Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
3 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

เธอ...เขา...และรักเรา ตอนที่ 14 พาร์ท 2



ฮวางโบหันไปตามเสียงนั่น และทันทีที่เธอหันกลับไป...เธอก็เห็นรถเข็นของซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เรียงต่อกันเป็นขบวนยาวกำลังพุ่งตรงมาที่เธออย่างรวดเร็วและไม่มีทีท่าว่าหยุดหรือชะลอลงด้วย และนั่นเองที่ทำให้เธอตกใจจนไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปที่ไหนได้ แต่โชคยังดีที่ใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและผลักเธอให้พ้นทางจากรถเข็นพวกนั้นซะก่อน แล้วหลังจากนั้นรถเข็นพวกนั้นก็พุ่งชนเข้ากับกำแพงตรงจุดที่เธอยืนอยู่ในตอนก่อนหน้านี้อย่างแรง... ‘โครมมมม’... เสียงรถเข็นที่พุ่งชนเข้ากับกำแพงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด ก่อนที่พวกมันจะล้มระเนระนาดกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น ฮวางโบแทบไม่อยากจะคิดเลยว่า...ถ้าตอนนั้นไม่มีใครเข้ามาผลักเธอออกมาให้พ้นทางพวกมันแล้วล่ะก็...ตอนนี้คงเป็นเธอเองแน่ๆ ที่ต้องถูกรถเข็นพวกนั้นพุ่งเข้าชน แทนที่จะเป็นกำแพงที่อยู่ข้างหลังนั้น...

“เฮจุง...เธอเป็นอะไรรึเปล่า?” บอมซัมถามเธอด้วยความเป็นห่วงและตกใจ จนเผลอเรียกชื่อจริงของเธอออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ไม่..ไม่...ฉันไม่เป็นไร ขอบใจเธอมากนะ...บอมซัน” ฮวางโบพูดอย่างขวัญผวาไม่หายหลังจากที่เจอเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเมื่อกี้นี้

“เมื่อกี้...พวกเราตะโกนเรียกคุณแทบตาย...ให้คุณหลบ...แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้ยินที่พวกเราตะโกนบอกคุณเลย แล้ว...คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมค่ะ? นี่คงทำให้คุณตกใจแย่เลย...” ภรรยาของบอมซันถามไถ่เธอด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

แล้วหลังจากนั้น...พนักงานของทางซุปเปอร์มาร์เก็ตก็วิ่งเข้ามาหาฮวางโบ

“เอ่อ..ผมขอโทษจริงๆ นะครับ...แล้วคุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับเนี่ย?” พนักงานคนนั้นพูดกับเธออย่างกระวนกระวาย

“เปล่าค่ะ...ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ” ฮวางโบตอบพนักงานคนนั้นอย่างเสียขวัญ

“นี่มันเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของพวกคุณ...จนเกือบจะทำให้เธอต้องได้รับบาดเจ็บแล้วมั้ยล่ะ นี่พวกคุณรู้มั้ยว่าเธอเป็นใคร...ถ้าเกิดเธอได้รับบาดเจ็บขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม?” ภรรยาของบอมซันต่อว่าพนักงานคนนั้นแทนฮวางโบ

“เอ่อ...ผมขอโทษจริงๆ นะครับ มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ผมไม่ได้อยากให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นหรอกนะครับ แต่...มันเป็นเพราะโซ่ที่คล้องรถเข็นพวกนั้นเอาไว้ด้วยกันต่างหาก ที่อยู่ๆ ดีมันก็เกิดหลุดขึ้นมากะทันหันซะอย่างนั้น มันก็เลยทำให้รถเข็นพวกนั้นไหลลงมาตามทางลาดอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผมไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน ว่าแต่คุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ จะให้ทางเราเรียกรถพยาบาลให้ไหมครับ?” พนักงานคนนั้นพยายามอธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟัง

“เฮจุง...นี่มันเกิดอะไรขึ้นฮะ?” ฮยอนจุงพูดขึ้นอย่างตกใจ หลังจากแวกฝูงชนที่กำลังมุ่งดูพวกเขาอยู่เข้ามาหาเธอ

แล้วหลังจากนั้น...ผู้คนที่กำลังมุงดูพวกเขาอยู่รอบๆ ก็เริ่มจับกลุ่มซุบซิบนินทา และมีบางคนที่จำพวกเขาได้ก็เริ่มตะโกนออกมา....

“โอ้!~ นั่นมัน...คิมฮยอนจุงกับฮวางโบนี่น่า” / “ตัวจริงของพวกเขาสองคนช่างดูดีเหมาะสมกันมากๆ เลยนะ” คนพวกนั้นต่างเริ่มพูดซุบซิบกันไม่หยุด

“โอ๊ะ!~ ไม่น่าเชื่อ...ผมนึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณฮวางโบ...งั้นทางเราก็ยิ่งต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับคุณนะครับ ให้โอกาศพวกเราได้ทำคุณไถ่โทษกับคุณบ้างเถอะนะครับ” พนักงานคนนั้นกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น

“ไม่ค่ะ...ไม่...พวกคุณไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าเสียหายอะไรให้ฉันหรอก เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” ฮวางโบพูดกับพนักงานคนนั้นอย่างเกรงใจ หลังจากนั้นก็หันกลับไปพูดกับบอมซัน....

“บอมซัน...ฉันขอบใจเธอมากที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้เมื่อกี้นี้...ขอบใจเธอจริงๆ นะ” ฮวางโบกล่าวขอบคุณบอมซันอย่างซาบซึ้งใจด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“เอ่อ...ขอโทษนะฮะ แต่ผมว่าหน้าตาของคุณมันดูคุ้นๆ จังเลยนะฮะ” ฮยอนจุงพูดขัดขึ้นทันที่ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังยิ้มให้ชายอื่น

“เอ่อ...ฮยอนจุงจ๊ะ นี่บอมซันไง เขาเป็นเพื่อนของฉันเอง เธอเคยเจอเข้ามาแล้วนี่...ตอนงานแต่งานของเราไง” ฮวางโบหันไปพูดแนะนำบอมซันให้ฮยอนจุงรู้จักอย่างเป็นกันเองและดูเป็นธรรมชาติมากๆ ราวกับว่าเธอลืมไปแล้วว่าเพราะบอมซันนี่แหละ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอกับฮยอนจุงต้องมาทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้

