Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
232425262728 
 
27 กุมภาพันธ์ 2557
 
All Blogs
 
กาลกระซิบ : กนกวลี พจนปกรณ์


กาลกระซิบ : กนกวลี พจนปกรณ์

พิมพ์ครั้งแรก, กุมภาพันธ์ 2557 / จำนวน 438 หน้า / สนพ.เพื่อนดี/ ราคาปก 295 บาท




เรื่องจากปกหลัง

เรื่องราวของกาลกระซิบ ได้มีจุดกำเนิดจากที่นี่ วันที่เธอมาได้ยินเสียงกระซิบ คือวันที่เธอได้มาเจอกับพันแสง เรื่องราวต่างๆ จึงเกิดขึ้น...

จนกาลเวลาเดินทางมาถึงวันนนี้ วันที่ทุกอย่างกระจ่างแจ้ง หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอและพันแสงได้พบ ยากแก่การอธิบาย ยากแก่การหาเหตุและผลมารองรับ แต่เธอกับเขาเชื่อด้วยหัวใจ เชื่อด้วยศรัทธา...

“วันนี้ผมจะพาคุณไปอีกหลายวัด  ผมจะขอพรพระทุกวัดและตั้งจิตอธิษฐานบอกแก่ท่านให้ช่วยเป็นพยานว่าผมรักคุณ จะรักตลอดไป จะไม่ทำให้คุณผิดหวังเหมือนชี่วิตของเจ้าแก้วก๊อ” เสียงคนข้างเคียงเอ่ยอีก...

แก้วกรพินธุ์ยิ้มชื่น สุขล้ำลึกอยู่ในอกในใจ ชีวิตของมนุษย์ผู้หนึ่ง ถ้ามีคนรักสักคน รักจนหมดหัวใจ รักด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้คนรักมีความสุข เพียงเท่านี้ ก็นับว่าคนผู้นั้นโชคดีอย่างที่สุดแล้ว...


เรื่องราวเพิ่มเติมเผยเนื้อหา(ย่อเอง)

แก้วกรพินธุ์เงยหน้าแหงนดูจิตรกรรมบนฝาผนังในพระอุโบสถทรงจตุรมุขของวัดภูมินทร์  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น   และเป็นวัดชื่อดังของจังหวัดน่าน ภาพชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมือง  ไว้ผมมวยยกเกล้าสูง หญิงใส่เสื้อแขนยาวรัดรูป  นุ่งผ้าถุงลายขวางสีสดแดงน้ำเงิน  ส่วนฝ่ายชายไม่ได้สวมเสื้อ อวดรอยสักรอบตัว   นุ่งผ้าเตี่ยวยกรั้งขึ้นเหนือเข่าเพื่อโชว์รอยสักบนต้นขา  ตามประเพณีนิยมของชายชาตรี  เพื่อแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความกล้าหาญ...

แก้วกรพินธุ์เดินทางมาจังหวัดน่านเป็นครั้งแรก   เธอได้รับการมอบหมายจากบุคคลที่ครอบครัวนับถือซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมน่าน   ไหว้วานให้มาช่วยบริหารโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ซึ่งอยู่บนถนนสุมนเทวราช  ใจกลางเมืองน่าน

สไบทิพย์เพื่อนสาวสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของแก้วกรพินธุ์ซึ่งเป็นคนจังหวัดน่านพาแก้วมาเที่ยวยังวัดภูมินทร์ แก้วรู้สึกประทับใจกับภาพ “กระซิบรัก” เป็นอย่างมากและในระหว่างที่ชมเธอรู้สึกแปลกๆ   คล้ายกับได้ยินเสียงผู้ชายกระซิบอะไรบางอย่างเคล้าคลอมากับเสียงสะล้อ ซอ ซึง   เครื่องดนตรีพื้นเมืองทางภาคเหนือ...

