หนามดอกไม้ : กฤษณา อโศกสิน
พิมพ์ครั้งที่3, ตุลาคม 2549 / จำนวน 265 หน้า / สนพ.เพื่อนดี / ราคาปก 185 บาท
เรื่องจากหลังปก
ใครจะอยากเป็นทาสที่ไม่มีวันจบสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาสด้วยความจำยอม เรามีลูกเพื่อเป็นความชื่นใจ เป็นความหวังเป็นความสำเร็จ เป็นความปลื้มและเป็นอะไรต่ออะไรที่ดีๆ และอีกร้อยแปดเราไม่ได้มีลูกเพื่อทนทุกข์ทรมาน แล้วท้ายที่สุดก็ได้แต่นึกถึงเขา เหมือนนึกถึงใครสักคนที่เกิดมาจองล้างจองผลาญเรา...
เรื่องราวเพิ่มเติม (สปอยล์เนื้อหา)
"นิพพา" เด็กสาวที่เติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่แตกแยก ในวัย 8 ขวบพ่อกับแม่แยกทางกัน นิเวศผู้เป็นพ่อไม่สนใจครอบครัวเอาแต่เที่ยวเตร่ส่วนลำเพาผู้หญิงที่คิดว่าเรื่องอะไรที่เธอต้องเป็นฝ่ายทนกับผู้ชายแบบนี้หลังจากหย่ากันแล้วนิเวศได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูนิพพา ลำเพาเองก็อยากได้ลูกสาวมาเลี้ยงเช่นกันแต่ ณตอนนั้นเธอเองยังไม่พร้อม เพราะเดินออกมาแต่ตัวมาคงไม่อาจเลี้ยงลูกได้แน่
นิพพาเติบโตมาหน้าตาสะสวยแต่มีบุคลิกแข็งกระด้างคบเพื่อนอยู่น้อยมาก และท่ามกลางความเกลียดชังจากคำพูดกรอกหู จากผู้เป็นพ่อว่าแม่ไม่รัก ไม่อยากเลี้ยงดู ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอไม่เคยได้อยู่กับแม่เป็นเวลานานเลย แม่ต้องคอยมาแอบดักรอลูกสาวที่หน้าโรงเรียนและไม่มีสิทธิ์พาลูกไปค้างที่บ้าน ทำให้นิพพาเข้าใจว่าแม่ไม่มีเวลาให้เธอ รักแต่น้องและครอบครัวใหม่ทุกครั้งที่เจอกันจึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากันและคอยพูดจาเสียดสีผู้เป็นแม่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งนิเวศได้พาสคราญเข้ามาแนะนำให้เธอรู้จักและบอกว่าเขาคือภรรยาใหม่ของพ่อ แต่นิพพาเองก็ยังได้รับความรักจาผู้เป็นพ่อเช่นเดิม
นิเวศและสคราญมีสมาชิกใหม่ในครอบครัวเพิ่มคือ สลิลน้องสาวที่เป็นเด็กหัวอ่อนติดนิพพาเป็นประจำ ส่วนลำเพาแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบดูแลครอบครัวท้ายสุดแล้วก็ต้องเลิกรากันเพิ่มน้องสาวให้นิพพาขึ้นมาอีกคนอย่าง ลภิศ ที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกับนิพพาสักเท่าไหร่
การจากไปของนิเวศสร้างความเสียใจให้กับนิพพาเป็นอย่างมาก เธอรักพ่อมากแต่ในเมื่อไม่มีพ่อเธอจะอยู่ที่บ้านแม่เลี้ยง ซึ่งแต่ก่อนนี้เคยเป็นบ้านของบิดาเธอก็ชักจะยังไงอยู่ ลำเพาชวนเธอไปอยู่ด้วยในระหว่างที่ยังรอการตกลงเรื่องการแบ่งสรรปันส่วนในทรัพย์สินของพ่อ นิพพาย้ายมาอยู่ที่บ้านแม่ โดยเธอคิดว่าถึงเวลาแล้วที่แม่น่าจะต้องเป็นฝ่ายชดเชยให้เธอบ้าง
ลำเพาดีใจที่ได้ลูกสาวกลับมาอยู่ด้วยแต่ก็หนักใจเรื่องค่าใช้จ่ายเช่นกันเนื่องจากนิพพายังเรียนไม่จบ อีกทั้งกลัวว่าลูกสาวทั้งสองซึ่งไม่กินเส้นกันจะอยู่ด้วยกันอย่างลำบากใจ ลำเพาเป็นนักขายประกันมือทองเธอมีวิธีการชักจูงใจในการหาลูกค้าได้เก่งมาก