“อ้อ...คุณนี้เองที่ชื่อ ‘บอมซัน’? ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งฮะ และก็ขอบคุณมากนะฮะที่ช่วยชีวิตภรรยาของผมเอาไว้เมื่อกี้นี้” ฮยอนจุงพูดด้วยน้ำเสียงกที่แข็งกระด้างราวกับกำปั้นทุบดินขึ้นมาทันที หลังจากที่รู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตเธอเมื่อกี้นี้เป็นใคร

<ไอ้หมอนี่นะหรือที่ชื่อ ‘บอมซัน’ นะ ไอ้ผู้ชายคนนี้เนี่ยนะที่เธอบอกว่ารักนักรักหนาตอนเธอที่เมาน่ะ แล้วทำไมวันนี้เธอกับไอ้หมอนี้ถึงอยู่ด้วยกันแบบวันนั้นอีกแล้ว แถมมันยังช่วยชีวิตเธอเอาไว้อีกแล้วด้วย โอ๊ย...ฉันอยากจะบ้าตายจริงๆ ฉันจะทำยังไงดีนะให้ไอ้หมอนี้มันสาบสูญไปจากชีวิตเธอซะที เฮ้อ~ ใครก็ได้ช่วยบอกวิธีกำจัดไอ้ผู้ชายคนนี้ให้ฉันรู้หน่อยได้ไหม> ฮยอนจุงคิดกับตัวเองอย่างคลุ่มคลั่ง ขณะที่มองสำรวจผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมไม่ได้ทำอะไรมากมายซะหน่อย” บอมซัมพูดอย่างถ่อนตน โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวของเขากำลังตกเป็นเป้านิ่งให้ฮยอนจุงสังหารทางสายตาอยู่

“งั้นตอนนี้ผมว่าเราควรไปจากที่นี่กันได้แล้วนะฮะ มาเถอะฮะ ‘โยโบ (ที่รัก)’ เราควรกลับไปที่รถของพวกเราได้แล้ว” ฮยอนจุงพูดเสียงเข้ม ก่อนที่จะหันไปโอบไหล่ของเธอ แล้วพาเธอเดินไปที่รถด้วยกัน

“เอ่อ...คุณแน่ใจนะฮะว่าไม่เป็นไรจริงๆ? มาฮะ...ขอผมดูมือคุณหน่อย นี่...คุณมีแผลถลอกที่มือด้วยนี่ฮะ...แถมเลือดก็ยังไหลซิบๆ อยู่เลย ผมว่าผมพาคุณไปหาหมอก่อนดีกว่าฮะ” ฮยอนจุงพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง และมันออกจะดูโอเว่อร์ไปซะหน่อยด้วยซ้ำ

“ฮึมๆๆ...ไม่ต้องหรอกฮยอนจุง แค่แผลถลอกนิดเดียวเอง เดี๋ยวฉันทำแผลเองก็ได้ แต่ว่าตอนนี้...ฉันว่าเราน่าจะรีบไปที่งานวันเกิดของพี่ผู้จัดการของเธอได้แล้วนะ เพราะนี่มันก็สายมากแล้ว...เอ่อ...แล้วอีกอย่าง...เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?” ฮวางโบพูดและถามเขาอย่างแปลกใจ

“หา...ทำไมนะฮะ? แล้วเมื่อกี้คุณได้ยินผมเรียกคุณว่าอะไรหรือฮะ ช่วยบอกผมหน่อยสิ?” เขาถามเธออย่างสงสัย

“ก็..เมื่อกี้...ฉัน...เหมือนได้ยินเธอเรียกฉันว่า ‘โยโบ (ที่รัก)’ น่ะซิ” ฮวางโบพูดเสียอ่อยๆ ด้วยความเขิน

“ฮ่าๆๆ ผมนะรึฮะ? ผมว่าคุณคงตกใจมากเกินไปจนทำให้คุณหูฝาดมากว่าฮะ ฮ่าๆๆ” ฮยอนจุงพูดและหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ก่อนที่จะมองหน้าเธอนิ่งๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ....

<ใช่ฮะ...เฮจุง...ความจริงแล้วผมเรียกคุณว่า ‘โยโบ (ที่รัก)’ จริงๆ นั่นแหละ และผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงต้องเรียกคุณแบบนั้นด้วย แต่...ตอนที่ผมเห็นหน้าไอ้หมอนั่น..ไอ้ผู้ชายคนที่ชื่อ ‘บอมซัน’ คนนั้นอยู่กับคุณ มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าผมกำลังหึงคุณจนหน้ามืดตามัวไปหมด และต้องหาทางทำอะไรซักอย่างเพื่อย้ำให้ไอ้หมอนั่นมันรู้ว่า ตอนนี้คุณนะเป็นภรรยาของผมแล้ว และผมก็จะไม่ถามคุณหรอกนะฮะว่าคุณกับไอ้หมอนั่นมีความสัมพันธ์กันยังไง เพราะผมมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลาคุณจะบอกเรื่องนี้ให้ผมฟังด้วยตัวของคุณเอง และผมจะอดทนรอกจนกว่าจะถึงวันนั้น> ฮยอนจุงคิดกับตัวเองซะยืดยาว ในขณะที่มองหน้าเธอนิ่งและยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวเป็นเวลาเนิ่นนาน จนฮวางโบผู้ถูกจ้องมองทนความเขินอายต่อไปไม่ไหว เลยหาทางทำลายบรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนนั่นซะ...

“ก็อาจจะจริงของเธอนะ...เอ่อ... และก็ฮยอนจุง...วันนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ มากเลยล่ะ เพราะฉันรู้สึกเหมือนกับมีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามฉันอยู่ตลอดเวลาเลยนะ แต่ก็อาจเป็นเพราะว่าวันนี้ฉันเหนื่อยเกินไปหน่อยก็ได้เลยทำให้ฉันรู้สึกเบลอและคิดมากไปเองอีกก็ได้...เอ่อ แล้วก็อีกเรื่องนึง...ฮยอนจุง....” ฮวางโบพูดกับเขาก่อนที่จะหยุดชะงักไปครู่ เพื่อคิดว่าเธอควรจะพูดเรื่องนั้นกับเขาดีไหม

“ฮืมมม...ว่าไงฮะ” เขาถามเธออย่างข้องใจ หลังจากที่เห็นเธอจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่ยอมพูดออกมา

“ไม่...ไม่มีอะไรแล้วจ๊ะ...ฉันลืมไปแล้วว่าอยากจะพูดอะไรกับเธอ” สุดท้ายฮวางโบก็ปฏิเสธที่จะพูดเรื่องนั้นให้เขาฟัง
และเรื่องนั้นที่กำลังค้างคาอยู่ในใจเธอตอนนี้ก็คือ เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้นี่เอง...เพราะเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนจงใจทำให้อุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นกับเธอมากกว่า แต่เธอก็ไม่กล้าและตัดสินใจที่จะไม่บอกให้ฮยอนจุงรับรู้ เพราะเธอกลัวว่าเขาจะต้องมากังวลและเป็นห่วงเธออีก

