จากปกหลัง
เรื่องทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้นหากครอบครัวควิมเปอร์อันประกอบด้วยพ่อ ลูกชายวัยหนุ่ม เด็กแฝด และคนเลียงเด็กจะไม่ทำตามใจตัวเองด้วยการเลี้ยวรถเข้าไปในถนนที่ยังสร้างไม่เสร็จและติดป้ายห้ามเข้า ก่อนจะ (เกือบ) เข้าตาจนเมื่อน้ำมันหมดและไม่มีใครผ่านมาให้ความช่วยเหลือได้ (เพราะถนนยังไม่เปิดใช้งาน)
ทั้งห้าต้องเอาตัวรอดด้วยการจับจองที่ดินใกล้สะพานและทำมาหากินในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานา ที่มาในรูปแบบขยองเจ้าหน้าที่รัฐ นักสังคมสงเคราะห์ และนักเลงการพนันที่พยายามขับไสครอบครัววิมเปอร์ ให้ออกไปจากแผ่นดินที่จับจองแต่ด้วยความซื่อและมองโลกในแง่ดี (ที่คนภายนอกอาจเห็นว่า ไม่โง่ก็บ้า)ทำให้พวกเขา เอาชนะผองภัยทั้งปวงได้ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์
เรื่องราวเพิ่มเติม(สปอยล์เนื้อเรื่อง)
นิยายเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องผ่านโทบี้หนึ่งในตัวละครหลักของเรื่อง เขาเป็นลูกชายของครอบครัวควิมเปอร์ซึ่งมีสมาชิกในครอบครัวห้าชีวิต คือเอเลียสผู้เป็นพ่อ ตัวเขาเองโทบี้ เด็กแฝด เอ็ดดี้กับเท็ดดี้ และแอลลี่พี่เลี้ยง ทั้งห้าชีวิตกำลังเดินทางกลับจากพักร้อนทางภาคใต้กลับไปยังแครนเบอรร์รี่เคาน์ตี้ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ระหว่างการเดินทางกลับบ้านในรัฐโคลัมเบียน่า ผู้เป็นบิดาบังเอิญเห็นป้ายเตือนว่าห้ามเข้า เพราะถนนยังไม่เปิดใช้ แต่มีรึที่เขาจะฟังอิแค่ป้ายบอกทางเช่นนี้ เขาคิดว่ามันน่าจะนำพาพวกเขาไปที่ไหนสักแห่ง และอีกอย่างเส้นทางนี้มันก็เป็นทิศทางเดียวกับทางกลับบ้านด้วยคงไม่่หลงไปไหนหรอก...
ขับไปได้ไกลพอสมควรรถเจ้ากรรมเกิดน้ำมันหมด ผู้เป็นพ่อเลยตัดสินใจรอคอยความช่วยเหลือจากรถคันใดคันหนึ่งที่พวกเขาหวังว่าจะมีใครสักคนขับผ่านมาบ้าง เมื่อเวลาผ่านไปไม่มีใครขับผ่านมาเลยพวกเขาจึงทำที่พักแรมชั่วคราวตรงริมสะพานและดำรงชีพด้วยการรตกปลา หาหอย และขุดบ่อน้ำบาดาลดื่มประทังชีวิต
หลายวันผ่านไปยังไม่มีวี่แววรถคันไหนผ่านมาเลย มีเพียงรถยนต์ขบวนหนึ่ง เหมือนรถตรวจการณ์ วิ่งนำหน้ามาเสียงดังและมีชายคนหนึ่งลงมาถามว่าพวกเขาเป็นใครและสอบถามต้นสายปลายเหตุ อาเธอร์ คิงได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยแบ่งน้ำมันส่วนหนึ่งให้เพื่อหวังว่าพวกเขาจะสามารถขับไปได้อีกเพื่อไปให้ถึงกัลฟ์ซิตี้ซึงอยู่ห่างอีกไม่กี่ไมล์ และหวังเอาไว้ว่าพวกเขาจะออกไปจากบริเวณนั้นซึ่งเป็นแผ่นดินของรัฐ ที่กำลังรออนุมัติงบประมาณมาพัฒนาที่ดินในส่วนนั้น.
