หลายเรื่องเล่า กับณ มน คนหัวฟูแก้มป่อง ^_^
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
7 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 
กุตัปมีนาร์ อัครา และริกชอร์

**ขอบคุณนะคะที่ร่วมเดินทางกับณ มน และแล้วเราก็จะออกเดินทางไปอัคราเมืองแห่งอนุสรณ์สถานความรักอันยิ่งใหญ่กันแล้วค่ะ



แต่ก่อนอื่นเราติดค้างกุตัป มีนาร์กันไว้จำได้ไหมคะ




Qtup Minar คืออนุสรณ์สถานที่ราชวงศ์ที่มีเชื้อสายเติร์กสามาถพิชิตดินแดนแถบนี้ได้ก็เลยสร้างเอาไว้เป็นอนุสรณ์ค่ะ


สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมองเห็นแต่ไกลก็คือเจ้าหอคอยที่สร้างจากหินทรายสีแดงแบบนี้ค่ะ





หอคอยนี้สร้างในปี ค.ศ.1199 พระราชาทรงสร้างเพื่อให้มเหสีของพระองค์ได้มองแม่น้ำยมุนาอย่างชัดเจน


ที่ตัวหอคอยมีการสลักตัวอักษรสวยงามมาก แต่เสียดายที่วันที่ ณ มนไปเที่ยวหอคอยโดนใส่เฝือกค่ะความงามเลยลดไปนิ๊ดนึง


ในปีค.ศ.1803เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หอคอยนี้จึงพังทลายลงมา จนต้องมีการก่อสร้างใหม่






(หนุ่มน้อยกับเสางามๆในกุตัปมีนาร์)

บางส่วนของกุตัปมีนาร์ยังคงสมบูรณ์อยู่ ดูจากการแกะสลักลวดลายตามเสาของอาคารแกะได้อ่อนช้อยสวยงามมากทีเดียว



ณ มน กับพี่เตี้ยเดินเที่ยวชมไปรอบๆก่อนจะหยุดนั่งพักขากันที่สนามหญ้าเขียวขจีใต้ร่มไม้ มองไปที่กิ่งไม้เห็นมีกระรอกหลายตัววิ่งไปวิ่งมาตามกิ่งไว้


"โห ถ้าเป็นบ้านเราโดนยิงด้วยหนังสะติ๊กหมดแล้ว"พี่เตี้ยว่างั้น


"หนูเคยอ่านหนังสือเขาบอกว่าชาวอินเดียเชื่อว่าทุกสิ่งมีชีวิตและวิญญาณดังนั้นสัตว์ตัวเล็กๆเขาก็ไม่รังแก"

ณ มนบอกไปตามที่ได้รู้มา


พี่เตี้ยตัดสินใจนั่งพักอยู่ที่นั่นนานพอดูเพระพี่แกบอกว่าเสียไปตั้ง260รูปีมีแต่เสาหินต้นเดียวแบบนี้ต้องนั่งให้คุ้ม


แต่นั่งได้ไม่นานเท่าไหร่ ก้มีน้องๆเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษาพากันมาวิ่งรอบๆสาวไทยอย่างเราเสียงดังลั่นเลย




จากที่ตั้งใจจะนั่งพักขาในที่สุดพี่เตี้ยก็ยอมแพ้ชวนณ มนออกจากที่นั่น



เมื่อเดินกลับมาที่รถราชก็บอกว่าจะพาไปเมืองอัคราเลยเพราะที่นี่อยู่ทางใต้ของเมืองการตีรถไปเมืองอัคราจะสะดวก


"อ้าวแล้วป้อมแดงหล่ะราช"ณ มน ถามเพราะที่เดลลียังมีป้อมแดง Red Fort อีกแห่งที่น่าไปเที่ยว


"อยู่ไกลจะทำให้ไปถึงอัคราเย็นเกินไปครับ"พี่ราชแกว่างั้น


"เอ้า เอาแบบนั้นก็ได้"พี่เตี้ยสรุปก่อนจะพากันขึ้นรถและราชก็ขับพาไปเมืองอัครา


ถนนหนทางในเมืองเดลลีวุ่นวายดีจริงๆรถราเยอะมากแถมเสียงแตรซึ่งเป็นของคู่กับการขับรถของชาวภารตะก็ดังตลอดเวลา