ณ ที่แห่งนั้นเธอได้พบกับ “พันแสง” ศึกษานิเทศก์หนุ่ม  ซึ่งเป็นเพื่อนของสไบทิพย์ ทั้งคู่จึงได้รู้จักกัน   ชายหนุ่มเอ่ยว่าเขารู้สึกว่าแก้วกรพินธุ์มีใบหน้าคล้ายกับหญิงในภาพบนจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัวที่อำเภอท่าวังผา เย็นวันนั้นทุกคนจึงเดินทางไปพิสูจน์กัน   เมื่อเดินทางไปถึงและได้พบกับภาพชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งอยู่บนผนังพระอุโบสถวัด   ซึ่งมีสภาพเก่าและไม่ชัด   ใครๆต่างก็ผิดหวัง   แต่แก้วกรพินธุ์ได้เกิดเห็นภาพนั้นปรากฎชัดเจนขึ้นมาแว๊บหนึ่ง คล้ายกับภาพนั้นเพิ่งวาดเสร็จใหม่ๆ

เรื่องราวของชายหนุ่มลึกลับซึ่งมาปรากฎกายในความฝันของแก้วกรพินธุ์ช่างสอดคล้องกับความฝันของใครหลายๆ คนที่มาเกี่ยวข้องด้วย   นับตั้งแต่ พันแสงซึ่งฝันเห็นคนแต่งกายในชุดโบราณน้ำเสียงพูดจาประหลาดๆ  และชายหนุ่มร่างกายกำยำ มาปรากฏกายในสถานที่ต่างๆและเอ่ยถามถึง“เจ้าแก้วก๊อ” ตรงกันกับ   “น้านีรา” สาวใหญ่เพื่อนรุ่นน้องของแม่แก้วกรพินธุ์ผู้มีนิสัยเจ้ายศเจ้าอย่าง  ซึ่งเดินทางมาเที่ยวจังหวัดน่าน   ก็ได้เห็นเจ้แก้วก๊อและฝันเกี่ยวกับเรื่องราวประหลาดๆมีตัวละครเชื่อมโยงเช่นกัน แต่ทุกคนก็แปลกใจเพราะเมื่อพบว่าชาติภพที่แล้วนั้น   เจ้าแก้วก๊อช่างมีใบหน้าที่เหมือนกับแก้วกรพินพินธุ์ ส่วนเจ้าดาราคำ หน้าตาก็เหมือนกับน้านีรา

กับเรื่องราวของผู้คนชายหญิงแต่งชุดโบราณพูดจาแปลกๆ  และเรื่องราวในความฝันที่ทุกคนต้องหาความจริง เมื่อนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อกัน  จึงได้ความว่าเมื่อในอดีต  “ เจ้าแก้วก๊อ ธิดาเจ้าน้อยสุทธาและแม่เจ้าบัวตอง  เกิดรักใคร่ชอบพอกับหนาน แต่ถูกกีดกันจากเจ้าดาราคำผู้เป็นป้าซึ่งอยู่ตัวคนเดียวเพราะสามีตายและรักหลานชายมาก   อยากให้เจ้าแก้วก๊อหลานสาวได้แต่งงานกับเจ้าอินต๊ะหลานชายตัวเอง  เจ้าอินต๊ะ หนุ่มชึ่งวันๆ ชอบตีไก่เล่นการพนันเป็นชิวิตจิตใจ

กระทั่งวันหนึ่งเจ้าน้อยสุทธาและเจ้าบัวตองเดินทางไปเวียงสา  ช้างพาหนะของเจ้าบัวตองเกิดตกมัน ฟาดงวง ฟาดงา  เป็นเหตุให้เจ้าบัวตองพลัดตกจากหลังช้าง  และถูกช้างเหยียบตายอย่างน่าอนาถ

ความเสียใจที่เจ้าแม่จากไปไม่ทันหาย  เจ้าดาราคำเปลี่ยนสถานะตัวเองจากเจ้าป้ามาเป็นแม่เลี้ยง   และยังสนับสนุนให้เจ้าอินต๊ะแต่งงานกับเจ้าแก้วก้อ หนานยอมตัดใจจากเจ้าแก้วก๊อ  เมื่อไม่สมหวังเขาจึงกลับบ้านที่ท่าวังผา   เริ่มทำตัวเสื่อมถอยดื่มเหล้าเคล้านารีไปวันๆ   นำเหตุเภตภัยมาให้ตัวเองจนถึงแก่ความตาย   สร้างความผิดหวังให้แก่เจ้าแก้วก๊อเป็นอย่างมาก

