเมียน้อย  เมื่ออิ่มเอมทราบข่าวถึงกับช็อคและป่วยกะทันหันจำใครๆไม่ได้เลย  นางบุญปลูกพอได้ทราบข่าวก็ได้แต่โล่งอก  เพราะเคยหมายมั่นปั้นมืออยู่ว่าอยากได้เป็นลูกเขย

หลังจากกลับจากเยี่ยมทองปรางหาดก็คิดแล้วคิดอีกหาทางออกว่าจะสามารถก่อร่างสร้างตัวภายในเวลาอันรวดเร็วได้อย่างไร  หัวหน้าและหัสถ์ซึ่งบัดนี้ได้เลื่อนยศเป็นขุนวิชชาสินธ์เสนีย์และแต่งงานกับคุณสมรเป็นลูกสาวของสกุลผู้มีชื่อเสียงในสังคมและไม่ต้อนรับครอบครัวทางฝ่ายสามีซึ่งเธอเห็นว่าไม่มีฐานะ หัสถ์ได้ให้คำแนะนำว่าจะหาทางช่วยโดยจะหยิบยืมเงินทองจากญาติคุณสมรให้ตามที่เถ้าแก่ทันเรียกร้องคือ  ทองคำหนึ่งหีบ ๕๐ บาท เงิน ๑๐๐ ชั่ง โดยมีข้อแม้ว่าหลังงานแต่งต้องนำสินสอดมาคืนพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ๑ บาท   แต่หาดต้องไปตกลงกับฝ่ายเถ้าแก่ทันก่อน  ทองปรางตัดสินใจบอกพ่อในวันแต่งงานของทศกับอรุณีกับหญิงสาวในละแวกนั้น   เมื่อนายทันทราบได้แต่อึ้งไปเหมือนว่าลูกเขยจะวิธีใช้เบ็ดเปล่าตกปลากะพงและนางบุญปลูกได้ร้องให้หนักสงสารในชะตากรรมลูกสาว ว่าต้องไปตกระกำลำบากแน่คราวนี้เพราะฝ่ายชายมีแต่ตัวจริงๆ  ซึ่งหาดก็ก้มหน้ายอมรับโดยดีเนื่องด้วยเขามีแต่ตัว   ความจนเป็นสิ่งที่ใครๆก็ไม่ต้องการเมื่อมันติดตัวมาก็ต้องยอมรับในโชคชะตามาตั้งแต่เกิดอย่างหน้าชื่นตาบาน

หาดไม่สามารถหาเงินและทองได้ครบตามจำนวนการหยิบยืมจากญาติๆคุณสมรได้ทองมาเพียง ๓๐ บาท  และแล้วก็มาถึงวันสู่ขอ  มีผู้ร่วมขบวนเพียง ๕ คนและพระจุ้ยอีก ๑ รูป วัน เถ้าแก่ทันและนางบุญปลูกเมื่อไม่ได้ตามที่ร้องไปจึงโกรธมากเพราะเสียหน้าชาวบ้านแม้จะยอมโอนอ่อนให้ตามข้อเสนอแต่ยังไม่สามารถหาสินสอดทองหมั้นมาได้ครบจึงถูกฝ่ายหญิงไล่ตะเพิดออกจากบ้านแทบไม่ทัน

สายสมรไปกู้ทองมาเพิ่มอีก ๒๐ บาท เป็น ๕๐ บาทครบจำนวน  ส่วนเงินนั้นสามารถหาได้เพียง ๒๐ ชั่ง ขบวนสู่ขอครั้งที่ ๒จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เถ้าแก่ทันก็ไม่พอใจเช่นเดิม  และเอะอะโวยวายขึ้นมาอีก ทองปรางจึงร้องไห้และกล่าวขึ้นมาว่าถ้าหากไม่ได้แต่งคราวนี้จะหนีไปบวชชีหัวอกคนเป็นพ่อแม่ต้องหวานอมขมกลืนจำต้องยอมยกลูกสาวให้  ฤกษ์งามยามดีจึงกำหนดจัดงานมงคลขึ้นในอีก ๓ เดือนถัดไป  นางบุญปลูกลงทุนจัดงานให้สมเกียรติวงศ์ตระกูล จึงเตรียมการใหญ่ไม่ให้น้อยหน้าคนทั้งบาง  ทั้งการจ้างขบวนแห่ด้วยเงินตัวเองจัดเงินค่ากั้นประตูเงินประตูทองจนเข้าสู่พิธีนับสินสอดและรดน้ำ