ดีนะที่เราเตรียมใจมาก่อนล่วงหน้า เพราะเคยได้ยินมานักหนาว่าเสียงแตรนี่จะดังอยู่ตลอดหากอยู่บนถนน






(ทุ่งมัสตาร์ดสีเขียวระหว่งทางไปเมืองอัครา)




ถนนที่ไปเมืองอัคราคล้ายๆกับมอเตอร์เวย์บ้านเรา คือเป็นทางพิเศษแล้วต้องมีการจ่างค่าผ่านทางด้วย



เมื่อราชจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็ขับรถมาเรื่อยๆพร้อมกับกดแตรเรื่อยๆเหมือนกัน ด้วยว่าท้ายรถทุกคันจะมีตัวอีกษรติดเอาไว้ว่ากรุณากดแตร ดังนั้นไม่ว่าจะแซงหรือจะเบี่ยงหลบทุกคนทุกคันต้องกดแตร


อยู่เมืองไทยลองได้นั่งรถหล่ะก็ ณ มน จะหลับปุ๊บ แต่อยู่อินเดียน่ะเลิกคิดไปได้เลย



ราชขับมาได้สักครุ่ก็จอดรถ ตรงบริเวณที่คล้ายๆกับจุดต่อรถของบ้านเขามีคนมารอรถเมล์เยอะมาก รถเมล์บางคันก้คนห้อยโหนเต็มไปหมด


ราชจอดรถแล้วลงไปสั่งน้ำอ้อยคั้นสดมาดื่มแล้วก็ยืนยืดแข้งยืดขาอยู่ตรงนั้น เนื่องจากความสูงระดับ180กับรถทาทาขนาดประมาณมินิคาร์นั้นไม่เหมาะกับสรีระอันสูงใหญ่ของเขาเป็นอย่างยิ่ง



เราสองคนก็เลยปล่อยให้เขายืดเส้นต่อไป สองตาก็พากันสอดส่ายมองหาสิ่งที่น่าสนใจรอบข้าง


"อุแม่เจ้า หมีอ่ะพี่เตี้ยหมีดูดิ"ณ มนร้องอุทานออกมาเลยเมือ่เห็นคนเดินจูงหมีตัวสีดำความสูงเกือบเท่าคนจูง เขาพามันเดินมาตามรถคันต่างๆพร้อมกับให้มันโชว์ท่าทางเต้นให้ดูประมาณแลกกับเงิน


"อ้าวนี่เขาไม่เป่าปี่เรียกงูโชว์กันแล้วรึ"พี่เตี้ยสงสัยเพราะเคยเห็นแต่ภาพล้อเลียนหน่มแขกโพกหัวเป่าปี่เรียกงู แต่นี่มันหมีนะ หมีเป็นๆเลยอ่ะ


"มันจะตะปบหัวเอาไหมนี่"ณ มน ไม่วายสงสัย

"ไม่มั้ง ไม่งั้นคนจูงน่ะโดนก่อน"พี่เตี้ยบอกเพราะดูเจ้าน้องหมีมันสนิทสนมกับคนจูงดีจริงๆ


หันไปมองอีกทางก็เห็นคนขับรถบรรทุกนอนราบกับพื้นถนน ย้ำว่าพื้นถนนไม่กลัวเลยว่าตัวจะเปื้อน แล้วก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆมานวดตัวให้ สงสัยจะบริการนวดแลกกับเงิน



ระหว่างนั้นก็มีชาวอินเดียหลายคนมาเคาะกระจกรถทำไม้ทำมือประมาณขอติดรถไปด้วย


ก็อยากจะให้ไปอะน่ะแต่เราก็ไม่รู้จักเขา ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะมาไม้ไหน ถึงอยากจะช่วยเหลือสุดท้ายก็ได้แต่ตอบปฏิเสธไปขอโทษจริงๆที่ให้ร่วมเดินทางไปด้วยไม่ได้




