พระจันทร์กระดาษ : Paper Moon (Addie Pray)
Joe David Brown : เขียน
เทศภักดิ์ นิยมเหตุ : แปล
พิมพ์ครั้งแรก, สิงหาคม 2552 / จำนวน 310 หน้า / แพรวสำนักพิมพ์ / ราคาปก 210 บาท
เรื่องจากปกหลัง
แอดดี้ เพรย์ เด็กหญิงกำพร้า ออกเดินทางไปหาป้าซึ่งอยู่ต่างเมืองกับโมเซส เพรย์ หรือ ลองบอย ซึ่ง อาจจะ เป็นพ่อที่แท้จริงของแอดดี้ เนื่องจากแม่ของแอดดี้ก่อนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตได้มีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน รวมทั้ง ลองบอยด้วย ระหว่างทางทั้งลองบอยและแอดดี้ได้ร่วมมือกันหาเงินด้วยการต้มตุ๋นชาวบ้านไปเรื่อย และรอดพ้นภัยจากเจ้าหน้าที่มาทุกครั้ง
ความผูกพันธ์ระหว่าแอดดี้กับลองบอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนเป็นพ่อลูกกันจริงๆเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่สร้างเป็นภาพยนต์ก็นำแสดงโดยสองพ่อลูกในชีวิตจริง คือ ไรอันและตาตั้ม โอนีล
เรื่องราวเพิ่มเติม (ย่อเอง)
เรื่องราวของสองพ่อลูกกำมะลอคือแอดดี้ เพรย์ และโมเสซ เพรย์ ที่เรียกว่ากำมะลอในที่นี้หมายถึงว่า เอสซี เม ล็อกกินส์ แม่ของแอดดี้ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กับชายสามคนเมื่อสมัยที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หลังการจากไปของแม่เมื่อแอดดี้มีอายุได้ 6ขวบ แอดดี้ต้องเดินทางไปอยู่กับป้าที่ต่างรัฐ ทั้งสองจึงตกลงร่วมธุรกิจกัน โดยการแสดงเป็นพ่อลูกกันจริงๆ...
ในระหว่าการเดินทางของทั้งสองมีเรื่องราวสนุกสนานมากกมาย (ในมุมมองของแอดดี้) ในเรื่องของการต้มตุ๋นหลอกลวง เรื่องแบบนี้เขาสอนให้แอดดี้เรียกมันว่าการทำธุรกิจ....
ธุรกิจเกี่ยวกับการขายไบเบิล เหยื่อของสองพ่อลูกมักจะเป็นหญิงหม้ายที่เพิ่งสูญเสีย เริ่มจาการซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเพื่อหาข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของชายแก่ หลังจากนั้นเขาก็จะนำไบเบิลที่มีอยู่เต็มหลังรถโบราณของเขาเอง มาพิมพ์ปกทองใส่ชื่อให้สวยงามเรียบร้อยแล้วนำไปขายให้หญิงหม้ายที่เพิ่งอยู่ในภาวะสูญเสีย แล้วเรียกเก็บตังค์ โดยอ้างว่าผู้ตายเพิ่งสั่งทำใบเบิลเพื่อเป็นที่ระลึกให้กับคนที่รักของเขา....
อีกกรณีหนึ่งที่คล้ายกันคือ การขายรูปภาพของสามีของหญิงหม้ายนั่นเอง โดยเขาจะติดต่อนักข่าวและนำภาพที่ได้จากนักข่าวในเมืองนั้นๆ นำไปอัด ขยายเข้ากรอบอย่างสวยงาม แล้วนำมาขายให้แก่ญาติผู้สูญเสีย แต่ธุรกิจนี้ก็สามารถทำได้เรื่อยๆ แม้ว่าจำนวนเงินที่ได้มันจะไม่มากก็ตาม เพียงแค่รายละ 5-6 เหรียญ...
