Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
พระจันทร์กระดาษ : โจ เดวิด บราวน์


พระจันทร์กระดาษ  : Paper Moon (Addie Pray)

Joe David Brown : เขียน

เทศภักดิ์ นิยมเหตุ : แปล

พิมพ์ครั้งแรก, สิงหาคม 2552 / จำนวน 310 หน้า / แพรวสำนักพิมพ์ / ราคาปก 210 บาท


เรื่องจากปกหลัง

แอดดี้ เพรย์ เด็กหญิงกำพร้า   ออกเดินทางไปหาป้าซึ่งอยู่ต่างเมืองกับโมเซส เพรย์ หรือ “ลองบอย” ซึ่ง “อาจจะ”  เป็นพ่อที่แท้จริงของแอดดี้   เนื่องจากแม่ของแอดดี้ก่อนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตได้มีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน รวมทั้ง ลองบอยด้วย    ระหว่างทางทั้งลองบอยและแอดดี้ได้ร่วมมือกันหาเงินด้วยการต้มตุ๋นชาวบ้านไปเรื่อย และรอดพ้นภัยจากเจ้าหน้าที่มาทุกครั้ง

ความผูกพันธ์ระหว่าแอดดี้กับลองบอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ    จนเหมือนเป็นพ่อลูกกันจริงๆเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่สร้างเป็นภาพยนต์ก็นำแสดงโดยสองพ่อลูกในชีวิตจริง  คือ ไรอันและตาตั้ม โอ’นีล

เรื่องราวเพิ่มเติม (ย่อเอง)

เรื่องราวของสองพ่อลูกกำมะลอคือแอดดี้  เพรย์  และโมเสซ เพรย์  ที่เรียกว่ากำมะลอในที่นี้หมายถึงว่า  เอสซี เม ล็อกกินส์   แม่ของแอดดี้ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์กับชายสามคนเมื่อสมัยที่เธอยังมีชีวิตอยู่   หลังการจากไปของแม่เมื่อแอดดี้มีอายุได้ 6ขวบ แอดดี้ต้องเดินทางไปอยู่กับป้าที่ต่างรัฐ  ทั้งสองจึงตกลงร่วมธุรกิจกัน   โดยการแสดงเป็นพ่อลูกกันจริงๆ...

ในระหว่าการเดินทางของทั้งสองมีเรื่องราวสนุกสนานมากกมาย (ในมุมมองของแอดดี้)  ในเรื่องของการต้มตุ๋นหลอกลวง เรื่องแบบนี้เขาสอนให้แอดดี้เรียกมันว่าการทำธุรกิจ....

ธุรกิจเกี่ยวกับการขายไบเบิล   เหยื่อของสองพ่อลูกมักจะเป็นหญิงหม้ายที่เพิ่งสูญเสีย เริ่มจาการซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเพื่อหาข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของชายแก่   หลังจากนั้นเขาก็จะนำไบเบิลที่มีอยู่เต็มหลังรถโบราณของเขาเอง มาพิมพ์ปกทองใส่ชื่อให้สวยงามเรียบร้อยแล้วนำไปขายให้หญิงหม้ายที่เพิ่งอยู่ในภาวะสูญเสีย   แล้วเรียกเก็บตังค์   โดยอ้างว่าผู้ตายเพิ่งสั่งทำใบเบิลเพื่อเป็นที่ระลึกให้กับคนที่รักของเขา....

อีกกรณีหนึ่งที่คล้ายกันคือ   การขายรูปภาพของสามีของหญิงหม้ายนั่นเอง โดยเขาจะติดต่อนักข่าวและนำภาพที่ได้จากนักข่าวในเมืองนั้นๆ   นำไปอัด – ขยายเข้ากรอบอย่างสวยงาม   แล้วนำมาขายให้แก่ญาติผู้สูญเสีย   แต่ธุรกิจนี้ก็สามารถทำได้เรื่อยๆ   แม้ว่าจำนวนเงินที่ได้มันจะไม่มากก็ตาม   เพียงแค่รายละ  5-6  เหรียญ...