หลังจากแต่งงานหาดต้องไปเช้าเย็นกลับที่ทำงาน   ทองปรางตั้งครรภ์หลังจากแต่งงานมา ๒ สัปดาห์   หลังครบกำหนดอยู่บ้านฝ่ายหญิงตามประเพณี ๑ เดือน นางบุญปลูกและทศไปส่งน้องสาวที่บ้านเช่าของหาดที่บางกอกนางยังแอบสงสารลูกสาวอยู่มาก  กลัวลูกสาวไปลำบากแม้ว่าจะให้ชมพู่ตามไปดูแลก็ยังมิวายไม่สบายใจเพราะเป็นบ้านเก่าแต่อยู่ในสภาพดีหน่อยด้านข้างมีรั้วสังกะสีกั้นอยู่ติดกับวัดส่วนเครื่องเรือนก็ไม่มีอะไรมากมายเทียบอย่างบ้านเดิมของทองปรางไม่ได้เลย

นางบุญปลูกมาเยี่ยมลูกสาวบ่อยขึ้น  เพราะบัดนี้ลูกสาวท้องโตขึ้นใกล้คลอดเต็มที  แต่ก็ยังไม่นอนค้างเพราะยังมีทิฐิอยู่ลูกคนแรกของหาดเป็นลูกสาว  นางหุ่นและป้าห้องแวะมาเยี่ยมหาดและลูกสะใภ้ส่วนหงส์บัดนี้แต่งงานมีครอบครัวแล้ว

ครอบครัวพ่อแม่ลูกสี่คนเดินจูงมือเด็กหญิงวัย ๒ ขวบและอุ้มเด็กชายอายุขวบกว่า ออกมาจากร้านถ่ายรูปที่สี่แยกพาหุรัด  แล้วพากันเดินตามถนนไปไหว้พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช   รัชกาลที่ ๑ ที่สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์(สะพานพุทธยอดฟ้า)  เนื่องในโอกาสสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบ๑๕๐ ปี

ปลายปี ๒๔๗๖ หลังผ่านการปฏิรูปการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยหาดก็ได้สำเร็จวิชากฎหมายได้เป็นเนติบัณฑิตเรียบร้อยแล้ว

“ หาดนึกไม่ถึงเลยว่าความลำเค็ญที่ผลักดันให้เขาก้าวเข้ามาจนถึงวันนี้  จะมอบความเกษมเปรมปรีย์ให้แก่ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีเป็นบิดาของหญิงสาวและลูกรักอย่างเต็มเปี่ยมจนประมาณค่ามิได้  การศึกษาหนุนนำให้เขาคว้าโอกาศเดินไปข้างหน้าสู่อนาคตที่สวยงาม...”


ความคิดเห็นหลังจากที่ได้อ่าน

จากหน้าปกรูปดอกบัวน่าจะสื่อความหมายไปในเรื่องของการศึกษา “หาด” ตัวเอกของเรื่องเหมือนดังบัว ๔เหล่า หาดเหมือนบัวเหล่าที่ ๑ คือพวกที่มีปัญญาฉลาดใฝ่รู้ใฝ่เรียนสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว  ในสมัยอดีตไม่มีโรงเรียนเปิดสอนทั่วไปจะเห็นได้ว่าในสมัยก่อน  วัดมีบทบาทที่สำคัญมากในเรื่องการเรียนการศึกษาใครอยากได้ความรู้อ่านออกเขียนได้ก็ต้องไปหาพระหรือหลวงพี่ที่สำเร็จนักเปรียญธรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๔ท่านทรงมีความคิดอันก้าวไกล  ให้มิชชันนารี และครูฝรั่งสอนเรื่องภาษา เพื่อที่จะได้ติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ...

อาจจะไม่ดราม่าหนักมากส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการสู้ชีวิตของหาดมากกว่า ส่วนการกีดกันเรื่องความรักระหว่างหาดกับทองปรางมันก็น่าสงสารทั้งสองฝ่าย  หาดซึ่งมีแต่ตัวกว่าที่จะก้าวขึ้นมายืนในจุดนี้ก็ถือว่าเขาเองก็ต้องดิ้นรนไขว่คว้าอยู่ไม่น้อย ขณะเดียวกันก็สงสารเถ้าแก่ทันและนางบุญปลูกอยู่เช่นกันขึ้นชื่อว่าหัวอกคนเป็นพ่อแม่ล้วนแล้วแต่อยากให้ลูกมีความสุขความสบายลูกมีอนาคตที่ดีพ่อแม่ก็ย่อมที่จะสบายใจ  เรื่องคู่ครองก็ให้โอกาสลูกสาวเลือกคู่ครองได้อย่างเต็มที่ แต่กลับกลายเป็นว่าทองปรางเลือกคนที่ไม่มีอะไรนอกจากความรู้พ่วงความจน พ่อแม่ก็ย่อมต้องเสียใจเป็นธรรมดา...เรื่องราวมันอยู่บนพื้นฐานของความจริงในเมื่อลูกสาวรักพ่อแม่ก็ต้องรักด้วยและยอมรับในการตัดสินใจของลูกสาวอย่างหน้าชื่นอกตรม