ธุรกิจต่อไปคือ ธุรกิจการปั่นหัวเจ้าของร้านเรื่องการทอนเงินของร้านค้าเล็กๆ ตามรายทางของเส้นทางที่พวกเขาผ่านมา คือการสร้างความสับสนให้แก่แคชเชียร์ร้าน โดยลองบอยจะทำทีเข้าไปซื้อของและจ่ายโดยแบงค์ 20 เหรียญที่เขียนชื่อเอาไว้ อาศัยช่วงชุลมุนแอดดี้จะเข้าไปซื้อของเช่นกันที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 ดอลลาร์ หลังจากที่ได้รับเงินทอน เธอจะทำเป็นเดินออกไปแล้วชะงักนิดนึง พร้อมกับหันมาบอกคนขายว่าคุณทอนเงินผิด เมือกี้ฉันให้แบงค์ 20 เหรียญ คนขายก็จะทำหน้างง แจ้งว่าเป็นแบงค์ 1 เหรียญ แต่หลังจากนั้นแอดดี้ก็จะบอกกว่าเธอได้รับเงินมาจากคุณปู่ ที่มีชื่อเขียนกำกับเอาไว้ เมื่อคนขายเจอแบงค์ 20 เหรียญก็จำต้องทอนกลับมาจริงๆ งานนี้สร้างรายได้ให้กับสองพ่อลูกได้อย่างดี.....
เรื่องที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับแอดดี้อย่างมากเห็นจะเป็น การเข้ามาของหญิงสาวสวยคนหนึ่ง มิสทริกซี่ ดีไลท์ สาวนักเต้นรำซึ่งลองบอยเห็นจะหลงไหลเข้าอย่างหัวปักหัวปำ กว่าที่แอดดี้จะหาทางกำจัดออกไป เธอต้องใช้สมองคิดหนักเอาการ
การเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมายอย่าเหล้าเถื่อนของลองบอยกับแอดดี้ในครั้งนี้เกือบทำให้ทั้งสองเอาชีวิตไม่รอด เนื่องจากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้คุมสินค้าหนีภาษีของเมือง และที่มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย ทั้งสองต้อสูญเสียรถสปอร์ตคันงามให้แก่สามพี่น้องแฮงกินส์เกษตรกรชาวไร่ฝ้าย เพื่อหลบหนีจากการจับกุม แลกกับเจ้าดอดจ์ รถเศษเหล็กคันหนึ่งที่วิ่งแทบจะไปไม่เป็น ราวกับเศษเหล็กวิ่งได้ วิ่งไปนิดเดียวหม้อน้ำร้อนต้องจอดพักบ่อยๆ ทั้งสองได้สินค้าอย่างหนึ่งจากสามพี่น้องนั้นมาคือ ฝ้ายดิบสองมัดใหญ่และนั่นเองคือธุรกิจต่อไปของสองพ่อลูก...
ใครจะรู้ว่าลองบอยมีวิธีการสร้างรายได้จากใบรับของโกดัง (คูปอง,ใบประทวนสินค้า) หน้าโกดังฝ้าย ซึ่งเขาแอบไปขโมยมานั่นเอง ทั้งสองจะนำมาเขียนแล้วนำฝ้ายตัวอย่างอีกนิดหน่อยพร้อมใบประทวนสินค้าไปขายให้กับเจ้าของโกดังต่างๆ ในและแวกนั้นโดยเปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ....
เมื่อใบรับหมดลองบอยจึงคิดว่าธุรกิจนี้สร้างรายได้ดีทีเดียว จึงได้โทรศัพท์ไปยังโรงพิมพ์ที่รับพิมพ์ใบประทวนให้กับโกดัง โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของโกดังฝ้าย หลังจากนั้นก็ไปรับมา แล้วน้ำใบรับนั้นไปตระเวณขายตามเมืองต่างๆไปเรื่อยๆ....