----------------------------------------------------

ที่งานปาร์ตี้วันเกิดของพี่ผู้จัดการ

“พี่ฮะ...นี่ของขวัญจากพวกเราฮะ” ฮยอนจุงพูดด้วยเสียงที่ร่าเริงและดูสดใส ในขณะที่ยื่นของขวัญชิ้นนั้นให้กับพี่ผู้จัดการของเขาเอง

“ว้าววว~...นี่มันกระเป๋าตังค์นี่ ฉันกำลังอยากได้อยู่พอดีเลยนะ แต่มันเป็นเพราะพวกนายนั่นแหละที่ดันมาได้รับความนิยมมากมายในตอนนี้ จนฉันไม่มีเวลาปลีกตัวไปหาซื้อกระเป๋าตังค์นี่ด้วยตัวของฉันเอง” พี่ผู้จัดการของเขาพูดออกมาอย่างดีใจ แต่ก็ไม่วายที่จะบ่นพวกเขาที่หางานมาให้เขาได้ไม่หยุดหย่อนจนไม่มีเวลาพักหรือเวลาเป็นของตัวเองเลย

“ฮ่าๆๆๆ มันก็ช่วยไม่ได้นี่ฮะ เพราะเดี๋ยวพอถึงหน้าที่พวกเราหยุดโปรโมทและไม่งานทำพี่ก็มาบ่นพวกเราอีกว่าทำไมถึงไม่มีงานให้ฉันทำเลย เพราะฉะนั้นพี่น่าจะหยุดบ่นและหัดทำใจได้แล้วนะฮะ แต่ว่า...สำหรับของขวัญชิ้นนะ พี่รู้ไหมฮะว่าพี่สะใภ้ของพวกเรา เขาเป็นคนไปเลือกของขวัญชิ้นนี้ให้กับพี่ด้วยตัวของเขาเองเป็นกรณีพิเศษเลยนะฮะ...มันสวยมากเลยใช่ไหมล่ะ?” จองมินยังไม่วายพูดกวนประสาทพี่ผู้จัดการของตัวเอง ไม่เว้นแม้กระทั่งในวันเกิดของพี่เขาก็ตาม

“จริงหรือครับ ที่เจ้าจองมินมันพูดเป็นความจริงรึเปล่าครับ? งั้น...ผมขอบคุณคุณมากนะครับ...คุณฮวางโบ” พี่ผู้จัดการของเขาพูดกับเธออย่างซาบซึ้งใจ

“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะฉันแค่เลือกมันตามความคิดของพวกเขาเท่านั้นเอง แต่นี่สิค่ะที่ถือว่าฉันเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะ” ฮวางพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะส่งของขวัญอีกชิ้นนึงให้กับเขา

“โอ้..ว้าววว~ นี่มันที่รองนั่งสำหรับนวดในรถนี่ครับ” พี่ผู้จัดการของเขาอุทานออกมาด้วยความดีใจ

“ใช่ค่ะ...เพราะฉันเห็นว่าคุณต้องคอยขับรถไปนู้นมานี่ให้พวกเขาตลอดเวลา ฉันเลยคิดว่านี่น่าจะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้บ้าง” เธอพูด

“พี่สะใภ้ฮะ...นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ พวกเราเองก็ซ้อมเต้นเหนื่อยเหมือนกัน แถมยังต้องเดินทางไปนู้นมานี่ทั้งทางบกและทางอากาศตลอดเวลาเลยด้วย ทำไมพี่สะใภ้ไม่สงสารและซื้อให้ผมมั่งอ่ะ ผมก็อยากได้เหมือนกันนะ” เบบี้พูดจาออดอ้อนเธอราวกับเด็กน้อยอีกครั้ง

“เฮ้อออ~ จริงๆ เลยนะ นายเนี่ย ก็วันเกิดของนายมันผ่านไปแล้วไม่ใช่หรือไงล่ะ เพราะฉะนั้นถ้านายอยากได้จริงๆ ล่ะก็รอไว้ปีหน้าก็แล้วกัน” ฮยอนจุงพูดออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นเบบี้กำลังก้อล่อก้อติดอ้อนออดเธออยู่ไม่ห่าง

“มา...พวกเรามาดื่มฉลองให้กับพี่ผู้จัดการของเราที่แก่ขึ้นอีกปีกันดีกว่า” จองมินพูดแทรกขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

“เฮจุง...คุณดื่มแทนผมก็แล้วกันนะฮะ เพราะว่าวันนี้ผมมีหน้าที่ต้องขับรถพาคุณกลับไปส่งบ้าน ก็เลยดื่มมากไม่ได้นะฮะ” เขาเอี้ยวตัวไปกระซิบบอกเธอเบาๆ ที่ข้างหู

“ว้าวววว...จริงๆ นะ?...ฮยอนจุง...คืนนี้ฉันดื่มได้เต็มที่อย่างที่ฉันต้องการได้จริงๆ เหรอ?” ฮวางโบแกล้งถามเขาทีเล่นทีจริง

“เฮ้อออ~ ก็ได้ฮะ ตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ คุณจะดื่มเท่าไหร่ก็ได้ แต่...คุณต้องรู้รีมิทของตัวเองด้วยนะฮะว่าน่าจะดื่มได้เท่าไหร่ ห้ามดื่มจนเมาแบบวันนั้นเด็ดขาดเลยนะฮะ” สุดท้ายฮยอนจุงก็ยอมตามใจเธอจนได้ แต่ก็ยังอดบ่นเธอไม่ได้อยู่

และหลังจากพวกเขาทั้งหมดก็ดื่มสังสรรค์และเต้นรำเฮฮากันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะฮวางโบ...เธอกำลังเต้นรำอยู่กับพวกน้องๆ ของเขาอย่างมีความสุข และดูจะสนุกสนานมากๆ ด้วย ส่วนฮยอนจุงก็ได้แต่นั่งมองเธอเต้นรำอยู่ที่โต๊ะอย่างเงียบๆ และไม่ยอมละสายตาจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว พรางคิดกับตัวเองในใจขึ้นมาว่า <ให้ตายซิ!~ ทำไมเธอได้ดูสวยและเซ็กซี่ขนาดนี้นะ นี่มันเป็นเพราะท่าทางที่ดูยั่วยวนของเธอ หรือมันเป็นเพราะชุดที่เธอใส่มาวันนี้กันแน่? และฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าตอนนี้...เธอคนนี้จะเป็นภรรยาของฉันแล้ว> เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อคิดมาถึงตรงจุดนี้