หลังจากที่แต่งงานกับเจ้าแก้วก๊อ  เจ้าน้อยอินต๊ะแอบเล่นชู้กับนางม่าน ข้ารับใช้ส่วนตัวของเจ้าดาราคำ   นางม่านเป็นพวกพม่าที่เจ้าป้าเก็บมาเลี้ยงไว้เป็นข้ารับใช้   เมื่อยกตัวขึ้นเป็นเมียของเจ้าอินต๊ะนางม่านก็เริ่มทำตัวฟุ้งเฟ้อแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยทองหยอง   ก้าวร้าวด้วยวาจาสร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าดาราคำเป็นอย่างมาก  จนเกิดเหตุบีบคอนางม่านถึงแก่ความตาย   เจ้าอินต๊ะเสียใจมาก  อุ้มไก่หนีหายข้ามเขาข้ามดอยไปไม่กลับมา

เจ้าป้าดาราคำ   ซึ่งภพนี้อยู่ในร่างของน้านีราเกิดหลงเสน่ห์เมืองน่านได้มาซื้อบ้านไม่สักเก่าโบราณหลังหนึ่ง   ซึ่งแต่เดิมคือบ้านของเจ้าน้อยสุทธานั่นเอง และได้เจอกับอมรินทร์(ภพเดิมคือเจ้าอินต๊ะ)   ได้มาช่วยซ่อมแซมบ้านเพื่อดัดแปลงเป็นบ้านเช่าขนาดเล็กๆ   น้านีราสนับสนุนอมรินทร์จับคู่กับแก้วกรพินธุ์อย่างออกหน้าออกตา   เมื่อคราวที่พ่อและแม่ของแก้วกรพินธุ์เดินทางมาเยี่ยมลูกสาว

เมื่อซ่อมบ้านเสร็จเธอก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่พร้อมกับคนงานอีก2 คน   น้านีราเริ่มมีอาการแปลกไปเมือวันหนึ่งเกิดฝันว่าผีนางม่านกลับมาแก้แค้น   อาการเริ่มเหมือนคนสติไม่ดี   มีอาการเซื่องซึม  เพ้อถึงเรื่องราวในอดีต   จนวันหนึ่งนางม่านได้กลับมาแก้แค้นบีบคอจนเสียชีวิตจริงๆ   การจากไปของน้านีราสร้างความตกใจให้กับทุกคนรวมทั้งญาติๆ    แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ว่ามันคือกรรมเก่านั่นเอง...

ความจริงเริ่มคลี่คลายเมื่อผู้มาจากภพภูมิก่อน   ได้มาปรากฏกายบอกเล่ากระซิบเรื่องราวในอดีตว่า หลังจากนั้นเจ้าน้อยอินต๊ะก็กลับมา   เริ่มมีวาจาโกรธเกรี้ยวสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าน้อยสุทธาจนเส้นเลือดในสมองแตกทรุดตัวลงสิ้นใจตาย...

เจ้าแก้วก๊อเหมือนไม่มีที่พึ่งเมื่อสิ้นญาติขาดมิตร   เธอมาปราฎกายในความฝันของพันแสง   ว่าโลกใหม่ที่พันแสงอยู่จะดีกว่าโลกในปัจจุบันของเธอหรือไม่ เธอได้พบคำตอบว่าในโลกยุคใหม่   ผู้หญิงมีสิทธิเลือกได้ด้วยตัวเอง  ไม่เหมือนในอดีตที่ต้องตัดสินด้วยความเหมาะสมและควบคุมโดยผู้ใหญ่เธออยากข้ามมาอยู่ภพหน้าเหลือเกิน...