แต่ธุรกิจนี้ก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อวันหนึ่งเขาเกือบถูกจับได้ และต้องรีบหนีอย่างหั้วซุกหัวซุนและได้รับความช่วยเหลือจาก ลี เมเจอร์คาร์เตอร์ อี ลี (เมเจอร์ลี) นักธุรกิจเหมืองแร่และนักค้าหุ้น
ธุรกิจโรงงานกระดาษกับเมืองเล็กๆ โดยการแนะนำของเมเจอร์ลี ว่าเขามีโครงการก่อสร้างโรงงานกระดาษเป็นธุรกิจแรกที่ลองบอยและเมเจอร์ลีเข้าร่วมทำธุรกิจด้วยกัน ธุรกิจเหมืองแร่ก็เช่นเดียวกัน เมเจอร์ลีมีที่เป็นเหมือนแร่อยู่จำนวนหนึ่ง และต้องการหาผู้ร่วมทุน โดยเขาจะขอให้ผู้ร่วมหุ้นช่วยระดมทุนในการสร้างเหมืองแร่ จากนั้นก็จะหลอกเอาเงินจากผู้ร่วมหุ้นไป...
ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปทำธุรกิจต่อไป เมเจอร์ลีชักชวนให้ลองบอยกับแอดดี้ มาทำงานอย่างหนึ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้เงินก้อนโต เกี่ยวกับแผนการจาก โบ โกลด์สโบโร หลานชายของอมิเลีย แมซ เศรษฐีนีใหญ่แห่งเมืองนิวออร์ลีนส์ ที่ครอบครองคฤหาสถ์โกลด์สโบโร กับมรดกอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์ โดยการให้แอดดี้ ปลอมตัวเป็นแอดดี้ อิสเบส หลานสาวที่พลัดพรากกันไปเมื่อสมัยก่อน
แต่ความลับที่ว่าอมิเลีย ได้ถูกอาชิลด์ผู้จัดการมรดกประจำตระกูลยักยอกสินทรัพย์ไปเล่นหุ้นหมด แต่เธอสามารถครองตัวสร้างภาพว่าเป็นเศรษฐีนีได้อย่างแนบเนียน ทั้งที่จริงเธอเหลือสินทรัพย์แค่เพียง 17000 ดอลลาร์ ซึ่งก็คือหุ้นสารธารณูปโภค ที่มีส่วนแบ่งรายได้ปีละ 600 ดอลลาร์เท่านั้นเอง
เรื่องราวกลับตาลปัตร อมิเลีย วางแผนดัดหลังทวงสมบัติที่เคยให้กับ โบ โกลด์สโบโรไป โดยการอ้างว่าจะยอมให้โบ เป็นผู้จัดการทรัพย์สินให้อมิเลีย โบเห็นว่านั่นเป็นลู่ทางที่เขาจะสามารถเข้าครอบครองมรดกหลายร้อยล้านดอลลาร์ของอมิเลีย เขาจึงตกลงข้อเสนอ
อมิเลีย มิสฟลาวเออร์ และแอดดี้ช่วยกันถลุงเงินของโบอย่างหนัก ทั้งซ่อมบ้าน ซื้อรถ และเครื่องใช้เครื่องมือต่างๆ ตลอดจนใช้สินค้าราคาแพงๆ โดยที่โบเองก็ยอมจ่ายเพียงเพราะคิดว่าตนเองได้เป็นผู้ครอบครองทรัพย์สมบัติมากมายของอมิเลีย เงินที่จ่ายออกไปน่าจะคุ้มค่ามากกว่าเงินที่เขาเองน่าจะได้มา...
อมิเลียมีอาการของโรคหัวใจอยู่บ่อยๆ กระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้จากไปอย่างสงบ เป็นอันว่าเรื่องราวได้จบลงอย่างสวยงาม แอดดี้เองยังคิดถึงลองบอยอยู่ไม่หาย คิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจของเธอกับลองบอย....