ธุรกิจต่อไปคือ  ธุรกิจการปั่นหัวเจ้าของร้านเรื่องการทอนเงินของร้านค้าเล็กๆ ตามรายทางของเส้นทางที่พวกเขาผ่านมา คือการสร้างความสับสนให้แก่แคชเชียร์ร้าน โดยลองบอยจะทำทีเข้าไปซื้อของและจ่ายโดยแบงค์ 20 เหรียญที่เขียนชื่อเอาไว้   อาศัยช่วงชุลมุนแอดดี้จะเข้าไปซื้อของเช่นกันที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 ดอลลาร์   หลังจากที่ได้รับเงินทอน เธอจะทำเป็นเดินออกไปแล้วชะงักนิดนึง พร้อมกับหันมาบอกคนขายว่าคุณทอนเงินผิด เมือกี้ฉันให้แบงค์ 20 เหรียญ คนขายก็จะทำหน้างง แจ้งว่าเป็นแบงค์ 1 เหรียญ แต่หลังจากนั้นแอดดี้ก็จะบอกกว่าเธอได้รับเงินมาจากคุณปู่ ที่มีชื่อเขียนกำกับเอาไว้ เมื่อคนขายเจอแบงค์ 20 เหรียญก็จำต้องทอนกลับมาจริงๆ งานนี้สร้างรายได้ให้กับสองพ่อลูกได้อย่างดี.....

เรื่องที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับแอดดี้อย่างมากเห็นจะเป็น   การเข้ามาของหญิงสาวสวยคนหนึ่ง  มิสทริกซี่ ดีไลท์  สาวนักเต้นรำซึ่งลองบอยเห็นจะหลงไหลเข้าอย่างหัวปักหัวปำ   กว่าที่แอดดี้จะหาทางกำจัดออกไป  เธอต้องใช้สมองคิดหนักเอาการ

การเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมายอย่าเหล้าเถื่อนของลองบอยกับแอดดี้ในครั้งนี้เกือบทำให้ทั้งสองเอาชีวิตไม่รอด    เนื่องจากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้คุมสินค้าหนีภาษีของเมือง และที่มีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย ทั้งสองต้อสูญเสียรถสปอร์ตคันงามให้แก่สามพี่น้องแฮงกินส์เกษตรกรชาวไร่ฝ้าย   เพื่อหลบหนีจากการจับกุม แลกกับเจ้าดอดจ์ รถเศษเหล็กคันหนึ่งที่วิ่งแทบจะไปไม่เป็น ราวกับเศษเหล็กวิ่งได้   วิ่งไปนิดเดียวหม้อน้ำร้อนต้องจอดพักบ่อยๆ   ทั้งสองได้สินค้าอย่างหนึ่งจากสามพี่น้องนั้นมาคือ   ฝ้ายดิบสองมัดใหญ่และนั่นเองคือธุรกิจต่อไปของสองพ่อลูก...

ใครจะรู้ว่าลองบอยมีวิธีการสร้างรายได้จากใบรับของโกดัง (คูปอง,ใบประทวนสินค้า) หน้าโกดังฝ้าย ซึ่งเขาแอบไปขโมยมานั่นเอง   ทั้งสองจะนำมาเขียนแล้วนำฝ้ายตัวอย่างอีกนิดหน่อยพร้อมใบประทวนสินค้าไปขายให้กับเจ้าของโกดังต่างๆ  ในและแวกนั้นโดยเปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ....

เมื่อใบรับหมดลองบอยจึงคิดว่าธุรกิจนี้สร้างรายได้ดีทีเดียว   จึงได้โทรศัพท์ไปยังโรงพิมพ์ที่รับพิมพ์ใบประทวนให้กับโกดัง   โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของโกดังฝ้าย หลังจากนั้นก็ไปรับมา   แล้วน้ำใบรับนั้นไปตระเวณขายตามเมืองต่างๆไปเรื่อยๆ....