เรื่องราวจะค่อยๆเห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างหาดตั้งแต่ตอนอายุ ๘ ขวบ เขาเป็นเด็กที่ทะเยอทะยานเรื่องการหาความรู้ในตัวเองไม่ยอมให้ตัวเองหยุดอยู่กับความไม่มีแม้จะเกิดมาพร้อมกับความจนที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้ขาดโอกาสทางการศึกษา แต่เขาก็ไม่อับจนหนทางที่จะไขว่คว้าเอาไว้ เมื่อความจนเป็นอุปสรรคก็จะต้องแสวงหาหนทางที่จะประสบความสำเร็จ

อ่านจบยังติดอยู่หลายส่วนเพราะเนื้อเรื่องยังไม่กระจ่างของตัวละครเหมือนผู้เขียนเร่งให้จบยังไงไม่รู้ รู้สึกว่าน่าจะยังมีเรื่องราวดำเนินไปได้มากกว่านี้ สงสัยจะอินหนักอยากรู้เรื่องราวต่อไป.... 

- การหายตัวไปของบุญพยอมหลังจากแยกทางกับสุมิตรและบุญเจิดพี่สาวอีกคนที่กล่าวถึงอยู่น้อยมาก 

- ชิวิตความเป็นอยู่ของนางหุ่นดีขึ้นหรือเปล่า ท้ายเรื่องกล่าวแค่ผ่านๆ 

- นางบุญปลูกและเถ้าแก่ทันจะยอมรับในตัวลูกเขยอย่างหาดหรือไม่               

- หัสถ์และคุณสมรมีบทสรุปอย่างไร พวกเขาไม่เอื้อเฟื้อญาติฝ่ายสามีบ้างเลย

- ชมพู่ท้ายเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเป็นอย่างไร หลังจากที่มาอยู่กับทองปราง

- เทิดเงียบหายไปเลยหลังจากแต่งงานและมีครอบครัวอยู่ทางเหนือ

จากเรื่องก็มองเห็นประโยชน์และข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้มากมายสุดจะบรรยายออกมาได้หมด   เรื่องการเรียบเรียงถ้อยคำและภาษาที่สละสลวยสวยงามตามสมัย  ผู้เขียนได้สอดแทรกภาษาโบราณที่ใช้ในสมัยก่อนเข้ามาอีกด้วยช่วยเพิ่มอรรถรสได้เป็นอย่างดี... 




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2556
15 comments
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2556 16:21:57 น.
Counter : 3728 Pageviews.

 

เนื้อหาเยอะและอ่านยากหน่อยนะครับ เพราะก๊อปปี้เนื้อหาลงแล้วตัวอักษรชิดกันมากๆ วรรคหายหมด มันต่างจากต้นฉบับอะ

 

โดย: Nat_NM 28 พฤศจิกายน 2556 16:32:39 น.  

 

รอรีวิวเล่มนี้อยูพอดีเลยครับ ...หนามากกกก ...แล้วก็น่าสนใจมากๆครับ ... แต่เกรงเรื่องอ่านแล้วยังไม่อิ่มนี่สิ

 

โดย: อุ้มสม 28 พฤศจิกายน 2556 16:56:50 น.  

 

ขอบคุณมากครับสำหรับการรีวิวนิยายดีๆเล่มนี้ แค่ได้อ่านบทรีวิว ก็ยังรู้สึกถึงความอิ่มเอมในอรรถรสของผู้เขียนแล้ว ต้องหามาอ่านให้ได้ในเร็ววันครับ

 

โดย: สามปอยหลวง IP: 122.154.3.131 28 พฤศจิกายน 2556 17:30:43 น.  

 

เห็นความหนาของหนังสือแล้วแอบถอดใจ...แต่ก็อยากอ่านค่ะ

 

โดย: Aneem 28 พฤศจิกายน 2556 20:06:25 น.  

 

ตัวละครเยอะมั่กๆๆๆๆนะคะ ถ้าค้างคาอย่างที่จขบ.รีวิวไว้ ก็น่าเสียดายค่ะ มันดูค้างคาจริงๆ

ปล.ผู้ชายอย่างหาดสมัยนี้หายากในเด็กรุ่นใหม่แล้วนะคะ น่าสมควรเอาเป็นแบบอย่างค่ะ

 

โดย: Sab Zab' 28 พฤศจิกายน 2556 20:14:45 น.  

