เกาโกลี ใบไม้เเปลี่ยนสี หัวใจ(เกือบ)มีรัก ตอน 1
มาแล้วค่ะมาเล่าการเดินทางเกาหลีให้อ่านกัน
ขึ้นชื่อมาคงพอจะเดาออกแล้วว่าประเทศอะไร. ก็ประเทศเกาหลีนั่นล่ะค่ะ แต่ทำไมถึงเรียกแบบนี้ อันนี้หาคำตอบได้ในกระทู้ต่อๆไปนะคะ แล้วก็ทำไมถึงเกือบๆ จะมีรัก ทำไมไม่รักเสียเลย ต้องตามอ่านเช่นกันค่ะ อิอิ
ทริปนีเริ่มต้นที่เชียงใหม่ค่ะ เพราะเพื่อนที่เป้นพยาบาลเป้นคนจัดการให้ เราบินโคเรียน แอร์ กว่าเครื่องจะออกตีหนึ่งเลยนอนหลับกันตรงนั้น
กว่าจะถึงเกาหลีก็เกือบแปดโมงเช้า
เนื่องจากด่านตม.ของเกาหลีขึ้นชื่อว่าโหดนักหนา คุณเล็กเพื่อนพยาบาลคนหนึ่งเลยซักซ้อมพวกเราอย่างดี นัยว่าจะได้ไม่โดนเรียก เพราะก่อนหน้านี้เคยมีกลุ่มคนที่เล็กรู้จักไปสัมมนาที่เกาหลี แต่ไปแบบไม่ได้จำตารางใดๆเลยลงจากเครื่องก็หน้าตาสะลึมสะลือ ตม.ถามก็เอ๋อตลอด สุดท้ายเลยโดนเรียก เล็กเลยบอกพวกเราว่าลงจากเครื่องปุ๊บต้องสวยเด้งนะเธอ พวกเราก็ฟังกันดีค่ะ พอเครื่องลงปั๊บเล็กนำหน้าเข้าห้องน้ำทันทีใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงออกมาสวยมาก
แต่ขอโทษคนที่โดนตม.เรียกคือเล็กค่ะ อยากรู้ไหมคะว่าเพราะอะไรอิอิ ปล.คนในรูปนี่ล่ะค่ะคือเล็กคนสวย โฮะโฮะ
อ่ะมาเล่าต่อจริงๆณ มน น่ะเข้าแถวให้ตรวจคนแรกเลยแล้วตม.ก็หน้าโหดมากไม่ยอมรับมุกใดๆทั้งสิ้น ก็เขาถามว่ากลุ่มเดียวกันหรือเปล่าณ มนก็บอกว่าใช่ เขาก็ถามอีกว่ามากี่คน เราก็บอก13 ลัคกี้นัมเบอร์พอดี
ตอบพลางส่งยิ้มให้ด้วยแต่พี่แกหน้านิ่งมากไม่สนใจกับมุกที่เราปล่อยสักนิดณ มน ลยได้แต่ยืนมองเฉยๆ
แอบนึกนินทาในใจไปด้วยว่า ช่างไม่มีอารมณ์ขำเอาซะเลยแต่ถึงอย่างนั้นก็ผ่านมาด้วยดี ทุกคนก็ผ่าน
เหลือแต่สาวเล็กที่เลือกเข้าช่องตม.สาวหน้าใสเพราะคิดว่าคงใจดี แต่ที่ไหนได้ คุณเธอดูพาสปอร์ตพลางดูหน้าเล็ก
จากนั้นก็ผายมือแล้วบอกเล็กว่า เชิญห้องนั้นค่ะ งานนี้คนสวยเลยงงกันไปใหญ่ แต่เราก็ยังอุ่นใจเพราะไกด์เดินตามไปทันที ระหว่างนั้นเลยรอลุ้นกันว่าคงไม่มีเรื่องอะไรนะ
ตอนที่เราอุ่นใจเพราะเห็นไกด์เดินตามไปนั่นน่ะที่ไหนได้ไกด์ก็โดนเรียกเหมือนกัน เหตุเพราะดันเพิ่งเปลี่ยนชื่อก่อนมาเกาหลี เลยโดนสงสัย แต่สุดท้ายก็ผ่านด่านกันมาจนได้ค่ะ เมื่อมานั่งคุยกันเล็กก็บอกว่าเขาไม่เห็นถามอะไรเลย นั่งมองหน้าเฉยๆ ถามว่ามีปัญหาอะไรเขาก็ไม่บอก แล้วก็ให้ออกมาซะงั้น
สรุปงานนี้เพื่อนพยาบาลห้องกระดูกเลยให้เหตุผลว่าที่สาวเล็กคนสวยโดนเรียกนั้นเป็นเพราะอย่างนี้