เช้าวันหนึ่งลอยบอยขับเจ้าดอดจ์เข้ามาจอดที่หน้าถนนคฤหาสถ์ แอดดี้แทบกลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ เธอตัดสินใจเดินทางไปร่วมธุรกิจกับลองบอยโดยไม่ลังเล ทั้งสองมุ่งหน้าสู่เพื่อประกอบธุรกิจต่อไปยังเคนทักกี้...
เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกลสำหรับพวกเขา....
พระจันทร์กระดาษ มีชื่อภาษาอังกฤษเดิมว่า Addie Pray แต่หลังจากได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนต์เมื่อปีค.ศ. 1973 โดยใช้ชื่อว่า PaperMoon หนังสือเรื่องนี้ก็เป็นที่รู้จักในชื่อใหม่นี้ด้วย สำหรับ Paper Moon ฉบับภาพยนต์นั้นนำแสดงโดยพ่อลูกไรอัน และตาตั้ม โอนีล โดยตาตั้มผู้รับบท Addie Pray สามารถพิชิตรางวัลตุ๊กตาทองออสการ์สาขาผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมาครอง ด้วยวัยเพียง 10 ขวบเท่านั้น ทำให้เธอกลายเป็นผู้พิชิตรางวัลที่อายุน้อยที่สุด และยังรักษาสถิตินี้ไว้ได้จนถึงทุกวันนี้
แอดดี้ - ลองบอย ในภาพยนตร์ Paper Moon
ความคิดเห็นหลังจากที่ได้อ่าน
หยิบนิยายแปลเรื่องดังอีกเรื่องของคุณเทศภักดิ์ นิยมเหตุ มาอ่านกับเรื่องราวสนุกสนานของสองพ่อลูกเรื่องนี้ อ่านเล่นๆ สนุกดีครับ อ่านไปขำไปอาจจะไม่ฮามากเท่าแผ่นดินนี้เราจองหรือฟ้าใหม่ในซานมาร์โค แต่รับรองได้ว่าพล็อตแบบนี้สนุกสนาน อ่านไปอมยิ้มไปในบางมุขของผู้แปล...
ลุ้นไปกับเรื่องราวว่ากลวิธีการหาเงินของลองบอย ว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งสองจะไปไหน ออกนอกเส้นทางตลอดไม่มีตุดหมายแน่นอน เพราะแล้วแต่ว่ามีหนทางทำธุรกิจในรูปแบบใดที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า...
แปลกเหมือนกันที่เราเป็นผู้อ่านแต่บางทีก็แอบเห็นด้วยกับการกระทำของสองพ่อลูก ถึงแม้ว่าบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็ตาม มันถือว่าเป็นการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ จากการใช้หัวสมองอันชาญฉลาดของลองบอยและแอดดี้
แต่ใช่ว่าทั้งสองจะไม่เคยทำธุรกิจที่สุจริตนะครับ ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ทั้งสองมีโอกาสได้ไปต้อนรับประธานาธิบดี แฟรงคลินดี โรสเวลต์ ที่สถานีรถไฟ เนื่องจากลองบอยได้เห็นถึงคะแนนความนิยมชมชอบของชาวเมือง เขาจึงคิดว่าน่าจะมีธุรกิจที่สร้างรายได้กับเรื่องแบบนี้ จึงได้นำภาพที่ได้จากช่างภาพ ไปใส่กรอบนำไปขายให้กับชาวเมือง แต่อย่างว่าเมื่อความต้องการเริ่มลดลง การทำอาชีพสุจริตแบบนี้จึงเป็นอันต้องยุติลง....
มองอีกมุมหนึ่งอาจจะมองว่า แอดดี้ช่างเป็นเด็กที่แก่แดดจริงๆ แต่นั่นก็เพราะว่าเธอเติบโตมากับวิถีชีวิตแบบนั้น เธอถูกสอนให้มองว่าการทำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสนุก ถึงแม้ว่าบางเรื่องมันเป็นการเอาเปรียบคนอื่นก็ตาม...
แต่ก็ยังไม่มีโอกาศหามาอ่านซะที
ขอบคุณสำหรับรีวิวจ้า