จากนั้นราชก็เข้ามานั่งทำหน้าที่คนขับเหมือนเดิมแล้วก็ออกรถมุ่งหน้าสู่อัครา





เวลาล่วงเลยมาบ่ายสอง ยัยสองสาวชาวไทยยังนั่งกันหน้าตาเฉยเมยไม่มีทีท่าจะว่าร้องหาอาหารมื้อกลางวันจนราชทนไม่ไหวเลยหันบอกเราว่าจะแวะร้านอาหาร



"ร้านนี้ไว้ใจได้เข้าไปทานสิครับ"


"ไม่เป็นไรเราไม่หิวเชิญราชตามสบาย"พี่เตี้ยผู้ยืนยันว่าอย่างไรเสียก็จะไม่ยอมกินอาหารข้างทางเด็ดขาดด้วยว่าทอ้งไส้นั้นค่อนข้างจะอ่อนไหวกลัวว่าจะท้องเสียจนเดินทางไม่สนุก


"ไม่เข้าไปจริงๆหรือ"ราชยังหันมาถามอีกครั้ง


"ไม่หรอกขอบใจนะ"ณ มนบอกกับเขา


ราชยอมแพ้เดินดุ่มๆเข้าไปคนเดียว



"ร้านอาหารอารายหว่าท่าทางยังกะอาบอบนวด"ณ มน เองแหล่ะค่ะที่เปรยออกมา


ก็ร้านนี้มีรั้วรอบเป้นกำแพงคอนกรีตมิดชิดมาก ดูแล้วมันเหมือนสถานอาบอบนวดยังไงก็ไม่รู้


"พี่ก็คิดเหมือนกันเพราะฉะนั้นจงหยิบขนมปังจากเป้ขึ้นมาแล้วกินซะ"พี่เตี้ยบอก


เราสองคนเลยค้นเป้หยิบขนมที่ตุนจากเมืองไทยขึ้นมาทานกันอย่างเอร็ดอร่อย


ราชหายไปนานมากกกก ย้ำนานมากกกกจนพี่เตี้ยยังออกปากว่านี่เราเป็นนักท่องเที่ยวหรือราชกันแน่
พี่แกถึงไม่สนใจเราเลย







ระหว่างนั้นพี่เตี้ยเลยชวนคุยถึงเรื่องการเดินทางของเรา

"เรามารถเช่าแบบนี้ทำให้อดลิ้มลองรสชาติแบบอินเดียเลยนะ"


"แบบไหนอ่ะพี่"ณ มน ไม่วายสงสัย


"อ้าวก็อย่างรถไฟ หรือรถตุ๊กตุ๊กบ้านเขาที่เรียกว่าริกชอร์ไง"


"อ๋อ ก็เรามีเวลาน้อยนี่นา"



ระหว่างนั้นคุณราชคนขับกิตติมศักดิ์ของเราก็เฉิดฉายออกมาจากร้านอาหารแล้วก้ยิ้มเผล่ให้เราก่อนจะเข้านั่งประจำที่สารถีแล้วออกรถทันที


เวลาที่ข้อมือบอกว่าเกือบ4โมงแล้ว


"ราชเราจะทันไปดูอาทิตย์ตกดินที่ทัชมาฮาลไหม"พี่เตี้ยถามเพราะว่าการขับรถของราชไม่เกิน60กม.ต่อชั่วโมง ระยะทางแค่150กม.นี่ราชใช้เวลานานมากกกก


"ทันแน่นอน ว่าแต่พวกคุณจะแวะศรีกันดราไหม"ราชถาม


"อะไรอ่ะศรีกันดรา"พี่เตี้ยถามกลับ


"สถานที่ท่องเที่ยวครับ"ข้อมูลที่ราชรู้มีแค่นี้หล่ะอย่าได้ถามอะไรให้มากความ


"ถ้าแวะแล้วไปทัชทันไหม"ณ มนถามเองค่ะคราวนี้


"ไม่มีปัญหาทันแน่นอนเพราะอยู่ห่างจากทัชแค่10กว่ากิโล"ราชส่ายหน้ายึกยักถามแบบของชาวอินเดีย


"โอเคแวะก็ได้"พี่เตี้ยตกลงใจในที่สุด


แล้วราชก็ขับรถในอัตราความเร็ว60กม.เท่าเดิมเป๊ะมาตามทางเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นป้ายบอกทางไปศรีกันดรา