แต่ธุรกิจนี้ก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อวันหนึ่งเขาเกือบถูกจับได้   และต้องรีบหนีอย่างหั้วซุกหัวซุนและได้รับความช่วยเหลือจาก  ลี เมเจอร์คาร์เตอร์ อี ลี  (เมเจอร์ลี) นักธุรกิจเหมืองแร่และนักค้าหุ้น

ธุรกิจโรงงานกระดาษกับเมืองเล็กๆ   โดยการแนะนำของเมเจอร์ลี  ว่าเขามีโครงการก่อสร้างโรงงานกระดาษเป็นธุรกิจแรกที่ลองบอยและเมเจอร์ลีเข้าร่วมทำธุรกิจด้วยกัน   ธุรกิจเหมืองแร่ก็เช่นเดียวกัน   เมเจอร์ลีมีที่เป็นเหมือนแร่อยู่จำนวนหนึ่ง   และต้องการหาผู้ร่วมทุน   โดยเขาจะขอให้ผู้ร่วมหุ้นช่วยระดมทุนในการสร้างเหมืองแร่   จากนั้นก็จะหลอกเอาเงินจากผู้ร่วมหุ้นไป...

ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปทำธุรกิจต่อไป   เมเจอร์ลีชักชวนให้ลองบอยกับแอดดี้  มาทำงานอย่างหนึ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้เงินก้อนโต   เกี่ยวกับแผนการจาก  โบ โกลด์สโบโร    หลานชายของอมิเลีย แมซ เศรษฐีนีใหญ่แห่งเมืองนิวออร์ลีนส์ ที่ครอบครองคฤหาสถ์โกลด์สโบโร   กับมรดกอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์   โดยการให้แอดดี้   ปลอมตัวเป็นแอดดี้ อิสเบส   หลานสาวที่พลัดพรากกันไปเมื่อสมัยก่อน

แต่ความลับที่ว่าอมิเลีย   ได้ถูกอาชิลด์ผู้จัดการมรดกประจำตระกูลยักยอกสินทรัพย์ไปเล่นหุ้นหมด   แต่เธอสามารถครองตัวสร้างภาพว่าเป็นเศรษฐีนีได้อย่างแนบเนียน  ทั้งที่จริงเธอเหลือสินทรัพย์แค่เพียง  17000 ดอลลาร์  ซึ่งก็คือหุ้นสารธารณูปโภค   ที่มีส่วนแบ่งรายได้ปีละ 600 ดอลลาร์เท่านั้นเอง

เรื่องราวกลับตาลปัตร    อมิเลีย วางแผนดัดหลังทวงสมบัติที่เคยให้กับ  โบ โกลด์สโบโรไป โดยการอ้างว่าจะยอมให้โบ เป็นผู้จัดการทรัพย์สินให้อมิเลีย โบเห็นว่านั่นเป็นลู่ทางที่เขาจะสามารถเข้าครอบครองมรดกหลายร้อยล้านดอลลาร์ของอมิเลีย   เขาจึงตกลงข้อเสนอ

อมิเลีย – มิสฟลาวเออร์ – และแอดดี้ช่วยกันถลุงเงินของโบอย่างหนัก  ทั้งซ่อมบ้าน  ซื้อรถ  และเครื่องใช้เครื่องมือต่างๆ  ตลอดจนใช้สินค้าราคาแพงๆ โดยที่โบเองก็ยอมจ่ายเพียงเพราะคิดว่าตนเองได้เป็นผู้ครอบครองทรัพย์สมบัติมากมายของอมิเลีย   เงินที่จ่ายออกไปน่าจะคุ้มค่ามากกว่าเงินที่เขาเองน่าจะได้มา...

อมิเลียมีอาการของโรคหัวใจอยู่บ่อยๆ  กระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้จากไปอย่างสงบ เป็นอันว่าเรื่องราวได้จบลงอย่างสวยงาม  แอดดี้เองยังคิดถึงลองบอยอยู่ไม่หาย คิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจของเธอกับลองบอย....

เช้าวันหนึ่งลอยบอยขับเจ้าดอดจ์เข้ามาจอดที่หน้าถนนคฤหาสถ์   แอดดี้แทบกลั้นความดีใจเอาไว้ไม่อยู่    เธอตัดสินใจเดินทางไปร่วมธุรกิจกับลองบอยโดยไม่ลังเล   ทั้งสองมุ่งหน้าสู่เพื่อประกอบธุรกิจต่อไปยังเคนทักกี้...


เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกลสำหรับพวกเขา....


   “พระจันทร์กระดาษ”  มีชื่อภาษาอังกฤษเดิมว่า Addie Pray   แต่หลังจากได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนต์เมื่อปีค.ศ. 1973  โดยใช้ชื่อว่า PaperMoon หนังสือเรื่องนี้ก็เป็นที่รู้จักในชื่อใหม่นี้ด้วย สำหรับ  Paper Moon ฉบับภาพยนต์นั้นนำแสดงโดยพ่อลูกไรอัน  และตาตั้ม โอ’นีล  โดยตาตั้มผู้รับบท Addie Pray  สามารถพิชิตรางวัลตุ๊กตาทองออสการ์สาขาผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมาครอง  ด้วยวัยเพียง 10 ขวบเท่านั้น ทำให้เธอกลายเป็นผู้พิชิตรางวัลที่อายุน้อยที่สุด  และยังรักษาสถิตินี้ไว้ได้จนถึงทุกวันนี้



แอดดี้  -  ลองบอย  ในภาพยนตร์ Paper Moon

ความคิดเห็นหลังจากที่ได้อ่าน

หยิบนิยายแปลเรื่องดังอีกเรื่องของคุณเทศภักดิ์  นิยมเหตุ  มาอ่านกับเรื่องราวสนุกสนานของสองพ่อลูกเรื่องนี้   อ่านเล่นๆ สนุกดีครับ   อ่านไปขำไปอาจจะไม่ฮามากเท่าแผ่นดินนี้เราจองหรือฟ้าใหม่ในซานมาร์โค  แต่รับรองได้ว่าพล็อตแบบนี้สนุกสนาน   อ่านไปอมยิ้มไปในบางมุขของผู้แปล...

ลุ้นไปกับเรื่องราวว่ากลวิธีการหาเงินของลองบอย  ว่าจะเป็นอย่างไร  ทั้งสองจะไปไหน ออกนอกเส้นทางตลอดไม่มีตุดหมายแน่นอน   เพราะแล้วแต่ว่ามีหนทางทำธุรกิจในรูปแบบใดที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า...

แปลกเหมือนกันที่เราเป็นผู้อ่านแต่บางทีก็แอบเห็นด้วยกับการกระทำของสองพ่อลูก   ถึงแม้ว่าบางเรื่องอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายก็ตาม มันถือว่าเป็นการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์   จากการใช้หัวสมองอันชาญฉลาดของลองบอยและแอดดี้

แต่ใช่ว่าทั้งสองจะไม่เคยทำธุรกิจที่สุจริตนะครับ   ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ทั้งสองมีโอกาสได้ไปต้อนรับประธานาธิบดี   แฟรงคลินดี  โรสเวลต์   ที่สถานีรถไฟ เนื่องจากลองบอยได้เห็นถึงคะแนนความนิยมชมชอบของชาวเมือง   เขาจึงคิดว่าน่าจะมีธุรกิจที่สร้างรายได้กับเรื่องแบบนี้   จึงได้นำภาพที่ได้จากช่างภาพ ไปใส่กรอบนำไปขายให้กับชาวเมือง   แต่อย่างว่าเมื่อความต้องการเริ่มลดลง การทำอาชีพสุจริตแบบนี้จึงเป็นอันต้องยุติลง....

มองอีกมุมหนึ่งอาจจะมองว่า   แอดดี้ช่างเป็นเด็กที่แก่แดดจริงๆ แต่นั่นก็เพราะว่าเธอเติบโตมากับวิถีชีวิตแบบนั้น  เธอถูกสอนให้มองว่าการทำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสนุก   ถึงแม้ว่าบางเรื่องมันเป็นการเอาเปรียบคนอื่นก็ตาม...   




Create Date : 11 มีนาคม 2557
Last Update : 11 มีนาคม 2557 14:33:00 น. 10 comments
Counter : 3260 Pageviews.

 
เล่มนี้แอบบสะดุดใจกับปกตั้งแต่คร้งแรกที่เห็นเลยค่ะ
แต่ก็ยังไม่มีโอกาศหามาอ่านซะที

ขอบคุณสำหรับรีวิวจ้า


โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 11 มีนาคม 2557 เวลา:15:08:06 น.  

