ไอ๊ ถามวัต สุทธิพงศ์
 
ตุลาคม 2560
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 ตุลาคม 2560
 
 

แก้วน้ำงาช้าง EPISODE I

ฉันตื่นลืมตาพร้อมกับเสียงรถโฟวิลของพ่อที่แล่นออกไปจากรั้วบ้าน
มีเสียงประตูรั้วถูกลากและเสียงสับกลอน ก่อนจะยินเสียงคันเร่งกระหึ่มไปทางหน้าปากซอย
...พ่อคงออกไปทำงานตามเคย...

ฉันลงจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
...ห้องน้ำที่ไม่ได้อยู่ในห้องนอน หากแต่ต้องผ่านโถงชั้นบน...
อาจดูเหมือนว่าไม่เป็นส่วนตัวสักนิด แต่ก็ไม่ต้องเดินไกลไปถึงชั้นล่าง

ใครหลายคนมองว่า ชีวิตของฉันดูสุขสบาย มีทุกอย่างพร้อมพรั่ง ไม่มีทางทุกข์ร้อน
นับตั้งแต่ตื่นนอน ฉันก็แค่แปรงฟัน ล้างหน้า คุยกับหมาสี่ห้าคำ ก่อนจะลงมือกวาดถูบ้าน
...บ้านที่เป็นเรือนสองชั้น ขนาดประมาณห้าสิบตารางวา...
บางคนว่าดีเท่าไหร่ที่ไม่ต้องกวาดลานซีเมนซ์รอบ ๆ บ้านที่กินอาณาเขตร่วมร้อยตารางวาไปด้วย
...นั่นเป็นงานของพ่อ...
เออเนาะ... ฉันก็คงว่าดีด้วยแหละมั้ง ถ้าจะไม่ต้องเจอแป้งทาผิวที่มันหกเรี่ยราดตามโต๊ะและกระจก
ถ้าจะไม่ต้องเจอขี้เยี่ยวเหมียวน้อยที่พ่อแม่รับมาเลี้ยงเป็นโขยง
ถ้าจะไม่ต้องเจอการเล่นเกมซ่อนหาว่าทั้งไม้กวาดเอย ไม้ถูพื้นเอย ถูกย้ายไปที่ไหน
ถ้าจะไม่ต้องเจอสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งเช้าและบ่าย
และถ้าจะไม่ต้องเจอสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทุกวันไป ทั้ง ๆ ที่ฉันมีปัญหาทางสายตา
...ฉันก็คงจะเป็นแม่ศรีเรือนดีเด่นได้ไม่ยาก เพราะบทบาทเหล่านี้ฉันถูกฝึกฝนมาจากในรั้วโรงเรียนสอนคนตาบอดนับตั้งแต่เล็กแต่น้อย...

พ่อกับแม่ของฉันไม่ได้เป็นเศรษฐี มีบ้าน มีรถ มีเกียรติยศใหญ่โต
พวกท่านเป็นแค่เพียงพ่อค้าแม่ขายผักผลไม้ธรรมดา ที่บังเอิญว่าลูกคนโตเรียนดี มีการงานมั่นคงและมีเกียรติ
เวลาครอบครัวของฉันจะไปไหนมาไหนแต่ละที ถ้าไม่มีใครล้อมหน้าล้อมหลัง วันนั้นคงน้ำท่วม
...ฉันจึงพลอยฟ้าพลอยฝนเป็นคนที่ใคร ๆ ต้องนับหน้าถือตาไปด้วย เท่านั้นเอง...

คิดอะไรเพลิน ๆ ไม่ได้นาน ลูกสาวก็เห่า
...ถ้วยฟู เป็นพุดเดิ้ลแก่ ๆ ผิวสีโอวันตินแก่ ๆ...
วันนี้คงอ้อนให้อุ้มขึ้นโซฟาตามเคย

เหอะ... สิ่งเหล่านี้ทำไมฉันถึงรู้น่ะเหรอ
ไม่มีใครใจดีพอจะมานั่งบอกฉันหรอก
ฉันต้องสังเกตด้วยดวงตาที่ยังพอมองเห็นแต่ไม่ชัดทั้งสองนั่นของฉันเอง