การมาปรากฎกายของหนานบัวผัน  ได้มาเฉลยความจริงที่ว่า  หนานบัวผันจิตรกรมือหนึ่งในเรื่องวาดภาพงานเขียน ผู้มาบอกเล่าเรื่องราวในอดีต กับชายอีกผู้หนึ่งที่เป็นคนรักของเจ้าแก้วก๊อ  ซึ่งก็คือช่างผู้ช่วยของหนานบัวผันนั่นเองที่มีฝีมือดีเช่นกัน และได้แอบวาดรูปของเจ้าแก้วก๊อลงบนผนังวัดหนองบัว เขาหวังว่าสักวันหนึ่งเจ้าแก้วก๊อจะได้กลับมาเห็น...

ท้ายเรื่องไม่มีอะไรมากเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย พระ – นาง ก็แฮปปี้เอนดิ้งครับ....


ความคิดเห็นหลังจากที่ได้อ่าน

มาทำความรู้จักกับประวัตินักเขียนท่านนี้คร่าวๆกันก่อนนะครับ   เพราะนี่เป็นเล่มแรกที่ผมเลือกหยิบขึ้นมาอ่านกับผลงานเล่มล่าสุดของคุณกนกวลี  พจนปกรณ์ เรื่อง“กาลกระซิบ”  เล่มนี้เพิ่งพิมพ์รวมเล่มออกมาสดๆร้อนๆ   เมื่อต้นเดือนนี้นี่เองซึ่งเพิ่งเขียนจบลงไปเมื่อไม่นานมานี้จากนิตยสารสกุลไทยรายสัปดาห์

คุณกนกวลี พจนปกรณ์  เป็นชาวอำเภอเวียงสา  จังหวัดน่านจบการศึกษาจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีผลงานเรื่องสั้นเรื่องแรกคือ “ทางไปสู่ดวงดาว”  ลงตีพิมพ์ในนิตยสารสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์  ในปีพ.ศ. 2523 และมีผลงานเรื่องสั้นเรื่อยมา   ต่อมาได้เขียนนวนิยายลงตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ เช่น  สกุลไทย  ขวัญเรือน  ดิฉัน  เปรียว  หญิงไทย  ฯลฯ

ผลงานเด่นอาทิเช่น กาษานาคา, อภิมหึมามหาเศรษฐี, ยิ่งฟ้ามหานที, จะเก็บรักไว้มิให้หลุดลอย, ซอย 3 สยามสแควร์ ฯลฯ

“กาลกระซิบ”   นิยายเล่มเล็กไม่หนามากอ่านสนุกดีครับ  ชอบเนื้อหาที่ผู้เขียนได้นำเสนอ  เรื่องราวของเมืองน่าน  ตามกระแสนิยมเรื่องการท่องเที่ยวละกันครับว่าในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา  เมืองน่านกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก  เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย  และเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มากนัก  มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น  ดอยเสมอดาว  ดอยผาชู้  อช.ขุนสถาน  บ่อเกลือสินเธาว์โบราณที่อำเภอบ่อเกลือ  รวมทั้งดอกไม้ประจำถิ่นอย่างชมพูภูคาก็มีชื่อเสียงขึ้นชื่อ

ส่วนแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมก็มีหลากหลาย   ทั้งจิตรกรรมฝานังบนวัดภูมินทร์  วัดหนองบัว  ตลอดจนพระอุโบสถทรงสถาปัตยกรรมแบบล้านนาของวัดต่างๆ   เช่น พระอุโบสถที่วัดบุญยืน  วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร  วัดพระธาตุแช่แห้งพระอุโบสถทรงจตุรมุขของวัดภูมินทร์    หรือแม้กระทั่งเครื่องเงินเมืองน่านก็ขึ้นชื่อไม่แพ้ใครเช่นกัน   (อืม...พรรณามามากมายแล้ว พอก่อนละกัน เดี๋ยวจากบล็อกรีวิวหนังสือ จะกลายเป็นบล๊อกรีวิวท่องเที่ยวเมืองไทยไปซะก่อน...)

