กาลกระซิบ : กนกวลี พจนปกรณ์
พิมพ์ครั้งแรก, กุมภาพันธ์ 2557 / จำนวน 438 หน้า / สนพ.เพื่อนดี/ ราคาปก 295 บาท
เรื่องจากปกหลัง
เรื่องราวของกาลกระซิบ ได้มีจุดกำเนิดจากที่นี่ วันที่เธอมาได้ยินเสียงกระซิบ คือวันที่เธอได้มาเจอกับพันแสง เรื่องราวต่างๆ จึงเกิดขึ้น...
จนกาลเวลาเดินทางมาถึงวันนนี้ วันที่ทุกอย่างกระจ่างแจ้ง หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอและพันแสงได้พบ ยากแก่การอธิบาย ยากแก่การหาเหตุและผลมารองรับ แต่เธอกับเขาเชื่อด้วยหัวใจ เชื่อด้วยศรัทธา...
วันนี้ผมจะพาคุณไปอีกหลายวัด ผมจะขอพรพระทุกวัดและตั้งจิตอธิษฐานบอกแก่ท่านให้ช่วยเป็นพยานว่าผมรักคุณ จะรักตลอดไป จะไม่ทำให้คุณผิดหวังเหมือนชี่วิตของเจ้าแก้วก๊อ เสียงคนข้างเคียงเอ่ยอีก...
แก้วกรพินธุ์ยิ้มชื่น สุขล้ำลึกอยู่ในอกในใจ ชีวิตของมนุษย์ผู้หนึ่ง ถ้ามีคนรักสักคน รักจนหมดหัวใจ รักด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้คนรักมีความสุข เพียงเท่านี้ ก็นับว่าคนผู้นั้นโชคดีอย่างที่สุดแล้ว...
เรื่องราวเพิ่มเติมเผยเนื้อหา(ย่อเอง)
แก้วกรพินธุ์เงยหน้าแหงนดูจิตรกรรมบนฝาผนังในพระอุโบสถทรงจตุรมุขของวัดภูมินทร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และเป็นวัดชื่อดังของจังหวัดน่าน ภาพชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมือง ไว้ผมมวยยกเกล้าสูง หญิงใส่เสื้อแขนยาวรัดรูป นุ่งผ้าถุงลายขวางสีสดแดงน้ำเงิน ส่วนฝ่ายชายไม่ได้สวมเสื้อ อวดรอยสักรอบตัว นุ่งผ้าเตี่ยวยกรั้งขึ้นเหนือเข่าเพื่อโชว์รอยสักบนต้นขา ตามประเพณีนิยมของชายชาตรี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความอดทนและความกล้าหาญ...
แก้วกรพินธุ์เดินทางมาจังหวัดน่านเป็นครั้งแรก เธอได้รับการมอบหมายจากบุคคลที่ครอบครัวนับถือซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมน่าน ไหว้วานให้มาช่วยบริหารโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ซึ่งอยู่บนถนนสุมนเทวราช ใจกลางเมืองน่าน
สไบทิพย์เพื่อนสาวสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของแก้วกรพินธุ์ซึ่งเป็นคนจังหวัดน่านพาแก้วมาเที่ยวยังวัดภูมินทร์ แก้วรู้สึกประทับใจกับภาพ กระซิบรัก เป็นอย่างมากและในระหว่างที่ชมเธอรู้สึกแปลกๆ คล้ายกับได้ยินเสียงผู้ชายกระซิบอะไรบางอย่างเคล้าคลอมากับเสียงสะล้อ ซอ ซึง เครื่องดนตรีพื้นเมืองทางภาคเหนือ...