อึ๊บ... อ๊ายย่ะ... อูย...
ฉันแสร้งทำเสียงคล้ายว่าตัวมันหนักเสียเต็มประดา
โธ่เอ๊ย!!! สุนัขพันธุ์นี้ ตัวของมันจะใหญ่โตสักแค่ไหนกัน
อาศัยที่มันตัวยาว ๆ ตาโปน ๆ คล้ายปิศาจ ฉันก็อุปโลกน์ว่ามันตัวใหญ่ที่สุดในบ้าน

คล้อยหลังเพียงไม่นาน... ก็แค่ไล่ถูบันไดบ้าน
พอลงบันไดมาถึงขั้นสุดท้าย
แอ๊ก!!! ร้องเบาแสนเบา แต่ทำเอาฉันสะดุ้ง
อะไรหยุ่น ๆ บอกฉันว่า ถ้วยฟูนอนอยู่ตรงตีนบันได
...เดชะบุญที่ฉันลงส้นเท้าเพียงเบา ๆ...

“พี่ถ้วย...” ฉันเรียกมันเมื่อไม่รู้ว่ามันโกยแน่บไปทางไหน
สักพักแหละถ้วยฟูก็วิ่งกลับมาเลียแข้งเลียขาคล้ายบอกฉันว่ามันไม่ได้เป็นอะไร
...มีแค่มันตัวเดียวล่ะที่ทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่เคยอ้างว้าง ไร้ญาติขาดมิตรสักนิดเดียว...

“อย่าเพิ่งเข้ามาใกล้ตอนที่แม่ทำงานอยู่รู้ไหม แม่มองไม่ค่อยเห็น ถ้าเหยียบหมาไปแม่จะทำอย่างไร” นัยน์ตาปิศาจนั้นเหลือบมองเพียงแว่บเดียว พอที่จะเห็นแววตาซึ่งคล้ายจะบอกว่า
...ไม่ต้องห่วงหรอกน่าไอ้แม่...

ลองนึกภาพและเสียงตามดูนะ... ไอ้ลูกหมานัยน์ตาปิศาจ มันตัวใหญ่ ๆ (ที่ขนฟู ๆ)
เวลาจะอุ้มมันแต่ละทีต้องทำท่าให้เหมือนว่ามันตัวหนักเหลือเกิน
ดังนั้น... เมื่อฉันสบตาของมันที่ดูเหมือนจะพูดได้ตลอดเวลา
มันจะเสียงใหญ่ ๆ คล้ายคนอ้วน ๆ สักคนมาพูดใส่หู
...นึกดูเอาแล้วกันว่ามันน่าหมั่นไส้สักแค่ไหน...

สิบโมงเช้าเข้าแล้วที่พ่อแม่ของฉันกลับมาถึงบ้าน
มาพร้อมกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของหมาแมวในบ้านที่ร้องต้อนรับ
ไม่เว้นแม้กระทั่งพี่ถ้วยที่เห่าเสียงดังกว่าใครเขาอื่น

ฉันทำความสะอาดบ้านเพิ่งเสร็จ แม้ภารกิจของนังแจ๋วจะยังไม่ลุล่วง
แต่การที่แม่เข้ามานั่งพักโดยไม่บ่นเรื่องในบ้าน ฉันว่าก็ประเสริฐสุดแล้ว

“ซื้ออะไรมาแม่” ปากฉันถามแม่ แต่มือของฉันกำลังรื้อค้นตะกร้าที่มันเคยบรรจุน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มซึ่งตั้งไว้เป็นที่ประจำหน้าห้องน้ำ

“ราดหน้าหมู วันนี้เค้าขายดี ซื้อของกินอย่างอื่นไม่ทัน” น้ำเสียงเหนื่อย ๆ ของแม่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกปีติซาบซึ้ง

“แม่ก็รู้ว่าเค้าไม่กินราดหน้า ซื้อมาทำไมก็ไม่รู้” คงเป็นเพราะว่าฉันหาของไม่เจอเลยพาลรีพาลขวาง

“มีอะไรก็กินไปก่อนน่า เลือกกินอย่างนี้จะอยู่กับใครเขาได้...
ดูตรงข้างตู้ซักผ้าซิ่ มีน้ำยาซักผ้าไหม”
ประโยคสุดท้าย แม่คงรำคาญที่ฉันเดินวนไปวนมาแต่หาของไม่เจออยู่นั่นแล้ว
ตู้ซักผ้าก็อยู่ข้างห้องน้ำนั่นแหละ แต่ใครจะไปนึกว่ามันอยู่ในซอกหลืบ ระหว่างผนังกับเครื่องซักผ้า