คุณชายราชของเราก็เลี้ยวรถขวับเข้าไปจอดเทียบกับรถนักท่องเที่ยวคันอื่นๆซึ่งมักจะเป็นชาวตะวันตกเสียส่วนมาก


"นี่เบอร์มือถือผมครับ"คุณราชยื่นเบอร์โทรศัพท์มาให้


"ให้ทำไมอ่ะ" ณ มน ถามเอง


"เผื่อคุณออกมาแล้วไม่เจอผมก็โทรตามได้นะครับ"คุณชายตอบ


"อ้าวแล้วนี่ไม่คิดจะอยู่เฝ้ารถหรือ"พี่เตี้ยชักไม่สบอารมณ์ก็คนขับรถคันอื่นๆน่ะเขารอลูกทัวร์เขาอยู่ที่รถทั้งนั้น บางคนก็เช็ดรถ บางคนก็นั่งคุยอยู่แถวๆนั้น


แต่ใช้กับคุณชายราชของเราไม่ได้ค่ะ เธอต้องการพักผ่อน


เราสองคนไม่อยากมีปัญหาเลยยอมตามนั้น บอกให้เขาไปที่ชอบที่ชอบเอ๊ย ไปไหนก็ได้ตามใจแล้วถ้าเราออกมาไม่เจอเดี๋ยวเราจะนั่งรอเขาเอง


"แบบนี้ก็มีด้วยหรือเนี่ย"ณ มนหล่ะงงจริงๆกับพฤติกรรมของพี่ท่าน


พี่เตี้ยพาณ มนเดินไปเลียบๆเคียงดูหน้าศรีกันดราก็ได้เห็นป้ายบอกที่มาที่ไปของที่นี่





ศรีกันดรา (Srikandara)คือสถานที่ฝังศพของพระเจ้าอักบาร์มหาราชปุ่ของชาห์จาฮานผู้สร้างทัชมาฮาลนั่นเอง

ดังนั้นซุ้มประตูทางเข้าของที่นี่จึงเป้นต้นแบบทางเข้าของทัชมาฮาลนั่นเอง




เราตัดสินใจไม่เข้าไปชมด้านในเพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันชมอาทิตย์ตกดินที่ทัชมาฮาล ดังนั้นจึงไม่ได้สวัสดีพระเจ้าอักบาร์ แต่ไม่เป็นไรเดี่ยวไปสวัสดีท่านที่อีกเมืองก็ได้




เป็นจริงดั่งคาดเมื่อเราออกมาที่ลานจอดรถ เราไม่เจอราชค่ะไม่รู้คุณชายเธอไปไหน เราเลยนั่งรออยู่ที่นั่น


ณ มนหันไปมองพวงพริกมะนาวที่หน้ารถ พลางคิดในใจ


"อืมม์แขวนเพื่อนการเดินทางสะดวกปลอดภัย แต่ดูท่าแล้วจะไม่สะดวกก็เพราะนายคนขับที่หล่ะ"


ครู่ใหญ่ไรชเดนิส่งยิ้มมาค่ะ พร้อมกับบอกให้เราขึ้นรถได้เลย



เอาหล่ะค่ะพอเราขึ้นรถปุ๊บ ราชก็สตาร์ทรถปั๊บ


แต่ว่ารถสตาร์ทไม่ติด สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด


ตายหล่ะหว่า ทัชจ๋า เย็นนี้เราต้องคลาดกันเสยแล้ว



ราชลองอยู่หลายครั้งจนต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนขับรถแถวๆนั้นมาช่วยกันเข็น แล้วก็ลองสตาร์ทใหม่



"โธ่ไหนบอกว่าแขวนพวกพริกมะนาวแล้วจะเดินทางราบรื่นไม่มีปัญหาไง โกหกนี่หว่า ณ มน นึกในใจ



"ไม่มีปัญหาไม่ต้องตกใจคร้าบ"ราชหันมายิ้มหวานเชียว


"คงเชื่อหรอก"พี่เตี้ยแอบกระซิบกับณ มนเป็นภาษาไทย







ถึงแม้จะเหลืออีกไม่กี่กิโลจะเข้าเมืองอัครา แต่เราแน่ใจได้ว่าวันนี้ไม่ได้ดูอาทิตย์ตกดินที่ทัชแน่ๆเพราะพระอาทิตย์ท่านโบกมือบ๊ายบายเราตั้งกะตอนที่รถเพิ่งเลี้ยวเข้าสู่ตัวเมือง