<อ้าห์~...ฉันว่าตอนนี้ฉันน่าจะพาเธอกลับบ้านก่อนดีกว่า...ก่อนที่เจ้าพวกนั้นมันจะนัวเนียอยู่กับเธอมากไปกว่านี้> เขาคิดขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากที่หันกลับไปมองเธออีกครั้ง และเห็นว่าเจ้าพวกตัวแสบนั้นกำลังก้อล่อก้อติดเธอมากขนาดไหน

----------------------------------------------------

ภายในรถของฮยอนจุง

“ฮยอนจุง...นายคิดว่าพี่ผู้จัดการเขาจะเป็นไรมากไหมอ่ะ?” ยองแซงถามขึ้นทันที เมื่อทุกคนเข้ามานั่งรถของฮยอนจุงเรียบร้อยแล้ว

“ก็น่าจะนะ...ก็ดูเขาสิ...เล่นเมาปลิ้นซะขนาดนั้นน่ะ” ฮยอนจุงพูดอย่างปลงๆ เมื่อหันกลับเห็นสภาพพี่ผู้จัดการของตัวเอง

“พี่ฮะ..ทำไมพี่ไม่ไปส่งพี่สะใภ้ให้ถึงบ้านของพวกพี่ก่อนล่ะฮะ? แล้วเดี๋ยวพวกเราเรียกแท็กซี่ต่อจากที่นั้นเพื่อกลับที่พักของพวกเราเองก็ได้” คยูจงเสนอความคิดเกี่ยวกับแผนการเดินทาง

“ไม่จ๊ะ...ไม่เป็น เธอไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก เดี๋ยวพวกเราทั้งหมดจะกลับไปที่บ้านพักของพวกเธอก่อน...” ฮวางโบพูด

“แต่...ผมคิดว่าผมจะไปส่งคุณที่บ้านของเราก่อนอย่างที่เจ้าคยูมันว่าดีกว่านะฮะ แล้วหลังจากนั้นผมก็จะขับรถกลับไปนอนที่บ้านพักพร้อมกับพวกเขาเลย เพราะพรุ่งนี้ผมกับพวกน้องๆ มีอัดเสียงที่สตูดิโอกันแต่เช้า” ฮยอนจุงพูด

แล้วหลังจากฮยอนจุงก็ขับไปส่งฮวางโบที่หน้าอพาร์ทเมนท์ของพวกเขา

“เฮจุง...ราตรีสวัสดิ์นะฮะ” เขากล่าวลาเธออย่างอาลัยอาวรณ์ เพราะความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากจะกลับไปพร้อมกับเจ้าพวกนั้นซักเท่าไหร่ แต่เพราะ..เขาเกรงว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดใจเมื่อมีเขาอยู่ร่วมห้องด้วยต่างหาก เขาเลยจำเป็นต้องตัดสินเลือกวิธีนี้

และเมื่อกลับไปถึงอพาร์ทเมนท์ของพวกเขาแล้ว...ฮวางโบก็ถอดเสื้อผ้าและตรงไปอาบน้ำทันที และเมื่อเธอได้ยินเสียงเหมือนมีใครบางคนกำลังพยายามเปิดประตูเข้ามาอพาร์ทเมนท์ของพวกเขาอยู่...เธอก็ตกใจรีบวิ่งออกไปดูที่ประตูทันทีโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนั้นเธอใส่แค่ชุดนอนซีทรูที่มีเนื้อผ้าบางเบา...และแทบจะปกปิดอะไรบนร่างกายเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“ฮยอนจุง...ทะ...ทำไม...เธอถึงย้อนกลับที่นี่ล่ะ?” ฮวางโบถามเขาอย่างตะกุกตะกักด้วยความตกใจ

“เอ่อ...ยองแซงมันตัดสินใจจะขับรถของผมกลับไปที่บ้านพักเองฮะ...และ...เอ่อ..คุณ...ทำไม...คุณถึงใส่ชุดบ้านี่อีกแล้วเนี่ย!~” เขาแทบจะเรียบเรียงคำพูดออกมาพูดกับเธอแทบไม่ได้ เพราะตอนนี้หัวใจของกำลังเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขากำลังใส่ชุดที่ยั่วยวนสายตาเขามากแค่ไหน...แบบนี้อีกแล้ว

“ว๊ายยยย~ ไม่นะ...ก็ฉันคิดว่าคืนนี้เธอจะไม่กลับมาแล้วนี่...ฉันก็เลย......” ฮวางโบพูดแก้ตัวออกมาอย่างร้อนร้น ในขณะที่พยายามเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความเขินอาย แต่...ก่อนที่เธอจะทันได้พูดแก้ตัวจนจบประโยค หรือแม้เต่จะเอื้อมมือไปจับลูกบิดที่ประตูห้องของตัวเองได้นั้น ฮยอนจุงก็เดินเข้ามาคว้าเอวของเธอเอาไว้ซะก่อน และกดริมฝีปากของเขาลงไปบนริมฝีกปากสีชมพูระเรืออันอวบอิ่มของเธอจนแน่น และนั่นเองที่ทำให้ฮวางโบถึงกับตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก และไม่ทันตั้งตัวที่จะขัดขืนจุมพิตที่เขาพยายามหยิบยื่นให้กับเธอ....ส่วนฮยอนจุงก็ค่อยๆ บรรจงจูบเธออย่างถนุถนอมในตอนแรก เพื่อมอบจุมพิตที่แสนหวานให้กับเธอ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนมันให้กลับกลายเป็นจุมพิตที่แสนหนักหน่วงและเร้าร้อนตามความปรารถนาและความต้องการที่เขามีต่อเธอ แต่สุดท้าย...เขาก็ต้องจำใจถอนริมฝีปากของเขาออกจากเธออย่างเสียดาย เมื่อรู้สึกว่าทั้งเขาและเธอเริ่มจะขาดอากาศหายใจเพราะจุมพิตที่แสนเร้าร้อนและเนิ่นนานนั่นแล้ว.....