หลังจากที่นิพพาเรียนจบลำเพาพาลูกไปสมัครงานกับอันธีซึ่งเป็นลูกค้าประกันของเธอ ลำเพาเองเคยได้พูดฝากฝังกี่ยวกับเรื่องงานให้กับนิพพา พอแรกเจออันธีนิพพาเองคิดว่าเธอรู้สึกพอใจกับผู้จัดการหนุ่มใหญ่คนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รูปหล่อถึงขั้นสาวๆกรี๊ดกร๊าดกัน แต่ด้วยบุคคลิกที่สง่างาม ทำให้นิพพาเองเกิดตกหลุมรักอย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย นิพพาเข้ามารับตำแหน่งเลขาแทนนิสารัตน์ที่กำลังจะลาออกไปเป็นแม่บ้านหลังจากแต่งงาน
ความใกล้ชิดสนิทสนมบวกกับเรื่องราวปัญหาชีวิตและน้อยใจในเรื่องครอบครัวแตกแยกที่นิพพาเองสรรหามาเล่าให้กับอันธีฟัง เขาเองก็เลยพลอยเศร้าใจที่นิพพาเองต้องกลายมาเป็นเด็กบ้านแตกแบบนี้ อันธีคิดว่าตัวเขาก็มีลูกถึงสองคนจะไม่ยอมให้ลูกๆต้องเป็นแบบนิพพาแน่ๆและนานวันเข้าเมื่อเจนตาผู้เป็นภรรยาสังเกตุในอาการของสามีที่เปลี่ยนไป เนื่องจากอันธีดูเงียบขรึมไปดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ สุดท้ายจึงรู้ความจริงว่าเขาคิดเรื่องปัญหาชีวิตของนิพพา เจนตาระแวงว่าจากความสงสารจะเกิดกลายเป็นความรักจึงได้มาบอกความไม่สบายใจกับลำเพาว่าช่วยตักเตือนนิพพาด้วย
การปะทะคารมกันอย่างรุนแรงเรื่องมือที่สาม ของนิพพาและลำเพาเกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง นิพพาตัดสินใจเก็บข้าวของ และหนีออกจากบ้านไปกลางดึก ลำเพาเองก็คิดอยู่ว่าเธอหงุดหงิดมากจึงได้ต่อว่าลูกไปรุนแรงเช่นนั้นจึงตัดสินใจรีบขับรถออกไปตาม เป็นเหตุทำให้เกิดเรื่องราวที่อันน่าสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เพราว่านั่นเป็นคืนสุดท้ายที่นิพพาได้เจอแม่...
กว่าจะรู้ตัวและเห็นคุณค่าในสิ่งใกล้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว ในเมื่อเธอไม่ยอมเปิดใจยอมรับและให้อภัยในเรื่องราวที่ผ่านมา... ความคิดเห็นหลังจากที่ได้อ่าน
นิยายดราม่าครอบครัวหนักๆเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรก เมื่อปี 2521 30กว่าปีแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นนิยายเล่มบางๆ เนื้อหาเข้มข้นดีครับ ปมปัญหาระหว่างแม่กับลูกอันเนื่องมาจากการเลี้ยงดูปัญหาชีวิตคู่ที่แตกแยกกับผลที่ตามมามันยากที่จะผสานรอยร้าวในใจของเด็กหญิงอายุ 8ขวบ
หนามดอกไม้ ดอกไม้สวยย่อมมีหนามแหลมเป็นเกราะป้องกันภัยอันตราย เปรียบดังดอกไม้สวยอย่างนิพพา ในเรื่องนี้วาจาและบุคลิกที่เป็นเกราะป้องกันอันตรายนั้นมันย้อนกลับมาทำร้ายบุพการีที่เธอรัก (เมื่อสาย) เมื่อตอนที่ยังอยู่เธอกลับไม่เคยเห็นค่า ได้แต่กล่าวต่อว่าหักหาญน้ำใจ กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว และคงไม่อาจจะย้อนวันเวลากลับมาแก้ไขใหม่ได้...
อ่านแล้วรู้สึกว่าน่าสงสารและเห็นใจหลายๆฝ่ายอยู่เช่นกัน ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเอง ดราม่าทั้งเรื่องเลยครับ กับการปะทะคารมกันของแม่กับลูกสาว แต่มันก็ให้ข้อคิดให้แง่เรื่องการเลี้ยงดู การเรียนรู้และการปรับตัว ความกตัญญู และการพูดจาได้อย่างดีเลยครับ