พยาบาลห้องกระดูก...ฉันว่าหน้าแกกับหน้าในพาสปอร์ตมันต่างกันเกินไป
เล็ก...ต่างกันตรงไหนอ่ะ
พยาบาลห้องกระดูก...(พูดพลางเอานิ้วจิ้มๆไปที่พาสปอร์ต)ก็หน้าแกในนี้มันยังกะเพิ่งโดนรุมโทรมมาแล้วหน้าแกตอนปัจจุบันนี่มันสวยพริ้งซะขนาดนี้
เท่านั้นเองพวกเราเลยฮาค่ะ ขอดูพาสปอร์ตของเล็กกันเป็นการใหญ่
แล้วก็เห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นอย่างนั้นแน่ๆ ก็รูปในพาสปอร์ตน่ะอย่างโทรมเลยค่ะ
ตื่นเต้นกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาออกจากสนามบินนำโดยพี่แตงไกด์คนสวยของเรา
ระหว่างทางก็จะผ่านสะพานแขวนที่ยาวมากๆเชื่อมระหว่างเกาะที่เป็นสนามบนอินชอนแห่งนี้กับแผ่นดินเกาหลี
เห็นบอกว่าในอนาคตจะทำเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่โตมากๆด้วยค่ะ
นี่ค่ะสะพานที่ว่า รูปถ่ายมันอาจจะมัวๆหน่อยนะคะ เพราะถ่ายผ่านกระจกรถ
ตามตารางเนี่ยต้องไปเกาะนามิค่ะแล้วตามด้วยวัดฮวาวจองซา
แต่ปรากฏว่าวันนั้นรถติดค่ะ ติดมากกกกกกกกกกกอุตส่าห์หนีไปจากกทม.กลับมาเจอรถติดที่เกาหลี
ติดมากๆนะคะใช้เวลานานมากๆเลย ระหว่างนั้นไม่รู้จะทำอะไรก็เลยถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้าท้องนาท้องไร่
เพื่อเป็นการคั่นเวลาเพราะท้องก็หิวมากแต่ทำอะไรไม่ได้อ่ะค่ะ
ถ่ายท้องไร่ท้องนาไปเรื่อยค่ะ
ระหว่างรถติดเลยฟังไกด์เมาท์ไปเรื่อยๆ ถึงคำว่าเกาหลีที่เราเรียกชนชาตินี้ ไกด์บอกว่ามาจากภาษาจีนค่ะ คนจีนเรียกคนชาตินี้ว่า "เกาโกลี" และเราก็เรียกกร่อนคำลงมาเป็น เกาหลี
วันนั้นกว่าจะได้กินข้าวกลางวันปาไปบ่ายสอง ท้องนี่ร้องโครก ครากๆ แต่พอเห็นอาหารกลางวันก็แบบโห มันมากมายมหาศาลอะไรขนาดนั้น
คนเกาหลีเขากินกันจุมากเลยค่ะ สี่คนต่อหนึ่งกะทะอ่ะ เรากินแทบตายก็ไม่หมด
ปล.แต่ไม่มีรูปให้ดูชัดๆนะคะเพราะมันหิวมากกกกก ไม่มีใจจะถ่ายรูปแล้ว 555
จากร้านอาหารกลางวันอีกนิดเดียวก็จะถึงเกาะนามิกันแล้ว แต่รถก็ยังติด มากๆ สรุปมาถึงเกาะก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วค่ะ เลยมีเวลานิดเดียวเอง ยิ่งมาเห็นคนรอคิวขึ้นเรือยิ่งหนาว
แบบว่าแถวยาวมากๆ แต่ที่เกาหลีดีอยู่อย่างคือ เขาจะให้สิทธิ์นักท่องเที่ยวต่างชาติได้ขึ้น
เรือก่อนค่ะเราเลย ไม่ต้องรอนานมากนัก ระหว่างรอก็ถ่ายรูปไปเรื่อย
ปล.ต่อจากนี้จะเป็นกล้องจากหนุ่ยหัวหน้าทัวร์ของกลุ่มแล้วนะคะ
เอาล่ะถึงคนจะเยอะแต่เราก็ยังได้ขึ้นเรือจนได้ แต่ไม่ใช่ลำงามๆนี้นะคะ เราได้ลำเก่าสีแดงอ่ะ