ราชพาเราไปที่อู่ซ่อมรถค่ะแล้วเข้าไปเจรจากับช่างซ่อม สักครู่ช่างคนนั้นก็ออกมาเปิดกระโปรงหนูทาทาของเรา


ช่างทำหน้ายึกยัก ยึกยัก ก่อนจะเอ่ยเป็นภาษาอินดี้ น่าจะแปลได้ประมาณนี้


"อีนี่ซ่อมวันนี้ไม่เสร็จนะจ๊นายจ๋า นายต้องจอดรถไว้ที่อู่"


"เอางั้นเหรอ"ราชคงตอบประมาณนี้

นายราชพูดคุยกับนายช่างอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาเคาะให้เราเปิดกระจกรถพร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสาร


"เอ่อ ผมขอโทษด้วยวันนี้พวกคุณคงไปทัชมาฮาลไม่ทันแล้ว"




"แล้วจะทำยังไง"พี่เตี้ยตีหน้าได้เข้มมากก


"ผมจะเรียกริกชอร์ให้ไปส่งพวกคุณที่โรงแรมก่อน"


"ก็ได้"ถึงตกลงแต่พี่เตี้ยยังไม่วายทำหน้าดุ


จากที่นั่งเป้นคุณนายหน้าขาวในรถเก๋งบัดนี้สองสาวเมดอินไทยแลนด์ต้องระเห็จมานั่งหน้าเจ๋ออยู่บนริกชอร์


"สงสัยเทวดาฟ้าดินจะได้ยินคำบ่นของเรา"ณ มน ว่างั้น


"ทำไมอ่ะ"พี่เตี้ยสงสัย


"อ้าวก้พี่บอกเองนิ ว่าไม่ได้ลิ้มรสชาติแบบอินเดีย เทวดาเลยให้เราได้ลิ้มรสเลยนี่ไง"


แล้วสองสาวก็นั่งสูดทั้งฝุ่นทั้งควันรถกันเกือบฃั่วโมงเนื่องจากคนขับริกชอร์แกไม่รู้ทางไปโรงแรมที่ราชบอก


ก็เห้นพยักหน้าหงึกหงักเราก็นึกว่ารู้ทางที่ไหนได้ พอคล้อยหลังจากราช พี่แกก็ถามทางตลอดเลย



ในระหว่างที่นั่งสูดฝุนกับควันอยู่นั้นก็มองถนนหนทางที่วุ่นวายๆพอๆกับเดลลีเพราะอัคราก็เป็นเมืองใหญ่เหมือนกัน รถรามีทั้งรถเก๋ง รถมอเตอร์ไซค์ รถบัส รวมทั้งวัวเทียมอูฐเทียมเกวียนมีครบหมดเลย ก็เพลินไปอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน



เป็นอันว่าเราได้ลิ้มรสชาติแบบอินเดียมาอย่างหนึ่งแล้วหล่ะ



ยังมีเรื่องสนุกๆปนผจญภัยอีกเยอะค่ะ รออ่านนะคะ


ขอบคุณที่ร่วมเดินทางด้วยกันค่า


ขอปิดท้ายด้วยภาพเมืองที่ณ มน ชอบมากอีกเมืองหนึ่งค่ะ








Create Date : 07 มิถุนายน 2549
Last Update : 7 มิถุนายน 2549 17:24:18 น. 17 comments
Counter : 1458 Pageviews.

 


ดีนะ ณ มน ที่คนขับรถเค้ายอมรับว่าไม่รู้ทางไปโรงแรม เลยต้องแวะถามตลอดทาง เคยเจอมะ พวกที่แบบว่า ไม่รู้ทาง แต่ก็ยังด้านขับรถไปเรื่อย สุดท้ายต้องกลับรถตรงกิโลฯที่ 100 เราเจอมาแร้ว


โดย: PANDIN วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:18:02:50 น.  