ผู้เขียนจับกระแสนิยมมาได้ถูกทาง   ณ ตอนนี้เลยครับ  รูปปก ชื่อเรื่อง พล็อต และเนื้อเรื่องสนุกสนานน่าติดตามดีครับ ผสานกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์(จิตรกรรมฝาผนัง) ส่วนเรื่องภาษาพูดโบราณๆ ของตัวละคร ผู้เขียนได้เขียนอธิบายไว้ในเรื่องราวด้วย  เผื่อใครที่สับสนในเรื่องของภาษาเหนืออาจจะไม่เข้าใจ

โดยส่วนตัวชื่นชอบจังหวัดน่านเช่นกัน   ผมเพิ่งเดินทางไปเที่ยวมาเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้วประทับใจมาก  ได้ไปชมวัดวาอารามและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ  ที่ตัวละครในนิยายเดินทางไป  ได้ไปเห็นภาพกระซิบรักที่ใครๆ ไปเมืองน่านก็ต้องไปชมกัน  เมื่อเราได้อ่านนิยายเรื่องนี้ก็เหมือนว่าเราได้ร่วมเดินทางไปเที่ยวและสามารถจินตนาการจากสถานที่จริง นับว่าสนุกสนานกันเลยทีเดียว

*หนาน =ชายหนุ่มที่บวชเรียนแล้ว

**เสริมอีกนิดนึ่ง (คคห.ส่วนตัว)  รู้สึกว่าพล๊อตของเรื่องน่าจะเพิ่มดราม่าหนักๆเข้าไปได้อีก  เพื่อเพิ่มอรรถรสให้นักอ่าน   เพราะตัวเอกของเรื่องนี้จุดเด่นสุดจะไปอยู่ที่น้านีราศูนย์รวมของเรื่องราวกับนางม่านผู้เป็นทาสที่มีความแค้นส่วนตัวกันเมื่อแก้แค้นเสร็จทุกอย่างก็คลี่คลาย   แทนที่ความแค้นนั้นจะเกิดขึ้นกับพระ - นางที่เป็นตัวเอก  ส่วนท้ายเรื่อง บทของหนาน   ที่เป็นคนรักของเจ้าเก้าก๊อ กลับทำตัวสำมะเลเทเมาซะได้    ความจริงน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้   และเรื่องเสียงกระซิบจากชายหนุ่มจากภพก่อน   น่าจะเติมเรื่องราวความรักหวานๆ นิดนึงน่าจะดีทีเดียวครับ....

***เพิ่มเติม  ภาพกระซิบรัก  ของปู่ม่านย่าม่าน คำว่า  “ม่าน”  ในที่นี้หมายถึงพวกชนชาติพม่า   ที่มาค้าขายที่เมืองน่าน  ซึ่งหนานบัวผันน่าจะจำลองวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านและหญิงชาวม่านว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร มีการละเล่น  การพูดจา  และการเกี้ยวพาราสีกันซึ่งสามารถเห็นได้จากจิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมินทร์


เล่มนี้ แนะนำเลยครับ 





Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2557 12:00:23 น. 9 comments
Counter : 5858 Pageviews.

 
แปะใจให้ค่ะ

ดูหน้าปกเหมือนสารคดีมากกว่านิยายนะคะ


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:13:01:19 น.  

 
น่าอ่านมากเลยครับ ของคุณกนกวลี ที่อ่านแล้วชอบมากๆเลยคือ ยิ่งฟ้ามหานที ครับ


โดย: สามปอยหลวง IP: 122.154.3.131 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:15:13:28 น.  

 
ปู่ม่าน ย่าม่าน

จำได้ว่าตอนไปเที่ยวเมืองน่าน ก็ไปแอบส่งปู่กับย่าท่านกระซิบกันอยู่ เราชอบรูปนี้นะ น่ารักดีค่ะ ตำนวนรักมหากาพย์จริงๆ

แปะใจค่ะ จะหมดเดือน กพ. แล้ว ต้องรีบนะ


โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:15:46:50 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ Nat_NM เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 6 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ

…. มาฝากใจไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวหายหมด...
เรื่องน่าสนใจค่ะ


โดย: polyj วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:18:07:16 น.  