แต่ช่างเหอะค่ะลำไหนก็พาไปถึงเหมือนกันเนาะ
//board.trekkingthai.com/board/upload/photo/2009-11/407741c7fc784d647d2f420be664ea27.jpg
ทัวร์คราวนี้ของเราประกอบไปด้วย สสส.กับสสว.ค่ะ สสส.คือสาวสาวสาว ส่วนสสว. ก็คือสาวสูงวัย อิอิ อ้อมี หนุ่มๆมาสองคนนะคะ คือน้องไมค์หนุ่มที่หน้าตาละม้ายสาวกคาราวบาวแบบหน้าโหดมาก แล้วก็คุณหนุ่ยหัวหน้าทัวร์ค่ะ
ระหว่างทางก็มองเห็นใบไม้เปลี่ยนสีทักทายเรามาแต่ไกล
ขึ้นเกาะมาก็จะเห็นแนวต้นไม้สวยๆแบบนี้
ต้นไม้สีสวยมากๆเลยค่ะ
นอกจากเห็นต้นไม้สวยๆแล้วหันไปทางไหนก็จะเห็นหนุ่มๆสาวๆควงคู่กันมา แบบว่าอากาศหนาวๆนี่หายหนาวไปได้เลยค่ะกับความรักที่อบอวลไปทั่วเกาะ เห็นแล้วพานอยากจะมีกะเข้ามั่ง
ดูสิคะควงแขนกันหวานแหววเชียว สาวๆในคณะอยากเล็งหนุ่มเกาหลีกันมั่ง แต่ก็ต้องถอยค่ะแบบว่าส่วนมากเขาจะมากันเป็นคู่
เกาะนามิโด่งดังก็เพราะละครเรื่องหนึ่งค่ะ คอซีรีย์คงจะรู้จักกันดี น่าจะเป็น winter love song นะคะ ถ้าจำผิดก็ต้องขอโษด้วยค่ะ
เท่าที่ดูหากมาช่วงฤดูใบไม้ผลิคงไม่สวยเท่าไหร่เพราะใบไม้คงมีแต่สีเขียวๆ มาเกาะนามิในช่วงที่สวยที่สุดน่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี่ล่ะค่ะ
มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้สีสวยๆทั้งนั้น
และนี่คือลูกทัวร์คนหนึ่งในคณะเรา พี่(พร)หล้า อิอิ คอละครเกาหลีตัวยงเลยค่ะคนนี้ ดูหมดทุกเรื่อง เล่าได้ทุกเรือง
ส่วนภาพด้านล่างคือซิตติ้งไกด์ของเรา แฮร์รี่ นั่นเองค่ะ ต้องยอมรับว่าไกด์เกาหลีพูดไทยมีน้อยมาก
ดังนั้นคนจะเป็นไกด์ให้ทัวร์ไทยก็เป็นคนไทยที่อยู่เกาหลีนี่ล่ะ แต่เพื่อไม่ให้ถูกตำรวจจับ
เพราะว่าอาชีพไกด์เขาสงวนให้คนในชาติเกาหลีเท่านั้น ก็เลยต้องมีซิตติ้งไกด์เอาไว้นั่งบนรถหลอกตำรวจ
รายได้ของซิตติ้งไกด์ก็จะมาจากทิปและการขายรูปถ่ายให้กับคณะทัวร์นี่ล่ะค่ะ
เรื่องมันฮาก็ตรงนี้คือพี่(พร)หล้าแกไม่รู้ค่ะว่าถ้าให้แฮร์รี่ถ่ายรูปนี่จะต้องจ่ายตอนหลังไง
ทีนี้พอแกเห็นมุมสวยก็เรียก แฮร์รี่ๆๆๆๆๆ
สรุปจบทริปพี่(พร)หล้าต้องจ่ายไปกว่าสามพันบาท แหะแหะ
ไกด์ตัวจริงคือคนนี้ค่ะ
เดินไปตรงไหนก็เห็นแต่ใบไม้สีสวยๆ แต่ถ้าเบื่อเดินเราเสนอนี่เลย
เท่าที่ดูสาวเกาหลีหลายๆคนเนี่ยทำให้อดสงสัยไม่ได้ คือพื้นที่เกาะก็เป็นดินเป็นหินไม่ได้ราบเรียบเท่าไหร่นะคะ แต่สาวๆเขาใส่ส้นสูงมาเที่ยวกันด้วยอ่ะ