 
มาแร๊วๆๆๆๆๆ

โอ....ไปครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1978...เด็กหญิง ณ มน ตอนนั้นอายุเท่าไหร่น๊อ...ภาพสวยมากเลยนะ...เล่าเรื่องก้อสนุก..ได้ความรู้ที่ไม่มากไปน้อยไปอิกด้วย

เออ...วัวเทียมอูฐ..นึกภาพไม่ออกเลย...แต่จำได้ว่าเคยเห็นอูฐในเมืองด้วยซ้ำ...มันดุนะ...กัดด้วย...

ขึ้นบทใหม่มาบอกด้วยนะคะ

มีวันเปิดตัวมั้ย?


โดย: Tinglish วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:18:51:35 น.  

 
คุณ ณ มน เพลินที่ได้ดู คนอ่านก็เพลิน เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ


โดย: yadegari วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:20:10:34 น.  

 
อ่านแล้วอยากไปมากๆๆ อ่ะ .... อิจฉาคนได้ไปอิอิ ... ไปเที่ยวรถไม่เสียเหมือนไม่หนุกเนอะ ผมว่ารถเสียได้ความทรงจำดีดีมันๆดีนะ ....

อัพเร็วจังเพิ่งอ่านเมื่อตอนกลางวันจะมาเม้นท์ตอนเย็นซะหน่อย... อัพซะแระ ...อิอิ .... อัพแล้วบอกด้วยนะจามาอ่านต่อครับ ... ชอบๆ

อ้อ...แล้วก็ชอบรูปหนุ่มน้อยในหอคอย กุตัปมีนาร์ ภาพสวยจังอ่ะครับ ....


โดย: K-Birch IP: 203.107.193.181 วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:20:12:48 น.  

 
หอคอย กุตัปมีนาร์ มันเอียงเหมือนหอเอนปิซาเลย ณ มน...

ถ้าเคยถล่มมาแล้วสร้างใหม่ได้สวยขนาดนี้ก็ไม่เสียดายของเก่าแล้วนะครับ....


ว่าแต่คุ้มมั้ยเนี่ย... ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่ทัชฯ แต่ได้นั่งสามล้อแทน... ฮึ่ม...

ในอินเดีย...เหลือแต่วัวนี่แหละที่ยังไม่เคยใช้บริการ.. ไม่อยากใช้ด้วย..



พี่ออฟ ก็ไปอินตะระเดียมาแล้วเหรอ... ไปปีเดียวกันกะครูทิงป่าว... 1978


โดย: ... ณ มิตร ... (namit ) วันที่: 7 มิถุนายน 2549 เวลา:22:32:54 น.  

 
น่าสนุกจังเลยค่ะได้เจออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ... งานนี้ต้องมีเรื่องแปลกๆ เยอะแยะแน่ๆ เลยยนะค่ะเนี่ย จะรออ่านต่อไปเรื่อยๆ นะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:4:07:30 น.  

 
คูทิงคะ.....ณ มน เป๋อเองค่ะ จะพิมพ์ว่าเกวียนเทียมวัวกับเกวียนเทียมอูฐค่ะ สำหรับปีที่คุไปอินเดีย ณ มน ยังเบบี๋มากกกเลยนะนั่น แต่เชื่อว่ารสชาติคงไม่แตกต่างกันนักใช่ไหมคะเพราะอินเดียนี่เขารักษาความเป้นตัวเองเอาไว้ได้มากเลย



PANDIN......ตอนแรกณ มน เห็นเขาพยักหน้าก็นึกว่าจะแปลว่ารู้ แต่ลืมไปว่าที่อินเดียน่ะการพยักหน้ามันหมายถึงNO ส่วนการส่ายหน้ามันหมายถึงYESค่ะ แล้วเรื่องการหลงนี่หลงตลอดศก ราชขับหลงตลอดเลยเรีกยกว่าหลงได้หลงดีทุกวี่ทุกวัน


yadegari.....ขอบคุณที่ชอบเรื่องราวที่ณ มน นำมาฝากค่ะยังมีเรื่องราวท่องเที่ยวอีกเยอะเลยค่ะ มาอ่ากนันในตอนต่อไปนะคะ



K-Birch.......ทริปนี้ของณ มน นะคะมีทั้งรถเสียทั้งหลงทางเลยค่ะ แต่ก็จริงอย่างที่คุณบอกเพราะว่าจากที่รถเสียนี่หล่ะค่ะ ณ มนได้รับความประทับใจหลายๆอย่างเลย