“ก็รู้ว่ามีลูกตาบอดยังวางของไม่เป็นที่...เอ๊อ” ฉันล่ะไม่เข้าใจพ่อกับแม่ ฉันก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว สามสิบกว่า ๆ แล้ว ก็น่าจะรู้นานแล้วว่าอย่าวางของโดยเปลี่ยนตำแหน่งไปมา

“แล้วทำไมไม่หาให้มันดี ๆ ก่อนล่ะ ก่อนที่จะบ่นเค้าเนี่ย” โธ่!!! ตัวเองย้ายของเองยังจะมาว่าฉัน ทำไมนะ แม่คนอื่น ๆ เขาไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้

ฉันเทน้ำยาซักผ้าลงถังขณะที่ยังเฝ้ารำพึงถึงโชคชะตา
เป็นคนตาบอดแล้วยังไม่พอหรืออย่างไร ทำไมต้องเกิดมาเป็นผู้หญิงที่ถูกเก็บตัวไว้กับบ้าน
ไปสมัครงานที่ไหนก็มักจะถูกพี่สาวและพี่เขยใช้อำนาจสั่งให้บริษัทต่าง ๆ ถอนชื่อฉันออก
ที่ต่อให้ฉันผ่านสัมภาษณ์ เตรียมตัวที่จะทำงานในวันสองวันนี้แล้วก็ตาม
อิจฉาพวกเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่มีโอกาสได้งานแต่ชอบลาออก ชอบเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น ทำเหมือนว่า
งองานนั้นหาง่าย
เหมือนจับจ่ายหาซื้อของ
รุ่นใหญ่ได้แค่มอง
เพียงจับจ้องยังจนใจ
สามสิบมันแก่แล้ว
ไม่คล่องแคล่วดั่งรุ่นใหม่
ดอเด็กจำขึ้นใจ
งานสิ่งใดทำให้ทน

“ที่พูดนี่รู้ไหมเนี่ย” เอ๊ะ... แม่พูดอะไรนะ
ช่างเถอะ... ก็คงบ่นเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับสังคม บ่นเรื่องพฤติกรรมที่ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกับพ่อแม่สักเท่าไหร่
...คิดเองเออเองทั้งนั้น...
จะมีใครรู้บ้างนะ ฉันแค่อยากให้พ่อกับแม่รับรู้ความรู้สึกชอบ...ไม่ชอบของฉันบ้าง
ขณะที่ฉันรู้ว่าพ่อและแม่รักฉันมาก เป็นห่วงมาก ถึงขนาดขอคำสาบานจากพี่สาวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งทอดทิ้งฉันขอให้พี่สาวมีแต่ความฉิบหาย ไม่มีความสุขตลอดชีวิต
โธ่ถัง... นั่นใช่ความต้องการของฉันเสียเมื่อไหร่
อยู่ ๆ ก็มีเงินใช้เป็นหมื่น ๆ โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงาน
แต่ต้องแลกกับการอยู่กับพ่อและแม่ที่บ่นว่าเช้าเย็น
...สนุกงั้นเหรอ!!! คิดดู...

ฉันนั่งกลืนก๋วยเตี๋ยวราดหน้าอย่างเหงา ๆ
บ้านที่เงียบอยู่แล้ว พอพ่อใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดพื้นซีเมนซ์จนเกิดเสียงแสกสาก มันทำให้ฉันนึกถึงป่าช้าหลังวัด

อี๋!!! รสสัมผัสจากน้ำราดหน้าก็ไม่ต่างอะไรกับอาจม
เส้นใหญ่ลื่น ๆ คล้ายมันสมองมนุษย์ชัด ๆ
ความเหนียวและเย็นชืด ทำเอาฉันแทบอยากจะอ้วกมันเสียเดี๋ยวนั้น

เฮ่อะ... มีใครไหนเล่าจะกินข้าวไปสะอื้นไปอย่างฉันเป็นไม่มีแล้ว
...นางเอกเจ้าบทบาทอย่างกบสุวนันท์ แอนทองประสม ก็เอามาจากชีวิตของฉันนั่นล่ะ...