 
น่าอ่านดีครับ อ่านรีวิวแล้วท่าทางจะสนุก ยิ่งบอกว่าเอาไปทำเป็นหนังมาด้วยแล้วยิ่งไม่น่าพลาด กดโหวตให้เลยครับ


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 11 มีนาคม 2557 เวลา:15:47:39 น.  

 
ทั้งน่าอ่านและน่าดูมากเลยครับ ภาพยนตร์เคยได้ยินชื่อมานาน แต่ไม่มีโอกาสซักที ส่วนหนังสือ เคยอ่านงานของคุณเทศภักดิ์แปล เรื่องเดียวคือแผ่นดินนี้เราจอง แล้วยังไม่มีโอกาสได้อ่านเรื่องอื่นอีกเลยครับ


โดย: สามปอยหลวง IP: 122.154.3.131 วันที่: 11 มีนาคม 2557 เวลา:19:07:59 น.  

 
เล่มนี้เคยเห็นที่ห้องสมุดมหา 'ลัยค่ะ แต่... ไม่รู้จะมีโอกาสได้ยืมมาอ่านไหม ?


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 11 มีนาคม 2557 เวลา:20:34:50 น.  

 
น่าสนใจจังฮะ เคยเห็นออกมาเป็นแซตแปลนี้เหมือนกัน ปกคล้ายๆ กัน


โดย: Boyne Byron วันที่: 12 มีนาคม 2557 เวลา:0:50:12 น.  

 
น่าสนตรงชื่อ เทศภักดิ์ นิยมเหตุ นี่แหละค่ะ


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 12 มีนาคม 2557 เวลา:21:23:18 น.  

 
pdจิงกุเบล / ปกสวยครับ ภาพบนหน้าปกบอกเล่าเรื่องราวของเนื้อเรื่อง หลังจากที่อ่านเสร็จ มาดูแล้วจะเข้าใจเลยครับว่าเขาจะสื่อถึงอะไร

ปีศาจความฝัน / เนื้อเรื่องสนุกดีครับ ฮาดี ส่วนเรื่องเอาไปทำเป็นหนังไม่รู้ว่าสนุกหรือเปล่ามันนานมาแล้ว ตั้ง 40 กว่าปีแน่ะ

สามปอยหลวง / ผมชอบสำนวนการแปล + ความตลกของเนื้อเรื่องจากแผ่นดินนี้เราจอง ก็เลยตามเก็บผลงานมาเรื่อยๆ ชอบครับ

หวานเย็นผสมโซดา / ลองอ่านนะครับ


Boyne Byron / ผมกำลังตามเก็บอยู่ครับ ชุดงานเรื่องแปลของเทศภักดิ์ บางเรื่องหายากมากเแล้ว เช่น แผ่นดินนี้เราจอง

พุดน้ำบุศย์ /






โดย: Nat_NM วันที่: 13 มีนาคม 2557 เวลา:8:30:27 น.  

 
บางทีอาจจะขึ้นกับมุมมองและการนำเสนอด้วยค่ะ อ่านรีวิวแล้วน่าอ่านจังค่ะ


โดย: Sab Zab' วันที่: 16 มีนาคม 2557 เวลา:22:35:53 น.  

 
แผ่นดินนี้เราจองยังหาไม่ได้เลยค่ะ

เรื่องนี้ก็อยากอ่าน ถูกจริตเป็นที่สุด กับ เรื่องราวของเด็กผู้หญิงกับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชาย


โดย: prysang วันที่: 18 มีนาคม 2557 เวลา:1:01:42 น.  

 
Prysang / แผ่นดินนี้เราจอง หาไม่ได้เช่นกันครับ ผมยืมห้องสมุดมาอ่าน
ส่วนพระจันทร์กระดาษสนุกครับ แนะนำครับ ปกติผมไม่อ่านนิยายแปล พอมาเจอสำนวนการแปของคุณเทศภักดิ์ ติดเลยครับ ตอนนี้กำลังรวบรวมผลงานชุดงานแปลของเทศภักดิ์ ชอบมากๆ

Sab Zab / แนะนำครับ



โดย: Nat_NM วันที่: 20 มีนาคม 2557 เวลา:14:35:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

blissfultime
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add blissfultime's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.