ส่วนหน่มน้อยในกุตัป มีนาร์เป็นเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษาค่ะ วันนั้นมีหลายโรงเรียนเลยค่ะ สังเกตจากสีสันของชุดนักเรียนที่มีทั้งกางเกงน้ำเงิน กางเกงม่วง กางเกงแดง แล้วน้องๆหนูๆนี่น่ารัก เห็นนักท่องเที่ยวเขาจะเข้ามาทักทายเป็นภาษาอังกฤษกันใหญ่เลยค่ะ



ณ มิตร.....นี่เลยค่ะริกชอร์แบบนี้เลยที่ ณ มนขึ้นไปนั่งเป็นคุณนายกับพี่เตี้ย ส่วนทัชมาฮาลนั้นณ มนไปเก็บตกวันรุ่งขึ้นแทนค่ะ

แล้วที่กุตัปมีนาร์ก็สวยจริงๆค่ะ ลายอักษรไม่แน่ว่าเป็นแบบอาหรับหรือเปล่าแกะได้สวยงามมากๆแล้วลายสลักตรงเสาก็สวยค่ะ แต่ณ มน ขี้เกียจเองค่ะเลยสแกนมาให้ดูแค่รูปเดียวเอาไว้ชมภาพงามๆของทัชแทนก็แล้วกันนะคะ



JewNid.....สนุกจริงๆค่ะกับการเดินทางไปครั้งนี้ แล้วก็เจอเรื่องตื่นเต้นแปลกใหม่ทุกวันจริงด้วยค่ะ มาตามกันตอนหน้านะคะ


โดย: ณ มน วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:10:24:43 น.  

 
มี ของแปลกตา แปลกใจ มาเล่าให้ฟังอีกแล้ว น่าสนุกครับ
อ่านไปเห็นภาพไป เหมือน คุณ ณ มน เป็นไกด์ทัวร์เลย 555


โดย: แร้ไฟ วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:12:29:07 น.  

 
เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นนะครับ เมื่อหญิงสาวแสนสวยสองคนไปในถิ่นที่แปลกๆ ไม่เคยไป(อย่างเดียวกะเข้าถ้ำ)

ไปกับหนุ่มสูง180ยิ้มหวาน แต่ไม่เป็นไกด์ที่ดีนัก

คราวหน้า ขออย่าเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจสาวแสนสวยนะครับ คงจะพบกับสิ่งที่ราบรื่นประทับใจ


โดย: yyswim วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:14:41:52 น.  

 
แร้ไฟ....ขอบคุณค่าที่ตามมาเที่ยวด้วยกัน ไปอินเดียคราวนั้นเจอสิ่งแปลกหูแปลกตาเยอะค่ะ จะพยายามเล่าให้เหมือนกับทุกคนเดินทางไปด้วยกันเลยนะคะ


yyswim....เนี่ยยังแค่เบาะๆค่ะ สองสาวณ มนกับพีเตี้ยนี่เคยเจอขนาดลงไปเข็นรถก็เลยก็มีค่ะ แต่ว่าจะเป็นที่เมืองไหนนี่เดี๋ยวมาเล่าในตอนตอ่ๆไปค่ะ


โดย: ณ มน วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:15:35:25 น.  

 
อ้อ เปงนี้นี่เอง

มรออ่านตอนต่อไปนะ พี่นะ

ว่าแต่ว่า หมีตัวนั้นอ่ะ น่ารักป่าว


โดย: ชอนึน วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:16:54:56 น.  

 
ณ มนเขียนหนังสืออ่านได้เพลินดีจัง

ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์สนุกๆให้ฟังนะคะ

ว่าแต่ยังไม่เฉลยเรื่องหวานใจเราเลยนะจ๊ะ


โดย: haiku วันที่: 9 มิถุนายน 2549 เวลา:16:50:55 น.  