ฮยอนจุงยังคงโอบกอดฮวางโบเอาไว้แน่นในอ้อมแขนของเขาแบบนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหลังจากที่เขาถอนริมฝีปากจากเธอแล้วก็ตาม และตอนนี้...เขาก็กำลังรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ส่งผ่านมาจากร่างกายที่แทบจะเปลือยเปล่าของเธอเป็นอย่างดี เพราะว่าไอ้ชุดนอนซีทรูที่เธอสวมใส่อยู่ในตอนนี้มันช่างแสนจะบางเบาจนเขาแทบจะไม่รู้สึกถึงมันเลยนั่นเอง

“เฮจุง...ผมอยากให้คุณอยู่ข้างๆ ผมคืนนี้ได้ไหมฮะ” สุดท้ายฮยอนจุงก็พูดถึงสิ่งที่เขาปรารถนามานานด้วยสายตาที่เว้าวอน

และในตอนนั่นเอง...จู่ๆ โทรศัพท์มือถือของฮยอนจุงก็ดังขึ้น จนทำให้ทั้งเขาและเธอต่างพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ หลังจากนั้นฮยอนจุงก็รีบคว้าโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาและกดรับสายทันที

“เอ่อ...ฮัลโหล...สวัสดีฮะ” เขาพูดขึ้นอย่างเสียอารมณ์

“เฮ้!~ นั่นฮยอนจุงหรือ...เอิ้กกกก...ฉันไม่คิดเลยว่าวันนี้ฉันจะดื่มหนักขนาดนี้ แต่...ฉานนน...ยังไม่เมานะ เพราะว่า...ฉานนน...ยังสามารถโทรมาหานายตอนนี้ได้อยู่ และกำลังจะเตือนนายว่า...ห้ามลืมเรื่องอัดเสียงพรุ่งนี้เช้านะ...เข้าใจหมายยยย...ฮยอนจุง...” พี่ผู้จัดการของเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูมึนเมา

“เฮ้ออออ~ ครับ...ผมเข้าใจแล้วครับ แต่ว่าตอนนี้...ผมว่าพี่ควรจะไปนอนได้นะฮะ” <อย่ามาเป็นมารขัดขวางความสุขของผมอีกเลยจะได้ไหมฮะ> ฮยอนจุงพูดออกมาอย่างเซ็งๆ พรางบ่นพี่ผู้จัดการของเขาในใจไปพร้อมกันด้วย

หลังจากนั้นเขาก็วางสาย แล้วหันมาบ่นพี่ผู้จัดการของเขาให้เธอฟังว่า “เฮ้อออ~ ให้ตายซิ ไอ้พี่คนนี้...เขาช่างเลือกเวลาโทรได้เหมาะเจาะพอดิบพอดีจริงๆ เลย ว่าไหมฮะ”

“เอ่อ...เฮจุงฮะ...ผม....” ฮยอนจุงพยายามปรับโหมดของตัวเองเพื่อเข้าเรื่องที่เขากำลังจะพูดกับเธอก่อนหน้านี้

“ชู่ว์วววว....เงียบเถอะ เธอไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” ฮวางโบพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากของเขาที่กำลังพยายามจะพูดต่อ หลังจากนั้นเธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาโอบกอดรอบคอบของเขาเอาไว้ และค่อยๆ บรรจุงจูบเขาอย่างรักใคร่ และนั่นเองที่ทำให้ฮยอนจุงรู้คำตอบของคำถามที่เขาถามเธอไปก่อนหน้านี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเขาก็บรรจงจูบเธอกลับอย่างดูดดื่มและโหยหาเช่นกัน ก่อนที่จะช้อนตัวเธอขึ้นและอุ้มเธอไปยังห้องนอนของเธอที่ตอนนี้กำลังเปิดแง้มรอพวกเขาอยู่แล้วนั่นเอง...

และนั่น...คือความปรารถนาที่พวกเขาทั้งคู่มีต่อกันและกัน โดยที่มันถูกซ่อนอยู่ภายในจิตใจลึกๆ ของพวกเขามาโดยตลอด และพวกเขาก็เพียงแค่ปลดปล่อยความปรารถนานั้นออกมา และคอยตามไปกับมันในขณะที่พวกเขา...สานสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งจนแทบจะแยกจากกันไม่ออกในคืนนี้ แต่...หรือว่านี่...จะเป็นเพียงแค่การเติมเต็มความต้องการอย่างฉาบฉวยที่พวกเขาทั้งคู่มีต่อกันและกันเท่านั้น? คงไม่มีใครให้คำตอบกับพวกเขาได้ นอกจากหัวใจของพวกเขาเองที่จะรู้ความจริงในข้อนี้ดีที่สุด

เช้าวันต่อมา...ฮวางโบที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่เช้วแล้ว แต่...เธอยังคงแกล้งนอนหลับตานิ่งๆ เพื่อรอให้แน่ใจก่อนว่าฮยอนจุงได้ลุกจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกไปทำงานเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ....

และในระหว่างที่เธออาบน้ำ เธอก็ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอแทบตั้งตัวไม่ติด...เมื่อคืนนี้ไปด้วย และเธอก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอมันอ่อนไหวและเต้นแรงไม่เป็นจังหวะทุกครั้งเมื่อเธอหวนไปนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ขึ้นมา และที่สำคัญ...ตอนนี้เธอยังคงรู้สึกได้ถึงไออุ่นของเขา ที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนร่างกายของเธออยู่เลย และนี่....ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอายจนหน้าแดง...และหัวใจของเธอก็เต้นแรงมากขึ้นไปอีก จนเธอคิดว่ามันกำลังจะกระโดดออกมาเต้นระบำอยู่ข้างนอกตัวเธอได้อยู่แล้ว

“โอ๊ย....ไม่นะ...หยุดเต้นแรงแบบนี้ซะทีได้ไหม ถ้าขืนแกยังคงเต้นแรงแบบนี้ แล้วฉันจะมีหน้าไปพบเขาได้ยังกันล่ะ...เฮ้อออ~” ฮวางโบพูด ในขณะที่มองลงไปที่หน้าอกของตัวเองที่มีหัวใจดวงน้อยที่แสนดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟังเธอเลยซ่อนอยู่ข้างใน

“เฮ้อออ~~ ทำไมฉันถึง...ไม่ขัดขืนเขาซักนิดเลยนะ? และทำไมฉันถึงได้มีความสุขนักที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนั้น และตอนที่เขา...จูบฉัน....โอ๊ย...ไม่น่ะ...เฮจุง...นี่เธอทำอะไรลงไป? นี่เธอ...เป็นฝ่ายที่ยอมมอบทุกอย่างของเธอให้เขาเองเลยนะ...เฮ้อออ~~~แล้วอย่างนี้เธอจะมีหน้าไปพบเข้าได้ยังไง?” เฮจุงบ่นกับตัวเองอย่างกลัดกลุ้มด้วยความเขินอาย

----------------------------------------------------

และในวันเดียวกัน...ช่วงสายๆ ฮวางโบก็มีตารางงานที่จะต้องไปอัดเสียงที่สตูดิโอเช่นเดียวกับฮยอนจุง และนี่ก็ถือเป็นอัลบั้มแรกที่เธอได้ร่วมงานกับทางบริษัท DSP อย่างเป็นทางการ...และในตอนนี้...สิ่งที่ฮวางโบกำลังพยายามจะทำ ก็คือมุ่งความสนใจของตัวเองไปที่งาน โดยเก็บความคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนเอาไว้ในใจซะก่อน...