“พี่...ถ้วย...” ฉันร้องเรียกไอ้ลูกหมานัยน์ตาปิศาจด้วยเสียงยานคาง
แต่มันก็แสนรู้ หลบหายเข้ากลีบเมฆ
นี่แหละ... เวลาน่าชังของเจ้าตูบคือเวลาถูกเรียกให้ไปอาบน้ำ ใครไม่เลี้ยงหมาไม่รู้หรอก

“หมา... หมาอยู่ไหน... หมาของแม่... ไอ้ลูกหมา...” แสร้งทำเป็นร้อนรนบนโซฟาด้วยรู้ว่า “หมา” อยู่ข้างใต้โซฟานั่นแหละ

“หมาเอ้ย... หมา... พี่ถ้วย...”
“จ๊ก...” มันร้องอย่างรำคาญด้วยสำเนียงคล้าย ๆ อย่างนั้น ก่อนจะนวยนาดออกมาจากที่ซ่อน
...อาการเสียมิได้ของมันเป็นที่น่าหมั่นไส้...

“ไม่ต้องมาจ๊กเลย ตัวเหม็นแล้วรู้ยัง” ฉันอุ้มพลาง เดินพลาง ขยี้ไอ้ขนฟูไปพลาง
และฉันมักจะพูดกับมันเสมือนว่ามันรู้ภาษาคน ซึ่งฉันก็คิดว่ามันน่าจะรู้เรื่องแหละ

การอาบน้ำหมาไม่ได้มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน แค่ราดน้ำจากคอลงมาถึงตูด แต่จะไม่ราดหัว
เพราะหมากระหม่อมบาง แค่หัวถูกน้ำเพียงนิดก็ไม่สบายแล้ว
จากนั้นก็ลงแชมพู แล้วล้างคราบให้สะอาด
...เห็นไหมว่าง่ายนิดเดียว...
นอกนั้นน่ะเหรอ ยากมาก เพราะถ้าหมาเหมือนตุ๊กตาก็คงจะดีน่ะซิ่
ไม่ต้องกระดุกกระดิก สะบัดขนจนคนพลอยเปียกไปด้วยเหมือนอย่างเวลานี้

“จะดิ้นทำไม...” ฉันตีตูดหมาลงที่คำว่า “ไม” แต่อย่าคิดว่าหมาจะเชื่อฟังง่าย ๆ

“แม่เปียกหมดแล้วเห็นไหม” คำว่า “ไหม” ที่ฉันมักพูดเสียงเพี้ยนเป็น “มั๊ย” คืออีกเผียะ และอีกเผียะ จนกว่าการอาบน้ำหมาจะสิ้นสุด

แต่อย่าคิดว่ากรรมวิธีการทำความสะอาดพี่ถ้วยจะแล้วเสร็จ
ออกจากห้องน้ำยังต้องเช็กขนด้วยผ้าขนหนู (พี่ถ้วยไม่ชอบเสียงไดเป่าผม พี่เค้าว่ามันน่ากลัว)
แล้วก็ยังต้องแปรงขนจนเงาวับ
และมันก็คงจะยังไม่สาสม ถ้าฉันจะยังไม่ได้เช็ดหูแฉะ ๆ ของมัน
กว่าจะเสร็จสรรพทุกสิ่งอันก็ปาเข้าไปชั่วโมงกว่า ๆ
...โชคดีที่ว่าไม่จำเป็นต้องอาบน้ำทุกวัน...

“พี่ถ้วยหอม ๆ...” ฉันชื่นชมสมฤดีกับสัตว์เลี้ยงสี่ขา พูดจากับมันเป็นวรรคเป็นเวร
มันคือความสุขเดียวที่เหลืออยู่ แม้มันหลงมาโดยบังเอิญ แม้ฉันไม่รักหมา แต่ฉันก็รักพี่ถ้วย
“ไอ้ลูกหมานัยน์ตาปิศาจของแม่”
หากฉันจะต้องพบเจอเรื่องราวเลวร้ายแค่ไหน แต่ถ้ามีแกอยู่ใกล้ ๆ ฉันก็ไม่ขออะไรมากไปกว่านี้
...แค่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อแกก็พอ...




 

Create Date : 24 ตุลาคม 2560
1 comments
Last Update : 24 ตุลาคม 2560 16:46:13 น.
Counter : 4537 Pageviews.

 

บรรยายดีจังค่ะบทนี้ ชอบนะคะ

 

โดย: tsk.love 1 เมษายน 2561 5:13:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

อาณาจักรแห่งเรา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เราเป็นนักแสวงหา...
เรายังคงค้นหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อหามาแล้ว...
เราจะนำมาเล่า
New Comments
[Add อาณาจักรแห่งเรา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com pantip.com pantipmarket.com pantown.com