ณ ที่แห่งนั้นเธอได้พบกับ พันแสง ศึกษานิเทศก์หนุ่ม ซึ่งเป็นเพื่อนของสไบทิพย์ ทั้งคู่จึงได้รู้จักกัน ชายหนุ่มเอ่ยว่าเขารู้สึกว่าแก้วกรพินธุ์มีใบหน้าคล้ายกับหญิงในภาพบนจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัวที่อำเภอท่าวังผา เย็นวันนั้นทุกคนจึงเดินทางไปพิสูจน์กัน เมื่อเดินทางไปถึงและได้พบกับภาพชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งอยู่บนผนังพระอุโบสถวัด ซึ่งมีสภาพเก่าและไม่ชัด ใครๆต่างก็ผิดหวัง แต่แก้วกรพินธุ์ได้เกิดเห็นภาพนั้นปรากฎชัดเจนขึ้นมาแว๊บหนึ่ง คล้ายกับภาพนั้นเพิ่งวาดเสร็จใหม่ๆ
เรื่องราวของชายหนุ่มลึกลับซึ่งมาปรากฎกายในความฝันของแก้วกรพินธุ์ช่างสอดคล้องกับความฝันของใครหลายๆ คนที่มาเกี่ยวข้องด้วย นับตั้งแต่ พันแสงซึ่งฝันเห็นคนแต่งกายในชุดโบราณน้ำเสียงพูดจาประหลาดๆ และชายหนุ่มร่างกายกำยำ มาปรากฏกายในสถานที่ต่างๆและเอ่ยถามถึงเจ้าแก้วก๊อ ตรงกันกับ น้านีรา สาวใหญ่เพื่อนรุ่นน้องของแม่แก้วกรพินธุ์ผู้มีนิสัยเจ้ายศเจ้าอย่าง ซึ่งเดินทางมาเที่ยวจังหวัดน่าน ก็ได้เห็นเจ้แก้วก๊อและฝันเกี่ยวกับเรื่องราวประหลาดๆมีตัวละครเชื่อมโยงเช่นกัน แต่ทุกคนก็แปลกใจเพราะเมื่อพบว่าชาติภพที่แล้วนั้น เจ้าแก้วก๊อช่างมีใบหน้าที่เหมือนกับแก้วกรพินพินธุ์ ส่วนเจ้าดาราคำ หน้าตาก็เหมือนกับน้านีรา
กับเรื่องราวของผู้คนชายหญิงแต่งชุดโบราณพูดจาแปลกๆ และเรื่องราวในความฝันที่ทุกคนต้องหาความจริง เมื่อนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อกัน จึงได้ความว่าเมื่อในอดีต เจ้าแก้วก๊อ ธิดาเจ้าน้อยสุทธาและแม่เจ้าบัวตอง เกิดรักใคร่ชอบพอกับหนาน แต่ถูกกีดกันจากเจ้าดาราคำผู้เป็นป้าซึ่งอยู่ตัวคนเดียวเพราะสามีตายและรักหลานชายมาก อยากให้เจ้าแก้วก๊อหลานสาวได้แต่งงานกับเจ้าอินต๊ะหลานชายตัวเอง เจ้าอินต๊ะ หนุ่มชึ่งวันๆ ชอบตีไก่เล่นการพนันเป็นชิวิตจิตใจ
กระทั่งวันหนึ่งเจ้าน้อยสุทธาและเจ้าบัวตองเดินทางไปเวียงสา ช้างพาหนะของเจ้าบัวตองเกิดตกมัน ฟาดงวง ฟาดงา เป็นเหตุให้เจ้าบัวตองพลัดตกจากหลังช้าง และถูกช้างเหยียบตายอย่างน่าอนาถ
ความเสียใจที่เจ้าแม่จากไปไม่ทันหาย เจ้าดาราคำเปลี่ยนสถานะตัวเองจากเจ้าป้ามาเป็นแม่เลี้ยง และยังสนับสนุนให้เจ้าอินต๊ะแต่งงานกับเจ้าแก้วก้อ หนานยอมตัดใจจากเจ้าแก้วก๊อ เมื่อไม่สมหวังเขาจึงกลับบ้านที่ท่าวังผา เริ่มทำตัวเสื่อมถอยดื่มเหล้าเคล้านารีไปวันๆ นำเหตุเภตภัยมาให้ตัวเองจนถึงแก่ความตาย สร้างความผิดหวังให้แก่เจ้าแก้วก๊อเป็นอย่างมาก
หลังจากที่แต่งงานกับเจ้าแก้วก๊อ เจ้าน้อยอินต๊ะแอบเล่นชู้กับนางม่าน ข้ารับใช้ส่วนตัวของเจ้าดาราคำ นางม่านเป็นพวกพม่าที่เจ้าป้าเก็บมาเลี้ยงไว้เป็นข้ารับใช้ เมื่อยกตัวขึ้นเป็นเมียของเจ้าอินต๊ะนางม่านก็เริ่มทำตัวฟุ้งเฟ้อแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยทองหยอง ก้าวร้าวด้วยวาจาสร้างความขุ่นเคืองให้กับเจ้าดาราคำเป็นอย่างมาก จนเกิดเหตุบีบคอนางม่านถึงแก่ความตาย เจ้าอินต๊ะเสียใจมาก อุ้มไก่หนีหายข้ามเขาข้ามดอยไปไม่กลับมา
เจ้าป้าดาราคำ ซึ่งภพนี้อยู่ในร่างของน้านีราเกิดหลงเสน่ห์เมืองน่านได้มาซื้อบ้านไม่สักเก่าโบราณหลังหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมคือบ้านของเจ้าน้อยสุทธานั่นเอง และได้เจอกับอมรินทร์(ภพเดิมคือเจ้าอินต๊ะ) ได้มาช่วยซ่อมแซมบ้านเพื่อดัดแปลงเป็นบ้านเช่าขนาดเล็กๆ น้านีราสนับสนุนอมรินทร์จับคู่กับแก้วกรพินธุ์อย่างออกหน้าออกตา เมื่อคราวที่พ่อและแม่ของแก้วกรพินธุ์เดินทางมาเยี่ยมลูกสาว
เมื่อซ่อมบ้านเสร็จเธอก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่พร้อมกับคนงานอีก2 คน น้านีราเริ่มมีอาการแปลกไปเมือวันหนึ่งเกิดฝันว่าผีนางม่านกลับมาแก้แค้น อาการเริ่มเหมือนคนสติไม่ดี มีอาการเซื่องซึม เพ้อถึงเรื่องราวในอดีต จนวันหนึ่งนางม่านได้กลับมาแก้แค้นบีบคอจนเสียชีวิตจริงๆ การจากไปของน้านีราสร้างความตกใจให้กับทุกคนรวมทั้งญาติๆ แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ว่ามันคือกรรมเก่านั่นเอง...