 
น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ ไว้ต้องไปหามาอ่านบ้างแล้วค่ะ

แปะหัวใจให้นะคะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:19:31:01 น.  

 
แวะมาแปะใจให้ค่า
อ่านรีวิวก็สนุกมากเลยค่ะ ยอมรับว่าไม่กล้าอ่านหนังสือแนวนี้ค่ะ กลัวอ่านแล้วไม่เข้าใจ ไม่รู้มีภาษาเหนือเยอะหรือเปล่าค่ะ (แต่บอกว่ามีอธิบายไว้ในเรื่องด้วย คงอ่านง่ายนะคะ)

คุณ Nat_NM ได้เที่ยวเยอะจัง อิจฉาาาาา


โดย: Sab Zab' วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:21:00:07 น.  

 
คุณ พุดน้ำบุศย์ / หน้าปกสวยครับเป็นที่มาของเรื่องเลย

คุณ สามปอยหลวง / ขอบคุณครับที่แนะนำ "ยิ่งฟ้ามหานที" เซิร์จดูแล้วน่าสนใจทีเดียว

คุณ Pdจิงกุเบล / "ภาพกระซิบ" ผมก็ชอบเช่นเดียวกันครับเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองน่านเลย

คุณ Polyj - หวานเย็นผสมโซดา / แนะนำครับ

คุณ Sab Zab / เรื่องนี้ผู้เขียนอธิบายเรื่องภาษาได้ชัดเจนทีเดียวครับ แนะนำนะ / ส่วนเรื่องออกทริป ผมไปเกือบทุกเดือนครับ ไกล-ใกล้ แล้วแต่ความอยากลุยเดี่ยวไปเลย สนุกดีครับ เที่ยวเพลิน จนบางทีก็ไม่มีเวลาอ่านนิยาย 555+

ขอบคุณทุก คคห.นะครับ


โดย: Nat_NM วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:8:37:41 น.  

 
มาอ่านรีวิวครับ อารมณ์อยากอ่านแนวเหนือๆจะนึกถึงเรื่องนี้นะครับ


โดย: อุ้มสม วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:17:16:42 น.  

 
เรื่องนี้ได้อ่านในสกุลไทยค่ะ ^^
ค่อนข้างชอบมากๆ ทีเดียว อาจเป็นเพราะอ่านแล้วได้บรรยากาศเมืองน่านแท้ๆ
อ่านแล้วเหมือนได้ย้อนกลับไปสมัยที่เคยไปเที่ยวน่านเลย ^^
แอบคิดว่าจบง่ายไปนิดนึง น่าจะขมวดเรื่องให้เข้มข้นได้อีก ฮ่าๆ
แต่ไปๆ มาๆ ก็คิดว่าผู้แต่งคงอยากจะคง concept ตามชื่อเรื่อง
โดยให้พระ-นางเป็นเหมือน Observer เท่านั้นเอง
แต่เท่านี้ก็อิ่มใจมากๆ แล้วค่ะ

คู่พระ-นาง อาจจะไม่หวานมากเท่าไหร่
แต่อ่านแล้วก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กันอย่างจริงใจ
ไม่ได้เป็นรักฉาบฉวยแบบหนุ่มสาวสมัยใหม่ในนิยายยุคสมัยนี้
ซึ่งเป็นอีกจุดนึงที่ทำให้อ่านแล้วชอบค่ะ

ป.ล. ไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับคำเมือง
เรื่องนี้ผู้แต่งได้แทรกภาษากลางไว้ด้วย อ่านรู้เรื่องแน่นอนค่ะ ^^


โดย: มุลิลาวิฬาร์มาเลศ วันที่: 16 มีนาคม 2557 เวลา:22:21:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

blissfultime
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add blissfultime's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.