แต่ผู้เป็นพ่อรู้สึกไม่ชอบที่มิสเตอร์คิงที่พูดจาขับไล่และต่อว่า เขาจึงอยากจะดัดหลังพวกเจ้าหน้าที่รัฐโอ้อวดคนนี้นักจึงลงมือปรับปรุงพื้นที่บริเวณริมสะพานแห่งนั้นให้เป็นที่อยู่อาศัย ปลูกมะพร้าวกั้นรั้ว และจะไม่ย้ายไปไหน แต่จะทำอย่างไรในเมื่อ ที่ดินอยู่ห่างจากเมืองมากพวกเขาแทบไม่มีเงินเหลือพอที่จะสร้างบ้านได้ จึงไปกู้เงินจากธนาคารมาเป็นทุนในการสร้างที่พักและซื้ออุปกรณ์ตกปลา และอาหารมาจำหน่าย เพราะมีลูกค้ามากมายสนใจมาตกปลาบริเวณสะพานแห่งนั้น
มิสเคลย์สาวสวยนักสังคมสงเคราะห์ก้าวเข้ามาหยิบยื่นความช่วยเหลือโดยการหาที่อยู่ใหม่ให้พวกเขากับบ้านเช่าในเมืองกัลฟ์ซิตี้และจะทำเรื่องขอสวัสดิการค่าเลี้ยงดูเด็กแฝด และค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่โทบี้และบิดาปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพราะพวกเขาเห็นว่า อยู่ตรงนี้มีอิสระมากกว่า
ไม่นานนักพวเขาก็ได้เพื่อนบ้านใหม่ครอบครัวบราวส์และ เจนกินส์ และเพื่อนบ้านรายต่อมาที่มาสร้างความปวดหัวและไม่ชอบใจให้ครอบครัววิมเปอร์คือ ลิตเติลนิคและแบล็กกี้ กับลูกน้องอีกสองคน พวกเขามีรถบ้านคันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดในเย็นวันหนึ่ง และวางแผนทำธุรกิจและก่อสร้างบ่อนการพนันขึ้นมีนักพนันมากมายเข้ามาใช้บริการ และด้วยความซื่อของโทบี้อีกนั่นแหละทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้น จนบ่อนการพนันต้องปิดตัวลง
วันหนึ่ง เอเลียส ควิมเปอร์ได้รับหมายศาลจากเมืองกัลฟ์ซิตี้เรื่องนิสัยชวนปวดหัวของเด็กแฝด ในโรงเรียนและการเลี้ยงดูเด็กทั้งสองแต่ปัญหาก็ได้คลี่คลายไปได้ทุกอย่างเมื่อโทบี้ได้อธิบายเรื่องราวทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้ง
ตามกฎหมายสิ่งปลูกสร้างและที่อยู่อาศัยของรัฐ ผู้อาศัยจะต้องสร้างสิ่งปลูกสร้างและอยู่อาศัยไม่ต่ำกว่า6 เดือนจึงจะมีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอเป็นเจ้าของที่ดิน และในขณะนั้นก็ใกล้ครบระยะเวลา 6เดือนเข้ามาแล้ว แต่ได้เกิดพายุเฮอร์ริเคนเข้ามาพัดถล่มบ้านและสิ่งปลูกสร้างทั้งของพวกเขาและเพื่อนบ้านเสียหายโทบี้และครอบครัวจะทำอย่างไรกับอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามา พวกเขาจะมีวิธีรับมือจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือภัยธรรมชาติได้อย่างไรต้องติดตามนะครับ...
ความคิดเห็นหลังจากที่ได้อ่าน
เคยหยิบนิยายแปลมาอ่านแต่อ่านไปอ่านมาแล้วมักไม่รอดอันเนื่องมาจากไม่เข้าใจในเนื้อหาบางส่วน มุกตลกต่างๆหรือวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของตัวละครเองก็ตาม ที่แตกต่าง มองว่า ตัวเองเป็นคนค่อนข้างเข้าใจอะไรยากอยู่สักหน่อย ก็เลยพาลทำให้ไม่ชอบอ่านนิยายแปลเอาซะเลย
ลองหยิบนิยายแปลของ เทศภักดิ์ นิยมเหตุเล่มนี้มาอ่าน "แผ่นดินนี้เราจอง" นิยายเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมาให้ผู้อ่านมานานมากแล้วในนิตยสารชาวกรุง ประมาณปี พศ 251X และตีพิมพ์เรื่อยมาอีกจนนับครั้งไม่ถ้วน และกลายเป็นหนังสือหายากไปเพราะสำนวนการแปลของเขาโดดเด่นและเป็นที่ครองใจนักอ่านจำนวนไม่น้อย
ถึงแม้ว่าวันนี้คุณเทศภักดิ์จะไม่อยู่แล้ว แต่นับว่ายังโชคดีอยู่มากที่คุณ ภัคคินีผู้ภรรยาได้อนุญาตให้แพรวสำนักพิมพ์ได้นำกลับมาตีพิมพ์ใหม่ในปี2551 แต่ก็ยังขายดีจนขาดตลาดอีกนั่นแหละ รู้สึกว่าชักจะติดใจนิยายแปลเข้าให้แล้วสิ ชอบเนื้อหาในการดำเนินเรื่อง มุกตลก ฮาสุดๆกลายเป็นว่าจะต้องขนขวายหานิยายแปลของคุณ เทศภักดิ์ มาอ่านให้ได้ ชอบแนวการแปลเนื้อเรื่องน่าสนใจ และบุคลิคของตัวละคร ที่ก็ซื่อเสียจนแบบว่า บางทียังแอบคิดว่า ซื่อกับโง่มันเหมือนกันหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะความซื่อเกินไป เรื่องราวจึงกลับตาลปัตรพลิกจากดำเป็นขาว จากร้ายกลายเป็นดี สุดยอดมากเลยคับ ยกนิ้วให้จริงๆ...
*** ขอยกตัวอย่างเรื่องชวนฮาของโทบี้ที่ไปกู้เงินธนาคารโดยไม่มีหลักทรัพย์อะใดๆ ค้ำประกันเลย...
ฮอลลี่กับพ่อทึ่งในความสามารถของผมจนพูดอะไรแทบไม่ออกแต่มันก็อย่างที่คุณเห็นแล้วแหละ ว่าการไปเอาเงินจากธนาคารน่ะไม่ใช่ของยากเย็นอะไรเลยเพียงแต่คุณเอาบุคลิคของคุณไปให้เขาดูเสียหน่อย จะเป็นบุคลิคที่ดีจริงๆหรือเลวจริงๆ ก็ได้เหมือนกัน คนส่วนมากซึ่งไปเอาแล้วไม่ได้เงินกลับมาผมว่าคงเป็นจำพวกที่มีบุคลิคครึ่งๆกลางๆ คือจะดีก็ไม่ดี จะชั่วก็ไม่ชั่ว
***ฮามากๆ แค่เอาบุคลิคของตัวเองไปกู้เงิน ก็ได้เงินกู้กลับมา แล้วยังมาเล่าให้คนในครอบครัวฟังอีกน่าทึ่งจริงๆ (อยากรู้รายละเอียดความฮา ต้องอ่านในเล่มนะครับ)