ความจริงเริ่มคลี่คลายเมื่อผู้มาจากภพภูมิก่อน ได้มาปรากฏกายบอกเล่ากระซิบเรื่องราวในอดีตว่า หลังจากนั้นเจ้าน้อยอินต๊ะก็กลับมา เริ่มมีวาจาโกรธเกรี้ยวสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าน้อยสุทธาจนเส้นเลือดในสมองแตกทรุดตัวลงสิ้นใจตาย...
เจ้าแก้วก๊อเหมือนไม่มีที่พึ่งเมื่อสิ้นญาติขาดมิตร เธอมาปราฎกายในความฝันของพันแสง ว่าโลกใหม่ที่พันแสงอยู่จะดีกว่าโลกในปัจจุบันของเธอหรือไม่ เธอได้พบคำตอบว่าในโลกยุคใหม่ ผู้หญิงมีสิทธิเลือกได้ด้วยตัวเอง ไม่เหมือนในอดีตที่ต้องตัดสินด้วยความเหมาะสมและควบคุมโดยผู้ใหญ่เธออยากข้ามมาอยู่ภพหน้าเหลือเกิน...
การมาปรากฎกายของหนานบัวผัน ได้มาเฉลยความจริงที่ว่า หนานบัวผันจิตรกรมือหนึ่งในเรื่องวาดภาพงานเขียน ผู้มาบอกเล่าเรื่องราวในอดีต กับชายอีกผู้หนึ่งที่เป็นคนรักของเจ้าแก้วก๊อ ซึ่งก็คือช่างผู้ช่วยของหนานบัวผันนั่นเองที่มีฝีมือดีเช่นกัน และได้แอบวาดรูปของเจ้าแก้วก๊อลงบนผนังวัดหนองบัว เขาหวังว่าสักวันหนึ่งเจ้าแก้วก๊อจะได้กลับมาเห็น...
ท้ายเรื่องไม่มีอะไรมากเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย พระ นาง ก็แฮปปี้เอนดิ้งครับ....
ความคิดเห็นหลังจากที่ได้อ่าน
มาทำความรู้จักกับประวัตินักเขียนท่านนี้คร่าวๆกันก่อนนะครับ เพราะนี่เป็นเล่มแรกที่ผมเลือกหยิบขึ้นมาอ่านกับผลงานเล่มล่าสุดของคุณกนกวลี พจนปกรณ์ เรื่องกาลกระซิบ เล่มนี้เพิ่งพิมพ์รวมเล่มออกมาสดๆร้อนๆ เมื่อต้นเดือนนี้นี่เองซึ่งเพิ่งเขียนจบลงไปเมื่อไม่นานมานี้จากนิตยสารสกุลไทยรายสัปดาห์
คุณกนกวลี พจนปกรณ์ เป็นชาวอำเภอเวียงสา จังหวัดน่านจบการศึกษาจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีผลงานเรื่องสั้นเรื่องแรกคือ ทางไปสู่ดวงดาว ลงตีพิมพ์ในนิตยสารสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ในปีพ.ศ. 2523 และมีผลงานเรื่องสั้นเรื่อยมา ต่อมาได้เขียนนวนิยายลงตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ เช่น สกุลไทย ขวัญเรือน ดิฉัน เปรียว หญิงไทย ฯลฯ
ผลงานเด่นอาทิเช่น กาษานาคา, อภิมหึมามหาเศรษฐี, ยิ่งฟ้ามหานที, จะเก็บรักไว้มิให้หลุดลอย, ซอย 3 สยามสแควร์ ฯลฯ
กาลกระซิบ นิยายเล่มเล็กไม่หนามากอ่านสนุกดีครับ ชอบเนื้อหาที่ผู้เขียนได้นำเสนอ เรื่องราวของเมืองน่าน ตามกระแสนิยมเรื่องการท่องเที่ยวละกันครับว่าในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา เมืองน่านกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย และเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มากนัก มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ดอยเสมอดาว ดอยผาชู้ อช.ขุนสถาน บ่อเกลือสินเธาว์โบราณที่อำเภอบ่อเกลือ รวมทั้งดอกไม้ประจำถิ่นอย่างชมพูภูคาก็มีชื่อเสียงขึ้นชื่อ