 

อยากอ่านจัง คิดถึงงานคุณกฤษณา ไม่ได้อ่านมานานมากแล้ว

 

โดย: Boyne Byron 28 พฤศจิกายน 2556 21:06:15 น.  

 

แอบอ่านข้ามรีวิวตรงส่วนที่เป็นเรื่องย่อ (แบบละเอียด )
เล่มนี้ไม่ได้ซื้อมาเมื่องานหนังสือตอนตุลา เพราะลดนิดเดียวเอง

กะว่างานหนังสือ เมษา 57 จะซื้อค่ะ คงได้ส่วนลดเยอะขึ้น

 

โดย: Serverlus 29 พฤศจิกายน 2556 10:01:14 น.  

 

อยากอ่านมั่งจังค่ะ
งานของนักเขียนชั้นบรมครู ต่อให้หนา ต่อให้ราคาแพงแค่ไหนก็รู้สึกว่าคุ้มค่าต่อการอ่านเสมอ

ต้องหามาอ่านให้ได้สักวันหนึ่งค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ

 

โดย: แม่ไก่ 29 พฤศจิกายน 2556 10:49:17 น.  

 

อยากอ่านค่ะ ถึงไม่ค่อยดราม่าหนัก แต่เรื่องราวก็ดูจะเข้มข้นน่าติดตามอยู่นะคะ
แต่กองดองยังเยอะอยู่ อย่างน้อยต้องอ่านรสรักปักอุราก่อน ค่อยถึงคิวซื้อเล่มนี้ค่ะ

 

โดย: polyj 29 พฤศจิกายน 2556 16:09:40 น.  

 

เห็นราคาแล้ว ก็ต้องชะงักไว้ก่อน
เผื่อมีโอกาสหาอ่านด้วยวิธีอื่น

 

โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ 29 พฤศจิกายน 2556 21:21:05 น.  

 

มาอ่านรีวิวค่ะ

 

โดย: Pdจิงกุเบล 4 ธันวาคม 2556 16:48:27 น.  

 

น้องอุ้มสม / เล่มหนา แต่อ่านไหลลื่นเชียวครับ ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าติดตามตลอด ความจริงจำนวนหน้าจริงๆของเรื่องจะจบอยู่ที่ 791 หน้า ถ้าไม่ติดงาน 2 วันจบแน่ๆ

คุณสามปอยหลวง / รีวิวอาจจะสปอยล์จนเสียอรรถรสก็อย่าว่ากันนะครับ แต่หนังสือดีๆ ภาษาสวยแบบนี้ควรค่าอย่างยิ่งที่จะมีไว้ในครอบครอง

คุณ Aneem / ความหนาไม่ใช่อุปสรรคครับ แต่หนักไปหน่อย เปิดกว้างก็ไม่ได้ กลัวหนังสือแยก2 ส่วน เนื้อหาดีภาษาสวยแนะนำเลยครับ

คุณ Sab / ตัวละครเยอะครับตามประสาแนวพีเรียด ญาติพี่น้องเยอะ พัฒนาการยิ่งโตขึ้นตัวละครยิ่งเยอะขึ้นตาม แต่สนุกมากจนวางไม่ลงกันทีเดียว เด็กขยันใฝ่รู้อย่างหาดทุกวันนี้อาจจะหาได้ยากแล้วครับ แต่แอบเคืองหาดตอนท้ายเรื่องอยู่นิดนึง....ไม่น่าเลย

คุณ Bony Byron / แนะนำเลยครับ

คุณ Serverlus / แนะนำเลยครับ วรรณกรรมดีๆแบบนี้ งานหนังสือ มีนาฯ 57 น่าจะลดได้อีกนะครับ ผมว่าถึงจะแพงแต่ก็คุ้มมากเลยที่เดียว เพราะหลังจากที่จบ รสรักปักอุราเมือปี53 ผ่านมา 3 ปี ถึงจะมีเรื่องนี้โผล่มา คุ้มค้าแก่การรอคอยครับ

คุณแม่ไก่ / ขอบคุณที่แวะมาครับ งานดีๆแบบนี้ผมว่าคุ้มมากครับ

คุณ Polyj /เรื่องดราม่า เปรียบเที่ยบกับรสรักฯเรื่องนี้เบากว่าครับ แต่สนุกทุกหน้าทุกแผ่นจริงๆ จะออกสงสารในเรื่องการสู้ชีวิตของหาด และเห็นใจพ่อแม่ของทองปรางที่ต้องจำใจยกลูกสาวให้กับคนไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากความรู้

คุณ พุดฯ / ราคาแรงครับ แต่คุ้มอยากแนะนำให้อ่าน ถ้าอยู่ใกล้จะให้ยืมอ่านเลย

คุณ Pd จิงกุเบล / ขอบคุณครับที่แวะมา

ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ อยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่านวรรณกรรมดีๆแบบนี้มากๆเลยครับ มีไว้ประดับตู้หนังสือก็มีคุณค่าแล้ว หยิบออกมาเปิดอ่านก็จะมีความสุขเมื่อนั้น...