ถามไถ่พี่แตงที่อยู่เกาหลีมากว่าแปดปี พี่แกบอกว่า ค่านิยมเรื่องความสวยดูดีมาแรงมากสาวๆต้องแต่งตัวสวยๆ เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่มีคนสนใจไม่มีแฟนและไม่มีงานดีๆด้วยค่ะ
พอได้ฟังก็เลยลองสังเกตุดู เหมือนจะเป็นจริงอย่างนั้นเสียด้วยนะคะ แล้วจะลงรูปให้ดูทีหลังนะคะ ขนาดเที่ยวสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ยังใส่ส้นสูงมาเดินกันเลยอ่ะ
ส่วนสาวไทยยังสมัครใจลากผ้าใบเหมือนเดิมค่ะ
ส่วนภาพล่างก็เป็นหนุ่มๆเกาหลีเขามาเปิดการแสดงดนตรีให้ชมกัน
พระอาทิตย์จะตกดินแล้วค่ะ ได้เวลากลับกันแล้วล่ะ เสียดายมากที่เราเสียเวลาจากรถติดเลยมีเวลาที่เกาะนามินิดเดียว แต่เมื่อกลับมาดูรูปจากกล้องหลายๆตัวก็ทำให้พอยิ้มออกได้ว่า มีภาพเยอะพอสมควรเพราะแยกกันเดิน
เรานั่งเรอกลับมาถึงฝั่งก็ได้เวลาหิวกันพอดี พี่บึ๋งสาววัตสันของเราก็แวะซื้อปลาหมึกย่างกับข้าวโพดปิ้ง ซึ่งปลาหมึกนี่ก็สมราคาอยู่นะ แต่พอมานั่งคิดราคาข้าวโพดกัน
ร้องจ๊ากเลยค่ะ ก็ตกฝักละ150 บาทอ่ะ พอถามว่าทำไมมันแพงจัง หนุ่ยหัวหน้าทัวร์เลยอำว่าสงสัยเป็นข้าวโพดนำเข้าเลยแพง
แหม ถ้านำเข้าจริงๆแล้วนำเข้าจากเมืองไทยนี่จะแค้นมาก 5555
เพราะอยู่บ้านเราสามฝัก20 เองอ่ะ
ขากลับก็ได้ถ่ายรูปตอนรถติดอีกจนได้เพราะรถยังติดไม่เลิกค่ะ คือเราไปถึงเสาร์อาทิตย์พอดี ชาวเกาหลีเขาก็ออกมาเที่ยวกันด้วย
ไม่เป็นไรค่ะบางทีระหว่างการเดินทางมันก็มีอะไรน่าสนใจไม่น้อย อย่างบ้านเรือนผู้คนนี่ล่ะค่ะ ทำให้เห็นว่าถึงพื้นที่จะเล็กแค่ไหนเขาก็ปลูกผักกันได้
ดูแล้วน่าจะเป็นผักที่ใช้ทำกิมจินะคะ เห็นปลูกกันทุกบ้านเลย
กว่าจะฝ่ารถติดมาถึงร้านอาหารก็เลยเวลาพอนิดหน่อย วันนี้เราทานชาบูกันค่ะแต่แบบว่าจืดมากเลยง่ะ คิดถึงสุกี้เอ็มเคบ้านเรามากๆ Y_Y
แต่ไม่เป็นไรค่ะลองชิมอาหารบ้านเขาบ้างมันถึงแล้วมันก็ต้องลองให้ครบถ้วนเนาะ
คืนนั้นหลังทานอาหารสาวๆเขาก็ซื้อโซจูมาดื่มแก้หนาวกันด้วย เป็นอันปิดท้ายวันแรกในเกาหลีเท่านี้ค่ะวันรุ่งขึ้นเราจะไปเที่ยววัดฮวาวจองซา แล้วตอนหน้าณ มนจะมาเล่าให้อ่านกันนะคะ
ปิดท้ายกันที่ใบไม้สวยๆอีกสักรูปนะคะ บลอคนี้ภาพอาจจะเยอะแล้วก็โหลดนานไปนิด อดทนกันหน่อยน้า
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552 |
|
16 comments |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 21:13:19 น. |
Counter : 2877 Pageviews. |
|
|
|
ใบไม้หลากสี สวยจังเลยค่ะ
ดูโรแมนติค วิ๊ดวิ้วว