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมก็มีหลากหลาย ทั้งจิตรกรรมฝานังบนวัดภูมินทร์ วัดหนองบัว ตลอดจนพระอุโบสถทรงสถาปัตยกรรมแบบล้านนาของวัดต่างๆ เช่น พระอุโบสถที่วัดบุญยืน วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพระธาตุแช่แห้งพระอุโบสถทรงจตุรมุขของวัดภูมินทร์ หรือแม้กระทั่งเครื่องเงินเมืองน่านก็ขึ้นชื่อไม่แพ้ใครเช่นกัน (อืม...พรรณามามากมายแล้ว พอก่อนละกัน เดี๋ยวจากบล็อกรีวิวหนังสือ จะกลายเป็นบล๊อกรีวิวท่องเที่ยวเมืองไทยไปซะก่อน...)
ผู้เขียนจับกระแสนิยมมาได้ถูกทาง ณ ตอนนี้เลยครับ รูปปก ชื่อเรื่อง พล็อต และเนื้อเรื่องสนุกสนานน่าติดตามดีครับ ผสานกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์(จิตรกรรมฝาผนัง) ส่วนเรื่องภาษาพูดโบราณๆ ของตัวละคร ผู้เขียนได้เขียนอธิบายไว้ในเรื่องราวด้วย เผื่อใครที่สับสนในเรื่องของภาษาเหนืออาจจะไม่เข้าใจ
โดยส่วนตัวชื่นชอบจังหวัดน่านเช่นกัน ผมเพิ่งเดินทางไปเที่ยวมาเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้วประทับใจมาก ได้ไปชมวัดวาอารามและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ตัวละครในนิยายเดินทางไป ได้ไปเห็นภาพกระซิบรักที่ใครๆ ไปเมืองน่านก็ต้องไปชมกัน เมื่อเราได้อ่านนิยายเรื่องนี้ก็เหมือนว่าเราได้ร่วมเดินทางไปเที่ยวและสามารถจินตนาการจากสถานที่จริง นับว่าสนุกสนานกันเลยทีเดียว
*หนาน =ชายหนุ่มที่บวชเรียนแล้ว
**เสริมอีกนิดนึ่ง (คคห.ส่วนตัว) รู้สึกว่าพล๊อตของเรื่องน่าจะเพิ่มดราม่าหนักๆเข้าไปได้อีก เพื่อเพิ่มอรรถรสให้นักอ่าน เพราะตัวเอกของเรื่องนี้จุดเด่นสุดจะไปอยู่ที่น้านีราศูนย์รวมของเรื่องราวกับนางม่านผู้เป็นทาสที่มีความแค้นส่วนตัวกันเมื่อแก้แค้นเสร็จทุกอย่างก็คลี่คลาย แทนที่ความแค้นนั้นจะเกิดขึ้นกับพระ - นางที่เป็นตัวเอก ส่วนท้ายเรื่อง บทของหนาน ที่เป็นคนรักของเจ้าเก้าก๊อ กลับทำตัวสำมะเลเทเมาซะได้ ความจริงน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ และเรื่องเสียงกระซิบจากชายหนุ่มจากภพก่อน น่าจะเติมเรื่องราวความรักหวานๆ นิดนึงน่าจะดีทีเดียวครับ....
***เพิ่มเติม ภาพกระซิบรัก ของปู่ม่านย่าม่าน คำว่า ม่าน ในที่นี้หมายถึงพวกชนชาติพม่า ที่มาค้าขายที่เมืองน่าน ซึ่งหนานบัวผันน่าจะจำลองวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านและหญิงชาวม่านว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร มีการละเล่น การพูดจา และการเกี้ยวพาราสีกันซึ่งสามารถเห็นได้จากจิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมินทร์
เล่มนี้ แนะนำเลยครับ
ดูหน้าปกเหมือนสารคดีมากกว่านิยายนะคะ