“เอ่อ...คุณฮวางโบครับ คุณโอเคนะครับ? ผมว่าเราน่าจะพักกันก่อนดีไหมครับแล้วเดี๋ยวเราค่อยมาเริ่มอัดเสียงกันใหม่?” โปรดิวเซอร์พูด...หลังจากที่เห็นว่าใจเธอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวจนน่าเป็นห่วง

“เอ่อ...ฉันขอโทษนะค่ะ และก็ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อเสนอเมื่อกี้นี้ เพราะฉันเองก็กำลังต้องการแบบนั้นอยู่พอดี” ฮวางโบพูด

หลังจากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องอัดเสียงตรงไปที่ตู้ขายกาแฟอัตโนมัติที่อยู่ด้านนอก และในตอนที่เธอกำลังย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่นั้น จู่ๆ..เธอก็ต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์ด้วยความตกใจหลังจากที่เธอได้ยินเสียงของฮยอนจุงที่ดังมาจากด้านหลังของเธอ

“ทำไมฮะ...มันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า? ทำไมคุณถึงได้ออกมาพักเบรคเร็วจัง?” ฮยอนจุงถามเธอด้วยความเป็นห่วง

“เอ่อออ..แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” ฮวางโบถามเขากลับด้วยความประหม่า

“ก็วันนี้มันเป็นวันแรกที่คุณต้องมาอัดเสียง หลังจากเกือบ 2 ปีตั้งแต่ที่คุณปล่อยอัลบั้มเดี่ยวเต็มรูปแบบของคุณออกมาเมื่อคราวก่อนนี่ฮะ เพราะฉะนั้นผมก็เลยอยากมาให้กำลังใจคุณที่นี่ไงฮะ” ฮยอนจุงพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับเธอ

“อ๋อ...เข้าใจแล้วจ๊ะ งั้นก็ขอบใจเธอมากๆ นะที่มาให้กำลังใจฉันแบบนี้” ฮวางโบพูดพร้อมยิ้มตอบเขากลับไปเช่นกัน

“เอ่อ...เฮจุงฮะ...แล้วก็...เรื่องเมื่อคืน.....” ฮยอนจุงเริ่มพูดตะกุกตะกักขึ้นมาทันทีหลังจากที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน...ที่เขาต้องการจะพูดกับเธอ

“หา...อะไรน่ะ? เอ่อ...ไม่...ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เธอไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เพราะเราสองคนก็โตๆ กันแล้ว และโตพอที่จะรู้ว่าเราสองคนได้ทำอะไรลงไป? เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องมาขอโทษฉันหรอกนะ” ฮวางโบพูดโดยไม่ยอมสบตาเขา

“นี่ผมไม่ได้ที่นี่เพื่อต้องการมาขอโทษคุณซะหน่อย ผมรู้ว่าผมมันเป็นคนเห็นแกตัวแค่ไหนที่อยู่ๆ ก็เอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แต่...ผมอยากบอกคุณให้รู้เอาไว้เลยนะฮะว่า...ถ้าผมไม่แน่ใจว่าผมต้องการทำอะไรแล้วล่ะก็ เมื่อคืน...ผมคงไม่มีทางทำแบบนั้นกับคุณแน่นอนฮะ และอีกอย่าง...ผมก็อยากให้คุณเชื่อผมว่าสิ่งที่ผมทำลงไปเมื่อคืนนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของผมอย่างแน่นอน แล้ว...เอ่อ...คุณล่ะฮะ...คุณรู้สึกแบบไหนกันแน่ คุณเชื่อที่ผมพูดไหมฮะ?” ฮยอนจุงเปิดเผยความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธออย่างตรงไปตรงมา

“เอ่อ...ฮยอนจุง...ฉัน...ฉันเชื่อเธอจ๊ะ...และ เอ่อ....ฉันก็อยากบอกให้เธอรู้เอาไว้เหมือนกัน ว่าเมื่อคืน..ฉันจะไม่มีทางยอมให้เธอทำอะไรแบบนั้นกับฉันเด็ดขาด ถ้า...ฉันไม่เป็นฝ่ายยินยอมพร้อมใจจะเป็นของเธอเอง” ฮวางโบก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขาก่อนที่จะพูดกับเขาด้วยท่าทีที่เขินอาย

“ว้าววว!~ ขอบคุณฮะเฮจุง..นี่เป็นข่าวดีที่ในโลกสุดเลย และตอนนี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นมากๆ ด้วยที่รู้ว่าเราสองคน..ใจตรงกัน แต่ว่า...ผมคงต้องกลับไปทำงานของผมแล้วล่ะฮะ เพราะเจ้าพวกนั้นมันกำลังรอผมอยู่ อ้อ...แล้วก็อีกเรื่องนึง..ตอนเย็นผมจะมารับคุณออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกันนะฮะ” ฮยอนจุงพูดกับด้วยน้ำเสียงที่สดใสร่าเริงและมีชีวิตชีวา

“หา...อะไรน่ะ?” ฮวางโบถามเขาซ้ำอีกครั้ง เพราะเธอมัวอายจนไม่ทันได้ฟังอะไรที่เขาพูด

“เฮ้อออ...จริงๆ เลยนะคุณเนี่ย ทำไมคุณถึงชอบทำให้ผมต้องพูดซ้ำสองครั้งอยู่เรื่อยเลยนะ? งั้นคราวนี้คุณตั้งใจฟังให้ดีๆ เลยนะ เมื่อกี้ผมบอกคุณว่า ‘ตอนเย็นผมจะมารับคุณออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกันนะฮะ’ เพราะฉะนั้นตอนคุณเสร็จงาน คุณก็แค่นั่งรอผมอยู่ที่นี่ แล้วผมจะมารับคุณไปทานข้าวด้วยกัน เข้าใจไหมฮะ?” ฮยอนจุงพูดเน้นกับเธออีกครั้ง