 

โดย: Nat_NM 4 ธันวาคม 2556 17:33:13 น.  

 

เล่มหนามากๆ เลยค่ะเรื่องนี้
ต้องใช้พลังใจ+สมาธิในการอ่านสุดๆ
อ่านไปได้ราวๆ 30 หน้าแล้ว แต่ตอนนั้นโดนขัดจังหวะทำให้ต้องหยุดอ่านไป
ยังไม่ได้หยิบมาอ่านใหม่เลยค่ะ แหะๆ ^^

 

โดย: มุลิลาวิฬาร์มาเลศ 21 กุมภาพันธ์ 2557 18:35:12 น.  

 

สามารถอ่านภาคต่อของเรื่องนี้ได้ครับจากน้ำท่วมเมฆ เป็นนิยายที่แต่งขึ้นจากชีวิตในวัยเด็กของคุณกฤษณา ส่วนนิยายเรื่องลูกไม้ลายดอกรักนี้ได้เค้าโครงมาจากชีวิตจริงของบิดามารดาของเธอเอง
สำหรับข้อสงสัยของเจ้าของกระทู้ผมสามารถตอบได้ดังนี้
-บุญพยอมตอนหลังยากจนต้องไปรับจ้างเก็บดอกมะลิ จึงได้มาพึ่งบุญทองปราง ซึ่งจ้างบุญพยอมให้กลับไปดูแลพ่อแม่ที่เมืองสมุทรตามเดิม
-ยอมรับอย่างเต็มใจเมื่อเห็นว่าหาดสามารถสร้างตัวขึ้นได้เป็นข้าราชการผู้ทรงเกียรติ (หาดได้เป็นสหกรณ์จังหวัด)
-หาดตัดขาดความสัมพันธ์กับพี่ชายไปเลยเพราะพี่สะใภ้ไม่ให้แม่ร่วมโต๊ะกินข้าว แต่ให้ไปกินในครัว ต่อมาหัตถ์ได้ไปให้การต่อศาลช่วยหาดให้รอดพ้นคดีกบฏได้
สมรชอบทองปรางเพราะเป็นลูกเศรษฐี แต่กับหาดและลูกๆก็เฉยๆ (ภายหลังหาดกับทองปรางมีลูกด้วยกันอีกหกคน)
-ชมพู่ช่วยทองปรางเลี้ยงลูกจนเป็นที่รักของเด็กๆ ภายหลังทองปรางเสียชีวิตนางก็ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านไปด้วย ลูกๆของหาดติดชมพู่มากราวกับเป็นแม่คนที่สอง
-เทิดเสียชีวิตเพราะถูกผู้ร้ายยิงตาย ภรรยาม่ายและลูกๆของเทิดจึงย้ายมาอยู่กับนางบุญปลูก

 

โดย: จันทรา IP: 91.121.134.213 26 มิถุนายน 2558 6:42:03 น.  

 

อ๋อ..เป็นแบบนี้นี่เอง ขอบคุณครับคุณจันทรา
เอ๊...แต่น้ำท่วมเมฆน่าจะแต่งก่อน ลูกไม้ลายดอกรักนะครับ
หรือว่าอาจารย์จะคิดพล็อดเรื่องเอาไว้แล้วค่อยมาแต่ง
ขอบคุณอีกครั้งครับ สำหรับบทสรุปของตัวละครหายข้องใจแล้ว

*** จะว่าไปแล้ว ห่างหายจกการอ่านนิยายไปนานมากๆ แล้ว
รู้สึกหมดแรงบันดาลใจจริงๆ หมดไฟหรือเปล่า? ความจริงชอบอ่านหนังสือนะ แนวดราม่า จะว่าไปคงหมดสมาธิในการอ่านตั้งแต่เรื่องนั้นแล้วละ 5555

 

โดย: ์Nat_NM IP: 203.146.150.142 15 กันยายน 2558 11:14:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


blissfultime
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add blissfultime's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.