 
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ณ มน ทำบล๊อก...ยะฮู้

เจ๊จันทร์ดีใจ...ลัล ลัล ล้า

555...เยี่ยมมากเลยน้อง

กลับมาแล้วจ้า
มาส่งข่าว
เดี๋ยวอาทิตย์หน้าคงเข้ามาสิงเป็นปกติ ตอนนี้มาส่งข่าวก่อนที่น้องจะลืมเรา...อิ..อิ

ขอตะโกนว่าดีใจอีกทีได้ม๊ะตัวเอง...555
ดีใจ

คิดถึงจ้า


โดย: จันทร์สวย วันที่: 9 มิถุนายน 2549 เวลา:20:56:57 น.  

 
หวัดดีค่ะพี่ณ มน ชิดมาแล้น อิอิ...

ตามไปอ่านตอนเก่า ๆ ด้วยแล้ว ชักตื่นเต้นแต่ยังไม่อยากไปอินเดียอ่ะค่ะ ใจไม่กล้าพอ ติดตามพี่ ณ มน อย่างงี้ดีกว่า เล่าสนุกดี


โดย: ชิด-ชิด เข้ามาอีกหน่อย วันที่: 10 มิถุนายน 2549 เวลา:8:29:15 น.  

 
มาเกาะขอบอ่านเรื่องเล่าจากอินเดียคับ
เห็นแล้วเก็บตังค์ไปเที่ยวบ้างดีกว่า ฮา...


โดย: YUI_MUNMOO วันที่: 11 มิถุนายน 2549 เวลา:6:52:17 น.  

 
น้องแป๋ม......หมีมันน่ารักนะ แต่พี่เตี้ยแกห้ามเอาไว้ไม่ให้ลงไปใกล้ๆไม่งั้นคงได้รูปมาฝาก

haiku.....อ้าวลืมจนได้แปะเอาไว้มาเฉลยตอนหน้านะคะ

พี่จันทร์สวย.....ดีใจจังในที่สุดพี่ก็มีเวลามาเยี่ยมน้องแล้ว ขอบคุณนะคะที่พี่แนะนำบวกกับยุและเคียวเข็ญให้น้องคนนี้เปดบลอกพอเปิดแล้วมันก้สนุกจริงๆค่ะมีเรื่องอะไรก็สามารถมาบอกเล่ากับทุกคนได้ ขอบคุณนะคะและก้จะบอกว่าคิดถึงพี่มากกกกกกเล้ย

ชิด.....เอาน่าอ่านไปเรื่อยๆชิดอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้น้า มันสวยจริงๆนะเอาไว้คอยดูรูปกับอ่านตอนต่อไปนะ เผื่อจะยอมใจอ่อน

YUI-MUNMOO....ยุค่ายุเก็บตังค์แล้วไปให้ได้นะคะสวยจริงๆและจะได้เก็บเกี่ยวเรื่องราวตางๆกลับบ้านเต็มกระเป๋าเลยค่ะ


โดย: ณ มน วันที่: 12 มิถุนายน 2549 เวลา:17:41:00 น.  

 
ส ว ย
ดี น๊ ค๊


โดย: อัซมี่ IP: 192.168.10.33, 124.121.53.34 วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:05:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ณ มน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




ณ มน ชื่อนี้แปลว่า "ที่หัวใจ" ตอนแรกตั้งใจจะใช้เป็นเพียงนามปากกาที่ใช้เขียนหนังสือเท่านั้น

แต่สุดท้ายก็นำมาใช้เปิดบลอคจนได้ แหะแหะ

ณ มนเป็นคนธรรมดาๆ ชอบเดินทาง ชอบคุย ชอบเล่าชอบเมาท์ไปเรื่อย ถ้าไม่เบื่ออ่านเรื่องเล่าที่บางคราวก็เฮฮา บางคราก็ไร้สาระล่ะก็ แวะมาเยี่ยมเยือนกันได้ค่ะ ^_^


บอกเล่าเก้าสิบกันนิดนะคะว่า
บทความและข้อเขียนทุกชิ้นในบลอกนี้
ได้รับการคุ้มครองตาม พรบ. ลิขสิทธิ์ค่ะ
เข้ามาอ่านได้นะคะ แล้วก็แสดงความคิดเห็นได้ด้วย
แต่อย่าลอกกันนะคะ


***********


ผลงานของณ มนค่ะ























































ผู้เยี่ยมชม
Friends' blogs
[Add ณ มน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.