“จ้า...เข้าใจแล้วจ๊ะ...ฉันจะปฏิบัติตามคำสั่งของเธอโดยการนั่งรอเธออยู่ที่นี่จนกว่าเธอจะมารับ แค่นี้พอใจไหมจ๊ะ” ฮวางโบพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับเขา

หลังจากนั้น...ฮวางโบก็กลับไปที่สตูดิโอเพื่อบันทึกเสียงของเธอต่อ

“คุณฮวางโบ...คุณนี่น่าอัศจรรย์จริงๆ นะครับ เพราะคุณร้องเพลงออกมาได้เข้าถึงอารมณ์เพลงมากๆ เลย นี่คงเป็นเพราะ...หลังจากที่คุณได้เห็นหน้าสามีของคุณแล้วสินะ...คุณถึงได้ร้องออกมาได้ดีอย่างนี้ เพราะฉะนั้นผมว่า...ผมคงไปขอร้องให้ฮยอนจุงเขามาให้กำลังใจคุณที่นี่ทุกวันแล้วล่ะ...ฮ่าๆๆๆ” โปรดิวเซอร์พูดจาหยอกล้อเธออย่างสบายใจหลังจากที่เห็นผลงานของเธอเป็นไปตามที่เขาต้องการ และเธอก็ได้แต่ยิ้มอายๆ ออกมาโดยไม่โต้ตอบเขาเลยซักคำ

----------------------------------------------------

แล้วหลังจากฮยอนจุงก็มารับฮวางโบไปทานข้าวกันตามสัญญา

ภายในรถของฮยอนจุง

“นี่คุณกำลังยิ้มอะไรอยู่คนเดียวฮะเนี่ย?” เขาถามเธอทันที หลังจากที่สังเกตเห็นนั่งยิ้มอยู่เดียวเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไรกับเขาเลยซักคำ

“หา...เอ่อ...ไม่มีอะไรจ๊ะ” ฮวางโบสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วหันไปตอบเขา

<ตอนนี้...ถือว่าเรากำลังเดทกันอยู่รึเปล่านะ?> ฮวางโบคิดกับตัวเองก่อนที่จะยิ้มทะเล้นๆ ออกมาอย่างมีความสุขอีกครั้ง

“แล้วคืนนี้คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมฮะ?” ฮยอนจุงถามเธอ

“อืม...ไม่รู้สิ...แต่นี่มันยังหัวค่ำเกินไปที่จะทานดินเนอร์กันนะ ฮยอนจุง...ฉันอยากไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ใครคนหนึ่งซะก่อน เธอพาฉันไปที่ห้างหน่อยได้ไหมจ๊ะ” ฮวางโบพูดกับเขา

“หา...คุณว่าอะไรน่ะ...คุณจะซื้อของขวัญให้ใครฮะ?” เขาถามเธออย่างหงุดหงิดขึ้นมาทันที และกำลังอยากรู้ว่าเธอจะซื้อของขวัญให้ใครกันแน่

“อืม...ไม่บอก...แต่ไม่ใช่เธอก็แล้วกัน” ฮวางโบตอบเขากวนๆ ก่อนจะยิ้มออกมา

หลังจากนั้นฮยอนจุงก็พาไปที่ห้างสรรพสินค้า และระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่เดินอยู่ในห้าง พวกเขาสองคนก็กลายเป็นจุดสนใจของคนในห้างนั้นทันที อย่างช่วยไม่ได้

“เอ่อ...เฮจุงฮะ ผมว่าตอนนี้เรามาเดินจูงมือกันดีกว่านะฮะ” ฮยอนจุงพูดขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ หลังจากที่สังเกตเห็นสายตาของคนมากมายกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาอยู่

“หา...ทำไมล่ะ?” ฮวางโบถามเขาอย่างตกใจ

“ก็ที่นี่มีคนอยู่เยอะแยะเลยนี่ฮะที่กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่นะ แล้วก็...พวกเขาจะคิดยังไงกันล่ะฮะ ถ้าหากเห็นคู่สามีภรรยาอย่างพวกเราต่างคนต่างเดินไปกันคนละทิศคนละทางแบบนี้?” ฮยอนจุงพยายามหาข้ออ้างที่จะจับมือเธอ

แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็เดินจูงมือกันไปตลอดทาง จนกระทั่งถึงแผนกคอมพิวเตอร์ของห้าง

“ฮยอนจุงจ๊ะ...ที่นี่แหละ...” ฮวางโบหันไปพูดกับเขา พร้อมกับชี้มือไปที่แผนกคอมพิวเตอร์

“อะไรนะฮะ? คุณอยากได้โน้ตบุ๊คตัวใหม่หรือฮะ? แล้วทำไมไม่บอกผมล่ะ ผมจะได้ซื้อให้คุณเอง” ฮยอนจุงพูดกับเธอ

“ไม่นะ...ไม่ใช่...โน้ตบุ๊คตัวนี้ ฉันจะซื้อให้ลูกชายของฉันต่างหากล่ะ” ฮวางโบพูดยิ้มๆ ใส่เขา

“ลูก...ลูกชาย? เมื่อไหร่...อยู่ที่นี่ไหน...แล้วกับใครฮะ?” ฮยอนจุงถามเธอรัวเป็นชุดด้วยความตกใจ หลังจากที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้น

“ฮ่าๆๆ...จริงๆ แล้ว ฉันมีลูกตั้ง 4 คนแล้วนะ ชาย 2 หญิง 2 ถึงแม้ว่าพวกเด็กๆ แกจะไม่เคยเห็นหน้าฉันก็ตาม แต่พวกเราก็ติดต่อกันทางจดหมายตลอด แล้วฉันก็สัญญากับ ‘เอสวาราน’ ถ้าเขาทำคะแนนสอบได้คะแนนดีๆ ล่ะก็ ฉันสัญญาว่าจะซื้อโน้ตบุ๊คเป็นของขวัญให้กับเขา แล้วฉันก็ตัดสินใจแล้วล่ะ ว่าฉันจะซื้อโน้ตบุ๊ครุ่นล่าสุดตัวนี้ให้กับเขา เธอรอฉันอยู่ที่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปจ่ายเงินค่าโน้ตบุ๊คตัวนี่ก่อน” เธอกับเขาก่อนที่จะเดินไปจ่ายเงิน

“เดี๋ยวฮะ..เฮจุง...เอสวารานเป็นใครฮะ? ผมคิดว่าคุณกำลังติดค้างคำอธิบายกับผมฮะ แล้วก็...ลูกงั้นหรือแถมยังตั้ง 4 คนด้วย? แล้ว...พวกแกชื่ออะไรกันบ้างฮะ? นี่คุณ...เคยแต่งงานกับชาวต่างชาติมาก่อนจริงๆ หรือฮะเนี่ย?” เขายิงคำถามใส่เธอเป็นชุดอีกแล้ว และตอนนี้ก็กำลังรู้สึกว่ามึนหัวไปหมดหลังจากที่ได้ยินเธอพูดอะไรแบบนั้นออกมา

“ฮ่าๆๆๆ...ก็ได้ๆ...ฉันบอกเธอให้หมดเลย ความจริงแล้ว...เด็กพวกๆ นั้นเขาเป็นลูกบุญธรรมของฉันที่อยู่บังคลาเทศนะ พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กกำพร้า และฉันก็มีหน้าที่ส่งเงินไปให้พวกเขาทุกเดือนๆ เพื่อเป็นค่าสถานเลี้ยงกำพร้า ค่าเล่าเรียน แล้วก็ค่าอาหารสำหรับพวกเขานะ เอาไว้ฉันจะให้เธอดูรูปของพวกเด็กๆ นะ หลังจากที่พวกเรากลับถึงบ้านกันแล้ว” ฮวางโบพูดกับเขาอย่างอ่อนใจ และอดขำไม่ได้ได้ที่ฮยอนจุงมักจะหึงอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้

แล้วฮยอนจุงก็มองตามหลังเธอไปอย่างมีความสุข ในขณะที่เธอเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ และก็คิดกับตัวเองในใจขึ้นมาว่า <ฮยอนจุง...นายมันโชคดีแค่ไหน..ที่พระเจ้าท่านทรงเมตตาส่งนางฟ้าแสนสวยและใจดีมาให้กับนายแบบนี้ แล้วนี่...ถ้าหากมันถึงเวลานั้น...นายจะปล่อยเธอไปได้จริงๆ ยังงั้นหรือ?> ฮยอนจุงถึงกับกลุ้มใจขึ้นมาทันทีเมื่อฉุกคิดถึงเรื่องสัญญาแต่งงาน 2 ปีของพวกเขาขึ้นมา

“รอเดี๋ยวฮะ...เฮจุง...ผมจะปล่อยให้คุณจ่ายเงินซื้อโน้ตบุ๊คตัวนี้เองได้ยังไง ก็ในเมื่อคุณเป็นภรรยาของผมแล้ว นั่นก็เท่ากับว่าผมก็ต้องเป็นพ่อของพวกเขาด้วย เพราะฉะนั้นผมซึ่งเป็นพ่อและเป็นหัวหน้าครอบครัวก็ต้องมีหน้าที่จ่ายเงินซื้อของขวัญชิ้นนี้ให้กับเขาเองสิฮะ และ...ยิ่งไปกว่านั้น...ผมคิดว่าแค่ 4 มันไม่พอหรอกนะฮะ” ฮยอนจุงพูดกับเธออย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

“หา...อะไรของเธอ...ที่ว่าแค่ 4 มันไม่พอนะ?” ฮวางโบถามเขาอย่างสงสัย

“ก็ผมอยากสร้างทีมฟุตบอลในนามของคิมฮยอนจุงนี่ฮะ เพราะฉะนั้นผมว่าเราน่าจะรับอุปการะเด็กๆ เพิ่มภายใต้ชื่อของเราสองคนไง ฮ่าๆๆ” เขาพูดพร้อมกับมองหน้าเธออย่างมีเลศนัย ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเห็นท่าทีเขินอายของเธอ เพราะนั้นเป็นแสดงให้เห็นว่าเธอรับรู้และเข้าใจถึงสิ่งที่พยายามจะสื่อสารกับเธอแล้ว...


----------------------------------------------------

โปรดติดตามตอนต่อไป (ตอนที่ 15 พาร์ท 1)

ตัวอย่างบางช่วงบางตอน
“ฮยอนจุง...พวกตำรวจเขาจับคนร้ายได้แล้วจริงๆ หรือจ๊ะ?”
“ฮยอนจุง...มันคงเป็นเรื่องยากนะที่ฉันจะจัดห้องแยกให้นายกับคุณฮวางโบได้ เพราะว่าเจ้าพวกนั้นมันก็อยู่ที่นี่กับพวกเราด้วย และถ้าขืนฉันแยกห้องให้นายกับคุณฮวางโบ...เจ้าพวกนั้นมันต้องสงสัยเรื่องของนายกับเธอแน่ๆ เพราะฉะนั้น...นายคงต้องพักห้องเดียวกันกับเธอแล้วล่ะ”
“ได้สิฮะ...ผมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
“หา...นายว่าอะไรนะ? เมื่อกี้นี้ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม...นี่หรือว่า...นายกับเธอจะ....”
“แต่อะไรอีกล่ะฮะ...คุณลืมไปแล้วหรือไง...ว่าเราสองคน...”
“ไม่นะ...ไม่...เธออย่าไปกวนเขาเลย ก็ได้ๆ เราอยู่ด้วยกันที่นี่ก็ได้ ก็มันแค่ 2 คืนเองนิใช่ไหมล่ะ”




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2553
4 comments
Last Update : 3 สิงหาคม 2553 21:08:33 น.
Counter : 521 Pageviews.

 

สนุกมากเลยค่ะ ทำต่อไปนะคะ สู้ๆ

 

โดย: AE IP: 124.122.83.69 3 สิงหาคม 2553 23:43:16 น.  

 

อ่าว....ชอบครับ

 

โดย: panwat 3 สิงหาคม 2553 23:58:24 น.  

 

ตอนนี้หวานจังเนอะ ขอบคุณมากๆเลยจ้าคุณแป๋ว ไฟท์ติ้งงงงง ขอบคุณยายด้วยจ้าที่มีพื้นที่ดีๆแบบนี้ คัมซาฮัมนิดา

 

โดย: มินมิน IP: 182.52.96.42 4 สิงหาคม 2553 0:09:45 น.  

 

ตอนนี้ถูกใจมากเลยคะ สุดท้ายทั้งคู้ก็เปิดใจให้กัน...เข้ามาอ่าน 2 ตอนรวดแต่ขอเม้นท์ในตอนนี้แล้วกันนะคะ.......เป็นกำลังใจให้คุณแป๋วแปลฟิคตอนต่อๆไปนะค่ะ

 

โดย: luck IP: 58.136.48.144 4 สิงหาคม 2553 8:07:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


อุคจ๋านาจาไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"

:: Online User
Friends' blogs
[Add อุคจ๋านาจาไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.